วันต่อมา หิมะยังโปรยปรายเหมือนเดิม

อุทยานอวี้ฮัวภายในวัง

ฉินซางต้าตี้อยู่ในศาลาทิงหยู่ มองปลาคาร์ปเล่นกันในบึงด้วยรอยยิ้ม ฝ่ามือขยับเล็กน้อยเป็นระยะ ปลาคาร์ปในบึงกระโดดตามขึ้นมา

“ฝ่าบาท หลู่เฉิงเซี่ยงขอเข้าเฝ้าครับ”

องครักษ์คนหนึ่งคุกเข่าข้างหนึ่งลงบนพื้น ทำความเคารพฉินซางต้าตี้

ฉินซางต้าตี้พูดโดยไม่หันหน้ามา “ให้เขาเข้ามาสิ”

ไม่นาน ผู้อาวุโสในชุดขาวเดินเข้ามา

ดูเหมือนเขาอายุเกิน 60 ปีแล้ว หงอกขาวทั้งหัว เสื้อเป็นเสื้อผ้าทอ ไม่หรูหรา แขนเสื้อกว้างจนแทบจะปิดมือทั้งสองข้างจนมิด มีเข็มขัดหยกตรงเอว สวมรองเท้าบูทผ้ายาว ดูแข็งแรงมีชีวิตชีวา เขาคือหลู่ชิงโหว เฉิงเซี่ยงสามัญชน ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของประเทศอู่อาน

หลู่ชิงโหวรีบเดินมาหน้าศาลาแล้วคุกเข่าลงทั้งสองข้าง ทำความเคารพจักรพรรดิ

“กระหม่อมขอพบฝ่าบาท!”

ฉินซางต้าตี้หันหน้ามาพูดกับหลู่เฉิงเซี่ยงว่า “นายมาแล้วเหรอ นั่งสิ”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!”

หลู่เฉิงเซี่ยงทำความเคารพอีกครั้ง จากนั้นลุกขึ้นนั่งตรงข้ามกับจักรพรรดิฉนซาง

บนโต๊ะมีน้ำชาวางไว้เรียบร้อยแล้ว หลู่เฉิงเซี่ยงรินชาให้ฉินซางต้าตี้อย่างชำนาญจนผิดปกติ

“ไม่ทราบว่าวันนี้ฝ่าบาทเรียกฉันมา มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”

“ไม่มีอะไรหรอก เบื่อนิดหน่อย อยากหาคนมาคุยกัน นายก็รู้ว่าข้าราชการทั้งบุ๋นและบู๊ทั่วราชสำนัก มีแค่นายที่ความรู้กว้างขวาง ดังนั้นฉันจึงเรียกนายมาคุยกัน หลู่เฉิงเซี่ยง ช่วงนี้มีเรื่องอะไรใหม่ๆ บ้าง”

ฉินซางต้าตี้จิบชาเบาๆ แล้วถามด้วยรอยยิ้ม

หลู่เฉิงเซี่ยงครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “ไม่มีเรื่องใหญ่อะไรนะครับ ช่วงก่อนหน้านี้ ธิดาเทพประเทศเป่ยเสินออกจากหอเทวาลัย ว่ากันว่าตอนนี้วิทยายุทธแดนปราณฟ้าแล้วครับ”

ฉินซางต้าตี้พยักหน้าพูดว่า “เรื่องนี้ฉันก็ได้ยินมาเหมือนกัน ประเทศเป่ยเสินมีธิดาเทพออกสู่ใต้หล้าอีกรุ่นแล้ว น่าจะเป็นเพราะการแข่งนานาประเทศ แต่คิดว่าเทพธิดาพวกนั้นไม่น่าจะได้อันดับดี ทุกครั้งที่ธิดาเทพออกจากหอเทวาลัย จะมีสีสันเป็นอย่างมาก ไม่นานก็ตายอยู่ข้างนอก ครั้งนี้ 80 เปอร์เซ็นต์ก็ไม่น่าจะต่างกัน”

หลู่เฉิงเซี่ยงยิ้มแล้วพูดว่า “ฝ่าบาทพูดถูกต้องมากครับ วิชาที่หอเทวาลัยของประเทศเป่ยเสินฝึกฝน มันคือวิธีการค้นหาโชคชะตา แต่โชคชะตาหาง่ายขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะครับ หาไม่เจอก็ต้องตาย อืม อีกเรื่องคือที่อาณาจักรอสูรซีเหลียง ได้ยินว่ามีเด็กคนหนึ่งเข้าธรรมจักษุของอสูรศักดิ์สิทธิ์ จึงรับเป็นศิษย์ เหมือนปีนี้ก็จะออกจากการเก็บตัวแล้วครับ”

ฉินซางต้าตี้พูดอย่างประหลาดใจ “หืม ศิษย์อสูรศักดิ์สิทธิ์เหรอ ต้องไม่ธรรมดาแน่นอน อย่าบอกนะว่าครั้งนี้อาณาจักรอสูรซีเหลียงกะจะมีชื่อเสียงอย่างรวดเร็วในการการแข่งนานาประเทศ”

หลู่เฉิงเซี่ยงยิ้มแล้วพูดว่า “พวกเขาคิดเช่นนี้ แต่จะทำได้หรือไม่ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาตัดสินได้ เกรงว่าถึงเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่มีความมั่นใจว่าจะสอนศิษย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังออกมาได้”

ฉินซางต้าตี้พยักหน้าเบาๆ หลังจากนั้นถอนหายใจยาวออกมา “เฮ้อ ประเทศอู่อานไม่มีคนเก่งๆ ที่เอาออกมาโชว์ได้เลยเหรอ น่าเสียดาย ลูกชายสองคนของฉันก็ไม่เอาไหน ทั้งชีวิตคงออกจากอู่อานไม่ได้ ถ้าพวกเขาเอาการเอางานสักหน่อย ฉันจะทุ่มสุดกำลังเพื่อบ่มเพาะพวกเขา ถ้าตระกูลฉินของฉันมีขุนพลังสุดเหนือฟ้าออกมาได้อีกสักคน คงไม่มีอะไรดีกว่านี้อีกแล้ว”

หลู่เฉิงเซี่ยงยิ้มแล้วพูดว่า “ฝ่าบาทไม่ต้องเศร้าหรอกครับ ไท่จื่อกับองค์ชายรองยังหนุ่ม ต่อไปยังมีเวลาให้ฝึกฝนอีกเยอะ เตี้ยนเซี่ยทั้งสองพระองค์เป็นผู้ที่มีการไหลเวียนของเลือดสมบูรณ์ตั้งแต่เกิด มีพรสวรรค์อยู่แล้ว แค่เมื่อไรที่พวกเขารู้ถึงความสำคัญของการฝึกฝน พวกเขาจะสามารถทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว วิทยายุทธก็ก้าวหน้ารวดเร็วจนน่าตกใจ”

ฉินซางต้าตี้โบกมือไปมาแล้วพูดว่า “หลู่เฉิงเซี่ยง นายแค่กำลังปลอบใจฉันเท่านั้น ลูกชายสองคนของฉันนิสัยยังไง ฉันรู้อยู่แก่ใจอย่างชัดเจน พูดเรื่องอื่นเถอะ นายว่าการคัดเลือกครั้งนี้ ใครมีแนวโน้มที่จะชนะ”