มหายุทธ์ สะท้านภพ บทที่ 721
จากสิ่งนี้จะเห็นได้ว่าพรสวรรค์ของเกาเหลียนหงนั้นดีมาก ในอดีต เหตุผลที่ผลการฝึกตนช้า ส่วนใหญ่เป็นเพราะทรัพยากรไม่เพียงพอ

ถ้าเขาสามารถได้รับทรัพยากรอย่างอัจฉริยะในแดนศักดิ์สิทธิ์ หลัวซิวประมาณการว่าภายในเวลาไม่กี่ปี เกาเหลียนหงน่าจะสามารถบรรลุแดนมหายุทธ์ได้

นอกจากนี้ยังมีปี้เซียนเสว่ ซึ่งเป็นร่างแห่งเสวียนหยิน แดนผลกการฝึกตนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่นานมานี้ เพิ่งบรรลุแดนจักรพรรดิยุทธ์

อันที่จริง ความสามารถของปี้เซียนเสว่นั้นเทียบได้กับอัจฉริยะในแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่เงื่อนไขการฝึกตนและทรัพยากรของ ไท่เสวียนนั้นด้อยกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นความเร็วในการฝึกตนของนางจึงถูกจำกัดไม่น้อย

“ดูเหมือนว่าการเปิดของแดนตำหนักจื่อ กำลังใกล้เข้ามาแล้ว”

หลัวซิวชัดเจนมากว่าหากสำนักหนึ่งต้องการพัฒนา ต้องมีผู้แข็งแกร่งที่สามารถต่อต้านคนนอกได้คนเดียว เป็นไปไม่ได้ที่จะพึ่งพาตนเองตลอดเวลา

คิดเรื่องนี้แล้ว หลัวซิวก็ไปแดนตำหนักจื่อ

หนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา ค่ายผนึกปราณในดินแดนลับของแดนตำหนักจื่อ ได้รับการฟื้นฟูสู่ถึงค่ายกลขั้น 7

แต่ค่ายผนึกปราณขั้น 7 มีผลอย่างมากต่อจอมยุทธ์ที่แดนต่ำกว่าแดนมกุฎยุทธ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่การฝึกตนของเกาเหลียนหงช้า

ตามที่มหาจักรพรรดิยุทธ์เสวียนดำกล่าว ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา เขาสามารถสร้างค่ายกลขั้น 8 ได้ แต่ค่ายกบยิ่งสูงเท่าไร ความต้องการวัสดุสำหรับการสร้างค่ายกลก็จะยิ่งสูงขึ้น

ดังนั้นตอนที่เขาออกจากแดนศักดิ์สิทธิ์ชั้นล่าง หลัวซิวใช้เวลาฝึกตนในตำหนักเต๋าที่เหลืออยู่ แลกเปลี่ยนวัสดุจำนวนมากในการสร้างค่ายกล

ใช้เวลาไปหลายวัน หลัวซิวก็ยุ่งอยู่กับการสร้างค่ายกลอยู่ในแดนตำหนักจื่อ

เมื่อค่ายผนึกปราณแปดสิบเอ็ดค่ายกลทั้งหมดฟื้นฟูถึงขั้น 8 พลังฟ้าดินจิตในแดนตำหนักจื่อ ก็มากขึ้นอย่างรวดเร็วหลายเท่าและมีร่องรอยของปราณทิพย์ปะปนอยู่ในพลังจิตที่มากมาย

จากนั้น หลัวซิวได้ยกระดับค่ายกลคุ้มเขาขึ้นเป็นขั้น 8 สำหรับค่ายคุ้มกันขั้น 8 เมื่อก่อน ที่แก๊งค่ายกลช่วยสร้าง หลัวซิวได้รื้อถอนโดยตรง

นอกเหนือจากค่ายกลคุ้มเขาแล้ว หลัวซิวไม่ลังเลเลยที่ใช้วัสดุสร้างค่ายโซ่ไว้หลายสิบอันใกล้กับสำนักเขา มีค่ายกลคุ้มเขาเหล่านี้ แม้ว่าจะมีผู้แข็งแกร่งแดนเจ้ายุทธจักรมาหาเรื่องถึงที่ ก็ยังจะต่อต้านได้นาน

ขณะที่หลัวซิวเพิ่งทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ปัญหาที่คาดหวังก็มาหาเรื่องถึงที่

วันนี้ รัศมีที่แข็งแกร่งและคาดเดาไม่ได้เต็มท้องฟ้าเหนือไท่เสวียนสำนักเขา โซนอากาศสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ทำให้เกิดคลื่นที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

หลังจากนั้น อวกาศความว่างเปล่าก็เริ่มแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับใยแมงมุม หลุมดำปรากฏขึ้นที่ใจกลางของความว่างเปล่าที่แตกเป็นเสี่ยงๆ เรือรบสีแดงเพลิงขนาดใหญ่ก็บินออกไป

เรือรบลำนี้มีรูปร่างเหมือนหงส์ มีสองปีก รูปทรงเรียบง่ายและสง่างาม เหมือนหงส์ที่เหินอยู่ในนวสวรรค์

“เรือรบเทพหงส์?”

ภายในตำหนักวัฏสงสาร หลัวซิวสัมผัสได้ถึงการเคลื่อนไหวเหนือสำนักเขา เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย

เผ่าหงส์บอกว่าเป็นพวกเขาทายาทของหงส์ และหงส์ยังเป็นที่รู้จักกันในนามเทพหงส์ ว่ากันว่าหงส์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก เคยบรรลุถึงแดนนิรันดร์ และได้รับการยกย่องว่าเป็นเทพมาร และชื่อเทพหงส์ก็มาจากสิ่งนี้เช่นกัน

เรือรบเทพหงส์ สร้างขึ้นโดยเผ่าหงส์ตามภาพลักษณ์ของบรรพบุรุษ และเป็นเรือรบพิเศษเฉพาะของเผ่าหงส์

เรือรบเป็นอาวุธที่ยอดเยี่ยมในการล้อมเมืองและปล้นแย่งที่ดิน และเรือรบเทพหงส์มีชื่อเสียงมาก การป้องกันหลักของตัวเรือรบ สามารถต้านทานการโจมตีของผู้แข็งแกร่งมหายุทธ์ได้อย่างง่ายดาย ปีกคู่สีเพลิงแดงที่กางออกนั้น มีค่ายอักษรสลักอยู่มากมาย หลังจากถูกกระตุ้นสามารถพ่นเพลิงเทพหงส์ออกมาได้ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งระดับเจ้ายุทธจักรก็ไม่กล้าต่อต้านอย่างง่ายดาย