ตอนที่ 773: ความแข็งแกร่งของหยางยู่เทียน (4)
เจี้ยนเฉินมองไปที่หยุนเทียนด้วยแววตาแห่งความเยาะเย้ย “เจ้าสามารถหยุดข้าจากการร่ายสุดยอดทักษะทั้งสามแล้วอย่างไร ? เจ้าสามารถที่จะทำให้ข้าบาดเจ็บได้เพราะว่าเจ้าหยุดข้าได้อย่างนั้นหรือ ? เซียนผู้คุมกฎที่ทรงพลังก็ไม่สามารถทำร้ายข้าได้ กะอีแค่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ธรรมดาไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าข้าเลย”
แสงสีขาวเต็มไปหมด เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงมากกว่า 30 คนได้บินเข้ามาจากทุกทิศทางเข้ามาหาเจี้ยนเฉินในขณะที่เขาพูด มันปิดเส้นทางการหลบหนีทั้งหมดของเจี้ยนเฉินไป
“เจ้าพยายามที่จะทำร้ายแค่ด้วยกระบี่พลังเซียนธาตุแสงธรรมดางั้นหรือ ! ” เจี้ยนเฉินคำราม ครั้งนี้เขาไม่ได้หลบการโจมตีและยืนอยู่ตรงนั้นและกางแขนออกเพื่อรับการโจมตีจากกระบี่ที่พุ่งเข้ามาหาเขา
ชั้นจาง ๆ ของแสงสีทองจากเกราะไหมบรรพกาลได้ห่อหุ้มเจี้ยนเฉินเอาไว้ ทันทีที่กระบี่มาสัมผัสกับชั้นแสงบาง ๆ นั้น มันก็หายไปจนสังเกตเห็นได้ภายในพริบตา พลังเซียนธาตุแสงทั้งหมดถูกดูดซับเอาไว้จากผ้าไหมนั้น
เมื่อเห็นดังนั้น ใบหน้าที่เคยมั่นใจของหยุนเทียนก็กลับมามืดมนอีกครั้ง เขาจ้องไปที่ชั้นแสงสีทองบนตัวเจี้ยนเฉินด้วยความอิจฉาลึก ๆ เขารู้ว่านี้คือสมบัติป้องกันตัวที่เจี้ยนเฉินสวมใส่อยู่
“ถ้าข้ามีเกราะไหมทองนี้ละก็ ข้อเสียของการมีร่างกายที่เปราะบางของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงก็จะหายไป แม้แต่ข้าจะต่อสู้กับเซียนผู้คุมกฎ ข้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกลัว ข้าต้องเอามันมาให้ได้” หยุนเทียนขบฟัน แล้วตัดสินใจว่าเขาจำเป็นจะต้องเอามันมาให้ได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
“สมบัติป้องกันตัวชิ้นนี้ทรงพลังมาก ไม่สงสัยเลยว่ามันสามารถป้องกันการโจมตีจากเซียนผู้คุมกฎได้อย่างไร มันทำให้กระบี่พลังเซียนธาตุแสงมากกว่าสามสิบเล่มของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ไร้ค่าไปอย่างง่ายดายเลย” ซาร์ ทิลอสมองเจี้ยนเฉินไปด้วยความสนใจ และเขาเผยให้เห็นความโลภภายในดวงตาที่ไม่อาจปิดบังได้ออกมา เขาคิด “ข้าต้องเอาเกราะชิ้นนี้มาให้ได้ ถ้าข้าใส่มันละก็ ข้าก็จะสามารถรอดได้ต่อหน้าเซียนผู้คุมกฎ”
“นี่คือสมบัติป้องกันตัวของหยางยู่เทียนอย่างนั้นหรือ ? มันทรงพลังมากเกินไป” ทุกคนจากตระกูลคาซดาตกตะลึงและพวกเขามองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความละโมบ พวกเขาคงไม่ใช่พวกเดียวที่อยากได้ แม้แต่เซียนผู้คุมกฎคงจะถูกล่อลวงโดยสมบัติที่ทรงพลังเช่นนี้
เกราะไหมบรรพกาลได้ดูดซึมกระบี่พลังเซียนธาตุแสงมากกว่า 30 เล่มเอาไว้ทันทีที่สัมผัสโดนกับมัน ทุกคนเบิกตากว้างจ้องมองและพูดไม่ออกไปที่ชั้นแสงสีทองรอบ ๆ เจี้ยนเฉินอย่างเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตาม เจี้ยนเฉินไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหวเพราะสิ่งนี้ เขาคิด แล้วกระบี่พลังเซียนธาตุแสง 9 เล่มก็ถูกควบรวมและยิงออกไปที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง 3 คนที่ใกล้ที่สุด มันทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บหนักและออกจากการแข่งขันด้วยพลังของวัตถุเซียน
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดจากคนทั้งสามทำให้ทุก ๆ คนที่อยู่ที่นี่สะดุ้งและได้สติกลับคืน หลังจากนั้นไม่นาน คนที่กำลังโจมตีเจี้ยนเฉินก็พุ่งกลับไปและถอยห่างออกจากเจี้ยนเฉิน
“ทุกคนอย่าไปกลัว หลังจากที่ป้องกันการโจมตีจากพวกเราแล้ว เกราะทองบนตัวหยางยู่เทียนคงได้รับความเสียหายบ้าง พวกเรามาโจมตีไปที่เขาและให้พลังงานจากเกราะหายไป เมื่อการป้องกันหายไปแล้ว ไม่ว่าหยางยู่เทียนจะเหนือมนุษย์เพียงใด เขาก็ไม่สามารถต่อต้านการโจมตีจากคนหลาย ๆ คนได้” หยุนเทียนตะโกนออกมา ก่อนที่จะเหวี่ยงมือ กระบี่พลังเซียนธาตุแสงถูกควบรวมขึ้นมาและยิงไปที่เจี้ยนเฉิน
สายตาที่เจี้ยนเฉินมองไปยังหยุนเทียนเต็มไปด้วยจิตสังหารที่ทรงพลัง กระบี่พลังเซียนธาตุแสง 9 เล่มปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา และเรียงตัวเป็นเส้นตรงโจมตีไปที่หยุนเทียน
“พวกเราจะปล่อยให้หยางยู่เทียนกำจัดพวกเราไปทีละคนไม่ได้ ทุก ๆ คนโจมตีไปพร้อม ๆ กันและทำลายกระบี่ของเขาซะ เราจะทำให้พลังของเขาหมดและรักษาพลังของพวกเราเอาไว้ เขาจะทนไม่ได้นานนักหรอกเมื่อต้องรับมือกับพวกเราหลายคนด้วยตัวของเขาเองคนเดียว” ซาร์ ทิลอสก็ตะโกนออกมาด้วย ก่อนที่จะควบรวมกระบี่พลังเซียนธาตุแสง พวกเขายิงไปที่กระบี่ทั้งเก้าเล่มที่พุ่งไปทางหยุนเทียนด้วยความเร็วดุจสายฟ้า และทำลายกระบี่ไป 3 เล่ม ในขณะเดียวกัน ตามที่ซาร์ ทิลอสกระตุ้นทุกคน เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงรอบ ๆ ก็ควบรวมกระบี่พลังเซียนธาตุแสงหรือโล่พลังเซียนธาตุแสงเพื่อช่วยหยุนเทียน
ภายใต้การร่วมมือของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงมากกว่า 30 คน กระบี่ทั้งเก้าของเจี้ยนเฉินก็สลายไปกลางอากาศโดยทำอันตรายให้กับหยุนเทียนไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ท่าทีของเจี้ยนเฉินมืดมนลงเล็กน้อย เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงห้าสิบกว่าคนที่อยู่รอบ ๆ ไม่มีใครที่ไม่แข็งแกร่งเลย ถ้าพวกเขายังคงร่วมมือกันอยู่แบบนี้ มันคงจะยากที่จะกำจัดพวกเขาได้ เว้นเสียแต่ว่าเขาจะร่ายหนึ่งในสามทักษะสุดยอดได้สำเร็จหรือเปิดเผยตัวตนของเขาในฐานะนักสู้
เขาไม่สามารถเปิดเผยตัวตนในฐานะนักสู้ได้ ในขณะที่ทักษะสุดยอดทั้งสามคือทักษะธาตุแสงที่แข็งแกร่งที่สุดที่สามารถใช้ได้โดยเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 7 แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะร่ายมันได้อย่างยากลำบากบ้าง และทักษะนั้นก็คงออกมาไม่สมบูรณ์ และเขายังต้องใช้เวลาในรวบรวมทักษะขึ้นมา แต่ทักษะก็สามารถถูกขัดได้ในช่วงเวลาหนึ่ง ดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงลำบากที่จะฆ่าคนห้าสิบกว่าคนนั้นเพียงใช้แค่กำลังของเขาในฐานะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง
“น้องหยางยู่เทียน ให้ข้าช่วยเจ้าเอง ! ” ทันใดนั้นเอง เสียงคำรามก็ดังก้องมาแต่ไกล แสงหลายลำพุ่งเข้ามาใกล้ที่บริเวณ คนที่นำกลุ่มอยู่คือกวานหยูไค่ คนที่ไม่เคยปรากฎตัวออกมาเลยตั้งแต่พวกเขาแยกกันที่เรือ
กวานหยูไค่ขี่เมฆขาวและมากับกลุ่มหลายคน ในขณะที่เขาเข้ามาใกล้เจี้ยนเฉิน สายตาของเขาแน่วแน่ “ในครั้งนี้ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นใครก็ตาม ข้า กวานหยูไค่ จะไม่ยอมแพ้ มันจะเป็นเรื่องดีที่ข้าได้ช่วยน้องหยางยู่เทียนจากอันตราย ใครจะไปรู้ เขาอาจจะสุดยอดสอนทักษะทั้งสามแก่ข้า เพื่อสุดยอดทักษะทั้งสาม ข้าจะยอมทุกอย่าง”
เมื่อเห็นกำลังเสริมของเจี้ยนเฉิน ทั้งซาร์ ทิลอสและหยุนเทียนก็มีท่าทีมืดมน ซาร์ ทิลอสตะโกนออกมา “นี่เป็นเรื่องของตระกลูซาร์ อย่าได้สอดมือเข้ามายุ่งถ้าพวกเจ้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่เช่นนั้น พวกเจ้าจะกลายเป็นศัตรูกับตระกูลซาร์ของเมืองแห่งเทพเจ้า”
หยุนเทียนไม่ปรารถนาที่จะตามหลังซาร์ ทิลิส เขาจึงตะโกนออกมาด้วย “และสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงของข้า ถ้ามีใครเข้ามาสอดล่ะก็ เจ้าจะเป็นศัตรูกับสมาคมของข้า”
“บ้าเอ้ย ทำไมคนที่เป็นศัตรูกับหยางยู่เทียนถึงมีคนหนุนหลังที่ทรงพลังมากขึ้นทุกที ? ครั้งที่แล้วก็แปดตระกูลใหญ่ และครั้งนี้ก็เป็นผู้นำของแปดตระกูลใหญ่ และข้ายังจำเป็นที่จะต้องไปยั่วยุให้สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงโกรธอีก” ท่าทางของกวานหยูไค่ที่เข้ามาอย่างรวดเร็วเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย หลังจากนั้นไม่นาน ความสงสัยก็ปรากฎขึ้นในตาของเขา “ไม่สิ หยางยู่เทียนเป็นศิษย์ของท่านประธาน ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะกลายเป็นศัตรูกับสมาคม คนที่พูดก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะเป็นศิษย์คนที่ 2 ของท่านประธาน อ้อ ข้าเข้าใจทั้งหมดแล้วในตอนนี้!”
กวานหยูไค่เข้าใจในที่สุด เขาหัวเราะออกมาเสียงดังและตอบกลับ “หยุนเทียน เจ้าคนเดียวไม่เพียงพอที่จะอ้างถึงสมาคมทั้งหมดได้หรอก น้องหยางยู่เทียน ให้ข้าช่วยเจ้าเอง ข้าจะไม่ทนมองเห็นความสำเร็จในอนาคตของสมาคมตกอยู่ในแผนการที่ชั่วร้ายของคนอื่น เจ้าคือประธานคนต่อไปของสมาคม เจ้าจะมาพ่ายแพ้ให้กับคนพวกนี้ไม่ได้”
ท่าทีของหยุนเทียนเริ่มมืดมน สิ่งที่กวานหยูไค่พูดนั้นล้ำเส้นเขา และเป็นบางอย่างที่เขาทนไม่ได้
“กวานหยูไค่ ยังเหลือการแข่งขันอีกหลายวัน ข้า หยุนเทียน จะจำสิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เอาไว้” หยุนเทียนขบฟันพูด
“หยุนเทียน เจ้ากล้าพูดวางท่าและกล้าต่อต้านประธานคนต่อไปของสมาคมเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าจะสามารถอยู่ที่สมาคมได้นานกว่านี้เลย” กวานหยูไค่เป็นชายที่ดื้อรั้นและภาคภูมิใจในตนเองมาก แม้ว่าเขาจะกลัวต่อพลังอำนาจ แต่เขาก็ไม่ได้กลัวมากขนาดนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะยอมรับความจริงที่ว่าเจี้ยนเฉินอาจจะกลายเป็นประธานคนต่อไปของสมาคม ดังนั้นเขาจึงไม่ลังเลที่จะพูดออกไปเลย
“กวานหยูไค่ เจ้ามันรนหาที่ตาย ! ” หยุนเทียนบินเข้ามาด้วยความโกรธ เขายกเลิกการโจมตีเจี้ยนเฉินและยิงมาที่กวานหยูไค่แทน และเปลี่ยนมาต่อสู้กับเขาแทนอย่างรวดเร็ว
เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงที่ตามกวานหยูไค่มายืนอยู่ห่างออกไป พวกเขาไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมการต่อสู้ และไม่ปรารถนาที่จะถูกดึงเข้าไปร่วมในสถานการณ์นี้
หยุนเทียนไม่ได้อ่อนแอเลย เขาเป็นคนที่ติดอันดับหนึ่งในสิบของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 และสามารถกำจัดผู้ยอดยุทธหลายคนที่อยู่ในระดับเดียวกันกับเขาได้อย่างไม่ยากเย็น ด้วยการมาถึงของกวานหยูไค่ กองกำลังที่กำลังต่อสู้กับเจี้ยนเฉินอยู่ลดลงถึงสองในสิบส่วนทันที และลดแรงกดดันจากเจี้ยนเฉินได้เป็นอย่างมาก
เจี้ยนเฉินใช้ความได้เปรียบจากสถานการณ์ เขาใช้เกราะไหมบรรพกาลเพื่อป้องกันการโจมตี เขาเลือกเป้าหมายหลายคนอย่างรวดเร็วและกระบี่พลังเซียนธาตุแสงที่มากขึ้นก็เริ่มมาควบรวมอย่างรวดเร็ว ในพริบตาเดียว เขาก็ฆ่าคนในกลุ่มไปได้อีก 4 คน ทำให้พวกเขาถูกพาออกไปจากการแข่งขันด้วยพลังของวัตถุเซียน
“หยุนเทียน รีบกลับมาเร็ว ! ” ท่าทีของซาร์ ทิลอสเปลี่ยนไปเล็กน้อย ถ้าเขายังทำแบบนี้ต่อไป เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงกว่าห้าสิบคนที่อยู่ข้างเขาต้องแพ้ไปทีละคน ๆ ในไม่ช้าก็เร็ว
ท่าทีของหยุนเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาสังเกตดูสถานการณ์อยู่ แต่เขาจำเป็นต้องทำให้กวานหยูไค่ยุ่งอยู่กับการต่อสู้ แม้ว่ากวานหยูไค่จะไม่ใช่หนึ่งในสิบอันดับแรกของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 แต่เขาก็ทรงพลังมากและแข็งแกร่งพอที่จะท้าทายคนที่ติดหนึ่งในสิบได้ สถานการณ์คงจะมีแต่แย่ลงถ้าเขาเข้าร่วมและทำให้คนอื่นบาดเจ็บหนัก
ในตอนนี้ หยุนเทียนดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงบางอย่าง เขากำลังใช้โล่พลังเซียนธาตุแสงเพื่อป้องกันการโจมตีของกวานหยูไค่ เขาหันหลังแล้วมองกลับไปไกล เขาเห็นคนบางคนใกล้เข้ามาที่บริเวณนี้อย่างรวดเร็ว คนที่นำมากนั้นสวยงามและอายุยี่สิบกว่า ๆ เป็นคนที่มีรูปลักษณ์ที่สามารถบดบังรัศมีของดวงจันทร์และทำให้ปลาหยุดว่ายน้ำได้เลย
หยุนเทียนยินดีอย่างมากทันที เขาตะโกนออกมาอย่างเร่งรีบ “ท่านคารา ลี่เว่ย มาถูกเวลาเลย มาช่วยซาร์ ทิลอสและคนอื่น ๆ รับมือหยางยู่เทียนเถอะ เมื่อทุกอย่างจบแล้ว หยุนเทียนจะไม่ลืมข้อตกลงที่ได้คุยไว้เลย”
กลุ่มคนที่เพิ่งมาถึงนั้นรากฎว่าเป็นคนของตระกูลคารา ซึ่งนำโดยคารา ลี่เว่ย พวกเขาพุ่งตรงมาที่เจี้ยนเฉิน
เมื่อเห็นกำลังเสริมจากตระกูลคารา คนที่กำลังต่อสู้กับเจี้ยนเฉินก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แม้แต่ท่าทีที่ผ่อนคลายนั้นก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้าของซาร์ ทิลอสด้วย เขารู้ดีว่าคารา ลราเว่ยนั้นแข็งแกร่งเพียงใด ถ้าไม่นับหยางยู่เทียนแล้ว คารา ลี่เว่ยนั้นเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากระดับ 7 นางเป็นผู้ที่อยู่สูงสุดท่ามกลางระดับ 6