ตอนที่ 2088 มองย้อนกลับไป โดย Ink Stone_Fantasy
ณ ใจกลางแดนเทพบรรพกาลซึ่งเป็นแผ่นดินวงกลม ภูเขาหิมะสีรุ้งและมีร่างสองร่างยืนอยู่บนนั้น
ทั้งคู่คือหวังหลินและลี่มู่หวาน
ทั้งคู่ยืนอยู่ตรงนั้น สายตามองสะพานที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล พูดคุยกันเบาๆ
หวังหลินมองมายังตาของลี่มู่หวานอย่างอ่อนโยน เขารอคอยวันเวลานี้มานาน ตอนนี้ผ่านมาหลายพันปีในที่สุดก็สำเร็จ
หิมะสีรุ้งที่ตกอยู่ตอนนี้ไม่ให้ความรู้สึกเศร้าหมองอีกต่อไปแล้ว มันแตกต่างจากที่หวังหลินเห็นในอารามบรรพชนอย่างสิ้นเชิง
หวังหลินพูดขึ้นเบาๆ “เรื่องมันยาว หวานเอ๋อร์ เมื่อเราออกไปจากที่นี่ เราจะหาที่ที่สงบ จากนั้นข้าจะใช้เวลาเล่าเรื่องราวให้เจ้าฟังทุกเรื่อง…ผิงเอ๋อร์กับภรรยาเขา ฉิงยี่ เจ้าจะรักทั้งสองคนอย่างแน่นอน”
ลี่มู่หวานพยักหน้าเล็กน้อย นางมองบุรุษตรงหน้านาง เขาเหมือนเดิมเช่นเมื่อก่อนเพียงแต่ใบหน้ามีร่องรอยที่ผ่านกาลเวลาแฝงเอาไว้
นางพอนึกภาพออกว่าหวังหลินต้องผ่านความยากลำบากแค่ไหน แลกเปลี่ยนด้วยสิ่งมีค่าแบบใดเพื่อปลุกนางขึ้นมา
“ตอนนี้ให้ข้าพาเจ้าไปย่ำสวรรค์ด้วยกัน…” ขณะที่หวังหลินมองสะพานที่อยู่ห่างไปไม่ไกล สายตาเปล่งประกายเจิดจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนตลอดหลายพันปี ในสายตาเขาไม่มีความโศกเศร้าหลงเหลืออีกต่อไป
หวังหลินดึงแขนลี่มู่หวานกระชับข้างกาย หลังจากนางตื่นขึ้นมาเขาจะไม่มีวันยอมปล่อย เขากลัวว่าเมื่อปล่อยไปอาจจะตามหานางไม่เจออีกเลย
ทั้งสองร่างก้าวเดินไปบนสะพานย่ำสวรรค์อย่างช้าๆ ไปถึงปลายทางของสะพานที่เชื่อมต่อกับภาพมายา
ลี่มู่หวานเองก็กอดแขนหวังหลินเอาไว้และไม่อยากปล่อยไป นางสัมผัสถึงความอบอุ่นจากแขนที่ทำให้หัวใจนางรู้สึกอบอุ่นและสงบสุขมาตลอดหลายพันปี
ร่างทั้งสองค่อยๆ มาถึงปลายทางของสะพาน ขณะที่ทั้งคู่กำลังก้าวเข้าไป หวังหลินหยุดชะงักและสะบัดแขนซ้ายใส่พื้นดิน
การทำเช่นนี้ได้ทำให้ลำแสงสามสายทะยานเข้าหาพื้นดิน
ลำแสงแรกคือเข็มทิศครึ่งส่วน มันลอยเข้าหาพื้นดินและทำให้พื้นวงกลมเริ่มสั่นเทา ส่วนที่เป็นภาพมายาครึ่งส่วนกลายเป็นจริงขึ้นมา ร่องลึกและภูเขานับไม่ถ้วนเปล่งประกายเจิดจ้า หลังจากมันสมบูรณ์ก็เริ่มเปิดใช้งาน
ลำแสงที่สองคือเข็มชี้ขนาดยักษ์ มันร่อนลงไปและผสานเข้ากับภูเขาหิมะสีรุ้ง เข็มชี้กวาดผ่านทั่วบริเวณ
กลิ่นอายอันทรงพลังแผ่กระจายออกมาจากพื้นปฐพีและส่งไปทั่วโลกแห่งนี้
ลำแสงที่สามคือลูกปัดสีขาว ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า!
มันลอยอยู่ในโลกแห่งนี้และเปล่งแสงเบาบาง การปรากฏตัวของมันทำให้สถานที่แห่งนี้ที่เป็นเข็มทิศไร้ขอบเขต เกิดความสมบูรณ์
หวังหลินพูดขึ้นเบาๆ “ถอนคืน!”
ชั่วจังหวะนั้นพื้นดินก็สั่นเทาและหดตัวอย่างรวดเร็ว เหลือไว้เพียงสายหมอกจำนวนมาก ครู่ต่อมาพื้นดินก็หายไป ภูเขาหิมะสีรุ้งหายไป ทุกอย่างในโลกยกเว้นสะพานและลี่มู่หวานหายไปหมด ทุกอย่างเลือนหายเข้าไปในเข็มทิศขนาดเท่าฝ่ามือ!
เข็มทิศลอยอยู่บนมือซ้ายหวังหลินและหมุนอย่างต่อเนื่อง มันหดลงอีกครั้งและสิ่งที่ปรากฏในมือหวังหลินคือลูกปัดฝืนลิขิตฟ้า!
ลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าคือชิ้นส่วนที่สำคัญที่สุดของเข็มทิศไร้ขอบเขต และมันดูไม่แตกต่างกับตอนที่เข็มทิศสมบูรณ์เลยแม้แต่น้อย
หวังหลินถือลูกปัดพลางหันหลังกลับไป เขามองไม่เห็นท้องฟ้าหรือพื้นดิน มีเพียงความว่างเปล่า ในปลายสุดของความว่างเปล่าเขาได้เห็นร่างหนึ่ง
นั่นคือกุ้ยต้าว
กุ้ยต้าวจ้องมองทุกอย่างนี้ด้วยความตกตะลึง เขาเห็นสะพานแห่งเดียวที่อยู่ในมิติว่างแห่งนี้และร่างสองคนบนสะพาน
“นี่คือคำตอบ…” กุ้ยต้าวพึมพำ เผยสีหน้าท่าทางอันซับซ้อนอย่างบอกไม่ถูก
หวังหลินยิ้มเบาบางและสะบัดแขนขวา ปรากฏวังวนหนึ่งขึ้นด้านหลังกุ้ยต้าว ข้างในวังวนคือแผ่นดินเซียนดารา กุ้ยต้าวครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะโค้งคำนับให้หวังหลินและหายเข้าไปในวังวน
หลังจากเขาจากไป หวังหลินดึงลี่มู่หวานเข้ามาข้างกายซึ่งเห็นร่างนั้นเช่นกันแต่ไม่ได้เอ่ยคำถามอะไร ทั้งสองหันไปทางปลายสุดของสะพานและเลือนหายเข้าไปในภาพมายา
หลังจากหวังหลินไปถึง สะพานได้เปลี่ยนกลายเป็นละอองแสงและเลือนหายไป
ณ สถานที่ที่เหมือนสวนแห่งสวรรค์ ห่างออกไปไกลมีตำหนักแห่งหนึ่งซึ่งมีโต๊ะหินหนึ่งตัวและเก้าอี้หินสองตัว บนเก้าอี้หินมีคนคนหนึ่งนั่งหันหลังให้หวังหลิน คนผู้นี้สวมชุดคลุมสีเทาและมีเรือนผมสีเทา แต่หวังหลินไม่สามารถมองเห็นรูปร่างได้ชัดเจน
ด้านหลังคนผู้นี้มีอีกคนที่ยืนอยู่เหมือนคนรับใช้
หวังหลินดึงลี่มู่หวานออกมาจากมิติว่างและมาถึงสถานที่คล้ายสวนแห่งนี้ พอหวังหลินและลี่มู่หวานเข้ามา คนรับใช้จึงหันมามองหวังหลินและยิ้มขึ้น
หวังหลินมองคนรับใช้ คนรับใช้ผู้นี้ดูแก่เล็กน้อยแต่ยังจำได้ทันที
หวังหลินพูดขึ้น “ หลิงเทียนโฮว”
“ทั้งใช่และไม่ใช่ข้า” คนรับใช้ส่ายศีรษะแต่ไม่ได้พูด คนที่พูดขึ้นมาคือชายชุดเทาที่หันหลังให้หวังหลิน เขาหันกลับมาและยิ้มให้
ชายชุดเทามองหวังหลินและพูดขึ้น “นี่ต้องเป็นแม่นางหวัง ช่างคู่ควรต่อสหายเซียนหวังยิ่งนัก”
ลี่มู่หวานสงบนิ่งและไม่ได้พูดอะไร นางยืนข้างหวังหลินและมองชายชุดเทา
หวังหลินมองชายชุดเทาและยิ้มออกมา เขาดึงลี่มู่หวานมาอยู่ตรงข้ามของชายชราและสะบัดแขนเสื้อ ปรากฏภาพเงาทับซ้อนขึ้นบนเก้าอี้หินที่เหลืออยู่เพื่อแยกออกมาเป็นสองตัว เขาและลี่มู่หวานนั่งลงด้วยกัน
บนโต๊ะระหว่างเขาและชายชุดเทาคือกระดานหมาก หมากสีขาวและดำกระจัดกระจายอยู่ เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ย่ำแย่
“ร่างอวตารของเจ้าออกไปหลังจากเล่นได้ครึ่งทาง ข้ารอมาหลายปีในที่สุดเจ้าก็มาถึง เรามาต่อกันเถอะ” ชายชุดเทายิ้มขึ้นพลางหยิบหมากสีดำขึ้นมาและวางไปบนกระดาน
“เจ้าคือองครักษ์?” หวังหลินชำเลืองไปที่กระดานและมองชายชุดเทา
ชายชุดเทามองขึ้นมาและเผยรอยยิ้ม “ใช่แล้วและเหมือนกับเจ้า”
“เทียนหยุนคือจิตวิญญาณสมบัติ ข้าทิ้งสัมผัสวิญญาณส่วนหนึ่งไว้กับเขา นั่นคือเทียนหยุนชุดเทาที่เจ้าเห็น” ชายชุดเทามีหน้าตาเหมือนกับเทียนหยุนไม่มีผิด แต่ความรู้สึกที่เขาเปล่งออกมานั้นต่างกัน เหมือนที่เขาพูดเอาไว้ เขาคือเทียนหยุนชุดเทา
“ก็เหมือนกับดินแดนสีรุ้งซึ่งเดิมทีถูกสร้างจากร่างอวตารของเจ้า ต่อมามันถูกจิตวิญญาณสมบัติค้นพบและถูกใช้งาน ข้ามีความอยากรู้อยากเห็นมากเช่นกันแต่ตอนนี้ข้าเห็นว่าวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่นั้นเป็นเรื่องง่ายสำหรับเจ้าไปแล้ว”
“การเลียนแบบลูกปัดฝืนลิขิตฟ้าพวกนั้นในดินแดนสีรุ้งถูกสร้างจากร่างอวตารมือสังหารของเจ้าตอนที่พยายามค้นหาว่ามีอะไรที่ขาดหายไป แผ่นจารึกเต๋าเหล่านั้นล้วนเป็นประสบการณ์ชีวิตของเจ้า”
“เดินบนเส้นทางแห่งเต๋าที่แท้จริง…คำว่า ‘ที่แท้จริง’ ซึ่งอ้างในประโยคเป็นการกล่าวถึงตัวเองที่อยู่ในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ ความหมายของทั้งประโยคนี้คือทุกชีวิตที่เกิดขึ้นมาก็เพื่อค้นหาตัวตนที่แท้จริง จากนั้นจึงจะสามารถก้าวเดินออกจากวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ เข้าสู่สิ่งที่เรียกว่านิพพาน” ชายชุดเทาพูดขึ้นด้วยแววตาชื่นชม
“ข้าไม่มีชื่อ หากข้าเป็นคนแรกในดินแดนฝืนชะตาปฐพีที่บรรลุขั้นย่ำสวรรค์ เช่นนั้นเจ้าก็เป็นคนที่สอง นอกจากเจ้าและข้าแล้ว ไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นใดที่สามารถย่ำสวรรค์เพื่อมาถึงที่นี่ได้”
“นอกจากร่างอวตารของเจ้า…” ชายชุดเทาพูดพลางยิ้ม
หวังหลินครุ่นคิดเงียบๆ ไปชั่วครู่ เขายังไม่ยอมปล่อยมือลี่มู่หวานพลางมองชายชุดเทาและเอ่ยถาม “เจ้าเป็นคนสร้างเข็มทิศไร้ขอบเขต? เจ้าเป็นคนผนึกจิตวิญญาณสมบัติไว้ข้างในใช่หรือไม่?”
“ขั้นที่สี่ ขั้นย่ำสวรรค์ถือเป็นขีดจำกัดของดินแดนฝืนชะตาปฐพี แต่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลของดินแดนสี่แห่ง ยังมีบางคนที่บรรลุขั้นที่ห้า…หรือขั้นที่หกไปอีก…ก่อนที่ข้าจะมาที่นี่ กระดานแผ่นนี้ก็มีอยู่แล้ว”
“เล่นกันเถอะ ถึงตาเจ้า…” ชายชุดเทาพูดกระซิบ
หวังหลินขบคิดชั่วครู่จากนั้นเผยรอยยิ้ม เขายกแขนขึ้นมา ในมือเป็นลูกปัดสีขาว เขาถือและวางเอาไว้บนกระดาน
เมื่อลูกปัดสีขาววางลง แผ่นกระดานเปลี่ยนไปทันที หมากสีดำและขาวทั้งหมดเริ่มเคลื่อนไหวราวกับพวกมันพยายามทำนายบางอย่าง พอลี่มู่หวานมองเข้าไป หมากสีขาวและดำทั้งหมดผสานกันกลายเป็นสองชิ้นเท่านั้น
หนึ่งดำ หนึ่งขาว
หมากสีขาวคือฝั่งของหวังหลิน หมากสีดำคือฝั่งของชายชุดเทา
“เจ้าเข้าใจหรือไม่?” หวังหลินมองขึ้นมาที่ชายชุดเทา
ชายชุดเทาขบคิดชั่วขณะก่อนจะถอนหายใจและพยักหน้า “…ข้าเข้าใจ”
หวังหลินยิ้มพลางยืนขึ้นและดึงลี่มู่หวาน เขาไม่ได้มองกลับไปที่คนทั้งสองหรือบนกระดาน แต่ก้าวเดินไปข้างหน้ากับลี่มู่หวาน และทั้งสองก็หายไปจากที่นี่
หลังจากเขาหายไป หมากสีขาวบนกระดานค่อยๆ กลายเป็นภาพลวงตาและในที่สุดก็หายไป ราวกับมันติดตามหวังหลินไปด้วย
หวังหลินจากไปพร้อมกับลี่มู่หวาน
บนแผ่นดินเซียนดารา ไม่มีใครนอกจากกุ้ยต้าวที่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในดินแดนเทพบรรพกาล
หวังหลินนั่งลงอย่างสงบบนภูเขาแห่งหนึ่งในเผ่าโบราณ ลี่มู่หวานนั่งอยู่ด้านหลังและมองเขาอย่างอ่อนโยน หวังหลินอยู่ที่นี่ต่ออีกหลายวัน
เขาดูเหมือนกำลังรอคอยบางอย่าง ลี่มู่หวานไม่รู้ว่าเป็นอะไรและนางไม่ต้องการรู้ ตราบใดที่นางสามารถอยู่ข้างกายหวังหลินได้ นางก็พึงพอใจแล้ว ทว่าในใจนางยังมคำถามหนึ่ง แต่นางต้องการรอให้หวังหลินตื่นขึ้นมาถึงจะถาม
หลังจากผ่านไปอีกสามวัน พลบค่ำของวันนี้ขณะที่ท้องฟ้าสลัวลง หวังหลินลืมตาและมองไปยังท้องฟ้า
วินาทีนั้น ชายผู้หนึ่งสวมชุดสีดำและมีเรือนผมสีดำยาวปรากฏขึ้นด้านนอกแผ่นดินเซียนดารา ร่างกายเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหารและทำลายล้าง เขายืนอยู่ด้านนอกแผ่นดินเซียนดารา สายตามองไปบนเผ่าโบราณอย่างไม่แยแส ที่ตรงนั้นเขาเห็นว่ามีคนกำลังมองมาที่เขาด้วย
รูปร่างหน้าตาของเขาเองก็เหมือนหวังหลินไม่มีผิด!
หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ชายชุดดำจึงพุ่งเข้าไปในแผ่นดินเซียนดารา เขาเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงสีดำและทะยานเข้าสู่เผ่าโบราณ มุ่งหน้าไปยังภูเขาที่หวังหลินอยู่และมาถึงเบื้องหน้า
พอเขาเห็นลี่มู่หวาน สายตาที่ไม่แยแสนั้นจึงกลับมาอ่อนโยน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องมา” หวังหลินมองมาที่ร่างอวตารมือสังหาร
ชายชุดดำขบคิดอย่างเงียบงัน จากนั้นยกแขนขึ้นมาดึงผมออกมาหนึ่งเส้น พอเขาวางมือลง เส้นผมสีขาวพริ้วไสวและเปลี่ยนกลายเป็นสีขาวอย่างช้าๆ
วินาทีที่เส้นผมสีขาวปรากฏขึ้น ด้านหวังหลินก็ยกแขนขวาขึ้นมาปรากฏเส้นผมสีขาวขึ้นมาเช่นเดียวกัน ทว่าในจังหวะที่เส้นผมสีขาวนี้ปรากฏ มันค่อยๆ หายไป
ชายชุดดำมองลี่มู่หวานอีกครั้ง เขาหลับตาลงพร้อมกับเปลี่ยนกลายเป็นควันสีดำ ลบเลือนสติของตัวเองเพื่อผสานเข้ากับร่างของหวังหลิน
หวังหลินดูดซับควันสีดำทั้งหมดไป ร่างอวตารมือสังหารปรากฏขึ้นในร่างกายอีกครั้ง หวังหลินมองลี่มู่หวานจึงเข้าใจว่าทำไมร่างอวตารมือสังหารถึงได้ลบสำนึกของตัวเองและผสานเข้ากับเขาหลังจากได้รับอิสรภาพ
‘สำหรับข้ามันคือห้าร้อยปี…สำหรับเขามันคือวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่นับครั้งไม่ถ้วน…’
“ท่านมองที่ข้ามีอะไรหรือไม่?” ลี่มู่หวานยิ้ม
หวังหลินเอ่ยถามขึ้นทันที “เจ้าได้เห็นเขาหรือไม่?”
“ใคร?” ลี่มู่หวานตกตะลึง นางไม่เห็นอะไรเลย
“ไม่มีอะไร เราไปกันเถอะ เจ้าไม่อยากเห็นหวังผิงและภรรยาหรือ? เราไปที่ที่ไม่มีใครรู้จักเราและเริ่มต้นชีวิตธรรมดากันเถอะ…” หวังหลินยืนขึ้นและยิ้มออกมา
“ไม่ไปบ่มเพาะหรอกหรือ?” ลี่มู่หวานกะพริบตาและยืนข้างหวังหลิน
“การบ่มเพาะอยู่ในใจ หลังจากค้นหาตัวเอง ทุกที่ก็เหมือนกันหมด” หวังหลินยิ้มพร้อมกับกอดลี่มู่หวาน ทั้งสองเปลี่ยนกลายเป็นลำแสงและหายไปในความมืด
“หวังหลิน หลังจากเกมกระดานจบลง ท่านพูดว่า ‘เจ้าเข้าใจหรือไม่…’ ข้าไม่เข้ามันจริงๆ…มีอะไรต้องเข้าใจหรือ?” ลี่มู่หวานเอ่ยเสียงอ่อนโยน
ทั้งสองค่อยๆ ทะยานออกไปไกลและเลือนหายไปในเส้นขอบฟ้า
พวกเขาไม่เห็นว่าในจังหวะนั้น ในมุมหนึ่งของเมืองศิลาดำ ห่างจากภูเขานี้ไปไม่ไกลนัก สตรีชุดขาวได้หันหลังให้กับแสงไฟจากบ้านเรือนมากมาย นางมองไปยังลำแสงหนึ่งที่กำลังทะยานออกไปไกลบนท้องฟ้า หยาดน้ำตาไหลลงมามุมอับสายตา หยาดน้ำตาไหลลงบนแก้มและหยดลงบนเสื้อผ้า
“ลืมมันเถอะ ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง…มัจฉาในชีวิตที่แล้วก็เฝ้าดูวิหคจากไปทั้งที่ตัวเองอยู่ในน้ำเหมือนกัน…” นางพึมพำ สายตาพร่าเลือน มัจฉาในน้ำดูเหมือนกำลังร้องไห้ แต่หยาดน้ำตาได้ละลายอยู่ในน้ำ ดังนั้นวิหคจึงมิอาจมองเห็น
“ในชีวิตที่แล้ว เราต่างก็เป็นวิหคและมัจฉา แต่ในชีวิตนี้เราไม่ใช่…” เสียงอ่อนโยนหนึ่งพลันดังขึ้นด้านหลังหญิงสาว
หญิงสาวร่างบอบบางพลันสั่นเทาในทันที นางพลันหันกลับมาและเห็นร่างหนึ่งที่กำลังยิ้มให้…
………………จบบริบูณ์……………
ตอนต่อไป →