บทที่ 621 อย่างนี้นี่เอง

The king of War

คราวนี้อวี๋เหวินปิงร้องไห้ออกมาจริงๆพร้อมกับคุกเข่าลงไปแทบเท้าของหยางเฉินและพูดว่า “ที่ฉันพูดไปเมื่อกี้คือเรื่องจริง ฉันสาบานเลย หากฉันพูดโกหกล่ะก็ขอให้ฉันตายไม่ดี”

“หากนายไม่เชื่อฉันล่ะก็นายโทรหาพ่อของฉันได้เลยนะ ไปยืนยันกับเขาเลยว่าสิ่งที่ฉันพูดนั้นเป็นความจริงหรือเปล่า หากที่ฉันพูดมาเป็นเรื่องโกหกค่อยมาฉันก็ได้ ดีไหมล่ะ?”

อวี๋เหวินปิงร้องไห้อ้อนวอน ในตอนนี้เขาแค่อยากจะมีชีวิตรอดก็เท่านั้น

แต่คำพูดของเขานั้นกลับทำให้หัวใจของหยางเฉินนั้นตายด้านไปหมด

เพราะว่าเขารู้ดีว่าในสถานการณ์ของอวี๋เหวินปิงนั้นคงไม่กล้าพูดโกหกแน่ๆ

อย่างนั้นคงจะพูดได้ว่าอวี๋เหวินเกาหยางไม่ใช่บุคคลที่ให้กำเนิดเขางั้นเหรอ?

“เป็นไปไม่ได้!นี่มันเป็นไปไม่ได้!”

ท่าทางของหยางเฉินดูตื่นตระหนกตกตะลึง

นี่เป็นครั้งแรกที่หม่าชาวเห็นหยางเฉินไร้การควบคุมเช่นนี้แต่เขาก็สามารถเข้าใจจิตใจของหยางเฉินได้เช่นกัน

ในความทรงจำของหยางเฉิน ตระกูลอวี๋เหวินนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขา หากหยางเฉินไม่ได้ถูกแม่บังคับให้คำสัตย์สาบานว่าตลอดชีวิตนี้จะไม่ไปล้างแค้นตระกูลอวี๋เหวินล่ะก็หยางเฉินคงจะทำลายตระกูลอวี๋เหวินไปนานแล้ว

ตระกูลอวี๋เหวินที่เขาเกลียดนักเกลียดหนามาตลอดยี่สิบปี มาวันหนึ่งก็ปรากฏมาว่าตระกูลนี้ไม่ใช่ครอบครัวของเขาเลยสักนิด

หากตนไม่ใช่คนของตระกูลอวี๋เหวินปิงแล้วใครกันล่ะที่เป็นพ่อผู้ให้กำเนิด?

ทำไมต้องมาทอดทิ้งตนกับแม่ด้วย?

“พี่เฉิน นี่อาจจะไม่ใช่ความจริงก็เป็นได้ หรือพี่จะลองโทรถามอวี๋เหวินเกาหยางดูไหม?” หม่าชาวพูดอย่างระมัดระวัง

“ไป!ไปที่ตระกูลอวี๋เหวินกันเดี๋ยวนี้เลย!”

หยางเฉินตัดสินใจที่จะไปตระกูลอวี๋เหวินในทันที

บางอย่างให้คุยทางโทรศัพท์ก็อาจจะไม่ชัดเจนนัก เขาต้องการไปเผชิญหน้ากับอวี๋เหวินเกาหยางแล้วถามเลยว่าแท้จริงแล้วเรื่องจริงมันเป็นยังไงกันแน่?

“พี่เฉิน แล้วไอ้หมอนี่ล่ะ?” หม่าชาวมองไปที่อวี๋เหวินปิงที่ตัวสั่นเทา

หยางเฉินเหลือบมองอวี๋เหวินปิงและกล่าวว่า “ไว้ชีวิตชั่วคราวแล้วเอาตัวไปด้วย!”

“ครับ” หม่าชาวตอบรับ

ในเวลานี้ จิตใจของหยางเฉินนั้นขัดแย้งกันเป็นอย่างมาก

เขารู้อยู่ลึกๆในใจดีอยู่แล้วว่าอวี๋เหวินเกาหยางนั้นไม่ใช่คนที่ให้กำเนิดเขา เพียงแต่เขาไม่ยอมรับมันก็เท่านั้น

หากเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลอวี๋เหวินล่ะก็ความแค้นและบุณคุณระหว่างเขากับตระกูลอวี๋เหวินก็จะถือว่าหมดไป

ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถโฟล์คเภาตันสีดำก็ค่อยๆขับเข้ามาในคฤหาสน์สุดหรูที่ครอบคลุมพื้นที่ไปกว่าหนึ่งร้อยไร่

เมื่อมาถึงหน้าประตูก็ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยหยุดเอาไว้ “พวกคุณเป็นใครกัน?”

“เปิดประตู!”

กระจกรถเลื่อนลงเผยให้เห็นศีรษะของอวี๋เหวินปิง

เมื่อเห็นอวี๋เหวินปิง พนักงานรักษาความปลอดภัยก็รู้สึกประหลาดใจ “ที่แท้ก็เป็นคุณชายปิงนี่เอง!เชิญเข้าด้านในเลยครับ!”

รถเข้าสู่คฤหาสน์ตระกูลอวี๋เหวินอย่างราบรื่นพร้อมกับมาจอดอยู่ที่ด้านหน้าของวิลล่าบ้านเดี่ยวสุดหรูนี้

ทุกๆอย่างยังคงเป็นเหมือนในวัยเด็ก หยางเฉินที่นึกหวนถึงอดีตแต่ในขณะเดียวกันจิตใจกลับไม่สงบลงเลยแม้แต่น้อย

เขาตั้งหน้าตั้งตารอที่จะรู้ความจริงแต่เขาก็กลัวที่จะรู้ความจริงเช่นกัน

เขาไม่รู้จริงๆเลยว่าหากเขาไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับตระกูลอวี๋เหวินจริงๆแล้วเขาควรจะเผชิญหน้ากับตระกูลอวี๋เหวินไหม?

ยังไงเสีย ตั้งแต่เล็กเขาก็เติบโตมาจากตระกูลนี้

สำหรับเขาแล้ว บุญคุณที่ตระกูลอวี๋เหวินได้เลี้ยงดูมาก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรตระกูลอวี๋เหวินได้

“มาแล้วเหรอ!”

หยางเฉินที่เพิ่งพาหม่าชาวและอวี๋เหวินปิงเข้ามาในวิลล่าก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น

อวี๋เหวินเกาหยางในตอนนี้นั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าทางที่สงบ การปรากฏตัวของหยางเฉินนั้นไม่ได้เกินความคาดหมายของเขา

แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่ดูบวมช้ำของอวี๋เหวินปิงแล้วเขาก็ขมวดคิ้วขึ้น

“พ่อ รีบบอกเหยางเฉินไปเร็วว่าเขาเป็นสายเลือดของตระกูลอวี๋เหวินรึเปล่า” อวี๋เหวินปิงรีบพูดออกมา

หากเป็นแต่ก่อนในเวลานี้เขาคงคิดว่าที่นี่คืออาณาเขตของตนและคงเป็นเรื่องที่ง่ายที่จะทำให้หยางเฉินตาย แต่ตอนนี้เขากลับไม่กล้าเลยสักนิด

เปลือกตาของอวี๋เหวินเกาหยางกระตุก เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้คาดคิดไว้ว่าจุดประสงค์การมาของหยางเฉินในวันนี้จะเป็นเรื่องนี้

“บอกผมมา ว่าระหว่างผมกับคุณมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันไหม?”

ดวงตาที่แดงฉานของหยางเฉินจ้องมองไปที่อวี๋เหวินเกาหยางและถามออกมา

อวี๋เหวินเกาหยางไม่ได้ตอบออกไปในทันที ลึกๆในดวงตาของเขานั้นมีความคิดถึงอยู่ ไม่รู้ว่าสิ่งที่คิดถึงนั้นคือแม่ของหยางเฉินหรือไม่

“คุณก็รู้ดีว่าหากผมต้องการก็เป็นเรื่องง่ายมากที่จะตรวจสอบค้นหาความสัมพันธ์ระหว่างเราได้” หยางเฉินพูดอีกครั้ง

อย่างที่เขาพูด หากต้องการที่จะตรวจสอบจริงๆก็แค่น้ำดีเอ็นเอของเขาและอวี๋เหวินเกาหยางมาตรวจสอบเปรียบเทียบกันก็จะรู้ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดหรือไม่

“ถ้าใช่แล้วทำไม?แล้วถ้าไม่ใช่จะทำไม?มาถึงจุดนี้แล้วคำถามนี้ยังมีความหมายอีกงั้นเหรอ?”

อวี๋เหวินเกาหยางพูดออกมาในทันที ดวงตาของเขายังคงสงบไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใดๆ

หยางเฉินตกตะลึง เขาเข้าใจในความหมายของอวี๋เหวินเกาหยาง

ในตอนนี้ หยางเฉินยังถือโกรธตระกูลอวี๋เหวินอยู่แต่เป็นเพราะคำสัตย์สาบานที่ได้ให้ไว้ทำให้เขาไม่สามารถสังหารตระกูลอวี๋เหวินได้ตลอดชีวิตของเขา

เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่หยางเฉินและอวี๋เหวินเกาหยางจะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกันหรือไม่จะมีความหมายอะไรล่ะ?

แต่ด้วยคำพูดของอวี๋เหวินเกาหยางนี้ทำให้หยางเฉินนั้นมั่นใจถึงคำตอบที่อยู่ในจิตใจของเขา

“อย่างนี้นี่เอง”

หยางเฉินหัวเราะออกมาในทันที ในตอนแรกเริ่มเขาหัวเราะเบาๆแต่ต่อมาเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นและท้ายที่สุดก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งจนตัวสั่นไปหมด “ฉันรู้แล้ว!ฉันรู้แล้ว!อย่างนี้นี่เอง! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”

หยางเฉินหัวเราะจนน้ำตาไหลออกมา ความขมขื่นในใจนั้นทำให้รู้สึกว่าการตายยังดีกว่าที่จะต้องมีชีวิตอยู่ดีเสียอีก

อวี๋เหวินเกาหยางที่ตนเกลียดมากว่ายี่สิบปีไม่ใช่พ่อแท้ๆของตนด้วยซ้ำ

ยังไงซะเขาก็ไม่ใช่พ่อแท้ๆผู้ให้กำเนิดอยู่แล้ว มันจะมีอะไรให้น่าบ่นกล่าวโทษกันกับการที่อวี๋เหวินเกาหยางไล่เขากับแม่ออกจากตระกูลและเมืองเยี่ยนตูไป?

เมื่อเห็นหยางเฉินต้องหลั่งน้ำตา อวี๋เหวินเกาหยางเองก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน ความลับที่เขานั้นเก็บซ่อนมาตลอดยี่สิบเจ็ดปี ท้ายที่สุดเขาให้เขามารู้ความจริงนี้กันเหรอ?

“หยางเฉิน นายไม่ควรเป็นแบบนี้ ถ้าแม่ของนายรู้เข้าหล่อนจะเสียใจนะ” อวี๋เหวินเกาหยางเอ่ยปากพูด

แววตาที่มองไปที่หยางเฉินนั้นเป็นแววตาของความรักที่พ่อมีต่อลูก ไร้ซึ่งความเกลียดชังใดๆ

ไม่ผิด!

เขาไม่ได้ให้กำเนิดหยางเฉินแต่เขาก็เลี้ยงดูมาจนเติบใหญ่

ถึงแม้ว่าในตอนนั้นเขาจะขับไล่หยางเฉินและแม่ของเขาไปแต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาหวังไว้

“ใครคือพ่อที่ให้กำเนิดผมกัน?”

เสียงหัวเราะของหยางเฉินหยุดลงพร้อมกับจ้องมองไปที่อวี๋เหวินเกาหยางด้วยดวงตาที่แดงก่ำและถามมันออกไป

เมื่อหยางเฉินถามประโยคนี้ออกมา อวี๋เหวินเกาหยางไม่ได้ตอบในทันทีและใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

หยางเฉินไม่ได้เร่งเร้าอะไร เขามองไปที่อวี๋เหวินเกาหยางเพื่อรอคำตอบ

เมื่อมองไปเห็นใบหน้าที่ดูเจ็บปวดของชายคนนั้น ในใจของหยางเฉินก็รู้สึกผิด มีเรื่องบางเรื่องที่ไม่ต้องพูดอะไรก็พอรู้คำตอบได้

เพียงแต่เขายังไม่เชื่อเพราะยังไม่ได้ฟังการยอมรับจากปากของอวี๋เหวินเกาหยางก็เท่านั้น

จากนั้นไม่นาน อวี๋เหวินเกาหยางก็ได้เงยหน้าขึ้นมามองหยางเฉินพร้อมกับพูดด้วยดวงตาที่แดงก่ำว่า “ตอนที่ฉันรู้จักกับแม่ของนาย หล่อนก็ได้ตั้งท้องแล้ว ฉันเคยถามแม่ของนายไปว่าพ่อของเด็กเป็นใครแต่หล่อนก็ไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น”

คำตอบนี้อยู่ในสิ่งที่หยางเฉินคิดเอาไว้

เพียงแต่มันก็ยังยากที่จะให้เขายอมรับได้

ที่แท้เขาก็ไม่ใช่ลูกชายของอวี๋เหวินเกาหยางจริงๆ!

“โอเค ผมเข้าใจแล้ว!”

ผ่านไปครู่หนึ่งหยางเฉินก็ได้พูดออกมาอย่างแข็งกร้าวและหันหลังเดินจากไป