“มังกรเพลิงสังหาร!” มู่ฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่ออกไปและระเบิดพลังพุ่งไปทางขาข้างหนึ่งของนกกระจอกดำสามขา!

เปลวเพลิงสีแดงฉานได้พุ่งทะลุเปลวเพลิงสีดำนั้นไปและพัวพันขาข้างหนึ่งของนกกระจอกดำสามขาเอาไว้

“ก๊าก!” นกกระจอกดำสามขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด มันยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้นไปกว่าเดิม

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!

ขนปีกสีดำเหล่านั้นพุ่งเข้ามาราวกับพายุฝนที่โหมกระหน่ำ

แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง!

ชิงมู่ได้ป้องกันปีกเหล่านั้นเอาไว้จึงทำให้กู้ไป๋อีไม่เป็นอะไร

แต่ทว่ามู่เฉียนซี เสี่ยวหงและอู๋ตี้ที่อยู่ใกล้นกกระจอกดำสามขานั้นกลับถูกปีกนั้นกรีดบาดเป็นปากแผล

กู้ไป๋อีมองไปยังหญิงสาวชุดสีม่วงผู้นั้น ผิวของนางอ่อนนุ่มราวกับทารกที่เพิ่งเกิดมาใหม่ ที่ผิวนั้นได้ผุดรอยเลือดขึ้นมาเป็นเส้นในทันใด แต่กลับดูเหมือนว่าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย

เมื่อได้เห็นนางต่อสู้ เขาก็รู้สึกได้ว่าเขาสามารถมองเห็นเงาของตนเองในร่างของหญิงสาวผู้นี้ได้

แต่ทุกครั้งที่เขาถูกกลั่นแกล้งหยอกล้อ ความรู้สึกเช่นนี้ก็จะจางหายไป

กู้ไป๋อีกล่าว “สาวน้อย ที่ขาคือจุดอ่อนของมัน โจมตีต่อไป เจ้าสามารถเอาชนะมันได้”

มู่เฉียนซีเองก็สงสัยเช่นกันว่าจุดอ่อนของนกกระจอกดำสามขานี้จะอยู่ที่ขาของมัน เดิมทีนางยังมิมั่นใจเท่าไรนัก แต่คำพูดของกู้ไป๋อีกลับทำให้นางมั่นใจขึ้นมาอยู่บ้าง

มู่เฉียนซีกล่าว “อู๋ตี้ เสี่ยวหง ลุย!”

ปัง ปัง ปัง!

พวกเขาทั้งสามแบ่งกันโจมตีขาของนกกระจอกดำสามขาคนละข้าง

ตูม!

แต่เมื่อพวกเขายิ่งโจมตีอย่างดุดันมากขึ้นเท่าไร นกกระจอกดำสามขาก็ยิ่งหลบหลีกด้วยความรวดเร็วที่มากขึ้น ซึ่งมันไม่เปิดโอกาสให้แก่พวกนางเลย!

อู๋ตี้กล่าวขึ้นด้วยความหงุดหงิด “เจ้าหมอนี่ไวนัก!”

เสี่ยวหงกล่าว “ไม่อาจที่จะโจมตีขาของมันได้ถูกเลย”

มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “อู๋ตี้ เสี่ยวหง!”

นางได้ส่งสัญญาณให้แก่พวกมัน และบอกถึงแผนการของนาง ปรากฏว่าเมื่ออู๋ตี้และเสี่ยวหงได้ยินก็ถึงกับตะลึงงัน!

“นายท่าน ไม่ได้!”

“มันอันตรายเกินไป! อย่าทำอะไรบุ่มบ่าม!”

มู่เฉียนซีกล่าว “นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด มิเช่นนั้นแล้วหากเรายังต่อสู้เช่นนี้ต่อไป เกรงว่าฝ่ายที่แพ้พ่ายจะเป็นพวกเรา”

พวกมันจนปัญญายิ่งนักจึงทำได้แต่เพียงทำตามผู้เป็นนายของมัน

จากนั้นกู่ช้ไป๋อีก็เห็นว่าแมวสีขาวยักษ์ตัวนั้นมิได้โจมตีนกกระจอกดำสามขา แต่มันกลับมุ่งไปทางผู้เป็นนายของมัน

ปัง!

อู๋ตี้ได้จับตัวมู่เฉียนซีเอาไว้ จากนั้นก็โยนตัวมู่เฉียนซีลอยออกไป

เงาร่างสีม่วงปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะของนำกระจอกดำสามขาในเวลาเพียงชั่วพริบตา

แขนอันเรียวบางของมู่เฉียนซีได้ยกขึ้น พลังทำลายล้างพลังหนึ่งได้พุ่งลงไปด้านล่างอย่างดุดัน!

“ทักษะเทียนซวน!”

บึ้ม!

แต่ทว่าความแข็งแกร่งของนกกระจอกดำสามขานี้ไม่น้อยเลย การโจมตีด้วยทักษะเทียนซวนนั้นทำได้เพียงแค่ให้ขนปีกมันร่วงไปเพียงไม่กี่เส้นเท่านั้น

กระบี่เล่มยาวที่เป็นเปลวเพลิงอันดุดันได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศราวกับพระอาทิตย์ที่เจิดจ้าเสียดลูกตา มู่เฉียนซีได้รวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดอีกครั้งแล้วระเบิดพลังออกมา

“บัวแดงพิฆาต!”

ดอกบัวเพลิงขนาดใหญ่พุ่งลงมาจากกลางอากาศ

กู้ไป๋อียังจำต้องยอมรับว่ากระบวนท่านี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่กระบวนท่านี้คงไม่เพียงพอที่จะทำลายนกกระจอกดำสามขาได้เป็นแน่

แล้วสาวน้อยผู้นั้นไปไหนแล้ว?

กู้ไป๋อีพบว่ามู่เฉียนซีได้หายตัวไป!

ที่ข้างล่างนั่น!

ในตอนนี้มู่เฉียนซีได้จับขาข้างหนึ่งของนกกระจอกดำสามขาเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นทักษะเทียนซวนหรือกระบวนท่าบัวแดงพิฆาตก็ล้วนแต่เป็นเพียงกระบวนท่าพรางตาเท่านั้น

ส่วนเป้าหมายที่แท้จริงคือสิ่งนี้!

เข็มยาเข็มหนึ่งได้แทงเข้าไปตรงจุดใจกลางที่สุดในเท้าของนกกระจอกดำสามขา!

“แกว้ก! แกว้ก! แกว้ก!” นกกระจอกดำสามขาได้รับความเจ็บปวด มันได้สะบัดปีกระบำอย่างรวดเร็วอย่างบ้าคลั่ง เพราะมันต้องการที่จะสลัดตัวมู่เฉียนซีออกไป

แต่มู่เฉียนซีกลับดึงขาของมันเอาไว้แน่น ถึงแม้ว่าจะถูกบดขยี้จนแตกและเลือดไหลออกมาก็มิได้ปล่อยไป

ตูม!

ถึงแม้ว่านกกระจอกดำสามขากำลังบ้าคลั่ง แต่ทว่าพลังของมันกลับอ่อนแรงลงไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็ไม่สามารถที่จะทนต่อไปได้ไหวและร่วงลงมาจากกลางอากาศ

“นายท่าน!” อู๋ตี้กระโจนออกไปรับมู่เฉียนซีอย่างรีบร้อน

เปลวเพลิงสีดำนั้นลุกโชนและล้อมตัวนกกระจอกดำสามขาเอาไว้ จากนั้นมันก็ได้หายไปพร้อมกับเปลวไฟที่อยู่รอบด้าน เบื้องหน้าปรากฏเป็นผลึกสีดำสามเส้นทอดตัวเป็นเส้นทางเดิน!

“จัดการได้แล้ว!” มู่เฉียนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

แต่มือของนางนั้นกลับเต็มไปด้วยเลือดเพราะนกกระจอกดำสามขานั้นพยายามดิ้นรน มู่เฉียนซีได้นำยาน้ำออกมาเพื่อเตรียมรักษาแผล

ถึงแม้ว่าอู๋ตี้กับเสี่ยวหงอยากที่จะช่วยนางทำ แต่ทว่าพวกมันไม่สามารถแปลงกายเป็นร่างมนุษย์ได้! ในตอนนี้ชิงอิ่งเองก็กำลังหลับใหลอยู่!

เสียงอันเพรียวบางที่ยืนอยู่ด้านหลังของมู่เฉียนซีได้ดังขึ้น จากนั้นก็รับยาของมู่เฉียนซีไปแล้วกล่าว “คุณหนูใหญ่ ให้ข้าทำเถอะ!”

“เจ้าใส่ยาเป็น?” มู่เฉียนซีถามขึ้น

“ตอนที่ข้าอายุเท่า ๆ เจ้าก็บาดเจ็บอยู่เป็นประจำ”

เมื่อกล่าวจบ กู้ไป๋อีก็ได้ใส่ยาให้มู่เฉียนซีอย่างรวดเร็วอีกทั้งยังพันแผลให้นางเป็นที่เรียบร้อย

ตั้งแต่เริ่มทำจนกระทั่งเสร็จสิ้น คิ้วของมู่เฉียนซีมิได้ขมวดเข้าหากันเพราะความเจ็บเลยแม้แต่น้อย

“สาวน้อย เจ้านั้นคล้ายข้าเมื่อสมัยหนุ่มอยู่บ้าง แต่ทว่าเจ้า…..ดื้อซนไปเสียหน่อย” กู้ไป๋อีกล่าวอย่างสงบนิ่ง

เพราะการต่อสู้ในครั้งนี้ กู้ไป๋อีจึงมิได้ติดใจกับเรื่องก่อนหน้านี้ทั้งหมดอีกต่อไป

เมื่อคิดดูแล้วเด็กสาวผู้นี้เพิ่งบรรลุนิติภาวะมาไม่นาน นับเป็นวัยที่กำลังรักเล่น แต่นิสัยที่แท้จริงของนางนั้นมิได้เลวร้าย

มู่เฉียนซีกลอกตาขาวแล้วกล่าว “เสี่ยวไป๋ ข้านั้นเหมือนตอนที่เจ้าหนุ่ม ๆ เจ้าอายุเท่าไรกันเชียว?”

“อย่างไรเสียก็มากกว่าเจ้าอยู่โขแม่สาวน้อย!”

ในโลกทั้งสี่ทิศนี้ การที่จะฝึกฝนให้ไปถึงขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ขั้นที่เก้าเต็มขั้นได้ แน่นอนว่าอายุของเขานั้นมิได้อ่อนเยาว์เหมือนดั่งที่รูปลักษณ์แสดงออกมา

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วกล่าว “เสี่ยวไป๋ เรียกข้าสาวน้อย เจ้ายังไม่เข้าใจถึงสถานะของเจ้าอย่างชัดเจนสินะ?”

ใบหน้าอันเย็นชาของกู้ไป๋อีแข็งทื่อ เขากล่าว “คุณหนูใหญ่!”

“นี่เป็นของของเจ้า!” กู้ไป๋อีส่งแหวนมังกรเทพวารีและหม้อปาฮวางชิงมู่ให้แก่มู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ามิได้มีความคิดที่คิดจะเก็บเอาไว้เป็นของตนแม้แต่น้อย!”

“ของวิเศษในโลกนี้ หากได้มาก็เป็นความโชคดีของตน หากมิใช่ของตนใยต้องดึงดัน ตนเองนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งเป็นที่สุดนั่นถึงจะเป็นความแน่จริง” กู้ไป๋อีเป็นผู้ที่ขึงขัง

มู่เฉียนซีตะลึงไปเล็กน้อย เขาเป็นคนที่บริสุทธิ์เป็นอย่างมากผู้หนึ่ง เป็นผู้ที่แสวงหาพลังอย่างบริสุทธิ์

ตำหนักเป่ยหานเป็นกองกำลังสำนักนิกายระดับสาม กองกำลังนั้นใหญ่โต ล้วนมีคนอยู่ทุกประเภท

บางทีกู้ไป๋อีอาจจะไม่ได้ร่วมกับเจ้าตำหนักและผู้อาวุโสทำเรื่องสกปรกก็ไม่แน่ ก่อนหน้านี้นางพาลไปโกรธเขา นั่นมันก็ไม่ยุติธรรมกับเขาอยู่บ้าง

มู่เฉียนซีมองไปยังกู้ไป๋อีแล้วกล่าว “เจ้าเป็นผู้แข็งแกร่งที่ควรแก่การเคารพ สำหรับการกระทำเมื่อก่อนหน้านี้ข้าขออภัยเป็นอย่างยิ่ง ต่อจากนี้ไปจะไม่กลั่นแกล้งเจ้าแล้ว”

มุมปากของนางค่อย ๆ ยกขึ้น จากนั้นก็กล่าวว่า “แต่ว่า! ตอนนี้เจ้าไม่มีพลังความสามารถ อีกทั้งไม่มีเงินทอง หากต้องการจะมีชีวิตรอดก็อยู่กับข้าแล้วจงเป็นลูกน้องของข้าเสียโดยดี!”

“ขอรับ! คุณหนูใหญ่!” เมื่อเรียกจนชินแล้ว ที่จริงมันก็ไม่ได้แย่อะไรขนาดนั้น

สาวน้อยผู้นี้ก็มิได้หยิ่งยโสโอหังอย่างที่คิด เมื่อนางตระหนักถึงความผิดพลาดของนาง นางก็สามารถกล่าวขอโทษต่อตัวเราได้

ถึงแม้ว่าเขาเมื่อก่อนหน้านั้นจะไม่ใช่อะไรก็ตามในสายตาของนาง ถึงขนาดแม้แต่คนธรรมดาก็ยังมิได้ แต่นางกลับกล่าวขอโทษด้วยความจริงใจ

มู่เฉียนซีกล่าว “ไปกันเถอะ! ”

กู้ไป๋อีเดินไปอยู่ที่ด้านหลังของมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “คุณหนูใหญ่ รอให้พวกเราออกไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย รอให้ข้าฟื้นฟูพลังความสามารถขึ้นมาแล้ว เจ้ามาเป็นลูกศิษย์ข้าเป็นเช่นไร?”

มู่เฉียนซีหันหลังกลับมากล่าวตอบ “ตอนนี้ข้าให้เจ้าเรียกข้าว่าคุณหนูใหญ่ เจ้ากลับนึกหวังให้ในภายหลังข้าเรียกเจ้าว่าท่านอาจารย์ นึกไม่ถึงเลยว่าผู้ที่เย็นชาเช่นเจ้าจะมีแผนการที่ยาวไกล”

“แล้วเจ้าตอบรับหรือไม่?” กู้ไป๋อีถามกลับไป