แรงกดดันที่น่ากลัวได้กรูเข้ามา

หงส์ดำหมายถึงความมืดมิด มันมิใช่อะไรที่ดีงาม!

สีหน้าของกู้ไป๋อีหม่นหมองลง!

อู๋ตี้และเสี่ยวหงได้กระโจนออกไป พวกมันกล่าวขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว “ไอ้เศษซากวิญญาณวิหค เจ้ากลับกล้าที่จะแผ่พลังกดดันใส่นายท่านของพวกข้า เจ้าอยากที่จะหายไปอย่างสมบูรณ์รึ?”

แรงกดดันที่แปลกประหลาดสองชนิดได้พุ่งไปทางหงส์ดำโบราณนั้น

ปีกทั้งสองข้างของหงส์ดำโบราณพลันแข็งทื่อขึ้นมา ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นมองที่พวกมันแล้วกล่าว “พวก…พวกเจ้า…”

“ข้ามิได้มีเจตนาร้าย เพียงแต่เมื่อพวกเจ้ามาถึงที่แห่งนี้ ข้าอยากจะขอให้เจ้าช่วยเหลือข้าสักเรื่องหนึ่งก็เท่านั้น”

มู่เฉียนซีตะลึงค้าง “ช่วยเหลือ? เจ้าเป็นสัตว์เทพโบราณ ยังต้องการความช่วยเหลือจากพวกเราเหล่ามนุษย์?”

“ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นสัตว์เทพโบราณก็ตาม แต่ก็มีเรื่องที่ข้าไม่สามารถทำได้ ดังนั้นแล้วจึงหวังว่าจะมีคนช่วยทำให้ได้”

“แต่ว่าข้าไม่อยากทำ!”

หลังจากที่ได้ผ่านอันตรายมาถึงสองหนแล้ว เรื่องที่จะต้องทำต่อจากนี้ไปจะต้องอันตรายมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อย่างแน่นอน

“ขอแค่เพียงพวกเจ้าทำภารกิจให้สำเร็จ ข้าสามารถจะส่งตัวพวกเจ้าออกไปได้”

มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่จำเป็น พวกเราจะคิดหาวิธีออกไปเอง”

“หากว่าเจ้าทำภารกิจสำเร็จ ข้าสามารถบอกสิ่งที่ข้าได้รู้มาทั้งหมดแก่เจ้าได้ และจะบอกแก่พวกเจ้าไปทั้งหมด ข้าผู้เป็นหงส์ดำโบราณมีชีวิตอยู่มาตั้งนานปีแล้ว คนหนุ่มสาวเอ๋ย พวกเจ้าไม่มีเรื่องอันใดที่อยากรู้หรือ?”

มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ข้านึกว่าเจ้าอยู่มาตั้งนานขนาดนี้จะมีสมบัติเก็บซ่อนเอาไว้เสียอีก! แต่นึกไม่ถึงเลยว่าไพ่ตายของเจ้าจะเป็นเช่นนี้!”

“เฮ้อ! ตกมาอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ข้ายังจะมีหนทางใดอีกเล่า?” หงส์ดำโบราณถอนหายใจพร้อมกล่าวออกมา

“แต่ว่าที่เจ้ากล่าวมาก็ไม่ผิด ข้าอายุยังน้อยมีเรื่องที่อยากรู้มากมายนัก ดังนั้นแล้วข้าจึงมีเรื่องบางเรื่องที่อยากจะถามเข้า ข้าตอบตกลง…..”

“เจ้าอยากรู้อะไรข้าสามารถบอกเจ้าได้!” กู้ไป๋อีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

เขาไม่อยากที่จะให้สาวน้อยผู้นี้ไปทำเรื่องอันตรายเพียงเพราะความบุ่มบ่ามเพียงชั่ววูบ

มู่เฉียนซีชี้ไปทางหงส์ดำโบราณตัวนั้นแล้วกล่าว “เสี่ยวไป๋ ข้ายอมรับว่าเจ้านั้นใช้ชีวิตมานานกว่าข้าเล็กน้อย แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าอยู่บนโลกนี้มานานเท่ากับมัน?”

กู้ไป๋อีเงียบงัน

มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าตอบตกลง เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”

“ข้าจะส่งตัวเจ้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง หวังว่าเจ้าจะสามารถนำลูกของข้าออกมาจากสถานที่แห่งนั้นได้ เขาถูกขังเอาไว้ที่นั่นเป็นเวลานานแสนนาน ข้าผู้ที่เป็นมารดาไร้ซึ่งความสามารถ ข้ามิอาจที่จะช่วยเขาออกมาจากนรกเช่นที่แห่งนั้นได้เลย”

มู่เฉียนซีตะลึงงัน “ลูกของเจ้า? ลูกของเจ้ามีรูปลักษณ์หน้าตาเช่นเจ้าหรือไม่?”

“ลูกของข้ามิอาจที่จะฟักตัวออกมาได้ในสถานที่เช่นนั้น ดังนั้นแล้วในตอนนี้ก็ยังคงเป็นแค่เพียงไข่ใบหนึ่งเท่านั้น”

“หาไข่ใบหนึ่ง!” มู่เฉียนซีตะลึงค้าง

กู้ไป๋อีกล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ในที่แห่งนั้นมีอะไรที่อันตรายหรือไม่?”

“กลิ่นอายมรณะ อัคคีมรณะ!”

กู้ไป๋อีกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “กลิ่นอายมรณะ อัคคีมรณะ หากสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทั้งมวลได้สัมผัสเข้าก็จะมรณะในทันใด เจ้าคิดที่จะให้พวกเราไปตายหรือไง?”

“นางนั้นไม่เหมือนกัน ไม่เหมือนกัน นางสามารถทำพันธสัญญากับสิ่งเช่นนั้นได้ นางจะต้องทำได้อย่างแน่นอน” หงส์ดำโบราณกล่าวด้วยความตื่นเต้น

ในตอนนี้มันเองก็ทำได้แต่เพียงเกาะฟางกู้ชีพเส้นนี้เอาไว้

ด้วยเวลาที่ผ่านไปเนิ่นนานเข้าทุกวัน ลูกของมันนั้นก็ยากที่จะมีชีวิตรอดขึ้นไปเรื่อย ๆ

มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าจะไปหาตัวลูกของนาง”

กู้ไป๋อีกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน “เจ้าไม่ต้องการมีชีวิตแล้วรึ!”

“ตอนนี้ข้าเป็นนายของเจ้า เจ้าต้องฟังข้า มันก็แค่อัคคีมรณะกับกลิ่นอายมรณะมิใช่หรือไง? ข้าอยากที่จะไปเห็นให้เป็นประสบการณ์เสียหน่อย”

“เจ้า…”

“ข้ายังมีช่วงเวลาที่ดีและสิ่งที่ยิ่งใหญ่อยู่ ข้ายอมที่จะตายไม่ได้หรอก เจ้ารออยู่ที่ด้านนอกนี้เถอะ!” มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว

“ส่งข้าไป!”

พลังสีดำพลังหนึ่งได้ห่อหุ้มตัวของมู่เฉียนซีเอาไว้

“บุ่มบ่ามนัก!”

กู้ไป๋อีคิดที่จะคว้าตัวมู่เฉียนซีเอาไว้ แต่ก็กลับคว้าเอาไว้ได้แต่อากาศ

เปลวเพลิงสีดำของอัคคีมรณะได้ลุกลามเข้ามา เสี่ยวหงกับอู๋ตี้นั้นมิได้เกรงกลัวแต่อย่างใด พวกมันยืนกันเอาไว้ที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “ไสหัวไป!”

สีหน้าของมู่เฉียนซีมืดครึ้มลง “กลิ่นอายแห่งความตายหนักนัก!”

นางกลืนยาลงไปหลายขวดเพื่อป้องกันไม่ให้พิษเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายของนาง

ที่แห่งนี้ไม่มีชีวิตชีวาเลยแม้แต่น้อย มู่เฉียนซีไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าจะไปหาไข่ใบนั้นได้จากที่ไหน

“มีสิ่งมีชีวิตเป็น ๆ อยู่ ที่นี่กลับมีสิ่งมีชีวิตเป็น ๆ ขึ้นมาแล้ว ช่างดียิ่งนัก”

มู่เฉียนซีเดินอยู่ในมิติแห่งนั้นได้ไม่นานนัก ก็พลันปรากฎเสียงที่ทุ้มต่ำและแข็งกระด้างลอยมา

เสี่ยวหงโกรธเกรี้ยวเข้าแล้ว “ไอ้นกบ้าจอมปดนั่นบอกว่ามีแต่เพียงอัคคีมรณะกับกลิ่นอายมรณะเท่านั้น ไอ้สิ่งประหลาดนี่มันโผล่ออกมาตั้งแต่เมื่อใดกัน!”

สิ่งประหลาดนั้นไร้รูปร่างและไร้ซึ่งดวงตา มันเกิดขึ้นจากการรวมกลุ่มกันของอากาศพิษ

อู๋ตี้กล่าวขึ้น “บางทีเมื่อก่อนหน้านี้มันอาจจะไม่มี แต่เนื่องจากกลิ่นอายมรณะที่นับวันจะมีมากขึ้น เกิดสิ่งประหลาดเช่นนี้ขึ้นมา ก็มิแปลก!”

เสี่ยวหงถามขึ้น “เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”

“แน่นอนว่าต้องซัดมันสิ!” อู๋ตี้กล่าวตอบ

เสี่ยวหงกล่าวด้วยจิตใจที่ร้อนรน “นายท่านรีบไปเร็ว! เจ้าสิ่งนี้ไม่ง่ายที่จะรับมือเลยแม้แต่น้อย!”

ตูม!

พลังโจมตีของเจ้าสิ่งนี้มิได้แข็งแกร่งนัก แต่ความน่ากลัวที่แท้จริงของมันก็คือการโจมตีต่อมันล้วนแต่ไร้ผลทั้งสิ้น

มันเกิดจากรวมตัวจับกลุ่มกันของกลิ่นอายมรณะ ซึ่งไม่อาจที่จะโจมตีมันให้แตกสลายได้!

สิ่งประหลาดนี้เองก็รู้ว่าอู๋ตี้และเสี่ยวหงเป็นสิ่งที่มันต่อกรด้วยได้ยาก ดังนั้นแล้วมันจึงไม่ได้เอาอู๋ตี้และเสี่ยวหงเป็นเป้าหมายของมัน

ทันใดนั้นมันกลับแยกตัวเป็นหลายส่วนแล้วพุ่งไปล้อมมู่เฉียนซี

มู่เฉียนซีคิดอยากที่จะหลบไป แต่ทว่าอากาศที่รอบด้านนั้นก็ได้เปลี่ยนสภาพและมีความเหนียวขึ้นมา ความเร็วของนางกลับกลายเป็นช้าลงเป็นอย่างมาก

ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ถูกกลุ่มกลิ่นอายมรณะสีดำเหล่านี้ล้อมรอบเอาไว้ “หึหึหึ! จับตัวได้แล้ว ช่างเป็นกลิ่นอายชีวิตที่มีรสชาติโอชะนัก!”

อู๋ตี้และเสี่ยวหงโกรธจัด “บัดซบ! รีบปล่อยเจ้านายของข้า!”

ตูม!

ไม่ว่าพวกมันจะโจมตีอย่างไร กลุ่มกลิ่นอายมรณะก็ยังคงล้อมมู่เฉียนซีเอาไว้อย่างแน่นหนา

มู่เฉียนซีรู้สึกว่ากลิ่นอายมรณะกำลังรุกเข้าไปในร่างกายของนาง ยาของนางนั้นมิอาจที่จะใช้ได้ผลอีกต่อไปแล้ว

แต่ในตอนนี้เอง ที่ร่างกายของมู่เฉียนซีก็ได้ระเบิดแสงสีเขียวออกมาวาบหนึ่ง และทันใดนั้นก็ได้ทำให้กลิ่นอายมรณะนั่นสลายหายไป

มู่เฉียนซีตะลึงงัน นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นพลังชีวิตของชิงอิ่ง

ถึงแม้ว่าชิงอิ่งจะหลับใหลอยู่ แต่เมื่อเผชิญพลังของความตายที่เข้ามาคุกคามผู้เป็นนายของตน พลังของเขาก็ออกมาปกป้องมู่เฉียนซีโดยสัญชาตญาณ!

พลังแห่งชีวิตนั้นเป็นดาวซวยของพลังแห่งความตายอย่างแน่นอน

ทุกทีที่มู่เฉียนซีเดินไปถึง พลังแห่งความตายเหล่านั้นก็ได้สลายไปอย่างรวดเร็ว

มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “เมื่อครู่นี้เจ้าโอหังนักนะ! แต่ทว่า บัดนี้วันโลกาวินาศของเจ้าได้มาถึงแล้ว”

มิต้องให้อู๋ตี้และเสี่ยวหงลงมือ เพียงแค่มู่เฉียนซีพุ่งเข้าไป กลิ่นอายมรณะที่เกาะตัวกันอยู่นั้นก็เริ่มหวั่นกลัว มันสั่นระริกเสียแล้ว!

“มนุษย์ เจ้าอย่าเข้ามา….”

“อย่า!”

“…..”

ไม่ว่ามันจะร้องคร่ำครวญอย่างไร มู่เฉียนซีก็ยังพุ่งเข้าไปเช่นเดิม!

บึ้ม!

กลิ่นอายแห่งความตายได้ถูกมู่เฉียนซีทำให้มันสลายไปอย่างสิ้นเชิง

และเมื่อตอนที่มันหายไปในเอง ที่กลางอากาศก็พลันมีลูกหินทรงกลมสีดำลูกหนึ่งร่วงลงมา

มู่เฉียนซีรับหินก้อนนั้นเอาไว้ หินนั้นใหญ่กว่าไข่ไก่แค่เพียงเล็กน้อย และมันถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยกลิ่นอายมรณะที่แกร่งกล้า มันไม่คล้ายกับก้อนหินธรรมดาทั่วไป