ตอนที่ 472 พ่อคุณทูนหัว / ตอนที่ 473 ปลาเค็มพลิกตัว

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

ตอนที่ 472 พ่อคุณทูนหัว

 

 

ตอนแรกตู๋กูซิงหลันกำลังหลับสนิท พอมีเสียงทุบประตูนางจึงตื่นขึ้นมา

 

 

นางสวมใส่ชุดนอนผูกเอวสีแดงทั้งตัว ปล่อยผมสีเงินดำยาวสยาย ค่อยๆก้าวลงจากเตียง

 

 

พอมองออกไปที่นอกหน้าต่าง เห็นด้านนอกฝนตกหนักราวกับน้ำที่สาดลงมา เสียงทุบประตูที่ดังมาจากประตูใหญ่ยังคงดังไม่หยุด

 

 

นางเปิดประตูห้องนอนออกไป พอพึ่งจะเปิดประตูก็เห็นจีเฉวียนสวมใส่ชุดนอนสีดำทั้งตัว นั่งอยู่บนรถเข็นมองมาที่นาง

 

 

ในพระหัตถ์ยังคงถือชามปากบิ่นที่เสินฟางทิ้งไว้ให้เมื่อกลางวันเอาไว้ ในชามยังมีป้าย QR codeอยู่

 

 

“ดึกดื่นค่อนคืน ท่านจะทำอะไร?” ตู๋กูซิงหลันมองดูเขาอย่างประหลาดใจแวบหนึ่ง

 

 

จีเฉวียนและนางต่างก็พักอยู่ในห้องบนชั้นสอง เพียงแต่ห้องของทั้งสองอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน กั้นด้วยทางเดินระหว่างห้องเท่านั้น

 

 

นับจั้งแต่ที่จีเฉวียนมาที่โลกปัจจุบันนี้ ก็ไม่เคยเข้าไปในห้องของตู๋กูซิงหลันแม้แต่ครั้งเดียว

 

 

ตอนนี้สายพระเนตรของพระองค์จับจ้องไปบนร่างของตู๋กูซิงหลัน

 

 

นับๆดู นางก็ใกล้จะอายุครบสิบแปดปีแล้ว

 

 

ร่ายกายของหญิงสาวเติบโตอย่างสมส่วน แม้อยู่ในกระโปรงชุดนอนก็ยังไม่อาจปกปิดความงดงามของนางได้

 

 

มีส่วนโค้งส่วนเว้า แขนขาเรียวยาว ที่ๆควรกลมก็กลมที่ๆควรนูนก็นูน

 

 

ชายกระโปรงชุดนอนคลุมถึงแค่ขาอ่อน ปลีน่องเรียวยาวขาวผุดผ่องดั่งเนื้อหยก เรียวแขนทั้งสองนวลเนียนดุจดั่งรากบัวอมสีชมพูจางๆ

 

 

เวลาอยู่ในบ้าน ตู๋กูซิงหลันไม่เคยสวมรองเท้า บ้านทั้งหลังปูพรมเอาไว้ทุกพื้นที่ นางกำลังยืนอยู่บนพรมสีครีม ดูงดงามและเย้ายวนราวนางมารจากอีกภพหนึ่ง

 

 

จีเฉวียนมองดูนางอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าเลือดในกายร้อนรุ่มขึ้นมาในทันที เลือดพุ่งขึ้นไปบนสมอง จนทำให้สองพระกรรณแดงซ่าน

 

 

พระองค์รีบเบนสายพระเนตรออกไป “ซิงซิง สตรีในโลกของพวกเจ้า สวมใส่เสื้อผ้าแต่น้อยเพียงเท่านี้น่ะหรือ?”

 

 

เผยเรียวแขนอวดเรียวขา ตอนที่อยู่ในต้าโจว พระองค์เคยเห็นแต่สตรีจากหนานเจียงเท่านั้นที่สวมใส่เช่นนี้

 

 

หยวนเมิ่งก็คือตัวอย่างที่มีให้เห็น

 

 

หากอยู่ในต้าโจว สวมใส่อย่างเปิดเผยเช่นนี้มีแต่คนจะจะดูหมิ่น

 

 

“ใช่แล้ว นี่มันธรรมดาจะตายไป” ตู๋กูซิงหลันโยกศีรษะ “ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามของข้าเลยนะ?”

 

 

จีเฉวียนมองดูชามปากบิ่นใบใหญ่ในมือ ตรัสตอบอย่างจริงจังว่า “เขาคิดจะวางแผนหาเงินครั้งใหญ่”

 

 

“ขายตัวหรือ?” ตู๋กูซิงหลันมองดูชุดนอนที่บางเบาและหลวมกว้างของเขา เห็นหัวไหล่ข้างหนึ่งเผยออกมา เจ้าตัวร้ายผู้นี้ ถึงจะพิการ แต่ขนาดยามนั่งอยู่บนรถเข็นก็ยังดูงดงามน่ามอง

 

 

แค่ใบหน้านั้น ก็ไม่รู้ว่าสามารถล่อลวงสตรีได้มากมายขนาดไหนแล้ว

 

 

จีเฉวียนชักสีหน้าจริงจังขึ้นมาในทันที “ไม่ได้นะ ร่างกายของเราเป็นของเจ้าแต่ผู้เดียว”

 

 

“ตึง…..” พระองค์ตรัสพึ่งจะขาดคำ ก็ได้ยินเสียงทุบประตูดังอย่างรุนแรงมาจากประตูใหญ่ จากนั้นก็มีเสียงรองเท้าส้นสูงซอยถี่ๆอย่างรีบร้อนดังมาตามทางเดิน

 

 

เพียงครู่เดียว เงาร่างหนึ่งก็ขึ้นมาบนชั้นสอง

 

 

ตลอดร่างมีแต่น้ำ หอบเอาลมและฝนมาจากภายนอก

 

 

พอมาถึงเบื้องหน้าของตู๋กูซิงหลันและจีเฉวียน ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากขึ้นมา ก็เห็นฮ่องเต้ทรงต่อยหมัดออกไป ตรงสู่ช่วงท้อง

 

 

“ปีศาจจากที่ไหนกัน….ดึกดื่นกล้ามารบกวนความฝันผู้คน!” จีเฉวียนหรี่ดวงเนตรหงส์ แววพระเนตรทอประกายเย็นยะเยือกออกมา

 

 

ถึงแม้ว่าพระองค์จะยังไม่หายดี แต่ว่าพละกำลังก็ยังแข็งแกร่ง หมัดนี้ต่อยออกไปยังไม่ทันถึงตัว ลมจากหมัดก็ม้วนออกไปก่อนแล้ว

 

 

หากมิใช่เพราะว่าตู๋กูซิงหลันรีบเข้ามาห้ามปรามพระองค์เอาไว้ เกรงว่าอีกฝ่ายคงต้องจบชีวิตไปแล้ว

 

 

ตู๋กูซิงหลันขยับร่างไหววูบ มาบดบังอยู่ด้านหน้าจีเฉวียน

 

 

หมัดที่กำลังจะพุ่งออกไปถูกร่างของนางบดบังเอาไว้ ดีที่นางก็แข็งแกร่ง อีกทั้งจีเฉวียนยังเก็บหมัดกลับไปได้ทัน ดังนั้นจึงมีเพียงแค่ลมหมัดวูบหนึ่งพุ่งออกไป ยังไม่ถึงกับเป็นเรื่องใหญ่อะไร

 

 

อีกฝ่ายตกใจจนกระโดดตัวลอย ขนาดเป็นเพียงแค่ลมหมัดหอบหนึ่ง คนผู้นั้นก็ยังรู้สึกเหมือนกับว่าโดนฆ้อนอันใหญ่ทุบลงมาบนซี่โครง ทำเอาจุกจนเกือบจะกระอักเลือด

 

 

แต่พอได้เห็นสตรีตรงหน้า เลือดที่กำลังจะกระอักออกมาก็ได้แต่กลืนลงไปก่อน

 

 

“ทูนหัว!” น้ำเสียงร้อนรนนั้นสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ทั้งยังยื่นมือยื่นไม้อย่างยืดยาวออกมาไขว่คว้าตู๋กูซิงหลัน

 

 

ตู๋กูซิงหลันหลบวูบไปด้านข้าง คนที่พุ่งเข้ามาจึงคว้าได้แต่อากาศ

 

 

คนผู้นั้นพุ่งไปคว้าสิ่งที่อยู่ด้านหลังของนางแทน…..นั่นก็คืออ้อมพระอุระของฮ่องเต้ที่ประทับอยู่บนเก้าอี้รถเข็น

 

 

จีเฉวียนยังไม่ทันได้ศึกษาวิธีใช้รถเข็นสักเท่าไหร่ จึงหลบได้ไม่ทัน เห็นแต่ศีรษะสีชมพูพุ่งเข้ามาหาพระอุระขององค์

 

 

ใช่แล้ว…..สิ่งที่ปรากฏบนสายพระเนตรคือ สตรีในชุดสีชมพู ผมสีชมพู แม้แต่เสื้อ กางเกงและรองเท้าก็เป็นสีชมพู

 

 

ฝ่าบาททรงรู้สึกว่าในท้องปั่นป่วนขึ้นมาทันที

 

 

ทรงยื่นพระหัตถ์ออกมา คีบหลังคอที่เปียกชุ่มของอีกฝ่ายโยนคนทิ้งไป

 

 

คนผู้นั้นถูกโยนออกไปไกลเกือบเมตร มึนงงไปครู่ใหญ่ถึงได้ลุกขึ้นมาได้

 

 

ตลอดทั้งร่างของเขาเปียกฝนจนชุ่มโชก เส้นผมสีชมพูเปียกชื้นจนลีบติดใบหน้า

 

 

เขาสวมใส่แว่นตาทรงกลมสีทองที่ดูหรูหรา แม้แต่แว่นตาก็เปียกฝน

 

 

“อ้ายย่าห์ แม่จ๋าของลูก!” พอยืนขึ้นมาได้ เขาก็รีบร้อนถอดแว่นตาลงมา เป่าลมหายใจลงไป ใช้แขนเสื้อเช็ดกระจกแว่นอย่างรวดเร็ว

 

 

จากนั้นก็สวมกลับเข้าไป จับจ้องฮ่องเต้ด้วยสายตาที่เป็นประกาย

 

 

“ทูนหัว! นี่….นี่ก็คือสามี(เหล่ากง)ใหม่ที่สมควรตายสักพันครั้งของหล่อนหรือ?” พอเห็นแจ้งแจ่มชัด เขาก็ระริกระรี้ขึ้นมา

 

 

หันกลับไปหาตู๋กูซิงหลัน

 

 

สายตามองกลับไปกลับมาระหว่างคนทั้งสอง

 

 

มิน่าเล่าก่อนหน้านี้มีผู้ชายทั้งสดทั้งนุ่มตั้งมากตั้งมายมาให้เลือกนางก็ไม่เคยแยแส….ที่แท้ก็มีของที่ดีกว่าจนคนอื่นเทียบไม่ติดอยู่แล้วนั่นเอง

 

 

ตู๋กูซิงหลันรับคำเบาๆครั้งหนึ่ง ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่า คำว่าใหม่ที่ใช่คู่กับคำว่าสามีนั้น ออกจะทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่ายอยู่เสียหน่อย

 

 

ตอนนี้ ถึงจีเฉวียนจะนั่งอยู่บนรถเข็น แต่ว่าราศีที่ออกจากตัวก็ยังสง่างามหาใดเปรียบ ราวกับว่านั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างไรอย่างนั้น

 

 

“เราไม่ใช่ขันที(กงกง) แต่เป็นโอรสสวรรค์ต้าโจว” พระองค์ตรัสด้วยสีพระพักตร์เข้ม กริยาที่มีต่อคนชุดชมพูที่เป็นหญิงก็ไม่ใช่ชายก็ไม่เชิงผู้นี้ติดจะต่อต้านอย่างชัดเจน

 

 

เพราะเขาทำท่าทำทางสนิทสนมกับซิงซิงมากจนเกินไป

 

 

Sherry ตกตะลึงไปแล้ว เขาหันหน้ากลับไปหาตู๋กูซิงหลัน สีหน้าแตกตื่น

 

 

นี่ทูนหัวแต่งกับคนบ้าหรือ?

 

 

เอาเถอะ…..เห็นแก่ใบหน้าที่ฟ้าดินและผู้คนต่างริษยานี้ ต่อให้เป็นคนบ้า……ก็แต่งได้

 

 

เพียงแต่ว่า…..ทูนหัวที่เป็นถึงยอดเทพธิดาเหนือกว่าผู้หญิงมากมาย….ต้องถือว่าขาดทุนไปหน่อยละมั้ง?

 

 

ตู๋กูซิงหลันยืนอยู่อีกด้านหนึ่งด้วยสีหน้าปวดขมับ นางต้องสงบใจลง ค่อยกล่าวว่า “นั่นเป็นพวกติดละครอย่างหนัก ชอบเป็นนักแสดง ตอนนี้กำลังเข้าบทฮ่องเต้อยู่ ออกไม่ได้”

 

 

คำอธิบายนี้สามารถเข้าใจได้

 

 

Sherry เข้าใจได้อย่างตรงจุดในทันที

 

 

เขาจับกรอบแว่นไว้ สองขาไขว้กัน พิงตัวไปกับกำแพง อีกมือหนึ่งก็ยกนิ้วโป้งขึ้นมา ชมเชยจีเฉวียน “พ่อทูนหัว อย่างนั้นคุณก็เยี่ยมมากๆเลยนะ!”

 

 

จีเฉวียน “เราไม่ต้องการให้เจ้ามาชมเชย”

 

 

Sherry รู้สึกได้เลยว่า พ่อทูนหัวคนนี้เหมาะกับการเป็นนักแสดงอย่างยิ่ง

 

 

ดูสง่าราศีนั่นสิ เด่นมากๆ ราวกับว่าหลุดออกมาจากรูปปั้นฮ่องเต้หินในสุสานโบราณ

 

 

หยกงามล้ำค่าระดับโลกเช่นนี้ หากว่าไม่ไปเป็นนักแสดงล่ะก็จะต้องเป็นการสูญเสียอย่างที่สุด!

 

 

โรคบ้างานของคนที่เป็นแมวมองชั้นนำ ถึงกับระเบิดออกมาในทันที

 

 

ตู๋กูซิงหลันหมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง หยิบผ้าขนหนูผืนหนึ่งมาส่งให้เขา ให้เขาเช็ดละอองน้ำออกจากตัว จากนั้นก็พาคนไปที่ห้องโถง นางคิดจะเรียกเสินฟางให้ยกน้ำมาแก้วหนึ่ง กลับพบว่าพ่อบ้านของตนหายหัวไปไม่เหลือแม้แต่เงา

 

 

จึงได้แต่รินน้ำให้เขาด้วยตนเอง จากนั้นก็เอ่ยว่า “Sherry คุณวิ่งมาที่บ้านของฉันกลางดึก มีเรื่องอะไรหรือ?”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 473 ปลาเค็มพลิกตัว

 

 

Sherry เช็ดผมจนทั่วศีรษะเสร็จแล้ว ก็กุมแก้วน้ำอุ่นเอาไว้ในมือ

 

 

สายตาของเขายังคงจ้องมองไปที่ร่างของจีเฉวียนอย่างไม่ยอมละสายตาด้วยความสงสัย…..เส้นผมที่ยาวเฟื้อยนั่นไปทำมาจากร้านไหนกัน ทำไมถึงได้ดูเหมือนของจริงขนาดนั้น….

 

 

ผมปลอมที่ดาราผู้ชายใช้กันจะมากจะน้อยก็ต้องมีรอยต่อด้วยกันทั้งนั้น แต่ว่าเส้นผมของเขากลับสวยงามอย่างไร้ตำหนิ ราวกับว่าเป็นผมจริงที่ยาวตามธรรมชาติ

 

 

พ่อคุณ พ่อทูนหัวคงจะเอาจริงเอาจังกับการแสดงมากๆเลยสินะ

 

 

สายตาของเขาทำให้จีเฉวียนรู้สึกอึดอัดพระองค์ นอกจากเสินฟางแล้ว …..คนๆนี้เป็นคนแรกที่พระองค์ได้พบบนโลกนี้

 

 

บุรุษบนโลกใบนี้ มีรสนิยมแต่งกายที่ประหลาดเช่นนี้หรือ?

 

 

ตอนที่อยู่ในโลกของพระองค์…..ไม่เคยทรงพบเห็นบุรุษใดสวมใส่ชุดสีชมพูมาก่อนเลย

 

 

แม้แต่ซูเยาที่อารมณ์ออกจะแปรปรวนก็ยังสวมใส่แต่ชุดสีแดงเข้ม

 

 

กระทั่งตู๋กูซิงหลันสอบถามอีกครั้ง Sherry ถึงได้ดึงสติกลับมา เขาเก็บสายตากลับมาจากจีเฉวียน พิงร่างลงไปบนโซฟา

 

 

ทำท่าทางน่าสงสารปานจะร้องไห้!

 

 

“ทูนหัว!” เขาหันไปรำพันกับตู๋กูซิงหลัน “หล่อนรู้หรือเปล่า ตลอดสองปีมานี้…..ฉันนึกว่าหล่อนตายไปแล้ว!”

 

 

“โทรศัพท์ก็ไม่รับ ข้อความก็ไม่ตอบกลับ ทั่วทั้งโลกไม่มีใครติดต่อหล่อนได้เลยสักคน….” Sherry น้ำตาร่วงกราว “รู้ไหม ว่าฉันน่ะ แอบไปซื้อที่ดินสุสานที่ภูเขาหนานซานใช้เงินไปตั้งหมื่นห้า เอาเสื้อผ้าที่หล่อนเคยใส่แสดงตอนแสดงละครเรื่องแรกไปฝัง ถือเสียว่าได้ส่งเสื้อผ้าไปให้หล่อนใช้…แถมยังต้องแอบๆทำไม่กล้าบอกใคร…..ฮือ ฮือ ฉันลำบากขนาดไหนรู้มั้ยยะ”

 

 

Sherry เป็นผู้จัดการของตู๋กูซิงหลัน

 

 

เป็นผู้ชายตัวโตที่สูงเมตรแปดสิบ แต่ข้างในใจกลับเล็กกะปิ๋วหลิว

 

 

ถือว่าเป็นกึ่งพี่เลี้ยงกึ่งเพื่อนผู้ชายที่สนิทของนาง

 

 

มีเพียงเรื่องเดียวที่เขาไม่รู้ก็คือฐานะอีกอย่างของตู๋กูซิงหลันที่เป็นปรมาจารย์คุณไสย์เท่านั้น

 

 

ตู๋กูซิงหลันโยนกระดาษทิชชู่ให้ครึ่งห่อ Sherry ทั้งเช็ดน้ำตาทั้งสั่งขี้มูก ร้องไห้เสียงจนสองตาแดงก่ำ

 

 

“หล่อนมันคนไม่มีน้ำใจ……..สองปีมานี้ไม่เคยส่งข่าวอะไรสักแอะ พอจะปรากฏตัวอีกครั้งก็ไม่ยอมบอกฉันเป็นคนแรก กลายเป็นไอ้เด็กส่งของแซงหน้ารู้ก่อน….หล่อนรู้หรือไม่ ตอนนี้พวกสื่อมวลชนทั้งหลายกำลังจะระเบิดแล้ว อีกไม่นานพวกเขาจะต้องบุกมาถึงที่อยู่ของหล่อนที่นี่ หล่อนอย่าได้คิดจะอยู่อย่างสงบได้อีก”

 

 

ตู๋กูซิงหลันนั่งลงที่ข้างๆเขา ไขว้ขา เรียวขาทั้งสองทั้งยาวทั้งขาว

 

 

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรแล้ว ก็หมุนรถเข็นเข้าไปหา นำผ่าห่มบนโซฟากางออกมา คลุมลงไปให้กับนาง

 

 

“ซิงซิง ดึกแล้วอากาศเย็น ระวังไม่สบาย”

 

 

Sherry “……” สีหน้าแตกตื่น

 

 

ไม่ใช่มั้ง….ถึงแม้ว่าคืนนี้จะมีพายุฝนตกลงมา แต่ว่าตอนนี้ก็ถือเป็นหน้าร้อนไม่ใช่หรือ? หนาวที่ไหนกัน!

 

 

Sherry ปากค้างพูดอะไรไม่ออก จนต้องหันมาหาตู๋กูซิงหลันเปลี่ยนเรื่องไปว่า “ทูนหัว ทิศทางของกระแสในอินเตอร์เน็ตรอต้อนรับการกลับมาของเธออยู่….แต่ว่าตอนนี้มีคนก่อปัญหาอยู่ด้านหลัง เขียนเรื่องต่อว่าเสียดสีเธออยู่ไม่น้อย ทั้งยังจ้างกองทัพมาถล่มอีกไม่น้อย แค่ช่วงเวลาสั้นๆ ก็ ‘สาดโคลน’มาเป็นกระบุง ตอนนี้สถานการณ์จึงไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”

 

 

ตู๋กูซิงหลันนั่งอยู่บนโซฟา ด้วยท่าทางที่ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย

 

 

ขนาดคลื่นลมและพายุในโลกโบราณนางก็ยังผ่านพ้นมาหมดแล้ว แล้วจะมาตกใจอะไรกับเรื่องเท่านี้

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น นางก็ไม่ได้มีข่าวคาวอะไรให้ขุดคุ้ยเสียหน่อย

 

 

ที่มีข่าวโครมๆออกไป…..ก็เป็นแค่โคมลอยเท่านั้น

 

 

“เธอหายตัวไปนานถึงสองปี ซ่งเจียงเสวี่ยก็ถือโอกาสเป็นปลาเค็มพลิกตัว กลายเป็นราชินีจอเงินคนใหม่ ฉันว่านะ เบื้องหลังทั้งหมดนี่จะต้องเป็นฝีมือของนางอย่างแน่นอน!”

 

 

พอพูดถึงเรื่องดาวดวงใหม่อย่างซ่งเจียงเสวี่ยขึ้นมา Sherry ก็หงุดหงิดใจขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

นังตัวร้ายนั่น……คือตัวอกตัญญูแท้ๆเชียวล่ะ!

 

 

แต่ก่อนนั้น ตอนที่ถูกพวกสื่อโจมตี คนที่ช่วยเหลือนางก็คือซิงหลัน…..

 

 

ตอนนี้กลับดีนัก พอกอดขาบริษัทใหญ่ไต่ขึ้นสูง ก็หันกลับมาฝังซิงหลันเสียสนิท!