ตอนที่ 579 เอกสิทธิ์ของคนหล่อ? / บทที่ 580 ห้องแล็บใต้ดินชั้นที่สาม

Scholar’s Advanced Technological System ระบบปั้นอัจฉริยะ

ตอนที่ 579 เอกสิทธิ์ของคนหล่อ?

หลังจากที่พูดมานานกว่า 80 นาที ลู่โจวถอยมาจากกระดานดำสองก้าวแล้วมองดูมัน เขาเห็นว่ามันไม่มีที่ให้เขาเขียนอีก ดังนั้น เขาหันไปดูนักศึกษาในห้องเรียนและวางชอล์กในมือลง

“เราจะจบคลาสที่ตรงนี้นะ”

เมื่อนักศึกษาในห้องเห็นศาสตราจารย์ลู่วางชอล์กลง พวกเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุด

แม้ว่าศาสตราจารย์ส่วนใหญ่จะสอนด้วยความเร็วจรวด พวกนั้นก็ไม่มีใครแย่เท่าลู่โจว ซึ่งสอนไปทั้งหมดเจ็บสิบหน้าในครั้งเดียว

ถ้าสิ่งนี้เกิดขึ้นต่อไป ตำราเล่มนี้จะจบในการสอนไม่กี่ครั้ง

แต่พวกนั้นต้องยอมรับสิ่งนี้…

ทักษะการสอนของศาสตราจารย์ลู่ค่อนข้างดีมาก

เอาจริงๆ แล้ว มันไม่ใช่ค่อนข้างดี แต่มันคือดีเยี่ยมสุดยอด

ศาสตราจารย์ส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจสอนนักศึกษาปริญญาตรี และทักษะการสอนนั้นค่อนข้างตรงข้ามกับทักษะการวิจัยเชิงวิชาการตามสัดส่วน

แต่ศาสตราจารย์ลู่ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกที่ต่างออกไป

ถึงแม้ว่าเหล่านักศึกษาจะไม่เข้าใจไอเดียที่เขาใช้แก้ปัญหาทั้งหมด ตอนที่เขาอธิบายประเด็นที่ลึกลับมากกว่า นักศึกษาพวกนี้กำลังเรียนสิ่งที่ไม่มีสอนในตำรา

อย่างเช่นวิธีการทางวิทยาศาสตร์

และประสบการณ์

นักศึกษาหัวกะทิที่นั่งในห้องเรียนรู้กันดีกว่าเรื่องพวกนี้สำคัญมากกว่า

ชายร่างผอมสูงโปร่งที่นั่งอยู่กลางห้องมองดูโน้ตที่จดไว้และถอนหายใจ “ถ้าพระเจ้าลู่สอนการวิเคราะห์ของจริงเมื่อภาคเรียนก่อน มันคงไม่ออกมาพังขนาดนี้”

สำหรับนักเรียนปริญญาตรี ทฤษฎีตัวเลขต้องใช้พื้นฐานความรู้ด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ที่แข็งแกร่ง มันถูกมองว่าเป็นวิชาที่ยาก

โดยเฉพาะทฤษฎีพีชคณิตขั้นสูงและศาสตร์คณิตวิเคราะห์ แม้แต่นักคณิตศาสตร์ระดับปริญญาเอกก็ไม่สามารถเข้าใจปัญหาที่ลึกซึ้งหลายๆ ปัญหาได้

สิ่งที่พวกเขากำลังเรียนค่อนข้างพื้นฐาน แต่มันก็มีเนื้อหาที่เข้าถึงยากอยู่เยอะ

น่าเซอร์ไพรซ์ที่หลังจากศาสตราจารย์ลู่อธิบายประเด็นที่ยาก สิ่งเหล่านั้นก็ดูไม่ยากอีกต่อไป

รูมเมทของเขาที่สวมแว่นพูดขึ้น “ท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นศาสตราจารย์จากพรินซ์ตัน มีรายได้ปีละหลายแสนดอลลาร์ ทำไมถึงคิดว่ามีคนมาเรียนคลาสนี้เยอะล่ะ?”

ชายที่ผอมสูงพูดตอบ “โอ้? ไม่ใช่เพราะว่าเขาได้รางวัลฟิลด์และรางวัลโนเบลเหรอ?”

“ใช่ นั่นก็ด้วย”

ระหว่างที่สองคนนี้คุยกัน ศาสตราจารย์ลู่เริ่มพูด

“มีเวลาเหลืออีกไม่มาก ถ้ามีคำถามเกี่ยวกับเนื้อหาที่พูดเพิ่งพูดไป ถามมาได้เลย

แล้วก็ผมจะตอบคำถามนอกเหนือที่สอนด้วย แต่ผมจะไม่ตอบคำถามส่วนตัว”

มีความวุ่นวายเกิดขึ้นในห้องเรียนโดยนักศึกษาในห้องเริ่มกระซิบกัน

มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ไม่เข้าใจคณิตศาสตร์เลย แต่มาที่นี่ก็เพราะแค่พระเจ้าลู่ พวกเขาก็ตื่นขึ้นทันทีและหันมาสนใจ

ผ่านไปสักพัก นักศึกษาอัจฉริยะคนหนึ่งที่ใส่แว่นกรอบดำ ยกมือขึ้นถามว่า “ศาสตราจารย์ คุณช่วยอธิบายให้ฟังหน่อยว่าไขข้อคาดการณ์ของก็อลท์บัคได้อย่างไร?”

ลู่โจวยิ้มแล้วตอบ “แน่นอนครับ ผมตอบให้ได้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ ด้วยฐานความรู้ตอนนี้ของคุณ ผมเกรงว่าคุณน่าจะยังไม่สามารถผ่านธีสิสหน้าแรกไปได้ ผมแนะนำให้พวกคุณตั้งฐานความรู้ก่อนที่จะพยายามเข้าใจปัญหา…ซึ่งถ้าพวกคุณสนใจจริงๆ ผมสามารถจัดปัญหานี้ไว้ได้ตอนจบของเนื้อหาคอร์ส”

นักเรียนคนนั้นนั่งลง ผ่านไปสักพัก ชายร่างอวบในเสื้อขนเป็ด ยกมือขึ้นถามด้วยความใคร่รู้ “ศาสตราจารย์ คุณย้ายจากการวิจัยคณิตศาสตร์ไปฟิวชั่นที่ควบคุมได้อย่างไร?”

นิวเคลียร์ฟิวชั่นที่ควบคุมได้?

มันเป็นคำถามที่ยากจะตอบ

ลู่โจวคิดอยู่สักพักแล้วตอบไป “การวิจัยของผมไม่ได้จำกัดแค่คณิตศาสตร์บริสุทธิ์ ในความเห็นของผม คณิตศาสตร์เป็นเครื่องมือทฤษฎีที่ทรงพลัง ไม่ว่าจะเป็นด้านฟิสิกส์ เคมี หรือด้านอื่นๆ มันสามารถช่วยหาคำตอบผ่านการคำนวณที่มีประสิทธิภาพ

การวิจัยสมการนาเวียร์-สโตกส์นั้นทำให้ผมมีโอกาสได้วิจัยการไหลของพลาสมา ผมเริ่มแก้ปัญหานี้เมื่อสามปีก่อน ผมอยู่ที่เบอร์ลินตอนนั้น แล้วสมาคมเคมีเยอรมันเชิญให้ผมไปรับรางวัลฮอฟแมน ผมพบกับศาสตราจารย์คลิทซิ่งที่นั่น และเขาเชิญผมไปห้องแล็บเวนเดลสไตน์ 7-X…

สำหรับรายละเอียดปลีกย่อย ผมมั่นใจว่าพวกคุณไม่สนหรอก” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดหยอกล้อ “แล้วก็มันไม่ดีสำหรับพวกคุณที่จะรู้เยอะ ผมชอบทำตัวลึกลับ”

ทั้งห้องเรียนขำกัน

บังเอิญว่าคลาสสิ้นสุดพอดี

ระหว่างที่กริ่งดัง ลู่โจวหยิบหนังสือแล้วรีบออกจากห้องเรียนไปก่อนที่นักศึกษาจะมาล้อมเขา

เขาเดินอยู่ที่โถงแล้วบังเอิญไปปะอาจารย์ใหญ่สวี่

อาจารย์ใหญ่สวี่เห็นลู่โจวถือตำราแล้วยิ้มให้

“เป็นอย่างไรบ้าง? สอนแล้วรู้สึกยังไง?”

“มันก็โอเคดีครับ” ลู่โจวยิ้มแล้วพูดต่อ “สิ่งที่ทำให้ผมประทับใจที่สุดคือนักศึกษาของเรากระตือรือร้นมากกว่านักศึกษาพรินซ์ตัน”

ตอนที่เขาสอนที่พรินซ์ตัน ถึงแม้ว่านักศึกษาที่นั่นจะชอบศาสตราจารย์ที่อายุน้อยและมีความรู้ แต่พวกนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจขนาดนี้

ท้ายที่สุดแล้ว มันมีอัจฉริยะและคนเบอร์ใหญ่มากไปที่พรินซ์ตัน ใครก็ตามที่ยืนอยู่ที่โพเดี่ยมก็อาจจะเป็นคนได้รับรางวัลโนเบลหรือเหรียญฟิลด์

และเมื่อเทียบกับศาสตราจารย์ที่มีประสบการณ์ มันมีเทคนิคการสอนอีกเยอะที่ลู่โจวต้องเรียนรู้

แน่นอนว่านั่นเป็นการเปรียบเทียบกับมาตรฐานของพรินซ์ตัน

ถ้ามันเป็นมาตรฐานของมหาวิทยาลัยจินหลิง ก็ไม่มีผู้สอนคณิตศาสตร์คนไหนที่ดีกว่าลู่โจว…

อาจารย์ใหญ่สวี่ยิ้มแล้วพูดต่อ “ดูเหมือนว่านักศึกษาของเราจะชอบคุณนะ ขนาดห้องเรียนของผมยังไม่เคยเต็มมาก่อนเลย”

ลู่โจวยิ้มเจื่อน

บางที…

มันอาจจะเป็นเอกสิทธิ์ของคนหล่อ?

อาจารย์ใหญ่สวี่นิ่งไปสักพักแล้วพูดต่อ “ถ้าคุณเจอปัญหาหรือมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการสอน บอกผมนะ ทางสถาบันจะช่วยหาทางออกที่ดีที่สุด”

ลู่โจวตอบ “ผมมีความสุขดี ไม่มีปัญหาเลย…ก็แค่…”

อาจารย์ใหญ่สวี่ถาม “ก็แค่อะไร?”

“เปล่า ไม่มีอะไรครับ”

ตอนแรกลู่โจวอยากจะคุยเรื่องที่ผู้ช่วยทุกคนของเขาเป็นผู้หญิง แต่เขาเปลี่ยนใจกะทันหันเมื่อรู้สึกว่ามันไม่เหมาะสม

เราควรขอให้สถาบันจัดหาผู้ช่วยผู้ชายดีไหม?

เอิ่ม…

ผมรู้สึกว่ามันจะสร้างความเข้าใจผิด

……………………………………………

บทที่ 580 ห้องแล็บใต้ดินชั้นที่สาม

เมื่อออฟฟิศลู่โจวเต็มไปด้วยฮอร์โมนเอสโตรเจน เขาก็ไม่ค่อยอยากไปที่นั่น

เขาโทรหาจ้าวหวนและบอกให้เธอจัดการนัดสัมภาษณ์นักศึกษาปริญญาโท จากนั้นเขาเดินทางไปสถาบันศึกษาขั้นสูงจินหลิง

เศษซากหมายเลข 3 นั้นอยู่ในพื้นที่ระบบมาสักพักแล้ว

ทุกคืนก่อนนอน เขาจะไปที่พื้นที่ระบบและดูมันอยู่สักพัก น่าเสียดายที่เขาสามารถเห็นแค่ภาพฉายได้ในพื้นที่ระบบ เขาไม่สามารถเห็นโครงสร้างภายในได้เลย

ลู่โจวอยากรู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่ และเขารอไม่ได้นานกว่านั้น

เขามาที่อาคารการศึกษาขั้นสูงที่สถาบันหลักแล้วลงลิฟต์ไปที่โกดังเก็บตัวอย่าง ซึ่งอยู่ที่ชั้นใต้ดินชั้นที่สอง

เขาเดินไปที่สุดทางเดินของโกดังเก็บตัวอย่างแล้วยืนอยู่หน้าประตูโลหะอัลลอยหนา เขาพิมพ์รหัสผ่านที่ล็อกอิเล็กทรอนิกส์และหันไปสบตากับกล้อง แล้วผ่านขั้นตอนตรวจสอบเรติน่า

ประตูโลหะเปิดขึ้นช้าๆ และเบิกทางไปสู่ชั้นที่สองของชั้นใต้ดิน

นับตั้งแต่ที่ลู่โจวได้รับเศษซากหมายเลข 1 จากระบบ เขาได้พิจารณาว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาได้รับเศษซากชิ้นที่ใหญ่ขึ้นซึ่งยากที่จะรับมือมากขึ้น

ดังนั้น เมื่อเขาก่อสร้างสถาบันการศึกษาขั้นสูง เขาจึงบอกผู้รับเหมาอย่างเจาะจงว่าให้ออกแบบห้องแล็บลับส่วนตัว

แน่นอนว่าบนหน้ากระดาษ มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งของโกดังเก็บตัวอย่าง มันก็แค่ตั้งอยู่ในที่ที่ปลอดภัยกว่า

สถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูง ทำการวิจัยในด้านที่อ่อนไหวหลายด้าน อย่างเช่น แม่เหล็กตัวนำยวดยิ่ง SG-1

มันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีโกดังเก็บตัวอย่างที่ปลอดภัยแบบนี้

ถ้าหากมีคนบุกรุกเข้ามา กล้องวงจรปิดและระบบรักษาความปลอดภัยทั้งหมดถูกเชื่อมกับเสี่ยวไอ

ในกรณีที่มีคนบุกรุก เสี่ยวไอสามารถตัดระบบลิฟต์และปิดประตูเหล็กได้ สิ่งนี้จะขังผู้บุกรุกไว้ที่ชั้นสอง

ถ้าเกิดมีเรื่องจำเป็น ลู่โจวก็สามารถปิดระบบระบายอากาศที่ชั้นสองได้ด้วย

แน่นอนว่าลู่โจวรู้สึกว่ามันคงไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น

ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อมีเสี่ยวไอคอยรักษาความปลอดภัยที่นี่ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าชั้นใต้ดินชั้นที่สองโดยไม่ได้รับอนุญาต

ลู่โจวเดินผ่านชั้นใต้ดินชั้นที่สาม

เมื่อเขาเดินผ่านทางเดินนอกห้องแล็บลับ โดรนสองตัวที่นอนนิ่งอยู่หน้าประตูกะพริบแสงสีเขียวและบินตามลู่โจว

ลู่โจวยืนกลางห้องแล็บขนาดกว้างและสูดหายใจเข้าลึก เขาเข้าพื้นที่ระบบแล้วเลือกเศษซากหมายเลข 3

ภายในเวลาไม่กี่วินาที ลู่โจวออกจากพื้นที่ระบบและลืมตา

เขาเห็นเค้าร่างสีดำของเศษซากตรงหน้าเขา มันเต็มไปด้วยวัสดุที่ไม่รู้จักและเปลือกของเศษซากเริ่มส่องสว่างใต้แสง

ไม่ว่าเขาจะเห็นระบบฉายไอเท็มเป็นภาพเสมือนจริงกี่ครั้ง เขาก็อดที่จะรู้สึกอัศจรรย์ใจไม่ได้

มันเป็นการแหกกฎฟิสิกส์ ลู่โจวไม่รู้ว่าระบบสามารถทำได้อย่างไร

การเคลื่อนย้าย? หรือมันเป็นการขยายวัสดุสองมิติในพื้นที่สามมิติ? หรือว่าเป็นพลังงานพิเศษฟิสิกส์อื่น…

เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย ลู่โจวใช้อุปกรณ์เพื่อตรวจสอบค่าแกมมาก่อนที่จะเข้าใกล้เครื่อง

เขาทำให้แน่ใจว่าไม่มีสัญญาณแม่เหล็กแผ่รังสีหรือผิดปกติ จากนั้นเขาใส่ถุงมือสีขาวแล้วหยิบไฟฉายและอุปกรณ์ตัดลวดจากกล่องเครื่องมือ เขาเดินเข้าไปหาเศษซากอย่างระมัดระวัง

เมื่อเขาเจอตำแหน่งรอยร้าว เขาใช้ไฟฉายส่องเข้าข้างในเศษซาก

ตอนนี้เขาสามารถเห็นโครงสร้างภายในได้เสียที

มันต่างไปจากที่เขาจินตนาการไว้ ตอนแรกเขาคิดว่าอุปกรณ์ไฮเทคนี้จะเป็นทรงไซไฟ แต่เขาไม่คิดว่ามันจะเป็นแค่กลุ่มส่วนประกอบที่แตกและลวดขาดล้านเส้น

เขาใช้กล้องความละเอียดสูงเพื่อถ่ายภาพโครงสร้างภายในจำนวนหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มวิจัยมัน มันคือการแยกส่วนอุปกรณ์

เขาเลือกชิ้นส่วนลวดที่พังและใช้อุปกรณ์ตัดบีบมันเบาๆ ตัวหุ้มลวดกลายเป็นผงอย่างรวดเร็ว ทำให้เห็นลวดเงินเส้นบาง

‘ลวดไฟฟ้า? หรือไฟเบอร์?’

ลู่โจวตัดลวดส่วนนั้นออกมาแล้วใส่มันในกล่องตัวอย่างที่เขียนว่า ‘ตัวอย่าง A’ เขาเขียนตำแหน่งของลวดลงไปแล้วจะทำการวิเคราะห์ลวดต่อไป

หลังจากนั้น ลู่โจวคาบลวดไว้ในปากแล้วเดินเข้าในเครื่องยนต์ผ่านจุดร้าว

ลู่โจวเดินตามลวดไปแล้วพบกับสิ่งที่เขาต้องการ

ลวดที่ซับซ้อนพวกนั้นเชื่อมต่อกับแผงสีดำ

เขาเอื้อมมือไปดึงลวดเงินอย่างเบามือ พวกมันดึงออกมาได้ง่าย

เขาเอื้อมไปหยิบแผงที่หักเป็นสองส่วน แล้วค่อยๆ ออกมาจากเครื่องยนต์

เขาใช้แสงจากห้องแล็บเพื่อตรวจดูแผงอย่างละเอียด

เขาพึมพำในขณะที่ขมวดคิ้ว ‘นี่คือแผงวงจรเหรอ?’

มันมีสีดำทาเคลือบแผงนี้อยู่

ลู่โจวไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะความเสียหายหรือสาเหตุอื่น แต่ชั้นสีดำจางออกไปจากการสัมผัสอย่างเบามือ

ลู่โจวมองดูคราบดำบนถุงมือพลาสติกแล้วขมวดคิ้ว เขาหยิกนิ้วหากันแล้วถู

เขารู้สึกถึงสัมผัสที่นุ่มและเนียนละเอียด แล้วนิ่งไปชั่วครู่

‘กราไฟต์?’

ลู่โจวคิดออกได้ในทันทีและมีท่าทางตื่นเต้น

คาร์บอน!

มันคือคาร์บอน!

มันไม่มีเหตุผลที่วิศวกรจากอารยธรรมที่สูงส่งจะต่อลวดกับแผงกราไฟต์

กราไฟต์คงถูกสร้างจากวัสดุฐานคาร์บอนอื่น เมื่อเครื่องนี้ได้รับการกระแทกรุนแรงหรือโดนอุณหภูมิสูง!

เมื่อคิดตามตรรกะนี้ แผงลึกลับในมือเขาจะต้องเป็น ‘แผงวงจรบูรณาการ’ สำหรับชิปฐานคาร์บอนหรืออย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่ใกล้เคียง!

ถ้าสิ่งนี้มันถูกต้องทั้งหมด มันเป็นไปได้ว่ามีอารยธรรมที่สูงส่งกว่านั้นมีส่วนประกอบไฟฟ้าฐานคาร์บอน!

มีข้อเสียอย่างเดียวคือส่วนประกอบไฟฟ้าฐานคาร์บอนถูกเปลี่ยนไปแกรไฟต์ทั้งหมด…

‘สงสัยวัสดุฐานคาร์บอนคงเก็บความลับได้ดี…’

ลู่โจววางแผงลงในกล่องตัวอย่างขนาดใหญ่กว่าแล้วถอนหายใจ

แต่มันก็ไม่ใช่ทางตันไปทั้งหมด

ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเส้นทางเทคนิกเป็นไปได้ และมันเป็นข้อมูลที่สำคัญ

หลังจากนั้น สมาพันธ์ศูนย์วิจัยตะวันออกและสถาบันจินหลิงเพื่อการศึกษาขั้นสูงจะเริ่มวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนี้

เมื่อลู่โจวมองดูเศษซากนี้ มีประกายไฟของความอยากรู้จุดขึ้นในใจเขา

ตามที่เขาคาดไว้ เขาคิดถูกต้อง

สิ่งนี้เป็นหีบสมบัติ!

ถ้าหากเขามีผู้ช่วยมาคอยช่วยนะ…

ลู่โจวพูดขึ้นทันที

“เสี่ยวไอ”

“อะไรเหรอ?”

โดรนที่บินอยู่หลังเขาพูดขึ้น

ลู่โจวถาม “อยากมีร่างกายไหม?”

“ร่างกาย? อยากสิ! เจ้านายๆ มีได้จริงเหรอ? เจ้านายไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?” เสี่ยวไอพูดอย่างตื่นเต้นในขณะที่บินบนอากาศ

“ใช่…”

ลู่โจวถอดถุงมือพลาสติกสีขาวออกและคิดถึงมันอย่างจริงจังสักพัก จากนั้นเขาพูดว่า “มันค่อนข้างยากที่จะทำตอนนี้…แต่ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด”

……………………………………………………