ตอนที่ 475 เราเป็นเด็กดี เชื่อฟังคำพูดของเจ้าที่สุดแล้ว

ยอดไทเฮาเขย่าวังหลัง

Sherry เห็นเขารับปากอย่างรวดเร็ว แววตาก็เป็นประกายขึ้นมา

 

 

เขากำลังจะพูดออกไป ก็เห็นตู๋กูซิงหลันตบลงมาบนบ่าของเขา “อย่าได้สนใจเขา ฉันกำลังพูดเรื่องสำคัญกับเธออยู่นะ”

 

 

ตอนนี้นางเงินขาดมือ ต้องหางานแสดงสักงาน จะได้พอมีเงินใช้ผ่านพ้นไปได้

 

 

ที่จริงแล้วหากว่ารับงาน ‘ปราบผีกำจัดปีศาจ’ ด้วยอีกทาง เม็ดเงินก็จะยิ่งมาก เพียงแต่ว่าตอนนี้นางยังไม่คิดจะทำ

 

 

อยากจะเก็บแรงเอาไว้ไปตามหาท่านอาจารย์ที่ธารน้ำพุเหลืองมากกว่า

 

 

หากว่าให้ฮ่องเต้สุนัขไปถ่ายละคร เกรงว่านางคงต้องกินยาบำรุงหัวใจตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง

 

 

เขายังไม่เข้าใจโลกใบนี้แม้แต่น้อย ใครจะไปรู้ว่าเขาอาจจะก่อเรื่องใดขึ้นมาได้บ้าง

 

 

Sherry เห็นท่าทางของนาง ก็ต้องปวดใจ สมบัติพัสถานตั้งมากมายของทูนหัวคงจะถูกพ่อหน้าขาวคนนี้ผลาญจนหมดสิ้นไปแล้ว?

 

 

คนที่เป็นดั่งเทพธิดาเช่นนาง สมควรจะได้รับการทะนุถนอมเอาไว้ในฝ่ามือ ไอ้หน้าขาวที่สมควรตาย!

 

 

Sherry ได้แต่แอบด่าจีเฉวียนอยู่ในใจ

 

 

ต่อหน้ายังคงส่งยิ้มหวานให้กับตู๋กูซิงหลันต่อไป “ทูนหัวน้อย ช่วงนี้ละครในบริษัทยังไม่ได้เจาะจงใครไว้เลย”

 

 

พูดถึงตรงนี้แล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นลำบากใจขึ้นมา

 

 

“ตอนนี้บทที่มีอยู่มีแต่นางร้าย….”

 

 

ด้วยศักดิ์ศรีของทูนหัว ให้นางมาเล่นบทรองที่เป็นนางร้ายถือว่าเป็นการดูถูกนางเกินไปแล้ว?

 

 

“นางร้าย?” ตู๋กูซิงหลันคลายหัวคิ้ว หัวเราะได้ในทันที “นางร้ายก็ดีสิ บทไม่เยอะ เงินเยอะ ได้อยู่ๆ”

 

 

ตอนนี้สมบัติทั้งบ้านที่นางมีก็เหลือเพียงเท่านี้แล้ว….ยังจะไปเลือกมากอะไรอีก

 

 

วงการบันเทิงเก่าไปใหม่มารวดเร็วจะตายไป นางหายตัวไปตั้งสองปี หากเป็นคนอื่นก็ต้องถือว่าหมดยุคสิ้นความนิยมไปแล้ว

 

 

Sherry คิดไม่ถึงว่านางจะรับปากอย่างง่ายดายขนาดนี้

 

 

สีหน้าของเขายังคงไม่น่าดู

 

 

“ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือ” นางเอ่ยถาม

 

 

“นางเอกของเรื่องนี้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ….. ก็คือซ่งเจียงเสวี่ย” Sherry กล่าวอย่างอึกๆอักๆ “เธอไปเล่นประกบนาง…..นี่ไม่เท่ากับว่าถูกดูถูกหรอกหรือ?”

 

 

“ฉันนึกว่าจะเป็นเรื่องอะไรเสียอีก ไม่เป็นไร Okเลย”

 

 

ตู๋กูซิงหลันสีหน้าไม่ใส่ใจอะไรทั้งสิ้น

 

 

“นางร้ายในเรื่องนี้ยังร้ายมากนะ…. ใครเล่นมีหวังต้องเสียแฟนคลับ ดังนั้นจึงไม่มีนักแสดงหญิงคนไหนกล้ารับงานนี้” Sherry กล่าวอย่างอึกๆอักๆต่อไป “เธอแน่ใจนะว่าจะรับ?”

 

 

“รับแน่นอน” ตู๋กูซิงหลันมองดูฮ่องเต้สุนัขที่ยังคงนั่งซื่อบื้อต่อไป คิดหรือว่านางจะไปยอมให้เขาไปเป็นนักแสดงเพื่อเลี้ยงดูนางจริงๆ?

 

 

จีเฉวียนยังคงถือชามปากบิ่นเอาไว้ในมือ พลางคิดไปว่า ก่อนหน้านี้สมควรจะพกพาสมบัติล้ำค่าติดตัวเอาไว้ให้มากหน่อย หากเอาไปขายในโรงรับจำนำ อย่างน้อยจะได้พอมีเงินมาใช้สอยบ้าง

 

 

……………………

 

 

วันรุ่งขึ้นตู๋กูซิงหลันก็ได้รับบทละครที่ Sherry ส่งมาให้

 

 

เป็นบทละครที่ดัดแปลงมาจากนิยายแฟนตาซีเรื่อง《สนมคลั่งกลับชาติมาเกิด》ซึ่งเป็นนิยายสุดฮิตในขณะนี้

 

 

นางเอกได้กลับมาเกิดใหม่เปลี่ยนจากคนพิการเป็นผู้มีพรสวรรค์ สตรีอัปลักษณ์กลายเป็นยอดโฉมสคราญ

 

 

ตลอดเรื่องต้องต่อสู้กับสัตว์ประหลาดที่โหดเ**้ยม สู้รบตบตีจนได้ครอบครองความยิ่งใหญ่ ประสบความสำเร็จทั้งความรักและชีวิตการงาน

 

 

นางร้ายเป็นพี่สาวแท้ๆของนางเอก เป็นบุปผาพิษดอกหนึ่ง ที่มีพรสวรรค์สูงส่งตั้งแต่ยามเด็ก ภายนอกดูอบอุ่นอ่อนโยน แต่แท้ที่จริงแล้วกลับร้ายลึก ไม่เพียงแต่แย่งชิงคู่หมั้นของนางเอก ทั้งยังทำตัวเป็นอริกับนางเอกอยู่ตลอดเวลา จนต้องมีจุดจบที่ดับอนาถ

 

 

ชาติก่อนนางก็เป็นคนที่ทำร้ายนางเอกจนต้องตาย

 

 

ดังนั้นเมื่อนางเอกได้กลับชาติมาเกิดใหม่ จึงตั้งใจเอาไว้แต่แรกแล้วว่าจะต้องแก้แค้นนางร้ายอย่างสาสม ทำให้นางอยู่มิสู้ตาย

 

 

ตู๋กูซิงหลันกวาดตามองดูบทละครรอบหนึ่ง ว่ากันตามจริงแล้ว….ก็ไม่เห็นว่าบทละครเรื่องนี้มันจะน่าสนอกสนใจที่ตรงไหน

 

 

ที่ซ่งเจียงเสวี่ยสนใจบทละครเรื่องนี้ เพราะอยากจะได้รับประสบการณ์แบบเดียวกับนางเองในเรื่องหรือยังไง?

 

 

……………………………….

 

 

วันที่สาม ตู๋กูซิงหลันได้รับโทรศัพท์จาก Sherry ว่า ทางบริษัทต้องการให้นางไปออดิชั่น

 

 

Sherry โกรธมาก

 

 

ให้ทูนหัวต้องมารับบทนางร้ายก็นับว่าเสียศักดิ์ศรีมากแล้ว ตอนนี้ยังจะให้นางไปทดสอบบทอีกหรอ?

 

 

นี่เป็นเพราะพวกที่อยู่เบื้องหลังจงใจร่วมมือกับซ่งเจียงเสวี่ย หรือคิดจะทำอะไร?

 

 

ตู๋กูซิงหลันเห็นแล้วก็ไม่ว่าอะไรสักคำ ขับรถเณอรี่QQของนางออกไปในทันที

 

 

พอรถไปถึงหน้าประตูใหญ่ ก็เห็นฮ่องเต้ทรงประทับอยู่บนรถเข็น วิ่งตะลุยดุ่ยๆมาที่หลังรถ

 

 

กำพระหัตถ์ต่อยใส่ท้ายรถ

 

 

“เปรี้ยง!”

 

 

ได้ยินเสียงดังสนั่น ท้ายรถยุบลงไปทั้งแถบ จนรถแทบจะพลิกกลับหงายท้อง

 

 

ตู๋กูซิงหลันหัวกระแทกเข้ากับเพดานรถอย่างไม่ทันได้ป้องกันตัว จนหัวโนขึ้นมาเล็กน้อย

 

 

นางรีบถอดเข็มขัดนิรภัยออก เปิดประตูรถ เกลือกกลิ้งลงมา แทบจะตะโกนด่าพ่อใส่คนที่ลงมือ

 

 

แต่กลับเห็นจีเฉวียนผลักรถเข็นพุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว ยื่นพระหัตถ์มาโอบเอวนางเอาไว้ “ซิงซิง เรานึกว่าเจ้าถูกกล่องเหล็กประหลาดนี่กินเข้าไปแล้วเสียอีก!”

 

 

ท่าทางที่เหมือนสูญเสียของสำคัญแต่พลันได้กลับคืนมาของพระองค์ ทำเอาตู๋กูซิงหลันถึงกับมึนงงไปแล้ว

 

 

กล่องเหล็กประหลาด?

 

 

นางหันกลับไปมองดูรถเณอรี่QQ ที่ท้ายพังยับไปแล้วแวบหนึ่ง

 

 

ฮ่องเต้สุนัขนึกว่านางถูกรถกินลงไป?

 

 

นางนวดศีรษะที่ปูดบวมเล็กน้อยของตนเอง รู้สึกร้องไห้ไม่ออก

 

 

นับตั้งแต่ที่จีเฉวียนมาถึงที่นี่…….ก็ยังไม่เคยเห็นรถยนตร์มาก่อน…..ย่อมต้องไม่เข้าใจว่านี่คืออะไร

 

 

ก็ก่อนนี้ทั้งวันยี่สิบสี่ชั่วโมงเขาเอาแต่เหม่อมองฟ้า หากว่าเมื่อไหร่ที่ไม่ได้เห็นนางอยู่ในระยะสายตาก็เป็นต้องกระสับกระส่ายร้อนใจ พอหันมาเห็นว่านางถูกกล่องเหล็กประหลาดนี้กลืนลงไป เขาย่อมต้องตกใจเป็นบ้าเป็นหลัง

 

 

เดิมทีโลกของนางก็ไม่ถือว่าสงบสุขเท่าไหร่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะไปที่ไหนเมื่อไหร่ล้วนมีอันตราย

 

 

ตู๋กูซิงหลันเห็นสีพระพักตร์ที่จริงจังของเขาก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

 

 

นางต้องเปลืองน้ำลายไปมากมายถึงได้สามารถอธิบายให้เขาฟังจนเข้าใจได้ว่ารถยนตร์คืออะไร

 

 

อืม…..พาหนะแทนสัตว์อสูรสำหรับใช้เดินทางที่เคลื่อนที่ด้วยน้ำมัน

 

 

พอบอกแบบนี้ฮ่องเต้สุนัขก็เข้าใจได้ในทันที

 

 

ตู๋กูซิงหลันตบหลังรถเบาๆ ดันท้ายรถให้ปูดออกมา เคาะอีกสองทีก็พอจะใช้ได้อยู่

 

 

ตอนนี้นางมีรถยนต์คันนี้เพียงคันเดียวเท่านั้น….คงต้องทนใช้ไปก่อน

 

 

“ซิงซิง เจ้าจะไปที่ไหน?” จีเฉวียนดึงชายกระโปรงของนางเอาไว้ เงยหน้าขึ้นมองดูนาง ราวกับลูกสุนัขตัวน้อยที่กำลังจะถูกทอดทิ้ง

 

 

วันนี้ตู๋กูซิงหลันสวมใส่ชุดกระโปรงสีแดงเพลิงทั้งตัว และรองเท้าไม่มีส้น แถมยังมีหมวกกันแดดใบใหญ่ และแว่นกันแดดที่แทบจะบดบังใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง

 

 

จีเฉวียนมองดูการแต่งกายของนาง ก็รู้สึกเหมือนกับว่านางกำลังจะไปทำเรื่องอะไรที่ไม่อาจบอกผู้คน

 

 

“ไม่ว่าจะไปที่ใด พาเราไปด้วยได้หรือไม่?” ไม่รอให้ตู๋กูซิงหลันตอบรับ จีเฉวียนก็ตรัสต่อไปอย่างน่าสงสาร

 

 

ตั้งแต่ที่เขามาถึงโลกใบนี้ ก็รู้จักแต่นางเพียงคนเดียวเท่านั้น

 

 

ตู๋กูซิงหลันมองดูท่าทางที่ทั้งซื่อทั้งน่าสงสารของเขา ก็รู้สึกว่ายากจะเชื่อมโยงเขากับฮ่องเต้สุนัขที่ทั้งสูงส่งและหยิ่งทนงเข้าด้วยกัน

 

 

ทำเอานางรู้สึกว่าต้องใจอ่อนลงอย่างช่วยไม่ได้

 

 

“ไปด้วยกันก็ได้ แต่ว่าท่านต้องอยู่ในรถตลอดเวลา ห้ามออกไปไหนทั้งนั้นรู้ไหม?”

 

 

“เราว่าง่ายอยู่แล้ว เชื่อฟังเจ้าที่สุด” จีเฉวียนนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างเรียบร้อย

 

 

ที่จริงตอนนี้พระองค์สามารถลุกขึ้นยืนได้บ้างแล้ว แต่ว่าไม่อาจยืนนานเกินไป ไม่เช่นนั้นเป็นต้องเจ็บปวดกระดูกทั่วทั้งร่าง

 

 

พอพระองค์กำลังจะลุกขึ้นประทับยืน ฝ่ามือที่เรียวยาวและละเอียดอ่อนของตู๋กูซิงหลันก็ยื่นเข้ามาโอบเอวพระองค์เอาไว้

 

 

ขยับเพียงวูบเดียวก็ยกพระองค์ขึ้นมาอุ้มเอาไว้ จากนั้นก็จับใส่เข้าไปในรถอย่างเรียบร้อยโดยไม่มีเสียงหอบหายใจเสียด้วยซ้ำ!

 

 

ก็ขนาดดาบยักษ์ของพี่ใหญ่นางก็ยังแบกไปแบกมาได้อย่างคล่องแคล่ว แล้วจีเฉวียนที่หนักไม่ถึงร้อยโล….นางย่อมสามารถอุ้มท่าเจ้าหญิงได้อย่างไม่มีเปลืองแรงเลยแม้แต่น้อย

 

 

 

 

 

 

…………………….

 

 

ตอนต่อไป “จะเอาเรื่องชั่วร้ายของเรา แพร่ออกไปให้ทั่วแผ่นดิน”