ครึ่งวันต่อมาผิวของเนินทรายยักษ์ก็มีเสียงพื้นแตกดังออกมา

จากนั้นสิ่งปลูกสร้างสามเหลี่ยมบนยอดของเนินทรายพลันระเบิดออก

ศิลาแตกละเอียดจำนวนนับไม่ถ้วนปลิวว่อน เปลวเพลิงสีเขียวหมุนวนบินออกมา หลังจากที่หมุนโคจรอยู่กลางอากาศต่ำๆ ก็บินไปยังจุดที่ไกลออกไป

ท่ามกลางเปลวเพลิงสีเขียวพลันมีเสียงร้องคำรามต่ำๆ ของอสูรมารหัวกวางดังมาไม่หยุด

อสูรมารตัวนี้เรือนกายเป็นสีแดงสด บนเรือนร่างเต็มไปด้วยบาดแผล กรงเล็บอสูรที่เดิมมีสี่ข้างหายไปข้างหนึ่ง

แต่ชั่วพริบตานั้นลำแสงสีเงินเจิดจ้าพลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วบินออกมา พลางล้อมรอบอสูรมารยักษ์ที่อยู่ในเปลวเพลิงสีเขียวอย่างรวดเร็วรอบหนึ่ง

ชั่วขณะนั้นเสียงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดก็ดังขึ้น!

เปลวเพลิงสีเขียวขยายใหญ่ขึ้นและกลายเป็นลำแสงสีเขียวพุ่งไปยังขอบฟ้า แค่พริบตาก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

และบนท้องฟ้านอกจากโลหิตสีแดงที่สาดกระเซ็นแล้ว ก็มีเขาประหลาดสีม่วงแวววาวครึ่งท่อนร่วงลงมา และร่อนลงบนพื้นทรายที่อยู่ใกล้เคียงจนเป็นหลุมลึกลงไปสองสามฉื่อ คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนหนักอึ้งอย่างหาที่เปรียบมิได้

ยามนี้หลังจากที่สิ่งปลูกสร้างสามเหลี่ยมปริแตกเป็นหลุมขนาดใหญ่ ก็มีเงาร่างคนบินออกมา และหยุดชะงักลอยตัวอยู่กลางอากาศ

เงาร่างคนนี้สวมชุดคลุมยาวสีเขียว ใบหน้าอ่อนเยาว์ นั่นก็คือหานลี่!

หานลี่เงยหน้าขึ้นกวาดตามองจุดที่อสูรประหลาดหายวับไปแวบหนึ่งแล้วสั่นศีรษะ พลางก้มหน้าลงกวาดตามองบ่อโลหิตอสูรบนพื้นแวบหนึ่ง เมื่อเห็นเขาสีม่วงครึ่งท่อนที่อยู่ในหลุมทราย ใบหน้าอมยิ้มเผยออกมา

ยกมือขึ้นตะปบไปกลางอากาศด้านล่าง ชั่วขณะนั้นพลังไร้รูปร่างก็แผ่ออกมา

เสียง ‘สวบ’ ดังขึ้น!

ชั่วขณะนั้นเขาสีม่วงครึ่งท่อนก็บินออกมาจากพื้นดิน แล้วร่อนลงในมือของหานลี่อย่างคล่องแคล่ว ราวกับว่าไม่มีน้ำหนักเลยสักนิด

หานลี่กวาดจิตสัมผัสไปบนเขาสีม่วงแวบหนึ่ง แววตาฉายแววพึงพอใจ แต่ทันใดนั้นก็หน้าเปลี่ยนสี สัมผัสอันใดได้ พลิกฝ่ามือ ชั่วขณะนั้นเขาที่ไม่สมบูรณ์พลันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

ครู่ต่อมาหานลี่ก็บินออกมาจากหลุมยักษ์ เงาร่างคนพลิ้วไหว เงาร่างอรชรอ้อนแอ้นบินออกมา กลับเป็นหญิงสาวผมสีม่วงของตระกูลไป๋ผู้นั้น

เมื่อหญิงสาวเห็นหานลี่ทันใดนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา ริมฝีปากบางพลันเผยอออกแล้วเอ่ยถาม

“พี่หาน ไล่ตามอสูรมารตัวนั้นทัน ต่อให้ไล่ตามไม่ทันก็ไม่เป็นไร อสูรตัวนี้ถูกพวกเราห้าคนทำให้ได้รับบาดเจ็บหนัก คิดดูแล้วน่าจะไม่กล้าเข้าใกล้สายแร่อีก”

“ท่านเซียนวางใจ! ยามที่อสูรตัวนี้หนีไป ก็ถูกข้าฟันกระบี่ลงไป ประกอบกับได้รับบาดเจ็บหนักก่อนหน้า คิดดูแล้วหากไม่รักษาแผลสักสองสามร้อยปี ก็ไม่อาจฟื้นฟูกลับมาดังเดิมได้” หานลี่ใช้นิ้วชี้ไปที่บ่อโลหิตแล้วตอบกลับอย่างราบเรียบ

“เป็นเช่นนี้ดังคาด เยี่ยมจริงๆ ปัญหานี้นับว่าแก้ไขแล้ว ยามนี้พวกเรากลับไปรวมตัวกับพวกพี่ๆ เถิด แล้วค่อยปรึกษาเรื่องที่เหลือกัน” หญิงผมสมี่วงกวาดสายตาไปยังพื้นทรายที่หานลี่ชี้ไป ชั่วขณะนั้นใบหน้าพลันเผยสีหน้ายินดีออกมา แต่ทันใดนั้นก็นึกอันใดขึ้นมาได้

“เอาล่ะ พวกเราลงไปกันเถิด” หานลี่ไม่มีความเห็นอื่น ทันใดนั้นก็พยักหน้าลอยไปทางหลุมยักษ์

หญิงสาวผมสีม่วงมองบ่อโลหิต ครุ่นคิดเล็กน้อย มือหยกตบไปกลางอากาศ

เสียง “ปัง” ดังขึ้น!

หลุมยักษ์ปรากฏขึ้นบนพื้นทราย ชั่วครู่พื้นทรายก็ดูดโลหิตอสูรเข้าไป แล้วจมลงไปจนหมด

เมื่อเห็นสถานการณ์นี้หญิงสาวผมสีม่วงถึงได้วางใจลง แล้วร่อนลงมาด้านล่างตามหานลี่ไปติดๆ

หลังจากผ่านไปสองสามชั่วยามในถ้ำที่เดิมมีการต่อสู้ดุเดือด หานลี่ หญิงสาวผมสีม่วง ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองและพวกทั้งสามรวมตัวกัน และปรึกษาอันใดกันอยู่

องค์เทพมังกรไม้และชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองแววตามืดมน ใบหน้าซีดขาวเล็กน้อย ดูเหมือนจะสูญเสียพลังปราณดั้งเดิมไป กลับเป็นหันฉีจื่อที่เผยแววตาเย็นชาดังเก่า สีหน้าเหมือนเดิมก็ไม่ปาน

“ท่านเซียนฟู่เทียน ตามที่เจ้าพูดอสูรมารตัวนั้นน่าจะเป็นวิญญาณมารที่ถือกำเนิดขึ้นในสายแร่ หากเป็นเช่นนั้นวิญญาณมารตนนี้ก็คงไม่ออกไปจากสายแร่ มิเช่นนั้นการรอคอยมันก็จะค่อยๆ สลายหายไปเอง” ไขมันบนใบหน้าขององค์เทพมังกรไม้กระเพื่อม ดวงตาเล็กๆ กะพริบปริบๆ ขณะเอ่ย

“วิญญาณมารตนนี้สังหารศิษย์ระดับหลอมสุญตาของตระกูลไป๋ไปหกคนได้ในพริบตา เกรงว่าระดับคงไม่ต่ำต้อย ไม่แน่ว่าอาจจะมีพลังสามารถออกไปจากที่นี่ได้” หญิงสาวผมสีม่วงกลับเอ่ยอย่างไม่มั่นใจนัก

“นั่นมันก็ใช่ ต่อให้พวกเราลงมือก็อย่าคิดจะสังหารตัวตนระดับหลอมสุญตาหกคนได้รวดเร็วเช่นนี้ ไม่ทราบว่าพี่ไป๋คิดจะทำอย่างไรต่อ” องค์เทพมังกรไม้พยักหน้าพลางครุ่นคิด จากนั้นก็เอ่ยถามย้อนกลับ

“แม้ว่าจะทำให้อสูรมารตนนี้ได้รับบาดเจ็บหนักและขับไล่ไป แต่ยังมีวิญญาณมารตัวนั้นอยู่ ก็ยังไม่อาจขุดสายแร่นี้ได้ตามปกติ เกรงว่าผู้แซ่ไป๋คงต้องให้สหายทั้งสามช่วยเหลือแล้ว มิเช่นนั้นอาศัยแค่ข้าและน้องห้าก็ไม่มั่นใจว่าจะจัดการกับวิญญาณมารตนนั้นได้” ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อได้ยินคำนี้องค์เทพมังกรไม้และหันฉีจื่อก็มองสบตากันแวบหนึ่ง หลังจากที่เขาขมวดคิ้วถึงได้เอ่ยออกมาอย่างแช่มช้า

“พี่ไป๋ เกรงว่าคงไม่ค่อยเหมาะสมกระมัง ตอนแรกที่พวกเราตกลงกันแค่รับมือกับอสูรมารระดับจอมมารขั้นปลายตัวนั้นเท่านั้น ยามนี้วิญญาณมารตนนั้นไม่ใช่เป้าหมายที่ตกลงกันไว้ และยิ่งไปกว่านั้นวิญญาณมารตนนั้นยังแปลกประหลาดเพียงนี้ แม้แต่สหายฟู่เทียนก็เกือบจะถูกทำร้าย ระดับความอันตรายเกรงว่าคงมากกว่าอสูรมารก่อนหน้า อีกอย่างการเคลื่อนไหวครั้งนี้เป็นเพราะมีวิญญาณมารอีกตัวเข้ามารบกวน พวกเราก็แบกรับอันตรายไม่น้อยแล้ว มิเช่นนั้นข้าน้อยก็อาจจะเสียเปรียบใหญ่”

องค์เทพมังกรไม้กระแอมไอเบาๆ ท่าทางไม่อยากเสี่ยงอันตรายอีก

แม้ว่าหันฉีจื่อจะไม่ได้พูด แต่เห็นได้ชัดว่าก็มีเจตนาไม่ต่างจากนี้

ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองได้ยินก็มีสีหน้าเคร่งขรึมเล็กน้อย ในใจเกิดความรู้สึกโกรธขึ้นมาหลายส่วน แต่ปากกลับเอ่ยอย่างราบเรียบ

“เรื่องวิญญาณมารครั้งนี้เป็นความผิดพลาดของตระกูลไป๋ ที่ไม่ได้ตรวจสอบการดำรงอยู่ของมันมาก่อน มิเช่นนั้นจะต้องเตรียมอาวุธวิเศษมาต่อกรกับมันแน่ ทว่าพี่มังกรไม้โปรดวางใจ ขอแค่ทุกท่านช่วยต่อ ค่าตอบแทนที่ตระกูลไป๋ของพวกเราจะให้ย่อมต้องเพิ่มขึ้นเท่าหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าวิญญาณมารตนนี้จะมีอิทธิฤทธิ์แปลกประหลาด แต่เปลวเพลิงมารของสหายหาน ดูเหมือนว่าจะควบคุมวิญญาณมารชนิดนี้ได้ และยิ่งไปกว่านั้นยังสังหารร่างแยกของมันได้อย่างคาดไม่ถึง ยามนี้มันน่าจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย อิทธิฤทธิ์น่าจะหายไปครึ่งหนึ่ง เป็นโอกาสดีที่พวกเราจะสังหารมัน”

เอ่ยจบชายร่างใหญ่ก็ฉีกยิ้มให้หานลี่ และถ่ายทอดเสียงมา

“ขอแค่พี่หานยอมช่วยกำจัดวิญญาณมารตนนี้ นอกจากจะมอบกิ้งก่าหกขาให้เพิ่มแล้ว ผู้แซ่ไป๋ยอมให้สหายเลือกสมบัติในคลังตระกูลไป๋เพิ่มขึ้นสามชิ้น”

หลังจากที่หานลี่หรี่ตาลงเล็กน้อย ก็ใจเต้น พยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ

ชายร่างใหญ่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็ผ่อนคลายลง

หากต่อกรกับวิญญาณมารตนนั้น หานลี่สามารถใช้อิทธิฤทธิ์เปลวเพลิงสีเงินที่เหนือกว่าได้ ย่อมขาดไปไม่ได้แล้ว

“เพิ่มค่าตอบแทนให้! รวมถึงเมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตหรือไม่” องค์เทพมังกรไม้ได้ยินคำพูดของชายร่างใหญ่ ก็เผยสีหน้ายินดีออกมาพลางรีบร้อนเอ่ยถาม

“ขออภัยด้วย! เมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิต ตระกูลไป๋ของพวกเราไม่มีแล้วจริงๆ แต่ผู้แซ่ไป๋ยอมใช้โลหิตหลอมทองบริสุทธิ์เป็นของตอบแทน พี่มังกรไม้คิดว่าอย่างไร ข้าจำได้สหายดูเหมือนจะตามหาสิ่งนี้มาระยะหนึ่งแล้ว” ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองดูเหมือนจะคาดเดาเอาไว้นานแล้ว จึงตอบกลับอย่างไม่ต้องขบคิด

“โลหิตหลอมทองบริสุทธิ์ แม้ว่าสิ่งนี้จะสู้เมล็ดข้าวเขี้ยวโลหิตไม่ได้ แต่สำหรับข้าแล้ว กลับพอจะเป็นค่าตอบแทนได้” องค์เทพมังกรไม้พลันตะลึงงัน หลังจากที่มีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใส ก็ฝืนตอบรับ

“เยี่ยม! สหายหันฉีจื่อและพี่หานเองก็ไม่มีความเห็นสินะ” ชายร่างใหญ่ดีใจ หันหน้าไปเอ่ยถามหันฉีจื่อ

หลังจากที่หันฉีจื่อแววตาเปล่งประกาย ก็พยักหน้าอย่างแช่มช้า

หานลี่ย่อมหัวเราะน้อยๆ แสดงออกว่าเห็นด้วย

ดังนั้นในเมื่อเริ่มปรึกษาวิธีการต่อกรกับวิญญาณมารตัวนั้นอย่างละเอียดแล้ว สุดท้ายก็หาวิธีได้

เวลาต่อจากนี้กลุ่มคนจึงเริ่มนั่งสมาธิมือกุมศิลามารอยู่ภายในถ้ำ ไม่ได้รีบเคลื่อนไหวทันใด

สองสามวันต่อมาในที่สุดทุกคนก็ฟื้นฟูพลังยุทธ์ได้แล้ว และเริ่มแบ่งกลุ่มเคลื่อนไหว

ยังคงเป็นหานลี่และหญิงสาวผมสีม่วงที่อยู่กลุ่มเดียวกัน ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองและองค์เทพมังกรไม้ หันฉีจื่ออยู่ด้วยกัน และค้นหาทางเดินบนสายแร่ไปตามถนนสองสายที่แตกต่างกัน

สองวันต่อมาภายในทางเดินเหมือนนิรนามสายหนึ่ง หญิงสาวผมสีม่วงกุมจานทรงกลมเดินอยู่ด้านหน้าสุด ส่วนหานลี่ก็ตามอยู่ด้านหลังอย่างไม่รีบร้อน

ฝีเท้าของหญิงสาวผู้นี้ไม่นับว่าไวนัก และบางครั้งก็ก้มหน้าตรวจสอบจานทรงกลม แต่ก็ไม่ผลอันใด

“จานผนึกวิญญาณสัมผัสตำแหน่งของวิญญาณมารได้จริงๆ หรือ” ในที่สุดหานลี่ก็เอ่ยปากถาม

“พี่หานโปรดวางใจ แม้ว่าจานผนึกวิญญาณนี้จะไม่ใช่อาวุธมารที่ใช้ต่อกรกับวิญญาณมารโดยเฉพาะ เดิมใช่ตรวจสอบวัตถุดิบที่หายาก แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็ยังคงใช้ได้ ขอแค่วิญญาณมารเข้าใกล้พวกเราในรัศมีร้อยจั้ง พวกเราก็จะพบทันที มิเช่นนั้นจากลักษณะพิเศษของการรวมตัวกันของวิญญาณมารและสายแร่ ใช้จิตสัมผัสย่อมไม่อาจตามหามันได้” หญิงสาวผมสีม่วงหันกลับมาตอบด้วยรอยยิ้มเบิกบาน

“แต่มารวิญญาณตนนี้มีสติปัญญาไม่ต่ำต้อย เกรงว่าคงไม่มาหาพวกเราเอง” หานลี่กลับเอ่ยพร้อมกับสั่นศีรษะ

“เช่นนั้นพวกเราก็ตามหารากฐานของวิญญาณตนนี้ แม้ว่ามันจะเป็นวิญญาณที่สร้างขึ้นจากสายแร่ หากรากฐานมันถูกทำลาย ก็จะสลายหายไปเช่นกัน” หญิงสาวผมสีม่วงตอบกลับอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

“แม้ว่าจะกล่าวเช่นนี้แต่สายแร่กว้างใหญ่เพียงนี้ จะตามหารากฐานของมัน เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่แน่ว่าอาจจะต้องใช้เวลามากกว่าเจ็ดแปดวัน!” หานลี่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่งขณะเอ่ย

“พี่หานพูดเช่นนี้ก็เกินไป ค่าตอบแทนที่ตระกูลไป๋ของพวกเรายอมจ่า หรือว่าแม้แต่เวลาหกเจ็ดวันก็ไม่คุ้มค่าหรือ” หญิงสาวหัวเราะน้อยๆ ออกมา แล้วเผยความเย้ายวนขณะเอ่ย

“หึๆ ครั้งนี้คงคิดแค่นี้ไม่ได้” หานลี่หัวเราะหึๆ แล้วเอ่ยอย่างมีเลศนัย

แววตางดงามของหญิงสาวผมสีม่วงกลอกไปมายามที่กำลังคิดจะเอ่ยอันใดนั้น ฉับพลันนั้นบนเรือนร่างก็มีเสียงหึ่งๆ ดังออกมา ยามที่เขากำลังตกตะลึง มือหนึ่งก็ตบไปที่หว่างเอวทันที ทันใดนั้นสิ่งหนึ่งก็บินออกมา

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นอาวุธมารทรงแผ่นป้าย

เมื่อหญิงสาวผมสีม่วงใช้นิ้วชี้ไปที่แผ่นป้ายอย่างรวดเร็ว ก็มีเสียงยินดีของชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองดังมา

“น้องห้า รีบกลับมาเถิด พวกเราหาวิญญาณมารตัวนั้นเจอแล้ว และยิ่งไปกว่านั้นยังร่วมมือกันสังหารมันแล้ว เหมือนที่เดาไว้ก่อนหน้า วิญญาณมารตนนี้อ่อนแอมาก ไม่อาจต่อสู้ได้นานนัก”

หญิงสาวผมสีม่วงได้ยินก็อดที่จะตกตะลึงไม่ได้

ส่วนหานลี่ที่อยู่ด้านข้างก็ได้ยินทุกอย่าง ทันใดนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มบางๆ

“ดูแล้วพวกเราไม่ต้องอยู่ที่นี่อีกสิบวันครึ่งเดือนแล้ว ได้กลับเมืองฮ่วนเย่ไวหน่อยแล้ว”