ตอนที่ 1988

War sovereign Soaring The Heavens

ตอนที่ 1,988 : มาถึงบ้านเพื่อล้างแค้น!

 

ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟ ศิษย์นั้นจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท

 

ประเภทแรกศิษย์ชั้นยอด

 

ผู้ใดก็ตามที่สามารถถีบตัวขึ้นมาจากแท่นบูชาจตุรลักษณ์และกลายเป็นศิษย์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ล้วนถือเป็นศิษย์ชั้นยอดทั้งสิ้น หรือที่ทุกคนเรียกกันติดปากว่าศิษย์ฝ่ายใน

 

เช่นนั้นแล้วส่วนใหญ่ศิษย์ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์แทบทุกคนจึงเป็นศิษย์ชั้นยอดของลัทธิบูชาไฟ

 

ประการที่ 2 ศิษย์ที่แท้จริง

 

ในบรรดาศิษย์ฝ่ายในหรือศิษย์ชั้นยอดของลัทธิบูชาไฟนั้น มีศิษย์ที่แท้จริงอยู่น้อยนิดนัก ทั้งหมดมีเพียง 170 คนเท่านั้น

 

และกว่า 99 ในร้อยส่วนของศิษย์ที่แท้จริง ก็คือผู้ที่ด่านพลังฝึกปรือบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์! ส่วนอีก 1 ส่วนที่เหลือก็คืออัจฉริยะปีศาจที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีครามขึ้นไป…!!

 

การที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีน้ำเงิน หมายความว่าหากไม่ล้มเลิกการบ่มเพาะไปเสียก่อน สักวันต้องบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์อย่างแน่นอน…อยู่ที่จะเร็วหรือช้าเท่านั้น!

 

ไม่ต้องกล่าวถึงรากวิญญาณสีคราม!

 

คนที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีคราม เกรงว่ามองไปทั่วลัทธิบูชาไฟวันนี้ยังมีไม่ถึง 10 คน

 

ในบรรดาคนเหล่านั้น ส่วนหนึ่งเป็นคนเก่าแก่ของลัทธิบูชาไฟ

 

อย่างเช่นจ้าวลัทธิบูชาไฟคนปัจจุบัน ก็เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีคราม

 

นอกจากนั้น 2 ใน 3 ผู้พิทักษ์ และ 1 ใน 2 รองจ้าวลัทธิ ก็เป็นผู้ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีครามเช่นกัน

 

อย่างไรก็ตามผู้พิทักษ์และรองจ้าวลัทธิที่เหลืออย่างละคนนั้น พรสวรรค์รากวิญญาณของพวกมันก็เป็นสีน้ำเงินเข้มที่เจียนจะเป็นสีครามเต็มที!

 

อาจเป็นเพราะอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีครามขึ้นไปมีอนาคตที่สดใสนัก เช่นนั้นพวกมันจึงได้รับสิทธิ์พิเศษในการเป็นศิษย์ฝ่ายในหรือศิษย์ชั้นยอดก่อนที่จะมีพลังถึงเกณฑ์เข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์…

 

แม้จะมีเกณฑ์ขั้นต่ำว่าต้องบรรลุถึงขอบเขตเซียนมนุษย์ก่อน อัจฉริยะผู้มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีครามเหล่านี้จะได้รับสถานะศิษย์ชั้นยอด แต่กฏข้อนี้ก็แทบไม่ต้องแยแส…เพราะศิษย์ที่มีพรสวรรค์รากวิญญาณสีคราม การจะบรรลุขอบเขตเซียนมนุษย์นั้นเป็นอะไรที่ง่ายดายนัก!

 

ไม่ลำบากอะไรแม้แต่น้อย!

 

ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิบูชาไฟ เหล่าศิษย์ชั้นยอดทั้งหลายจะพักอาศัยอยู่ในหุบเขาของเกาะหลักแห่งนี้ ซึ่งทางลัทธิบูชาไฟจัดไว้ให้โดยเฉพาะ ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระเสรี ไม่มีหน้าที่บังคับอะไรเป็นพิเศษ

 

มีบ้านลานกว่า 3,000 หลังให้เลือกอยู่อาศัยโดยไม่ต้องช่วงชิงแก่งแย่ง

 

ยิ่งไปกว่านั้นสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะของบ้านลานแต่ละหลัง ยังเลิศล้ำยิ่งกว่าตำหนักเอกอุที่มีค่ายกลรวมวิญญาณถึง 10 ค่ายของแท่นบูชาจตุรลักษณ์เสียอีก!

 

สำหรับศิษย์ที่แท้จริงนั้น ทั้งหมดจะไม่ได้อาศัยอยู่ในเกาะหลักแห่งนี้

 

พวกมันจะอาศัยอยู่ในเกาะลอยรอบๆเกาะหลักของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเกาะลอยแต่ละเกาะก็ถูกตระเตรียมไว้อย่างดี มีคฤหาสน์โอ่อ่าใหญ่โตปานพระราชวัง นอกจากนั้นหน้าคฤหาสน์ยังเป็นลานกว้างขนาดใหญ่ พอให้ใช้ฝึกปรือวรยุทธ์เซียนทั้งเวทย์พลังทั้งหลายแหล่ได้อย่างสบาย

 

ครืดดด….

 

เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นมาจากเกาะลอยเกาะหนึ่ง

 

ภายในคฤหาสน์อันกว้างขวาง ประตูศิลาบานหนึ่งในคฤหาสน์พลันเลื่อนเปิดออก เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งผลักประตูศิลาดังกล่าวออกมา ยามเมื่อประตูเปิดออกไอเย็นขุมหนึ่งพลันโชยออกมาด้านนอกเป็นมวลพลังวิญญาณฟ้าดินอันหนาแน่นนัก!

 

ชายหนุ่มที่ผลักประตูศิลาออกมาจากห้องบ่มเพาะผู้นี้ หน้าตาคมเข้ม หว่างคิ้วมีความน่าเกรงขามแผ่พุ่งออก แม้จะไม่ได้แลมีโทสะอารมณ์อันใด หากทว่ากลับให้ความรู้สึกยากเข้าหาแก่ผู้คนโดยรอบ

 

หากต้วนหลิงเทียนมาอยู่ตรงนี้ล่ะก็ คงอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ เพราะหน้าตาของชายหนุ่มผู้นี้ กลับละม้ายคล้ายหยางหวู่ที่เขาหักคอตายไปอยู่หลายส่วน

 

และชายหนุ่มผู้นี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น…มันคือพี่ชายแท้ๆของหยางหวู่!

 

หยางเหวิน!

 

“ยังขาดอีกแค่นิดเดียว…ปิดด่านครั้งหน้าข้าต้องเข้าใจมันได้สำเร็จแน่”

 

หลังก้าวออกจากห้องบ่มเพาะ หยางเหวิน พลันปริปากกล่าวพึมพำออกมาประโยคหนึ่ง

 

หยางเหวินในฐานะศิษย์ที่แท้จริงของลัทธิบูชาไฟ นอกเหนือจากบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์แล้ว มันยังเชี่ยวชาญเวทย์พลังเสริมท่าร่างระดับสูงอีกด้วย

 

และในช่วงไม่กี่ปีหลังมานี้ นอกจากขัดเกลาเวทย์พลังเสริมท่าร่างขั้นสูงให้บรรลุขั้นตอนความสำเร็จเพิ่มขึ้นแล้ว หยางเหวินยังพยายามตีความเวทย์พลังสายจู่โจมขั้นสูงอยู่ด้วย

 

และในที่สุดมันก็เริ่มเห็นแสงสว่างของความสำเร็จอยู่เบื้องหน้ารำไรจากการปิดด่านครั้งนี้

 

“น่าเสียดาย…ที่เสียวหวู่คงมิมีโอกาลได้เห็นวันที่ข้าสำเร็จเวทย์พลังขั้นสูงชนิดที่ 2 อีกแล้ว…”

 

เมื่อคิดถึงจุดนี้ หยางเหวินก็เผยอารมณ์สะทกสะท้อนไม่น้อย เพราะมันนึกถึงน้องชายตัวน้อยในวันวานที่เห็นมันเป็นแบบอย่างอยู่เสมอ….

 

ถึงแม้ทุกวันนี้คนของแท่นบูชาจตุรลักษณ์กว่า 9 ส่วน จะรู้ถึงสาเหตุการตายของอย่างหวู่ดี ว่าเป็นฝ่ายระรานหาเรื่องผู้อื่นก่อน จนสุดท้ายก็ตายเพราะการกระทำของตัวเอง

 

อย่างไรก็ตาม ในฐานะพี่ชาย…หยางเหวินย่อมไม่คิดเช่นนั้น

 

ในสายตาของมันอะไรก็ตามที่น้องชายกระทำล้วนถูกเสมอ! ต่อให้น้องชายของมันจะกระทำความผิด แต่มันในฐานะพี่ชายย่อมยืนหยัดเข้าข้างน้องชายโดยไม่สนผิดชอบชั่วดี!

 

ด้วยเหตุนี้เมื่อหยางหวู่ถูกต้วนหลิงเทียนฆ่าตาย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด หยางเหวิน จึงเห็นต้วนหลิงเทียนเป็นคนร้าย! และยึดถืออีกฝ่ายเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วมโลกเดียวกันได้! มันไม่มีวันเลิกราจนกว่าจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย!!

 

“ต้วนหลิงเทียนมาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วงั้นเหรอ?”

 

หลังจากที่หยางเหวินเหินร่างออกจากเกาะลอยส่วนตัว และมุ่งหน้าเข้าสู่เกาะหลักเพื่อไปยังจัตุรัสกลาง มันบังเอิญได้ยินบทสนทนาจากเหล่าศิษย์ไม่กี่คนที่เหินร่างผ่านไป…

 

จากบทสนทนาของศิษย์ที่ผ่านไปเมื่อครู่ ทำให้หยางเหวินได้รับทราบเรื่องราว…

 

ว่าบัดนี้ศัตรูที่ฆ่าน้องชายมันอย่างต้วนหลิงเทียน ได้มาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นศิษย์ชั้นยอดไปแล้ว!

 

“เจ้านั่นมันกลับเข้าใจเวทย์พลังประจำแท่นบูชาเต่าทมิฬ ปราการเต่าทมิฬนั่นได้?”

 

เมื่อได้รับทราบว่าเหตุผลที่ต้วนหลิงเทียนสามารถเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นศิษย์ชั้นยอดได้คืออะไร แววตาของหยางเหวินก็ฉายความอิจฉาออกมาให้เห็นชัดเจน!

 

หยางเหวิน ก็เคยเป็นศิษย์ของแท่นบูชาเต่าทมิฬเช่นกัน

 

นอกจากนั้นมันเองก็พยายามตีความเวทย์พลังปราการเต่าทมิฬ! อนิจจาหลังผ่านไปนานปีแต่มันกลับไม่อาจเข้าใจอะไรได้เลย!!

 

สุดท้ายมันก็ทำได้แค่ยอมแพ้และเลือกจะทำความเข้าใจเวทย์พลังเสริมท่าร่างขั้นสูงที่มันก็ได้ประสบผลสำเร็จไปแล้วแทน และตอนนี้มันก็กำลังอยู่ในช่วงทำความเข้าใจเวทย์พลังสายจู่โจมขั้นสูงหนึ่งอยู่

 

“ถึงแม้ข้าจะไม่อาจฆ่าเจ้าหรือทำให้เจ้าพิการได้อย่างเปิดเผย…แต่ข้าจะให้เจ้ารู้ ว่ารสชาติของการอยู่ไม่สู้ตายมันเป็นเยี่ยงไร!!”

 

ประกายยะเยือกหนึ่งเรืองวูบขึ้นมาในแววตาหยางเหวิน ร่างมันแต่เดิมที่คิดมุ่งหน้าไปจัตุรัสกลางพลันหักเหทิศทางกลางอากาศ และพุ่งไปยังทิศทางที่ตั้งเขตที่พักของเหล่าศิษย์ชั้นยอดบนเกาะหลักทันที!

 

และขณะที่มันเปลี่ยนทิศทางเหินร่างพุ่งไป กลิ่นอายที่เผยออกทั่วร่าง ก็พาลให้ศิษย์ทุกคนที่อยู่ไม่ไกลสัมผัสได้ถึงความเย็นเยือกประการหนึ่ง ทำให้ทุกคนรู้…คนผู้นี้ไม่ได้กำลังจะไปกระทำเรื่องดีงามแน่นอน!

 

มันไม่ใช่หลี่อัน

 

หลี่อันในฐานะอาวุโสเพลิงเงินอันดับ 1 ของแท่นบูชาเต่าทมิฬ ย่อมไม่อาจลงมือลงไม้ทุบตีต้วนหลิงเทียนให้เจียนตายได้ในแท่นบูชาเต่าทมิฬอย่างไร้เหตุผลอันควร

 

หากหลี่อันกระทำเช่นนั้น ไม่เพียงแต่จะมีคำครหามากมายจนถูกลงโทษทางวินัยร้ายแรง แต่ยังเป็นการสร้างความเสียหายให้แก่ลัทธิบูชาไฟอีกด้วย!

 

เพราะเมื่อข่าวเรื่องนี้แพร่ออกไป ย่อมเป็นเรื่องงามหน้าครั้งใหญ่ในลัทธิบูชาไฟ! กระทั่งเผลอๆอาจทำให้ชนชั้นอัจฉริยะมากมายที่คิดเข้าร่วมกับลัทธิบูชาไฟจำต้องทบทวนใหม่ ไม่อาจไว้วางใจในลัทธิบูชาไฟได้อีกสืบไป และเลือกจะเปลี่ยนใจไปเข้าร่วมกับอีก 2 ลัทธิแทน

 

และนั่นย่อมเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ และสร้างความเสียหายให้แก่ลัทธิบูชาไฟในภายภาคหน้าอย่างใหญ่หลวง!

 

และด้วยเหตุผลนี้หลี่อันจึงหวาดกลัวนัก ว่าเกิดลงมืออย่างวู่วามไปแล้ว ระดับสูงของลัทธิบูชาไฟจะไม่เอามันไว้ สถานเบาก็ถูกขับไล่ สถานหนักมันอาจถึงตาย!

 

อย่างไรก็ตามความกังวลดังกล่าวของหลี่อัน หยางเหวินหามีไม่!

 

เพราะมันมันไม่ใช่อาวุโสอะไร! สถานะของมันก็เหมือนกันกับของต้วนหลิงเทียน คือเป็นศิษย์ของลัทธิบูชาไฟ! แม้จะมีข่าวเรื่องมันทุบตีทรมานต้วนหลิงเทียนแพร่ออกไป มันก็อ้างได้เต็มปากว่ากระทำเพื่อล้างแค้นให้น้องชาย! ซึ่งไม่เป็นการสร้างผกระทบต่อชื่อเสียงลัทธิบูชาไฟแต่อย่างไร!

 

ยิ่งไปกว่านั้นหากมันไม่ฆ่าต้วนหลิงเทียนจนตายหรือทำร้ายอีกฝ่ายถึงขั้นพิกลพิการ มันก็ถือว่าไม่ได้ละเมิดกฏอันใดของลัทธิบูชาไฟสักข้อ!

 

อันที่จริงนี่เป็นเสมือนช่องโหว่ในกฏของลัทธิบูชาไฟ ทว่าช่องโหว่นี้ คล้ายลัทธิบูชาไฟจงใจปล่อยไว้ให้มีอยู่…

 

และเพราะช่องโหว่นี้เอง นับเป็นแรงผลักดันและแรงกระตุ้นให้แก่เหล่าศิษย์ของลัทธิบูชาไฟ

 

ว่าพวกมันสามารถถูกทุบตีจนตายเสียดีกว่าอยู่ได้…หากมันไม่อยากถูกผู้อื่นทุบตีรังแกให้ได้รับความทรมานเจียนตาย เช่นนั้นก็จงรีบยกระดับพลังฝีมือของตัวเองให้สูงเข้าไว้! เมื่อพลังฝีมือท่านแกร่งกล้าสูงส่ง ยังจะมีผู้ใดรังแกท่านได้?!

 

บางคนที่โดนรังแก ก็สามารถกักตัวฝึกตนจนสามารถล้างแค้นได้สำเร็จ

 

บางคนก็ล้มเหลวในการล้างแค้น แต่อย่างน้อยพวกมันก็ได้พยายาม จนยังผลให้พลังฝีมือก้าวหน้าไม่น้อย

 

มี ‘แพ้’ มี ‘ชนะ’ แต่ ‘ชนะ’ ย่อมดีกว่า ‘แพ้’ แน่นอน

 

อาจกล่าวได้ว่าช่องโหว่ที่ลัทธิบูชาไฟจงใจปล่อยไว้นี้ เป็นแรงผลักดันชั้นดีให้กับเหล่าศิษย์ในระดับหนึ่ง

 

แต่แน่นอนว่าภายในลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ หากไม่เกลียดแค้นใครเข้าไส้จริงๆ และอีกฝ่ายไม่ยอม ‘ลงนามในสัญญาประลองเป็นตาย’ ก็คงไม่มีใครว่างมาทุบตีรังแกผู้อื่นให้อยู่ไม่สู้ตาย

 

“นั่นศิษย์พี่หยางเหวินใช่รึเปล่า?”

 

เมื่อร่างของหยางเหวินมาปรากฏตัวเหนือน่านฟ้าเขตที่พัก เหล่าศิษย์ชั้นยอดที่นั่งผ่อนคลายในหุบเขาก็มีคนที่จดจำมันได้ทันที หลังจากนั้นการมาของมันก็ดึงดูดความสนใจของใครหลายๆคนไม่น้อย

 

จะอย่างไรหยางเหวินก็เคยเป็นศิษย์ชั้นยอดที่อาศัยอยู่ที่นี่

 

อย่างไรก็ตามหลังพลังฝึกปรือของมันทะลวงผ่านขอบเขตเซียนนภาจนบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ และกลายเป็นศิษย์ที่แท้จริง มันก็จากสถานที่แห่งนี้ไป

 

อย่างไรก็ตามยังมีศิษย์ชั้นยอดหลายคนจดจำมันได้ กระทั่งบางคนยังจดจำได้แทบจะทันทีที่เห็น

 

ฟุ่บ!

 

หยางเหวิงส่ายตามองครู่เดียว ร่างก็เหินดิ่งลงจากฟ้าไปยังขอบหุบเขาด้านหนึ่ง

 

ซึ่งที่นั่นเป็นจุดที่มีศิษย์ชั้นยอด 5 คนกำลังนั่งจับกลุ่มสนทนากัน และเมื่อครู่ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ร้องทักสหายออกมาเสียงดังก่อนใคร ตัวหยางเหวินเองก็ได้ยินเช่นกัน จึงเลือกที่จะลงมามาหาคนกลุ่มนี้

 

เมื่อหยางเหวินลงจากฟ้ามาหยุดอยู่ใกล้ๆ ทั้ง 5ย่อมสัมผัสได้ถึงแรงกดดันประการหนึ่ง ต่างเกร็งกันไม่น้อย

 

“ศิษย์พี่หยางเหวิน!”

 

“ศิษย์พี่หยางเหวิน!”

 

 

เจอกับศิษย์ที่แท้จริงอย่างหยางเหวินอย่างใกล้ชิดเช่นนี้ เหล่าศิษย์ชั้นยอดทั้ง 5 แม้รู้สึกประหม่าไม่น้อย แต่ทั้งหมดก็เร่งประสานมือคารวะทักทายหยางเหวินอย่างมากมารยาท

 

“ต้วนหลิงเทียนมันอยู่ไหน?”

 

หยางเหวินปรายตาเหลือบมองศิษย์ชั้นยอดทั้ง 5พร้อมกล่าวถามออกมาอย่างไร้แยแส หว่างคิ้วแผ่พุ่งความหยิ่งยโส ทำราวกับมองผู้ที่อยู่ต้อยต่ำกว่าออกมาอย่างเห็นได้ชัด

 

ได้ยินคำถามดังกล่าวของหยางเหวิน ศิษย์ชั้นยอดทั้ง 5 ก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง ด้วยรู้ว่าหยางเหวินไม่ได้มุ่งเป้ามาที่พวกมัน

 

ครู่ต่อมาทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ต่างชี้นิ้วไปยังทิศทางหนึ่งอย่างพร้อมเพรียง

 

หยางเหวินมองตามปลายนิ้วที่ชี้ไปของทั้ง 5 ก็พบบ้านลานหลังหนึ่ง สองตามันมองเพ่งไปยังบ้านลานหลังดังกล่าวเขม็ง ร่างยังเหินพุ่งออกไปอย่างไม่รั้งรอ

 

อย่างไรก็ตามเมื่อมันมาถึงลานด้านหน้าของบ้านหลังดังกล่าว มันก็ไม่ได้ลงมือทำอะไร เพียงขัดสมาธิกลางอากาศหลับตาลงคล้ายจะเข้าสู่ภวังค์ฌาณ

 

เหมือนมันจะเลือกบ่มเพาะพลังรอเวลา…

 

ไม่ใช่ว่ามันไม่คิดบังคับให้อีกฝ่ายออกมา

 

อย่างไรก็ตามมันไม่อาจกระทำ

 

ประการแรกในบ้านลานแต่ละหลังนั้น ได้ติดตั้งค่ายกลตัดเสียงรบกวนจากภายนอกไว้เป็นอย่างดี แถมยังมีค่ายกลปิดกั้นสำนึกเทวะจัดตั้งไว้อยู่ด้วย

 

หากคิดจะเรียกคนในบ้านนอกจากใช้กำลังเคาะประตูหน้าบ้านดังๆแล้ว ก็มีแต่ทำลายค่ายกลปิดกั้นสำนึกเทวะ หรือไม่ก็ใช้พลังดุร้ายซัดทำลายใส่บ้านพักนี่เสีย!

 

ทว่าหากมันกระทำเช่นนั้น ก็มีโอกาสสูงที่ทางลัทธิบูชาไฟจะลงโทษมันสถานหนัก!

 

เพราะตามกฏของลัทธิบูชาไฟแล้ว ห้ามมิให้ใครก็ตามกระทำการอันเป็นการรบกวนผู้ที่บ่มเพาะพลังอยู่ จนอาจเป็นเหตุให้ผู้ที่กำลังบ่มเพาะอยู่เกิดอาการธาตุไฟเข้าแทรกเด็ดขาด! เพราะหากลงมือกระทำแล้วยังผลให้คนในบ้านเสียสติเพราะถูกธาตุไฟเข้าแทรกหรืออะไรขึ้นมาล่ะก็…ถูกประหารโดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งและฐานะอันใดทั้งสิ้น!!

 

แน่นอนว่าหยางเหวินที่อยากฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย ย่อมอยากเห็นต้วนหลิงเทียนถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนเป็นบ้า

 

แต่ถ้ามันกระทำเช่นนั้น ราคาที่มันต้องจ่ายออกไปคือชีวิตของตัว! ซึ่งมันไม่คิดว่านั่นเป็นอะไรที่คุ้มกันแม้แต่นิดเดียว!!

 

หาไม่แล้วมันคงไม่คิดแค่จะทรมานต้วนหลิงเทียนให้อยู่ไม่สู้ตายตั้งแต่แรก

 

เพราะมันคิดว่าชีวิตของต้วนหลิงเทียน ไม่ได้มีค่าเท่าชีวิตของมัน จึงไม่คุ้มที่จะลงมือทำลายอะไรเพื่อเรียกต้วนหลิงเทียน!