ตอนที่ 778: นิกายดาบโลหิตมาถึง

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 778: นิกายดาบโลหิตมาถึง

สามวันผ่านไปในพริบตา ในช่วงเวลานี้ผู้เข้าแข่งขันได้ถูกส่งออกมาจากแข่งขันหลายคนและออกมาอย่างปลอดภัยด้วยพลังของวัตถุเซียน ผู้คนเหล่านี้นำข่าวล่าสุดออกมา ทำให้คนทั้งเมืองแห่งเทพเจ้าตกตะลึง

ลูกศิษย์คนที่ 2 ของท่านประธานของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงร่วมมือกับตระกูลมากกว่ายี่สิบตระกูลซึ่งมีขนาดต่าง ๆ กันและรวมถึงเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 มากกว่า 30 คนเพื่อรับมือกับหยางยู่เทียน พร้อมกันกับตระกูลซาร์และตระกูลทั้งแปดซึ่งร่วมต่อสู้กันอย่างดุเดือด

หลังจากนั้น คุณหนูใหญ่ของตระกูลคารา คารา ลี่เว่ยได้นำคนของนางเข้าต่อต้านตระกูลซาร์อย่างเปิดเผย และช่วยหยางยู่เทียนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย การช่วยเหลือของพวกเขาทำให้หยางยู่เทียนมีเวลาในการร่ายกระบี่แห่งการพิพากษา หนึ่งในสามสุดยอดทักษะธาตุแสง และได้ฆ่าคนหลาย ๆ คนในทันที ซึ่งนี่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์การต่อสู้ไปในทางที่ดีขึ้น

ในตอนที่หยางยู่เทียนใช้กระบี่แห่งการพิพากษานั้นเป็นจุดเปลี่ยนของการต่อสู้ ซาร์ ทิลอสใช้การโจมตีจากเซียนราชาและทำให้หยางยู่เทียนได้รับบาดเจ็บหนักและพยายามที่จะเอาสมบัติป้องกันตัวของเขาไป ในท้ายที่สุด กลุ่มเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงมากกว่า 40 คนที่รวมตัวกันเพื่อต่อต้านหยางยู่เทียนก็โดนคร่าวิญญาณไปจากเสียงคำรามอันยิ่งใหญ่ของสัตว์อสูร พวกเขาตายอยู่ในวัตถุเซียน ที่แม้แต่พลังของวัตถุเซียนก็ไม่อาจช่วยป้องกันไว้ได้

หยุนเทียนถอนตัวออกมาเพราะความกลัว แต่ก็ถูกไล่ตามโดยสัตว์อสูรโบราณของหยางยู่เทียน สัตว์อสูรโดนขัดขวางจากวัตถุเซียน ในขณะที่มันพยายามที่จะต่อต้าน แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะป้องกันไม่ให้หยุนเทียนหนีไปได้

ไม่นานหลังจากที่เรื่องเกิดขึ้น หยางยู่เทียนผู้ที่ควรจะถูกฆ่าไปแล้วจากการโจมตีของเซียนราชาได้ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าทุกคนโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นตกตะลึง

ข่าวที่น่าตกใจนี้หระจายไปเหมือนไฟลามทุ่ง ไม่เพียงแต่ผู้เข้าแข่งขันเท่านั้นที่ตกตะลึงเป็นที่สุด แต่ตระกูลใหญ่ทั้งสามของจักรวรรดิและสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงก็ด้วยเช่นกัน

ซาร์ ทิลอสที่มีการโจมตีของเซียนราชาซึ่งเขาได้รับมาจากบรรพชนของตระกูลซาร์ เสียงคำรามของสัตว์อสูรโบราณที่ขจัดวิญญาณของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงไปมากกว่า 40 คน รวมทั้งซาร์ ทิลอสด้วย แม้แต่พลังของวัตถุเซียนก็ไม่อาจช่วยพวกเขาได้ ในขณะเดียวกัน หยางยู่เทียนนั้นยังสบายดีหลังจากได้รับการโจมตีจากเซียนระดับราชาโดยไม่มีรอยขีดข่วนเลย

ข่าวที่น่าตกตะลึงได้สะเทือนใจของทุกคนที่ได้ยินเหมือนเสียงฟ้าร้อง ทำให้ทุกคนทึ่ง

“ซาร์ ทิลอสได้ตายไปแล้วจริง ๆ เขาตายในมิติของวัตถุเซียน ผู้เข้าแข่งขันที่ร่วมกันโจมตีหยางยู่เทียน ผู้คนจากตระกูลซาร์และตระกูลทั้งแปด ทุกคนตายหมด พวกเขาสั่นกลัวจนตายจากเสียงคำรามของสัตว์อสูรโบราณ สัตว์อสูรนี้มันทรงพลังขนาดไหนกันแน่ ? มันฆ่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ได้ด้วยการคำรามเท่านั้น แม้แต่เซียนผู้คุมกฎยังทำไม่ได้เลย”

“แล้วก็หยางยู่เทียน เขารับการโจมตีของท่านบรรพชนไปและเขาไม่ตาย มันเป็นไปได้ยังไงกัน ? ” ผู้อาวุโสฮงไม่ได้โกรธจัดอีกต่อไปแล้วแต่ค่อนข้างอึ้ง จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจจากข่าวและยากที่จะเชื่อว่ามันเป็นเรื่องจริง

อีกฝั่งหนึ่งของจัตุรัส ผู้อาวุโสลู่ของตระกูลคาราได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในวัตถุเซียนอย่างชัดเจน หลังจากที่ตกใจในตอนแรก เขาก็ยิ้มด้วยความผ่อนคลายและพึมพำ “คุณหนูใหญ่เลือกได้อย่างชาญฉลาด หยางยู่เทียนนี้แข็งแกร่งกว่าที่ข้าจินตนาการไว้มาก และข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าลูกเสือตัวนั้นจะเป็นสัตว์อสูรโบราณ ในเมื่อมันสำเร็จระดับ 6 มันจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัว ไม่น่าเชื่อจริง ๆ แต่หยางยู่เทียนนี้ได้สร้างปัญหาให้กับเขาเองแล้ว แต่เขามีสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงหนุนหลังอยู่ ดังนั้นมันคงจะไม่แย่มาก ข้าเชื่อว่าตระกูลซาร์คงไม่กล้าที่จะไปบีบบังคับสมาคมมากเกินไป ไม่เช่นนั้น พวกเขาอาจจะพบกับความตายถ้าสมาคมร่วมมือกับอีกสองตระกูลที่เหลือ”

“เฮ้อ คาซดา ดี ทำไมเจ้าช่างเป็นผู้ชายที่เหลวไหลอะไรเช่นนี้ เจ้าละทิ้งโอกาสที่จะดึงเอาหยางยู่เทียนเข้ามาเป็นพวกเราได้อย่างไร ? เจ้าเลือกที่จะยืนอยู่ข้าง ๆ และดู เจ้าพลาดโอกาสที่หาได้ยาก เหมือนว่าเจ้าไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลของเราและตระกูลซาร์ พวกเราจะต้องสู้กันไม่ช้าก็เร็ว บางทีเจ้าอาจจะกลัวที่ต้องไปยั่วยุตระกูลซาร์ ? เจ้าช่างไร้ความสามารถเสียจริง” ชายชราจากตระกูลคาซดาถอนหายใจในขณะที่เขาส่ายหัวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเสียดาย

ภายในปราสาทของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ท่านประธานนั่งอยู่กับผู้อาวุโสสูงสุด พวกเขาเคร่งเครียดคิ้วขมวด

“ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าลูกสัตว์อสูรที่อยู่กับหยางยู่เทียนจะเป็นสัตว์อสูรโบราณ มันเป็นปัญหามากในครั้งนี้ คนของตระกูลซาร์และตระกูลทั้งแปดของเมืองแห่งเทพเจ้าถูกฆ่าในวัตถุเซียน แม้แต่วิญญาณของพวกเขายังถูกทำลาย แม้ว่าด้วยความสามารถของพวกเราที่จะนำคนตายกลับมา แต่เราก็ชุบชีวิตพวกเขาไม่ได้ ตระกูลซาร์จะต้องไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปแน่”

ท่านประธานยังคงสงบใจอยู่และหัวเราะคิกคักออกมา “ประสิทธิภาพของหยางยู่เทียนนั้นทำให้ข้าพอใจอย่างมาก แม้ว่าข้าคาดคะเนไว้ว่าลูกศิษย์ข้า หยุนเทียนและคนของตระกูลซาร์จะสร้างเรื่องยุ่งยากให้กับหยางยู่เทียนและพยายามที่จะหยุดเขาจากการติดหนึ่งในสิบอันดับแรกภายในวัตถุเซียน บรรพชนของตระกูลซาร์ให้กระทั่งการโจมตีของเขากับสมาชิกตระกูลเพื่อนำเข้าไปในวัตถุเซียน โชคดีที่แผนการของพวกเขาล้มเหลว ไม่เช่นนั้นหยางยู่เทียนคงเสียโอกาสที่จะไปถึงระดับ 7”

“สำหรับคนของตระกูลซาร์ที่ถูกฆ่า พวกเขาสมควรแล้ว พวกเขาเอาแม้กระทั่งพลังของเซียนราชาเข้าไป พวกเขาโทษใครไม่ได้ อย่างไรก็ตาม หยางยู่เทียนคือเสาที่จะค้ำจุนสมาคมในอนาคต ข้าจะปล่อยให้เขาตายไม่ได้ ถ้าพวกมันต้องการที่จะไล่ล่าเขาจริง ๆ ข้าจะทำให้พวกมันต้องชดใช้” หลังจากพูดจบ ท่านประธานก็หรี่ตาลง

ผู้อาวุโสสูงสุดอยู่เงียบ ๆ ซักพักก่อนที่จะพูดออกมา “บางอย่างที่เลวร้ายดูเหมือนจะเกิดขึ้นระหว่างหยุนเทียนกับหยางยู่เทียน เจ้ามีแผนที่จะรับมือมันอย่างไร ? “

“ทวีปเทียนหยวนนั้นปฏิบัติตามกฎแห่งป่า ใครที่อ่อนแอก็ต้องเป็นเหยื่อไป ตราบใดที่พวกเขาไม่สร้างความโกลาหลขึ้นมาที่สมาคม ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเรื่องระหว่างพวกเขาทั้งสอง ข้าจะปล่อยให้พวกเขาจัดการกันเอง อีกทั้ง นี้ยังเป็นโอกาสอันดีสำหรับหยางยู่เทียนที่จะได้เข้าใจถึงเจตนาร้ายของคนอื่น ๆ แม้ว่าหยางยู่เทียนจะมีพรสวรรค์มากมาย แต่เขาก็อายุแค่ 24 เท่านั้น ประสบการณ์ของเขายังน้อยนัก” ท่านประธานกล่าว

..

ในตอนนี้ ชายชรา 5 คนที่ดูธรรมดาสามัญได้เดินอยู่ที่ถนนที่กว้างใหญ่ในเมืองแห่งเทพเจ้า ทั้งหมดดูเหมือนจะกังวลเล็กน้อย

“พวกเราไม่รู้จริง ๆ ว่าเจี้ยนเฉินหนีไปอยู่ที่ไหน พวกเราไม่พบข่าวเกี่ยวกับเขาเลยแม้ว่าจะผ่านมานานแล้ว” ชายชราถอนหายใจในขณะที่เขาส่ายหัว

“ซิตู ใช้วิชาคำทำนายสุดยอดไปเรื่อย ๆ แล้วพวกเรามาดูกันว่าพวกเราจะพบเจี้ยนเฉินหรือไม่” ชายชราหม่าเทิงพูด

ชายชราซิตูส่ายหัว “ข้าลองมาแล้วก่อนหน้านี้ มันมีร่องรอยการมีอยู่ของเจี้ยนเฉินในเมืองแห่งเทพเจ้า แต่มันไม่ใช่เขา เขาดูเหมือนจะจากเมืองนี้ไปเมื่อสิบวันก่อน แต่มันเป็นไปไม่ได้เพราะว่าข้าสัมผัสได้ว่าเขาอยู่ที่เมืองแห่งเทพเจ้า เขาต้องซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งในเมือง และหลีกเลี่ยงวิชาคำทำนายขั้นสุดยอดของข้าได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”

“เร็ว ๆ นี้ ดูเหมือนจะมีการแข่งขันของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง ข้าได้ยินมาว่ามีมิติที่แยกอยู่ในวัตถุเซียน เจ้าคิดว่าเจี้ยนเฉินซ่อนอยู่ในนั้นหรือไม่ ? ” ชายชราข้าง ๆ ชายชราหม่าเทิงพูด

“เป็นไปไม่ได้ ความรู้ในเรื่องเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงของข้าอาจจะมีจำกัด แต่ข้าพอรู้เรื่องพื้นฐานอยู่บ้าง เฉพาะเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในมิติของวัตถุเซียน ไม่ใช่นักสู้ เจ้าคิดว่าเจี้ยนเฉินคือเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงงั้นหรือ ? ” ชายชราหม่าเทิงเอ่ยอย่างมั่นใจ

“เจ้าพูดถูกแล้ว เห็นได้ชัดว่าเจี้ยนเฉินนั้นเป็นนักสู้ และเขายังแม้กระทั่งเข้าร่วมในการชุมนุมทหารรับจ้าง เขาจะไปเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงได้อย่างไร ? มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่ในวัตถุเซียน อีกทั้งมันยังเป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนที่เป็นทั้งเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงและนักสู้” ชายชราซิตูออกความคิดเพื่อค้านความคิดที่ว่าเจี้ยนเฉินอยู่ในวัตถุเซียน

ชายชราหม่าเทิงครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดออกมา “แต่เมื่อเร็ว ๆ มานี้ มีข่าวเกี่ยวกับคนที่ชื่อหยางยู่เทียนกระจายไปอย่างรวดเร็วในเมืองแห่งเทพเจ้า ชัดเจนว่าหยางยู่เทียนนี้มีสัตว์อสูรโบราณอยู่กับเขา”

“ข้าได้ยินมาว่าสัตว์อสูรโบราณนั้นเป็นเสือขาวตัวใหญ่ระดับ 6 แม้ว่าลูกเสือที่ราชาเสือต้องการนั้นจะเป็นเสือขาวเหมือนกัน แต่มันก็ตัวไม่ใหญ่และมีปีกที่หลังของมัน สัตว์อสูรโบราณนี้เห็นได้ชัดว่าไม่มีปีก เราอาจจะไปเชื่อมโยงสัตว์อสูรโบราณนั่นเข้ากับเสือขาวที่ราชาเสือต้องการก็เป็นได้ คิดว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ สัตว์อสูรโบราณนั้นตามหยางยู่เทียนอยู่ ในขณะที่ลูกสัตว์ที่เรากำลังตามหานั้นตามเจี้ยนเฉินอยู่” ชายชราซิตูกล่าว

ทันใดนั้นเอง ทั้งห้าคนก็สะดุ้งอย่างรุนแรงบนถนนและเริ่มที่จะตึงเครียด

“บ้าจริง คนทั้งสี่จากนิกายดาบโลหิตมาถึงแล้ว พวกเราซ่อนการมีอยู่ของพวกเราแล้วหนีไปจากที่นี่กันเถอะ” ชายชราพูดอย่างกังวล

“ในตอนนี้ มีจอมยุทธจำนวนมากอยู่ที่สมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง พวกเราไปซ่อนที่นั้นเดี๋ยวนี้เลย ทั้งสี่คนนั้นคงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามในเมืองแห่งเทพเจ้า และพวกเขาจะถูกสกัดกั้นจากตระกูลซาร์แน่นอน” ชายชราหม่าเทิงพูดเสียงทุ้ม หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็พุ่งไปที่สมาคมอย่างไม่ลังเล พวกเขานั้นรวดเร็วมาก และเคลื่อนที่ไปได้หลายร้อยเมตรในแต่ละก้าว

ในตอนนี้ แสงสีแดงเลือดได้ตัดผ่านท้องฟ้านอกเมืองแห่งเทพเจ้า พวกเขาเข้าใกล้เมือง และทุก ๆ ที่ซึ่งพวกเขาผ่านไปนั้น อุณหภูมิได้ลดลงอย่างรวดเร็วและมีร่องรอยพลังหยินทิ้งไว้ระหว่างทาง

แสงทั้งสี่นั้นได้หยุดที่นอกเมือง เผยให้เห็นถึงชายวัยกลางคนทั้งสี่ในชุดสีแดงด้วยโฉมหน้าที่เหมือนกันทุกอย่าง

คนทั้งสี่มองไปที่คูเมืองใหญ่ด้านล่างพวกเขาแล้วขมวดคิ้ว ความน่ากลัวสาดส่องในตาของพวกเขา ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะคำรามออกมา “ตามไป ! “

ทันใดนั้นเอง คนทั้งสี่ก็ได้กลายเป็นแสงสีแดงเลือดและเข้าไปในเมืองแห่งเทพเจ้า

ในตอนที่พวกเขาเข้าไปในเมือง ตาของจอมยุทธที่เป็นเซียนผู้คุมกฎที่อยู่นอกจัตุรัสของสมาคมก็เป็นประกาย พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองไปในที่ไกล ๆ ทันที และหลายคนในนั้นแสดงท่าทีเคร่งเครียดออกมา

ในปราสาทใหญ่ ท่านประธานและผู้อาวุโสสูงสุดทั้งคู่ยืนขึ้นจากที่นั่ง พวกเขาจ้องมองไปที่ไกล ๆ เหมือนคนตาบอดด้วยหน้าที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจพร้อมความเครียด

“เป็นพลังหยินที่เข้มข้นอะไรแบบนี้ พวกเขามาจากนิกายดาบโลหิต และพวกเขาก็ไม่ใช่พวกอ่อนหัด” ท่านประธานพูดเสียงทุ้ม

“นิกายดาบโลหิตได้ถอนตัวไปจากทวีปเมื่อพันปีก่อน และไม่เคยมีข่าวเกี่ยวกับพวกเขามาก่อนเลยแม้แต่น้อย ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะมาปรากฏตัวกะทันหันแบบนี้ และยังเป็นเซียนผู้คุมกฎที่ทรงพลังถึง 4 คนอีก บางทีพวกเขาอาจจะถูกเชิญมาโดยตระกูลซาร์ด้วยราคางามเพื่อที่จะมาจัดการกับหยางยู่เทียนอย่างนั้นหรือ ? ” ท่าทางของผู้อาวุโสสูงสุดก็ดูเคร่งขรึมด้วย