“ซิงเฉิน..เจ้าบอกว่าหลังจากทำการชำระค่าสินค้าประมูลเสร็จสิ้น ให้พวกเรานำโอสถเยาว์วัยกลับคืน ถึงตอนนั้นตี๋เสี่ยวเจินจะทำหน้าเช่นใด”
หลิงหยุนแสยะยิ้มชั่วร้ายออกมาแต่ในระหว่างที่หลิงหยุนกำลังจินตนาการหน้าตาของตี๋เสี่ยวเจินหลังจากที่โอสถถูกประมูลไป เสียงของเย่ซิงเฉินก็ดังขัดขึ้นในทันที
“เหตุใดต้องเหน็ดเหนื่อยแย่งชิงโอสถมาจากนางด้วยเล่า”
จากนั้นเย่ซิงเฉินก็พูดต่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม“ปล่อยให้นางกลืนโอสถเยาว์วัยนั่นไป ในเมื่อเราตั้งใจจะสังหารคนของสำนักกระบี่เทียนซานทั้งหมดแล้ว ในระหว่างที่นางกำลังมีความสุขที่สุดนั้น พวกเราจึงค่อยลงมือฆ่านาง ข้าว่าเช่นนี้จะสนุกตื่นเต้นกว่า..”
หลิงหยุนได้ฟังถึงกับนิ่งอึ้งไป! ช่างเป็นแผนการที่เยี่ยมยอดและชาญฉลาด แม้แต่เขาเองยังคิดไม่ถึง! หลิงหยุนได้แต่นึกชื่นชมเย่ซิงเฉินอยู่เงียบๆในใจ
ตี๋เสี่ยวเจินยอมทุ่มเงินจำนวนมหาศาลเพื่อที่จะซื้อโอสถเยาว์วัยนี้นางจึงต้องจัดเตรียมคนของสำนักกระบี่เทียนซานไว้สำหรับป้องกันการถูกปล้นโอสถมาเป็นอย่างดี แต่หลังจากที่นางกลืนโอสถนี้ลงไปและเปลี่ยนเป็นหญิงสาวสมใจปรารถนาแล้ว ในตอนนั้นหลิงหยุนก็จะจัดการคร่าชีวิตของนางซะ!
“ทำตามแผนการของเจ้า!”หลิงหยุนตอบเย่ซิงเฉินกลับไปทันที
โอสถเยาว์วัยขายได้เป็นจำนวนเงินถึงหนึ่งแสนสองหมื่นล้านหยวนแต่ราคาจะมากจะน้อยนั้นไม่ได้สำคัญกับหลิงหยุนเลย เพราะสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาเวลานี้คือการล้างแค้น!
“เจ้าพูดได้ถูกต้องในเมื่อโอสถถูกประมูลไปแล้ว พวกเราก็ควรให้ผู้ที่ประมูลได้กินโอสถนั้นซะ เพราะหากเราช่วงชิงกลับมา ก็จะเป็นเรื่องที่ไร้ศีลธรรมมากจนเกินไป..”
หลิงหยุนบอกกับเย่ซิงเฉินด้วยสีหน้าจริงจังจนนางอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างนึกขันไม่ได้
……
ที่ลานประมูลกลางหุบเขาหลังจากที่เป็นผู้ชนะการประมูลโอสถเยาว์วัยแล้ว คนของสำนักกระบี่เทียนซานจึงเข้าไปรับมอบโอสถสีม่วงจากตี้เสี่ยวอู๋ และครั้งนี้ตี้เสี่ยวอู๋ใจกว้างถึงขั้นมอบขวดหยกให้กับพวกเขาไปด้วย
“ขอบคุณทุกท่านที่ชื่นชอบโอสถที่ข้านำมาประมูลเอาล่ะ คราวนี้เราจะเริ่มประมูลโอสถโฉมสะคราญกันบ้าง”
ทันทีที่ส่งมอบโอสถเยาว์วัยไปแล้วตี้เสี่ยวอู๋จึงเริ่มประมูลโอสถโฉมสะคราญต่อ เห็นได้ชัดว่าโอสถโฉมสะคราญนี้ได้รับความนิยมไม่เท่ากับโอสถเยาว์วัยเลย เหล่าชาวยุทธระดับสูงของยุทธภพต่างไม่มีผู้ใดให้ความสนใจเลยแม้แต่คนเดียว แต่ถึงกระนั้นในที่นี้ก็มีชาวยุทธหญิงอยู่ไม่น้อย และพวกนางก็ประมูลกันด้วยราคาที่ดุเดือดไม่น้อยทีเดียว เพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวราคาของโอสถโฉมสะคราญก็พุ่งขึ้นถึงห้าแสนแต้มของหน่วยนภา
ซึ่งนั่นเท่ากับเงินจำนวนหนึ่งหมื่นห้าพันล้านหยวนเลยทีเดียวและเพียงแค่นี้ก็เหนือความคาดหมายของหลิงหยุนมากแล้ว แต่ราคาของมันก็ยังไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เมื่อคนของสำนักกระบี่เทียนซานยังคงประมูลแข่งเพื่อให้ได้โอสถโฉมสะคราญไปครอง
‘ครั้งนี้คนของสำนักกระบี่เทียนซานเป็นผู้ชนะประมูลอีกแล้วดูเหมือนว่าตี๋ยั่วถังอยากจะได้โอสถโฉมสะคราญเม็ดนี้ด้วยสินะ! หญิงผู้นี้ช่างโลภมากจริงๆ’
หลิงหยุนได้แต่นึกอยู่ในใจและแอบคิดว่าต่อให้เจ้าสวยเลิศเลอ เดี๋ยวก็ต้องตายลงหลุมอยู่ดี!
ในที่สุดโอสถโฉมสะคราญก็มีราคาพุ่งขึ้นสูงถึงแปดแสมแต้ม และคู่แข่งคนอื่นๆต่างก็ยอมถอยเพราะไม่อาจสู้ราคาที่สำนักกระบี่เทียนซานเป็นผู้เสนอได้
แต่หลังจากที่คนอื่นๆถอยกันหมดแล้วจินเหยียวก็กลับมาร่วมประมูลโอสถโฉมสะคราญด้วยอีกครั้ง นางแสร้งทำเป็นหัวเสียที่ต้องสูญเสียโอสถเยาว์วัยให้กับสำนักเทียนซานไปก่อนหน้า
สำนักกระบี่เทียนเห็นจินเหยียวเข้าประมูลแข่งเช่นนี้จึงเสนอราคาสูงลิบลิ่วแข่งกับจินเหยียว และในที่สุดคนของสำนักกระบี่เทียนซานก็ได้โอสถโฉมสะคราญไปครอบครองด้วยราคาสองล้านแต้มหน่วยนภา
‘โอสถสองเม็ดมีมูลค่าถึงหกล้านแต้ม!’
หลิงหยุนมีความสุขอย่างมากเพราะโอสถพลังชีวิตชั้นสูงสองเม็ด ทำให้เขาได้เงินจำนวนมากเกือบสองแสนล้านหยวนเลยทีเดียว
‘ตี๋เสี่ยวเจินขอบคุณเจ้ามาก! ข้าต้องขอบคุณเจ้าจริงๆ ที่ก่อนตายยังอุตส่าห์มอบเงินกว่าสองแสนล้านให้ข้าด้วย หวังว่าเจ้าได้โอสถนี้ไปแล้วจะรีบๆกินเข้าไปให้สมอยากล่ะ..’
สิ่งที่เป็นความตื่นเต้นของหลิงหยุนในเวลานี้กลับไม่ใช่เรื่องของเงินทองแต่มันคือการได้เห็นตี๋เสี่ยวเจินที่เพิ่งจะกินโอสถสองเม็ดนี้เข้าไป แล้วกลับต้องเผชิญหน้ากับความตายต่างหากเล่า!
“หึ..นี่ต่างหากคือสิ่งที่ข้ารอคอยมานาน”
หลิงหยุนพึมพำออกมาอย่างมีความสุขและแทบจะอดใจรอต่อไปไม่ได้..
หลังจากที่การประมูลสิ้นสุดลงและได้ทำการชำระค่าสินค้าเรียบร้อยแล้วหวังชงเซียวจึงกระโดดออกจากลานประมูล และต่างฝ่ายต่างก็แยกย้าย
เวลานี้เหล่าชาวยุทธกว่าหกร้อยคนที่อยู่รอบๆต่างก็ไม่มีใครให้ความสนใจกับผู้นำของเข้ามาประมูลใหม่นัก ทุกคนต่างก็จับจ้องมองไปยังตี้เสี่ยวอู๋ด้วยความสนอกสนใจ เพราะในคืนนี้ไม่เพียงเขาจะจัดการกับศิษย์ของอารามจิ้งซินไปถึงสองคน แต่ยังนำโอสถล้ำค่ามาประมูลจนได้เงินกลับไปจำนวนมหาศาล
ไม่เว้นแม้แต่หลวงจีนเจี๋วยหยวนกับนักพรตชงซวีนักพรตชงซวีส่ายหน้าไปมากพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หลิงหยุนช่างไม่ธรรมดาจริงๆนับว่าก็ยิ่งอัศจรรย์ขึ้นมากทุกวัน!”
หลวงจีนเจี๋วยหยวนยิ้มเล็กน้อยขณะที่ตอบกลับไปว่า“นั่นสิ เด็กหนุ่มผู้นี้ดูเหมือนจะไม่เคยพ่ายแพ้ให้แก่ผู้ใดเลย!”
“ในคืนพรุ่งนี้เส้าหลินของท่านคิดจะทำเช่นใดบ้าง”นักพรตชงซวีเอ่ยถาม
สำนักบู๊ตึ๊งมุ่งฝึกตนตามหลักแห่งเต๋าจึงแทบจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเรื่องบาดหมางของตระกูลฆราวาส ซึ่งรวมทั้งตระกูลหลิงด้วย และยิ่งไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับหลิงหยุน
แต่นักพรตชงซวีนั้นรู้ว่าวัดเส้าหลินเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเมื่อสิบแปดปีก่อนของตระกูลหลิงมิหนำซ้ำที่ผ่านมาหลวงจีนของวัดเส้าหลินหลายคนก็เคยมีเรื่องกับหลิงหยุน และถูกหลิงหยุนสังหารตายไปหลายคนเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นมี่ฉิงไต้ซือและหลวงจีนรูปอื่นๆ รวมทั้งซันเทียนเปียวแห่งตระกูลซัน เฉินเจี้ยนห่าว และเฉินเจี้ยนจื่อแห่งตระกูลเฉินซึ่งเป็นศิษย์วัดเส้าหลินเช่นกัน อีกทั้งยังมีศิษย์วัดเส้าหลินคนอื่นๆอีกที่ตายด้วยน้ำมือของหลิงหยุน..
และด้วยเหตุนี้นักพรตชงซวีจึงได้ถามออกไปเช่นนั้น!
“ข้าจะทำเช่นใดได้เล่าข้าคงต้องดูเหตุการณ์ไปก่อน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะทำเช่นใดต่อไป สิ่งใดจะเกิดก็คงต้องเกิด.. อามิตาพุทธ!”
หลวงจีนเจี๋ยวหยวนส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม
การประมูลภายในลานยังคงดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็วภายในเวลาอีกเพียงแค่ชั่วโมงกว่าๆ ใครบางคนก็นำวัตถุที่หลิงหยุนต้องการออกมาประมูล
มันคือวิญญาณเหมันต์หมื่นปี!
สิ่งนี้นับเป็นของล้ำค่าในการปลุกเสกยันต์และหลอมวัตถุชนิดอื่นๆและหลิงหยุนจะไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดมือไปได้แน่ เขาสั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋เข้าร่วมประมูลสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ทันที!
เวลานี้ตี้เสี่ยวอู๋มีแต้มของหน่วยนภาที่เพิ่งได้จากการประมูลโอสถทั้งสองเม็ดอยู่มากมายหลิงหยุนจึงให้เขาเป็นผู้ประมูลวิญญาณเหมันต์หมื่นปีชิ้นนี้
เหล่าชาวยุทธในที่นี้ต่างก็รู้ว่าวิญญาณเหมันต์หมื่นปีนี้เป็นสมบัติล้ำค่ามากชิ้นหนึ่งหลังจากการประมูลอย่างดุเดือดผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เหลือผู้เข้าร่วมประมูลเพียงแค่สามคนเท่านั้น
แต่เวลานี้ที่เหลืออีกสองคนต่างก็รู้ว่าตี้เสี่ยวอู๋มีแต้มอยู่มากมายเพียงใดพวกเขาจึงค่อยๆเสนอราคาสูงขึ้นคราละไม่มากนัก หลังจากการประมูลผ่านไปอย่างเชื่องช้า ในที่สุดตี้เสี่ยวอู๋จึงประกาศออกไปว่า “วิญญาณเหมันต์หมื่นปีนี้เป็นของล้ำค่าหาได้ยากยิ่งอีกทั้งยังเป็นวัตถุดิบสำคัญในการหลอมโอสถเยาว์วัยอีกด้วย ข้าจึงต้องการเป็นผู้ประมูลสมบัติชิ้นนี้ให้ได้ หากพวกเจ้าต้องการโอสถเยาว์วัยโดยเร็ว ได้โปรดหลีกทางให้ข้าประมูลวิญญาณเหมันต์นี้กลับไปเถิด..”
ทันทีที่ตี้เสี่ยวอู๋ประกาศออกไปเช่นนั้นผู้ประมูลอีกสองคนต่างก็มีท่าทีลังเลทันที และแน่นอนว่านี่คือกลยุทธ์ที่หลิงหยุนบอกกับตี้เสี่ยวอู๋ เพราะวิญญาณเหมันต์หมื่นปีนี้สามารถใช้ปลุกเสกยันต์ หลอมวัตถุวิเศษ อีกทั้งยังสามารถนำมาสร้างค่ายกลที่ล้ำเลิศได้ แต่ไม่สามารถหลอมกลั่นโอสถทั้งสองชนิดที่พูดไปได้
แต่แล้วจู่ๆหวังชงเซียวก็ร้องตะโกนขึ้นมาว่า“ถูกต้อง.. หวังว่าจอมยุทธทั้งสองจะเห็นแก่หน้าของข้า..”
เพียงแค่นั้นทั้งสองคนต่างก็ยอมถอยให้ทันที และในที่สุดตี้เสี่ยวอู๋ก็เป็นผู้ประมูลวิญญาณเหมันต์หมื่นปีไปได้ด้วยราคาหนึ่งแสนแต้มหน่วยนภา!
แน่นอนว่าหลังจากที่ตี้เสี่ยวอู๋ประกาศไปว่าวิญญาณเหมันต์หมื่นปีนี้คือวัตถุดิบที่จำเป็นในการกลั่นโอสถเยาว์วัยยอดฝีมือคนอื่นๆต่างก็หูผึ่งทันทีและคิดว่าราคาของมันน่าจะพุ่งสูงมากขึ้นไปอีก แต่เมื่อหวังชงเซียวออกมาประกาศเช่นนั้น และหลังจากที่ประเมินความแข็งแกร่งของเขาแล้ว จอมยุทธทั้งสองต่างก็ยอมถอยให้แต่โดยดี..
อีกทั้งตี้เสี่ยวก็บอกว่าวิญญาณเหมันต์หมื่นปีนี้เป็นเพียงหนึ่งในวัตถุดิบที่จำเป็นเท่านั้นต่อให้พวกเขาได้ไปก็ไม่สามารถหลอมโอสถเยาว์วัยได้อยู่ดี
หลังจากนั้นการประมูลสินค้าอื่นๆยังคงดำเนินต่อไปอีกร่วมหนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็มีชายคนหนึ่งเดินถือกล่องสีเหลี่ยมขนาดกว่าหนึ่งเมตรเข้าไปที่ลานประมูล
“ทุกท่าน..ได้โปรดดูแลอาวุธของพวกท่านไว้ให้ดี เพราะสิ่งที่ข้าจะนำออกมาประมูลในครั้งนี้คือแม่เหล็กวิเศษ”
หลังจากที่ร้องเตือนเหล่าชาวยุทธโดยรอบแล้วชายผู้นั้นก็เปิดกล่องขนาดใหญ่นั้นออก เผยให้เห็นก้อนแม่เหล็กที่มีขนาดใหญ่มากอยู่ด้านใน!
ยังไม่ทันทีที่จะเผยให้เห็นแม่เหล็กขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านในมากนักความโกลาหลวุ่นวายก็เริ่มเกิดขึ้น เพราะเวลานี้สิ่งใดที่ทำจากโลหะไม่ว่าจะเป็นอาวุธที่ทำจากเงินหรือทองที่เหล่าชาวยุทธถืออยู่ในมือ ต่างก็ถูกแม่เหล็กขนาดใหญ่นี้ดูดเข้ามาจนหมด มีเพียงยอดฝีมือที่เหนือกว่าขั้นเซียงเทียนขึ้นไปเท่านั้น จึงจะสามารถต้านทานแรงดูดของแม่เหล็กได้!
“นี่คือศิลาเหนือแดนเหนือและเป็นสมบัติล้ำค่าที่สุดในคืนนี้!”
หลิงหยุนถึงกับยืนไม่ติดเลยทีเดียวเขาจ้องมองศิลาแม่เหล็กขั้วโลกขนาดใหญ่ที่มีแรงดูดรุนแรงก้อนนั้นแทบไม่กระพริบตา!
ศิลาแม่เหล็กขั้วโลกนี้มีประโยชน์ต่อหลิงหยุนถึงสองเรื่องเลยทีเดียวคือสามารถใช้สร้างอาวุธชนิดต่างๆได้ อีกทั้งยังใช้ในการสร้างค่ายกลชนิดต่างๆได้ด้วย และยังแข็งแกร่งกว่าการใช้วิญญาณเหมันต์หมื่นปีในการสร้างค่ายกลหลายเท่านัก!
และแน่นอนว่าหลิงหยุนต้องการครอบครองสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้เขาคร้านที่จะเสียเวลาประมูลให้ยุ่งยาก จึงสั่งให้ตี้เสี่ยวอู๋เสนอราคาที่ไม่มีผู้ใดสามารถเสนอประมูลแข่งได้
ในที่สุดตี้เสี่ยวอู๋ก็ประมูลศิลาแม่เหล็กขั้วโลกมาได้ในราคาแปดแสนแต้มหน่วยหรือเป็นเงินจำนวนสองหมื่นสี่พันล้านนั่นเอง
เย่ซิงเฉินไม่ได้หลอกหลิงหยุนแม้การประมูลครั้งนี้จะไม่มีเทคโนโลยที่ล้ำสมัยเหมือนอย่างโรงประมูลตระกูลเย่ แต่สิ่งของที่เหล่าชาวยุทธนำมาประมูลนั้น ล้วนแล้วแต่เหมาะแก่ผู้บ่มเพาะพลังทั้งสิ้น..
หลิงหยุนนับเป็นปรมาจารย์ด้านหลอมอาวุธสร้างค่ายกลศิลาแม่เหล็กขั้วโลกตกมาอยู่ในกำมือของเขาเช่นนี้ จึงไม่ต่างจากเพชรพลอยที่ตกมาอยู่ในมือของผู้รู้ค่า และคุณสมบัติของมันนั้นเหนือกว่ากระบี่ฑูตสวรรค์ที่เขาประมูลได้จากโรงประมูลตระกูลเย่เสียอีก..
เพราะหากเทียบประสิทธิภาพของค่ายกลที่สร้างด้วยศิลาแม่เหล็กขั้วโลกและกระบี่ฑูตสวรรค์แล้วล่ะก็ ศิลาแม่เหล็กขั้วโลกสามารถสังหารคราวเดียวเป็นกลุ่ม แต่กระบี่ฑูตสวรรค์สามารถสังหารได้ทีละคน..
หลังจากได้ศิลาแม่เหล็กขั้วโลกมาครอบครองคืนนี้จึงนับว่าหลิงหยุนได้ผลประโยชน์กลับไปไม่น้อย..
‘หึ..นับว่าโชคดีที่ข้าไม่ปรากฏตัวเสียก่อน ไม่เช่นนั้นหากเกินเรื่องวุ่นวายขึ้น ข้าคงไม่ได้ครอบครองสมบัติล้ำค่าทั้งสองชิ้นนี้แน่!’ หลิงหยุนได้แต่แอบคิดอยู่ในใจคนเดียว
“ในเมื่อมีศิลาแม่เหล็กขั้วโลกก็ย่อมต้องมีธาราขั้วโลก แต่ว่าจะปรากฏในค่ำคืนนี้หรือไม่นะ”
หลิงหยุนได้แต่พึมพำออกมาและตั้งหน้าตั้งตารอดูด้วยความตื่นเต้น.. ��