บทที่ 467 ที่อาศัยของเรานับจากนี้

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

บทที่ 467 ที่อาศัยของเรานับจากนี้

ทั้งครอบครัวต่างพูดคุยหัวเราะกัน เมื่อถึงเวลาสมควร ทุกคนก็แยกย้ายไปทำธุระของตน

หลินชิงเหองีบหลับไปครึ่งชั่วโมง เมื่อใดที่มีอายุถึงวัยนี้ก็เป็นแบบนี้ ต่อให้เธอจะดูแลตัวเองดีขนาดไหน แต่ถ้าไม่ได้นอนพักในตอนกลางวัน เธอก็จะรู้สึกว่าร่างกายไม่กระปรี้ประเปร่าและไม่สามารถจัดการกิจกรรมต่าง ๆ ในช่วงบ่ายได้

หลังได้นอนพักแล้ว เธอก็รู้สึกดีขึ้นมาก

เธอไปที่ร้านของเอ้อร์นีเพื่อมาหาซานนี ซึ่งหล่อนกำลังช่วยงานอยู่ที่นั่น เพราะหล่อนเองก็ต้องการเริ่มงานก่อนกำหนดและเรียนรู้ที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น ๆ

เธอพาซานนีไปที่โรงพยาบาล และไม่ได้พูดเรื่องของซานนีกับท่านพ่อโจวและท่านแม่โจวแม้แต่คำเดียว เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว จึงไม่มีอะไรต้องพูดกัน

เพียงลงมือจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จแล้วมันก็จะไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก

ซานนีเข้าโรงพยาบาลรับการตรวจร่างกายทุกส่วน จากนั้นหลินชิงเหอก็พาหล่อนไปหาหมอ

คุณหมออ่านผลวินิจฉัยและสั่งยาให้หล่อนกิน เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย เป็นแค่โรคทั่วไปทางสูตินรีเวชประกอบกับระบบในร่างกายบางส่วนอ่อนแอเท่านั้น

“ระหว่างสัปดาห์นี้งดการมีเพศสัมพันธ์นะคะ” คุณหมอสั่งทิ้งท้ายหลังสั่งจ่ายยาเสร็จแล้ว

เรื่องนี้ทำให้ซานนีรู้สึกอายขึ้นมา

หลินชิงเหอไม่ได้คิดอะไรและเอ่ยให้หล่อนฟัง “คราวนี้กินยาตามที่หมอสั่งด้วยนะจ๊ะ จากนั้นก็มาตรวจร่างกายเป็นประจำ ถ้าอามีเวลาอาจะมาด้วย แต่ถ้าติดสอน อาจะให้เอ้อร์นีมาเป็นเพื่อนหนู อย่าอายที่จะหาหมอถ้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมานะจ๊ะ เข้าใจไหม?”

“ค่ะ หนูเข้าใจแล้ว” โจวซานนีพยักหน้าด้วยใบหน้าแดงซ่าน

แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าหล่อนรู้สึกโล่งใจเพียงใดเมื่อได้ยินคุณหมอพูดว่ามันไม่มีปัญหาร้ายแรงอื่น ๆ แค่ต้องรักษาตัวให้ดีเท่านั้น

การตั้งครรภ์ไม่ใช่ปัญหาอะไร เป็นหล่อนที่กังวลไปเอง

หลินชิงเหอพาหล่อนกลับและมาที่ร้านเสื้อผ้าผู้หญิง ซึ่งซื่อนีก็อยู่ที่นี่ด้วย

ซื่อนีเลือกเสื้อผ้าของหล่อนไปแล้ว หล่อนเม้มปากและเอ่ยด้วยความขัดเขิน “อาสะใภ้สี่คะ นี่จะไม่แพงเกินไปเหรอคะ?”

“แพงอะไรกันจ๊ะ? แต่ละคนได้เสื้อผ้ากันคนละสองชุดนะ ถ้าหนูอยากได้มากกว่านี้ก็ซื้อเอานะจ๊ะ อาจะได้ให้ในราคาทุน” หลินชิงเหอพูด

“ซานนี พี่ให้ชุดพวกนี้กับเธอนะ ลองใส่ดูสิจ๊ะว่าพอดีไหม เข้าไปลองเลย” โจวเอ้อร์นีนำเสื้อผ้าสองชุดมาให้แล้วเอ่ยคะยั้นคะยอ

“อาสะใภ้สี่คะ หนูไม่เอาก็ได้นะคะ” โจวซานนีรีบละล่ำละลัก

อาสะใภ้สี่ของหล่อนจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้หล่อนไปแล้ว

“ไม่ได้หรอกจ้ะ พี่น้องของหนูกับอ้ายกั๋วต่างก็ได้เสื้อผ้ากันคนละสองชุดทุกคน ต่อให้เสื้อผ้าที่หนูใส่ก่อนหน้านี้จะดูไม่เลวนัก แต่ถ้าใส่เสื้อผ้าชุดใหม่มันจะทำให้ภาพลักษณ์ของหนูดูดีขึ้นเวลาขายของนะจ๊ะ” หลินชิงเหอยืนกราน

คนของเธอไม่จำเป็นต้องแต่งเติมเสริมแต่งหรือทำอะไรก็ตามให้ดูดัดจริต แต่การมีใบหน้าที่ดูสะอาดสะอ้านและจิตใจที่ดีถือเป็นเรื่องจำเป็น

เมื่อได้ยินเธอยืนยันเช่นนี้ โจวซานนีก็ได้แต่หยิบเสื้อผ้าของหล่อนไปอย่างว่าง่ายและลองสวมใส่ดู

เป็นที่พิสูจน์ได้ว่าสายตาของโจวเอ้อร์นีช่างแหลมคมถึงขึ้นตาดีไม่น้อย เสื้อผ้าทั้งสองชุดพอดีตัวกับโจวซานนีเป๊ะ

“งั้นสองชุดนี้แล้วกันนะจ๊ะ” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างพอใจ

เสื้อผ้าทั้งสองชุดของโจวซื่อนีก็ดูดีมากเช่นกัน โจวเอ้อร์นีจึงซื้อให้หล่อนอีกตัวหนึ่งในราคาเท่าทุน

ส่วนโจวซานนีนั้นไม่รับ คนยุคนี้ถือว่ายังประหยัดมัธยัสถ์กันมากอยู่ มีเสื้อผ้าใหม่ไว้เปลี่ยนสองตัวก็พอแล้วไม่ใช่หรือ? พวกเขายังมีเสื้อผ้าชุดเก่าของตัวเองอยู่ เสื้อผ้าใหม่สองชุดนี้ก็เอามาใส่เป็นบางครั้งบางคราว

หลินชิงเหอไม่พบว่าเป็นเรื่องแปลก เมื่อมาถึงครั้งแรก หล่อนก็ไม่ได้สะทกสะท้านเหมือนเอ้อร์นี ซึ่งตอนนี้เอ้อร์นีได้รับการฝึกจากเธอจนแยกตัวเป็นอิสระได้แล้ว

“ซานนี หนูต้องอยู่เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ กับพี่เอ้อร์นีไว้นะ ส่วนทางอ้ายกั๋วก็เป็นความคิดที่ดีที่จะให้เขาจำทางไปร้านค้าไว้ในวันนี้ แต่นับจากพรุ่งนี้เป็นต้นไป เขาจะต้องไปเรียนรู้กิจการจากร้านเสื้อผ้าผู้ชายนะ” หลินชิงเหอบอก

“ค่ะ หนูจะบอกเขาตอนที่เขากลับมาแล้วนะคะ” โจวซานนีตอบ

“เอ้อร์นี ช่วยเอาเสื้อผ้าสองชุดไปส่งให้พี่เขยสามหน่อยนะจ๊ะ” หลินชิงเหอสั่ง

“หู่จือเอาไปแล้วค่ะ มันอยู่ที่ร้านนั้นแล้ว” โจวเอ้อร์นีตอบ

หลินชิงเหอพยักหน้า เมื่อได้ยินดังนี้แล้วก็ปล่อยให้พวกเขาดูแลกิจการร้านไป ส่วนเธอมาที่ร้านเกี๊ยวเพื่อหาชิงไป๋ของเธอ

โจวชิงไป๋กำลังสับหมูสับไปได้ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นเธอมาหา เขาก็ถามขึ้น “คุณเหนื่อยไหมครับ?”

“ยังไหวอยู่ค่ะ” หลินชิงเหอโบกมือ

ครั้นโจวเฉวี่ยนกลับมาจากการลอยชายในวันหยุดฤดูร้อน โจวชิงไป๋ก็มอบภารกิจให้เขา “พาพี่ซานนีกับพี่ซื่อนีไปเดินเที่ยวหน่อย”

เด็กหนุ่มชะงักไป “ผมไม่มีเวลามากหรอกครับ เรียกเจ้าสามเถอะ”

โจวกุยหลายที่จับตามองสถานการณ์ของพี่ชายรองอยู่ก็กลอกตาใส่และเอ่ยขึ้น “พี่รอง พี่มีจิตสำนึกกับเขาบ้างไหม? วันหยุดฤดูร้อนนี้ผมยุ่งอยู่นะ ตอนนี้ป๊ากับม้าของพวกเราก็กลับมาแล้วและรู้สึกเห็นใจที่ผมต้องเหนื่อยยากทั้งที่อายุยังน้อย พี่ยังอยากจะใช้งานผมเยี่ยงทาสอีกเหรอ?”

“นายสูง 180 เซนแล้ว จะถือว่าตัวเล็กได้ยังไง?” โจวเฉวี่ยนเลิกคิ้ว

“ผมไม่ได้ตัวเล็กก็จริง แต่ยังเด็กอยู่นะ!” โจวกุยหลายสวนกลับ “ผมอายุแค่ 15 เอง!”

ไม่มีใครตัวเตี้ยเลยในบรรดาลูกชายทั้งสามของหลินชิงเหอ เธอรู้สึกว่าต้องเลี้ยงดูพวกเขาด้วยมาตรฐานโภชนาการของยุคสมัยใหม่ เธอไม่ยอมอดอาหารเพียงเพราะสภาพแวดล้อมรอบด้านไม่เอื้ออำนวยหรอก

อาหารจะต้องเยี่ยมยอดเสมอ

ดังนั้นสามพี่น้องนี้จึงมีความสูง 180 เซนติเมตรขึ้นไป โดยที่โจวข่ายลูกชายคนโตตัวสูงที่สุุด

แต่สองคนหลังก็คงไม่เตี้ยมากนักในอนาคต

โจวเฉวี่ยนมีอายุ 17 ปีในปีนี้และสูงถึง 185 เซนติเมตร แม้ตอนนี้เขาจะเติบโตช้าลง แต่เขาก็ยังเติบโตอยู่

ไม่ต้องพูดถึงโจวกุยหลายเลย ในอนาคตเด็กคนนี้จะต้องไม่ด้อยไปกว่าพี่ชายทั้งสองแน่นอน บางทีเขาอาจเป็นผู้ชายที่สูงที่สุดในครอบครัวก็ว่าได้

ท้ายที่สุดแล้วก็ไร้ประโยชน์ที่โจวเฉวี่ยนจะขัดขืน เขาจึงทำได้แต่พาโจวซานนีกับโจวซื่อนีออกไปสำรวจรอบ ๆ ปักกิ่ง

ส่วนเรื่องสอนพิเศษนั้นหมดลงแล้วเพราะอีกไม่กี่วันก็จะเปิดภาคเรียน ครอบครัวที่จ้างเขาให้สอนพิเศษกับลูก ๆ เองก็ต้องการให้เด็ก ๆ ได้ผ่อนคลาย

โจวเฉวี่ยนพาโจวซานนี โจวซื่อนี และหลี่อ้ายกั๋วไปเยี่ยมชมสถานที่ต่าง ๆ จำนวนมากเป็นเวลา 2 วัน ทำให้พวกเขาได้รู้จักสถานที่มากขึ้นและมีความรู้เพิ่มขึ้นอย่างมาก

หลังจากนี้พวกเขาก็จะเริ่มทำงานบริการลูกค้าในร้านเสื้อผ้า ไม่เพียงแค่ที่ร้านเสื้อผ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงร้านเกี๊ยวและร้านเครื่องดื่มอีกด้วย

การฝึกงานเหล่านี้อยู่ในการจัดการของหม่าเฉิงหมิน หลินชิงเหอเองเริ่มเตรียมการเรียนการสอนแล้ว โจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายเองก็ต้องเตรียมตัวกลับไปเรียน

โดยเฉพาะโจวกุยหลายนักศึกษาปีหนึ่งที่เริ่มฝึกทหาร หลินชิงเหอได้ให้ครีมกันแดดที่ซื้อมาจากห้างสรรพสินค้ากับเขาหนึ่งขวด มันเป็นครีมกันแดดยี่ห้อดังของยุคนี้ที่มีรูปผู้หญิงสวมชุดว่ายน้ำแปะอยู่บนฉลาก

หลังจากเปิดเรียน หลินชิงเหอกับลูกชายของเธอก็ยุ่งมาก

โจวซานนี โจวซื่อนี และหลี่อ้ายกั๋วต่างขยันทำงานอย่างหนักเพื่อเรียนรู้ที่จะปรับตัวใช้ชีวิตในเมืองหลวง

แม้จะบอกว่าร้านขายอาหารแห้งกำลังปรับปรุงภายในร้าน แต่ความจริงแล้วบอกได้ว่ามันกำลังถูกสร้างใหม่มากกว่า ซึ่งนั่นใช้เงินไปมหาศาลทีเดียว

ร้านค้าถูกติดตั้งสำเร็จภายในหนึ่งสัปดาห์หลังเปิดภาคการศึกษา

ห้องหนึ่งห้อง ห้องครัวและห้องน้ำถูกต่อเติมเข้าไป ท่อประปาและอื่น ๆ ได้รับการเชื่อมต่อกัน เช่นเดียวกับวงจรไฟฟ้าด้วย

หลังเข้ามาเยี่ยมชมแล้ว โจวซานนีกับหลี่อ้ายกั๋วต่างรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นับจากนี้เป็นต้นไป พวกเขาจะได้อาศัยอยู่ที่นี่กันหรือ?

……………………………………………………………………………………