เมื่อห้าปีที่แล้ว จวินอู๋เสียมีโอกาสกลับไปยังอาณาจักรล่าง กลับไปหาเพื่อนและครอบครัว แต่นางก็ไม่ทำ เส้นทางที่นางเดินถูกลิขิตให้เต็มไปด้วยเลือดและความตาย นางยอมอยู่คนเดียวดีกว่าจะให้คนที่นางห่วงใยตกอยู่ในอันตราย
นางเลือกมาที่อาณาจักรแห่งความมืดและบัญชาการกองทัพราตรี เพราะกองทัพราตรีก็หมกมุ่นในเรื่องเดียวกับนาง ถึงจวินอู๋เสียจะไม่อยากให้พวกเย่ฉามีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่ความภักดีที่มีต่อจวินอู๋เหยาทำให้พวกเย่ฉายืนกรานหนักแน่นที่จะไปตามเส้นทางนองเลือดนี้
เท่านี้ก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นมาเกี่ยวข้องอีก
ถ้านี่เป็นบาปกรรม ก็ให้นางแบกรับไว้เองเถอะ
”ท่านไล่พวกเขาไปไม่ได้ พวกเขาตามหาท่านมาห้าปีแล้ว” เสียงของสัตว์อสูรสีดำดังสะท้อนอยู่ในโถงทางเดิน บางทีแม้แต่จวินอู๋เสียเองก็คงไม่ได้สังเกตว่าการปรากฏตัวของพวกเฉียวฉู่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในตัวนาง ลึกลงไปในหัวใจของนาง นางโหยหาความอบอุ่นอ่อนโยน แต่นางบังคับตัวเองให้ลืมเรื่องพวกนี้เพื่อทำให้หัวใจของตนแข็งกระด้างมากขึ้น
จวินอู๋เสียนิ่งเงียบ นางจะไม่รู้ได้อย่างไร? ความดื้อรั้นของคนพวกนั้น เทียบกับนางแล้ว สูสีกันเลยทีเดียว
นางแช่ตัวในน้ำอุ่น เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ล้างกลิ่นคาวเลือดออกจากร่าง
จวินอู๋เสียออกจากห้องพร้อมผมยาวเปียกกระจายทั่วบ่า น้ำจากเส้นผมเปียกเสื้อผ้าด้านหลังของนาง ตอนนั้นเองนางก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง จึงเดินไปเปิดประตู
ด้านนอกประตู มีใบหน้าที่ดูน่าสงสารของคนห้าคนปรากฏขึ้นตรงหน้า ทำให้จวินอู๋เสียตะลึงงันไปทันที นางไม่รู้ว่าห้าคนนี้มาตั้งแต่เมื่อไร แต่เฉียวฉู่, เฟยเหยียน, ฮัวเหยา, ฟ่านจั๋ว, และหรงรั่วก็มาอยู่ที่หน้าประตูห้องของนางแล้ว นางไม่รู้ว่าพวกเขายืนอยู่ที่นั่นนานแค่ไหน พวกเขามองมาที่นางด้วยดวงตาแดงก่ำโดยไม่พูดอะไร สายตาของพวกเขาเจาะทะลุผ่านความเย็นชาภายนอกของนาง และนางไม่รู้ว่าจะตอบสนองยังไงต่อสายตาเช่นนั้น
”พวกเจ้า……” จวินอู๋เสียรู้สึกว่าคอของตนแห้งผาก และไม่รู้จะพูดอะไร
”เสี่ยวเสีย เจ้ารู้เอาไว้นะ วันหน้าต่อให้เป็นภูเขามีดทะเลเพลิง พวกเราก็จะไปกับเจ้า” เฉียวฉู่มองจวินอู๋เสียอย่างจริงจังและให้คำมั่นสัญญาอย่างแน่วแน่
จวินอู๋เสียมองเพื่อนๆของนางอย่างมึนงง และเห็นพวกเฟยเหยียนพยักหน้าอย่างหนักแน่นเช่นเดียวกัน ก่อนที่นางจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งห้าคนก็หันหลังกลับและเดินจากไป ราวกับว่า……พวกเขารออยู่นาน ก็เพื่อที่จะพูดคำนี้กับนาง จวินอู๋เสียมองคนทั้งห้าเดินจากไปแล้วอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา
”พวกเขาเป็นเพื่อนเจ้าหรือ?” ทันใดนั้น เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นจากทางเดินด้านข้าง จวินอู๋เสียเก็บความคิดในแววตาไปทันที และหันไปมองที่ต้นเสียง
ชายรูปงามผู้มีดวงตาสีเทาคนหนึ่งยืนกอดอกพิงกำแพง ใบหน้าที่ประณีตงดงามนั้นประดับด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันต่อโลก เขามองไปที่จวินอู๋เสียพร้อมกับยิ้มจนตาหยี
”ไม่ต้องกังวล ข้าได้ยินจากเหล่าจิ่วว่าเจ้ากลับมาแล้ว ก็เลยมาดูแค่นั้น ไม่ได้มีเจตนาอย่างอื่น” ชายคนนั้นยักไหล่ แสดงท่าว่าตนไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ
เขามาจากดินแดนแห่งวิญญาณเช่นเดียวกับหลงจิ่ว ชื่อของเขาคือฉินเกอ และคือคนที่หลงจิ่วเรียกว่าเหล่าอู่
เทียบกับหลงจิ่วที่ซื่อๆแล้ว ฉินเกอจะให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับมนุษย์มากกว่า และความคิดของเขาก็ซับซ้อนกว่าด้วย
”แต่น่าประหลาดใจจริงๆนะ ข้าคิดว่า……เจ้าเป็นแบบนี้มาตลอด ดูเหมือนข้าจะคิดผิด” ฉินเกอมองจวินอู๋เสียอย่างครุ่นคิด ครั้งแรกที่เขาเห็นจวินอู๋เสีย ดวงตานางไร้ชีวิตชีวา นางมีสีหน้าเย็นชาเฉยเมยเหมือนเดิมมาตลอดห้าปี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นความอ่อนโยนเล็กๆในแววตาของนาง