บทที่ 923 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ บทที่ 923 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น

ไม่นานอวิ๋นเลี่ยก็มาหาหนานกงอวิ๋นเยียนแล้ว แม่ลูกมองอวิ๋นเลี่ยที่เดินเข้ามา เฟิ่งหลิงอวิ๋นเลยถามด้วยความแปลกใจว่า“เสี่ยวอวิ๋น เจ้าว่าเหตุใดรูปโฉมของเจ้าถึงเหมือนกันกับแม่นักล่ะ แต่ทว่าแวบเดียวเขาก็สามารถดูออกว่าเป็นเจ้า ยิ่งแปลกกว่านั้นคือ เมื่อก่อนเขาก็ถูกเลี้ยงดู เพื่อต้องเป็นสามีของแม่ แต่เขากีดกันแม่ตลอด แต่หลังจากที่เจอเจ้ากลับชอบเจ้า เจ้าว่าแปลกหรือไม่?”

หนานกงอวิ๋นเยียนกล่าวถามว่า“มีสิ่งใดที่ไม่เหมาะสมหรือท่านแม่?คนเป็นสิ่งที่แปลกประหลาด ท่านพ่อบอกว่าทุกอย่างล้วนมีสาเหตุ คนคนหนึ่งชอบคนหนึ่ง คนคนหนึ่งเกลียดชังคนหนึ่งได้ ทุกอย่างนั้นล้วนมีสาเหตุ เขาชอบข้าบางทีชาติที่แล้วอาจจะติดค้างข้าก็เป็นได้ ไม่อย่างนั้นสมองเขาก็น่าจะเลอะเลือน ไม่อย่างนั้นข้าก็ดีจนเกินไป และดีกว่าท่านแม่ด้วย”

หนานกงอวิ๋นเยียนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง คล้ายดั่งเป็นเช่นนั้นเลย เฟิ่งหลิงอวิ๋นขมวดคิ้วมองไปทางหนานกงอวิ๋นเยียน แล้วกล่าวว่า“เจ้านี่ไม่อายเสียจริง คุยโวโอ้อวดเยี่ยงพ่อของเจ้า เป็นตามความจริงที่บอกลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น พ่อเจ้าให้กำเนิดเจ้า ความสามารถไม่น้อยเลยสักนิดหนึ่ง เกรงว่าพี่ชายคนอื่นของเจ้าก็หน้าหนาไม่เท่าเจ้าหรอก”

หนานกงอวิ๋นเยียนสีหน้าไม่เห็นด้วย กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า“ท่านแม่ว่าข้าได้ แต่อย่าว่าท่านพ่อข้า ในใจของข้าท่านพ่อเป็นบุคคลที่สมบูรณ์แบบที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ เทียบความดีสมบูรณ์แบบของท่านพ่อข้าไม่ได้เลย!”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นชะงักงันอยู่ครู่หนึ่ง หันมองเจ้าของร่างเดิมที่เพิ่งจะเติบโตอยู่ตรงหน้าแต่ทว่ายังเป็นเด็กอย่างช้าๆ สิ่งที่เพาะบ่มเมื่ออดีต ชาตินี้ไม่สามารถเลือนหายสาบสูญตามกาลเวลา นี่คือจุดจบหรือ? หนานกงเย่จะไม่ชอบได้อย่างไร ที่คลอดลูกให้กำเนิดลูกสาวหลายคน

สถานการณ์ไม่เหมือนกัน ตำแหน่งเปลี่ยน ความรู้สึกก็ไม่เหมือนกัน

หากว่าเจ้าของร่างเดิมพูดเช่นนี้ หนานกงเย่ไม่ชอบใจเป็นแน่ แม้จะรู้สึกว่าวาจาท่าทางไม่เรียบร้อยเหลวไหล แต่หากเป็นบุตรสาวของเขาพูดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะมีความสุขมากแค่ไหน

ไม่รอให้เฟิ่งหลิงอวิ๋นพูดอะไรออกมา หนานกงอวิ๋นเยียนจึงกล่าวอีกว่า“ท่านพ่อบอกว่า ข้าเป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ท่านแม่ก็พูดอีกว่าลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น อย่างนี้ท่านแม่ไม่ชอบข้าหรือ?”

หนานกงอวิ๋นเยียนขมวดคิ้วจ้องมองเฟิ่งหลิงอวิ๋น เฟิ่งหลิงอวิ๋นส่ายหน้า แต่ยิ้มไม่ได้พูดอะไร มองหนานกงอวิ๋นเยียนแล้วเธอค่อนข้างเหม่อลอย

“ท่านแม่ ท่านมองสิ่งใดหรือ?”หนานกงอวิ๋นเยียนกล่าวถามเธอ

“ไม่ได้มองสิ่งใดหรอก สิ่งที่เจ้าเหมือนแม่คือใบหน้า เพราะว่าเหมือนกันตั้งแต่เริ่มแรก แต่ภายในกระดูกของเจ้านั้นมีส่วนเหมือนกับพ่อเจ้า แต่เจ้าก็มีนิสัยของตนเอง ลักษณะนิสัยเช่นนี้ท่านพ่อเจ้าชอบ แม่อิจฉาอย่างมาก สิ่งที่เป็นอย่างเจ้า ผู้ใดก็ไม่มี”

“อ้อ?”หนานกงอวิ๋นเยียนมองเฟิ่งหลิงอวิ๋นด้วยความแปลกใจ มีความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ สุดท้ายนางยังเป็นเด็กคนหนึ่ง มีคำพูดบางคำพูดที่เฟิ่งหลิงอวิ๋นพูดนางไม่เข้าใจ เฟิ่งหลิงอวิ๋นก็ไม่ได้พูดอธิบายแล้ว

เฟิ่งหลิงอวิ๋นยิ้ม ได้ยินด้านนอกมีฝีเท้าการเคลื่อนไหวของคน อีกทั้งหันมาทางด้านนี้ เลยหันกลับไปมองทางประตู

มีคนมารายงานว่าอวิ๋นเลี่ยมาแล้ว

“บอกเข้ามา”เฟิ่งหลิงอวิ๋นกล่าว

จากนั้นอวิ๋นเลี่ยได้เข้ามาและหันไปทางเฟิ่งหลิงอวิ๋น ทำความเคารพเธอแล้วกล่าวว่า“อวิ๋นเลี่ยถวายบังคมองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”

“ไปเถิด”เฟิ่งหลิงอวิ๋นโบกสะบัดมือ

อวิ๋นเลี่ยยืนอยู่อีกด้าน เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองอวิ๋นเลี่ยด้วยความประหลาดใจ คาดไม่ถึงว่าจะค่อนข้างแปลก

“ท่านแม่ ท่านเป็นอะไรหรือ?”หนานกงอวิ๋นเยียนอยู่ข้างกายหนานกงเย่มาหลายปี มองคนมองเรื่องราวล้วนทะลุปรุโปร่ง เฟิ่งหลิงอวิ๋นค่อนข้างไม่เข้าใจ คิ้วกระตุกเล็กน้อย เธอก็รู้แล้ว

เฟิ่งหลิงอวิ๋นนับถือเสียจริง เด็กน้อยผู้นี้อายุน้อยดูคนมองเรื่องราวได้ทะลุปรุโปร่งเช่นนี้!

“คิดว่าเขาคือใคร”เฟิ่งหลิงอวิ๋นกล่าวอย่างไม่หวั่นต่อสิ่งใด

หนานกงอวิ๋นเยียนถามด้วยความแปลกใจว่า“เขาจะเป็นผู้ใดได้?ไม่ใช่เขาหรือ?”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองหนานกงอวิ๋นเยียน แล้วกล่าวว่า“ไม่รู้ แต่ดูท่าทางของเขา มันคงเป็นความสัมพันธ์อันมีมาแต่ครั้งบุพชาติของเจ้าอย่างแน่นอน ถึงอย่างไร เวลานั้นเจ้ามีเพียงสหายคนสนิทที่ดีคนหนึ่ง นี่ผ่านไปสิบปีแล้ว อย่างไรก็ไม่ใช่การไม่ระวังแล้ววิญญาณของเขาหลุดออกมานะ”

“ท่านแม่ ท่านกล่าวสิ่งใดกันนี่? เหตุใดข้าไม่รู้เลยแม้แต่น้อย ?ข้ามีสหายคนสนิทที่ไหนกัน ท่านพ่อก็ไม่เคยพูดเลย?”หนานกงอวิ๋นเยียนกล่าวด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

“องค์รัชทายาท อวิ๋นเลี่ยก็อยากจะรู้เช่นกันว่าองค์รัชทายาทกล่าวอันใดกัน”อวิ๋นเลี่ยกล่าวอยู่อีกด้าน เฟิ่งหลิงอวิ๋นจึงชำเลืองมองเขา แต่ทว่าไม่ได้ตอบ กลับกันได้ลุกขึ้นยืน

“เจ้ามาหาอวิ๋นเยียนใช่หรือไม่?”แน่นอนว่าเฟิ่งหลิงอวิ๋นไม่อยากรบกวนเวลาที่ลูกสาวจะทำความคุ้นเคยใกล้ชิดกันกับอวิ๋นเลี่ย ที่จริงในสายตาของเฟิ่งหลิงอวิ๋น อวิ๋นเลี่ยเป็นคนที่ไม่เลวเลย แต่เรื่องการแต่งงานของลูกสาว เกรงว่ามันไม่ง่ายที่จะกำหนดแล้ว

แม้ว่าอวิ๋นเลี่ยจะดีแค่ไหน ไม่ผ่านด่านหนานกงเย่ ก็ไร้ประโยชน์

“กระหม่อมมาหาอวิ๋นจวิ้นจู่ แต่ว่าสิ่งที่องค์รัชทายาทตรัสออกมาเมื่อครู่นี้อวิ๋นเลี่ยไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นเลยอยากจะรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นพ่ะย่ะค่ะ ขอองค์รัชทายาทบอกตามความจริงด้วยพ่ะย่ะค่ะ”อวิ๋นเลี่ยมองหนานกงอวิ๋นเยียน และมองเฟิ่งหลิงอวิ๋น

มักรู้สึกว่าสหายคนสนิทนั่นค่อนข้างมีสิ่งที่ผิดปกติ อายุของอวิ๋นจวิ้นจู่อย่างนี้ จะมีสหายคนสนิทสิบปีกว่าได้อย่างไร?

แต่ดูความหมายขององค์รัชทายาท คนผู้นั้นสำคัญกับอวิ๋นจวิ้นจู่เป็นอย่างมาก!

“มีบางเรื่องรู้แล้วกลับไม่ใช่เรื่องดี ไม่รู้กลับไปสิ่งที่ดี หากเจ้าคิดว่าสิ่งที่ผ่านไปแล้วสำคัญ ก็คือการพัวพัน แต่หากเจ้าไม่เห็นด้วยคิดอย่างนั้น มันจะกลับกลายเป็นส่วนเติมเต็มเจ้าเสียด้วยซ้ำ

หากเจ้าอยากจะไปมาหาสู่กับอวิ๋นจวิ้นจู่ เจ้าก็ไปมาหาสู่กับอวิ๋นจวิ้นจู่ก็จบ ชีวิตของคนเหมือนกับจะยืนยาว ความเป็นจริงแล้วมันสั้นมาก เพียงแค่ไม่มีสติแวบเดียวมันก็เลือนหาย แล้วไปถามเรื่องราวที่อาจจะไม่มีคำตอบ ไม่รู้จักที่จะยึดกุมสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไว้”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นนึกถึงเธอเองเมื่อก่อน ไม่ว่าจะเป็นซูมู่หรงหรือว่าหนานกงเย่ ที่จริงเธอเสียเวลานานมาก เธอเอาการรักษาคนป่วยเป็นหน้าที่ของเธอมาโดยตลอด

อย่างที่รู้ ไม่มีใครรับผิดชอบต่อชีวิตของเธอเลย

แม้ว่าการช่วยเหลือรักษาคนไข้นั้นเธอจะไม่เคยรู้สึกเสียใจภายหลัง แต่มักจะรู้สึกว่าหลงเหลือความเสียดายทิ้งไว้

อวิ๋นเลี่ยรู้ว่าไม่ควรถามอีก ก็เลยไม่ถาม

อวิ๋นเลี่ยหันมองหนานกงอวิ๋นเยียน แต่ทว่าอวิ๋นเลี่ยกลับไม่ได้เอ่ยปาก เฟิ่งหลิงอวิ๋นยอมรับนับถือเลย ผู้ชายคนหนึ่งจะอายทำไมกัน ต่อหน้ากระดากอายเช่นนี้ วันข้างหน้าอยู่ต่อหน้าหญิงสาวก็จะเสียเปรียบ ผู้ชายจะต้องมีตอนที่เอาอกเอาใจยาก มีตอนที่หน้าหนาด้วย

เฟิ่งหลิงอวิ๋นมองหนานกงอวิ๋นเยียน จากนั้นกล่าวว่า“จะไปหรือไม่?”

“ไม่ไปแล้ว”หนานกงอวิ๋นเยียนเตรียมตัวจะไป อวิ๋นเลี่ยเลยรีบกราบทูล

“กราบทูลองค์จักรพรรดิณี กระหม่อมมีเรื่องอยากจะหารือพ่ะย่ะค่ะ”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นเลยถามว่า“เรื่องอันใดหรือ?”

อวิ๋นเลี่ยลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า“เขื่อนนอกเมืองหลวงจำเป็นต้องได้รับการซ่อมแซมโดยด่วน กระหม่อมต้องการเข้าร่วม แต่เสนาบดีไม่ต้องการให้กระหม่อมเข้าร่วม เขากล่าวว่ากระหม่อมยังเด็กเกินไปไม่สามารถเข้าร่วมได้ กระหม่อมมาเพื่อสิ่งนี้พ่ะย่ะค่ะ”

หนานกงอวิ๋นเยียนไม่ได้ออกไปในทันทีเลย และนางนั่งอยู่อีกด้าน

เฟิ่งหลิงอวิ๋นตลกขบขัน ดูเหมือนว่าอวิ๋นเลี่ยได้หาช่องทางแล้ว อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าควรจะทำอย่างไรเสี่ยวอวิ๋นถึงจะมีความสุข

“แน่นอนว่าเสนาบดีก็มีความกังวลใจของเสนาบดี เจ้ามาถามข้าก็ไร้ประโยชน์ หากเสนาบดีไม่ฟังข้า เจ้าถามข้า ก็ไม่ใช่ว่าไม่สามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้หรือ?”

เฟิ่งหลิงอวิ๋นไม่คิดที่จะเข้าร่วมเรื่องนี้ หากแม้แต่เรื่องเล็กน้อยนี้ยังทำไม่เหมาะสมทำไม่เรียบร้อย เช่นนั้นเขาก็ไม่ได้มีประโยชน์ส่วนเกี่ยวข้องอะไรแล้ว

ใครผูกคนนั้นแก้ เข้าก็เข้าใจ!