ภาคที่ 35 มหาเคารพหิมะเหิน ตอนที่ 16 กำจัดมาร

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

มหาเคารพซือเทียนพยักหน้าเบาๆ พลางพูดยิ้มๆ ว่า “เจ้าสังหารจวินอ๋องดำข้าก็เข้าใจได้ แต่เจ้าจำเป็นจะต้องเสี่ยงชีวิตไปช่วยประชากรของเมืองสิบกว่าแห่งนั้นด้วยหรือไร ถึงแม้ว่าประชากรเหล่านั้นจะมีอยู่นับล้านล้านคน แต่เมื่อเทียบกับวิญญาณจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาแล้วกลับน้อยเสียจนน่าสงสาร ขอเพียงแค่ไม่ส่งผลกระทบต่อการเพิ่มทวีของวิญญาณทั่วทั้งดินแดนจิตโลกา ก็ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทจนเกินไป อย่างเช่นเจ้าในครั้งนี้… หลังจากที่สังหารจวินอ๋องดำแล้วก็ยังคงเสี่ยงชีวิตไปช่วย แต่กลับถูกบรรพชนราตรีนิรันดร์สกัดเอาไว้ โชคดีที่ร่างแยกสลายตัวได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากถูกเขาจับเป็นแล้วคุมขังเอาไว้ ตัวตนของเจ้าก็จะเปิดเผยแล้ว ห้ำหั่นซึ่งๆ หน้ากับบรรพชนราตรีนิรันดร์ เจ้ายังมีความมั่นใจว่าจะรักษา ‘ดอกบัวเพลิงห้วงอากาศ’ เอาไว้ได้อีกหรือ”

 

รักษาชีวิตและอาวุธเอาไว้ให้ได้คือสองแนวคิดพื้นฐาน

 

มาถึงระดับขั้นอย่างตงป๋อเสวี่ยอิง ส่งร่างแยกเก้าร่างออกไปซ่อนตัวอยู่ตามโลกกำเนิดต่างๆ กัน บุคคลผู้ไร้เทียมทานก็ไม่สามารถสังหารเขาให้ตายได้อย่างแท้จริง

 

แต่ร่างแยกที่ถือครองอาวุธนั้นมีความสำคัญมากที่สุด เมื่อใดที่ถูกสังหาร อาวุธถูกช่วงชิงไป เช่นนั้นพลังยุทธ์ก็จะลดลงอย่างมหาศาลแล้ว!

 

ดังนั้น…

 

เช่น ‘ประมุขรัฐเมฆทักษิณา’ ถึงแม้ว่าจะกล้าแกร่งเช่นกัน แต่ก็แข็งแกร่งที่สุดเฉพาะตอนที่อยู่ในนครรัฐเท่านั้น! ถ้าหากไปจากนครรัฐ ไม่มีนครรัฐช่วยส่งเสริม พลังยุทธ์ของเขาก็จะลดต่ำลงเป็นอย่างมากเช่นกัน

 

“ก็มีความมั่นใจอยู่บ้าง” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดพลางยิ้มน้อยๆ เขาก็ยังมีความถ่อมตนอยู่เล็กน้อย

 

“อ้อหรือ” มหาเคารพซือเทียนมองตงป๋อเสวี่ยอิง แต่ในใจกลับทอดถอนใจอย่างเต็มไปด้วยอารมณ์ เขามองดู ‘อิงซานเสวี่ยอิง’ ผู้นี้เติบโตขึ้นมา! จากขั้นอลวนคนหนึ่งที่อาศัยสถานะเค่อชิงเข้าร่วมสงครามสามตระกูลของรัฐโบราณคิมหันตวายุของพวกเขา ตอนนี้ยังสามารถสังหาร ‘จวินอ๋องดำ’ ผู้แกร่งกล้าระดับจอมเคารพได้ภายในระยะเวลาอันแสนสั้นอีกด้วย ตอนนี้เกรงว่าเผชิญหน้ากับบุคคลผู้ไร้เทียมทานก็ยังมีความมั่นใจที่จะรักษาชีวิตเอาไว้ได้ ความแข็งแกร่งของพลังยุทธ์นั้นเกรงว่าจะอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา ซือเทียน และฝูอี่เลยเสียด้วยซ้ำ

 

ระดับขั้นนี้ บนดินแดนจิตโลกามีอยู่เพียงน้อยนิดยิ่งนัก

 

“อย่าได้มั่นใจในตัวเองให้มากเกินไปนักเลย” มหาเคารพซือเทียนเอ่ยเตือน “บุคคลผู้ไร้เทียมทาน อาศัยสมบัติลับล้ำค่าระดับสูง สิ่งที่สำแดงออกมาก็คือพลานุภาพระดับสุดยอดแล้ว ต่อให้ตอนนี้เจ้ามีพลังยุทธ์แข็งแกร่งกว่านี้ ถ้าหากถูกสกัดกั้นเข้าพอดี หรือว่าร่างแยกอาจถูกสังหาร สมบัติล้ำค่าถูกช่วงชิง ก็ระวังเอาไว้ก่อนดีกว่า! เพื่อประชากรของเมืองเล็กๆ จำนวนหนึ่ง ก็ไม่คุ้มค่ากับการเสี่ยงหรอก”

 

“สำหรับทั้งดินแดนจิตโลกาแล้ว เมืองเหล่านั้นก็ไม่ควรค่าแก่การพูดถึงเลยจริงๆ” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด “แต่สำหรับบรรดาประชากรในเมืองเหล่านั้น พอพวกเขาตายไปแล้ว ชีวิตของพวกเขาก็สิ้นสุดลงแล้ว ต่อให้โลกใหญ่กว่านี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว”

 

“เหยียบย่างบำเพ็ญบนวิถีนี้” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยต่อ “เดิมทีก็เป็นการขัดเกลาระหว่างความเป็นความตายอยู่แล้ว ตัวตายตกต่ำไปก็ไม่เป็นไร อีกทั้งดินแดนจิตโลกายังกว้างใหญ่ไพศาลไร้ขอบเขต มีผู้ตกต่ำจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ตลอดเวลาจนข้าสนใจไม่ไหว แต่ก็เหมือนกับปราการเมืองสิบเก้าแห่งนั้น…สังหารหมู่ครั้งยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งก็ทำให้สิ่งมีชีวิตนับล้านล้านชีวิตตายไปแล้ว นั่นมิใช่การขัดเกลาบนเส้นทางการบำเพ็ญธรรมดาๆ อีกต่อไป หากแต่เป็นบาปกรรม ร้ายกาจยิ่งนัก! ผู้แกร่งกล้า… ก็มีเวลาที่อ่อนแอ ถ้าหากเผชิญกับการสังหารหมู่ของผู้แกร่งกล้าก็ต้องจบชีวิตเช่นเดียวกัน ตอนนี้แข็งแกร่งแล้วก็เห็นผู้อ่อนแอจำนวนนับไม่ถ้วนเป็นดังมดปลวก สังหารหมู่นับล้านล้านชีวิตก็ยังไม่กะพริบตาเลย นี่มิใช่ผู้บำเพ็ญธรรมดาๆ อีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็นมาร”

 

“หากเป็นมารก็สมควรฆ่าทิ้งเสีย” ตงป๋อเสวี่ยอิงเอ่ยอย่างเย็นชา

 

มหาเคารพซือเทียนสะดุ้งเล็กน้อย

 

เขารู้สึกได้ถึงปณิธานอันแน่วแน่ไม่สั่นคลอนราวกับมีดดาบของตงป๋อเสวี่ยอิง! กำจัดสังหารมารทั้งหมดทั้งมวล!

 

ผู้แกร่งกล้ามากมายอย่างพวกมหาเคารพซือเทียนก็มิใคร่จะใส่ใจผู้อ่อนแอสักเท่าใดนัก แต่ก็มิอาจทำเรื่องอย่างการสังหารหมู่ตามอำเภอใจออกมาได้ แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ตงป๋อเสวี่ยอิงพูดออกมาในขณะนี้ก็ยังอกสั่นขวัญแขวนอยู่บ้าง

 

“เจ้าทำเช่นนี้ก็คงจะไปยั่วยุผู้แกร่งกล้ามากมายเลยทีเดียว” มหาเคารพซือเทียนพูด

 

“ข้าเพียงแต่ไม่อยากเห็นการสังหารหมู่ครั้งยิ่งใหญ่เท่านั้นเอง เช่นนี้ก็ยั่วยุเพียงแค่มารจำนวนหนึ่งเท่านั้นเอง แน่นอนว่าพลังยุทธ์ของข้าในตอนนี้ไม่เพียงพอ ถ้าหากข้ามีระดับขั้นอย่าง ‘หยวน’ ก็คงจะบัญญัติกฎเกณฑ์ของทั้งดินแดนจิตโลกาใหม่ไปแล้ว” ตงป๋อเสวี่ยอิงพูด มีพลังยุทธ์ยิ่งใหญ่ก็มีภาระหน้าที่บนบ่ามากมาย

 

ตอนที่ยังอ่อนแอเขาก็สามารถอดทนมองดูทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้ แต่เขาก็ย่อมค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างนี้ตามพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่งขึ้น ทว่าแม้กระทั่งถึงตอนนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเขา ตงป๋อเสวี่ยอิง บนดินแดนจิตโลกาก็ยังมีอยู่ไม่น้อย เขาพูดได้เพียงว่า…มีความมั่นใจในการรักษาชีวิตเมื่ออยู่ต่อหน้าบุคคลผู้ไร้เทียมทานคนใดๆ สักคนหนึ่ง!

 

มาถึงระดับขั้นที่สามารถป้องกันตนเองได้อย่างแน่นอน ก็ย่อมสามารถทำอะไรบางอย่างได้แล้ว

 

จิตข้าคือจิตฟ้า จิตแห่งวิถึแน่วแน่ ผู้ใดก็มิอาจสั่นคลอนได้!

 

“เช่นนั้นเจ้าก็ต้องระวังด้วยล่ะ” มหาเคารพซือเทียนยับยั้งชั่งใจ

 

“วางใจเถิด ข้ามิได้โง่เสียหน่อย” ตงป๋อเสวี่ยอิงยิ้มน้อยๆ

 

มหาเคารพซือเทียนพยักหน้าน้อยๆ เขามองหนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวตรงหน้าแล้วก็เข้าใจได้อย่างรางๆ… เกรงว่าในอนาคตภายหน้าอีกไม่นาน หนุ่มน้อยอาภรณ์ขาวผู้นี้คงจะก่อให้เกิดลมพายุของการ ‘สังหารหมู่มาร’ บนดินแดนจิตโลกาขึ้นมาสักยกหนึ่งกระมัง ไม่รู้ว่าผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศแห่งรัฐเมฆทักษิณาผู้นี้จะก้าวไปได้ถึงขั้นไหน!

 

……

 

หลังจากสังหารจวินอ๋องดำ ช่วยเหลือเมืองเหล่านั้นแล้ว

 

ร่างแยกหลักของตงป๋อเสวี่ยอิงที่พกดอกบัวเพลิงห้วงอากาศก็เดินทางไปทั่วสารทิศอย่างต่อเนื่อง นี่เกรงว่าขุมอำนาจสามารถชี้นำประมุขสมาพันธ์สวรรค์โบราณและจวินอ๋องดำได้ นี่คือความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงของผู้แกร่งกล้าของสองระบบ ตงป๋อเสวี่ยอิงคิดว่าความเกี่ยวพันเบื้องหลังยิ่งใหญ่นัก เพียงแต่ไม่ว่าเขาจะเสาะหาอย่างไรก็มิอาจหาร่องรอยอันใดได้พบอีก จากนั้นเขาก็ทำให้ระบบข้อมูลข่าวสารของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ติดตามข้อมูลที่คล้ายกัน

 

ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวพันไปถึงการสังหารหมู่ครั้งยิ่งใหญ่และภัยพิบัติจากน้ำมือมนุษย์…ให้สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์คอยเฝ้าดู หากค้นพบแล้วก็ให้แจ้งให้เขาทราบโดยทันที

 

สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ ขึ้นชื่อว่าเป็นสิบสำนักใหญ่แห่งดินแดนจิตโลกา ก็แทรกซึมไปทั่วทุกหนแห่งในดินแดนจิตโลกา รวบรวมข้อมูลกันขึ้นมาแล้วก็แข็งแกร่งกว่าเขาเพียงคนเดียวมากมายนัก

 

เขาเพิ่งออกคำสั่งลงไป

 

วันที่สอง สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ก็ส่งข่าวอย่างหนึ่งมา

 

“ประมุขรัฐเฉินฟ่านขึ้นปกครองรัฐประเทศแล้วก็กำหนดกฎเกณฑ์ขึ้นมาอย่างหนึ่งว่าประชากรรัฐเฉินฟ่านผู้ที่ถือกำเนิดขึ้นมาภายในยี่สิบปีแล้วยังไม่สำเร็จเป็นวิญญาณเทพ ก็จับเป็นส่งไปยัง ‘คุกมืด’ จนหมด ประชากรรัฐเฉินฟ่านที่หมื่นปียังไม่สำเร็จเป็นเทพโลกา ก็จับเป็นส่งไปยังคุกมืดเช่นกัน! ที่คุกมืดมีเพียงแค่ผู้ที่มีพรสวรรค์ล้ำเลิศเพียงพอเท่านั้นจึงจะได้รับการปล่อยตัวออกมาจากคุกมืด น้อยยิ่งกว่าน้อย… และอ้างอิงจากสิ่งที่สำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ของข้ารู้ แทบทุกคนที่ส่งตัวไปยังคุกมืดต่างก็ถูกสังหารหมู่กันทั้งสิ้น

 

ผู้โชคดีจำนวนน้อยนิดที่ประมุขรัฐเฉินฟ่านจงใจเหลือเอาไว้ ผ่านการขัดเกลาและบีบบังคับให้พวกเขาต่อสู้ฆ่าฟันกันเอง เพื่อหาคนที่โดดเด่นจำนวนน้อยนิดจึงได้รับการปล่อยตัวออกมา! ปล่อยส่วนเล็กๆ นี้ออกมาให้ประชากรรัฐคิดว่าผู้ที่ล้ำเลิศก็มีความหวังที่จะมีชีวิตรอดออกมาได้”

 

ข้อมูลบันทึกเอาไว้โดยละเอียดอย่างยิ่ง

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงดูต่อไป ยิ่งดูสีหน้าก็ยิ่งทวีความเยียบเย็นดุจน้ำแข็ง

 

สิ่งมีชีวิตของดินแดนจิตโลกา เกิดมาก็เป็นเหนือธรรมดาแล้ว! ผู้ที่สำเร็จเป็นวิญญาณเทพภายใน ‘ยี่สิบปี’ก็มีอยู่มากมาย แต่ผู้ที่มิได้สำเร็จเป็นวิญญาณเทพก็มีอยู่เป็นส่วนน้อย!

 

‘หมื่นปียังไม่สำเร็จเป็นเทพโลกา’ สายนี้ก็จับตัวประชากรจำนวนมากมายไปอีกครั้ง

 

สองสายนี้…

 

ทำให้ประชากรเกิดใหม่ประมาณครึ่งหนึ่งต่างก็ถูกจับส่งไปยังคุกมืดในท้ายที่สุด!

 

ประชากรครึ่งหนึ่งของรัฐประเทศแห่งหนึ่งถูกส่งไปยังคุกมืดแล้วถูกสังหารหมู่จนเกือบหมดอย่างนั้นหรือ

 

“เพราะว่าตระกูลที่แข็งแกร่ง สายโลหิตที่แข็งแกร่ง ดังนั้นศิษย์ของตระกูลที่แข็งแกร่งต่างก็สามารถไปถึง ‘หมื่นปีสำเร็จเป็นเทพโลกา’ ได้อย่างง่ายดาย กฎเกณฑ์อันโหดร้ายนี้ย่อมมิอาจคุกคามไปถึงตระกูลใหญ่ได้อยู่แล้ว ส่วนผู้ที่อ่อนแอก็ไร้หนทางต่อต้าน ได้แต่โอบกอดความหวังอันเล็กน้อยที่จะได้ออกมาจากคุกมืดนั้นเอาไว้…” แววอาฆาตในอกตงป๋อเสวี่ยอิงเดือดพล่าน

 

เรื่องพรรค์นี้สามารถซ่อนเอาไว้ที่ก้นบึ้งได้

 

แต่เหล่าเทพจักรวาลระดับสุดยอดของดินแดนจิตโลกาก็ยังล่วงรู้อยู่ดี

 

“ประมุขรัฐเฉินฟ่านเป็นเค่อชิงใต้บังคับบัญชาของ ‘จักรพรรดิเทพผลาญโลกา’ หนึ่งในห้าบรรพชนรัฐโบราณสหโลกา รัฐเฉินฟ่านก็แทบจะฟังคำสั่งของจักรพรรดิเทพผลาญโลกากันทั้งหมด” ตงป๋อเสวี่ยอิงมองเห็นตรงจุดนี้แล้วก็เข้าใจว่าเหตุใดจึงไม่มีผู้แกร่งกล้าไปวุ่นวาย

 

อันที่จริงเรื่องพรรค์นี้ก็มีให้เห็นอยู่มากมาย

 

เช่น ‘รัฐประกายเพลิง’ ในสี่รัฐมารทมิฬ ก็คือสวนดอกไม้หลังบ้านของทะเลสาบมารทมิฬ เมื่อถึงเวลาก็ทำการบูชาโลหิต! ทะเลสาบมารทมิฬควบคุมจำนวนครั้งของการบูชาโลหิตไม่ให้วิดน้ำจนปลาหมดบ่อ!

 

แต่เพราะว่าอย่างเช่น ‘เจ้าสำนักเหยียนโม๋’ แห่งทะเลสาบมารทมิฬ นั้นเป็นผู้ที่บุคคลผู้ไร้เทียมทานก็ยังฆ่าไม่ตาย ทุกคนก็หมดหนทาง

 

ดังนั้น…

 

ถ้ามิใช่ผู้ที่บุคคลผู้ไร้เทียมทานก็ยังฆ่าไม่ตาย เช่นนั้นผู้ที่สนับสนุนอยู่เบื้องหลังก็ต้องแกร่งและเก็บเนื้อเก็บตัวมากพอ

 

“ประมุขรัฐเฉินฟ่าน” แววอาฆาตในอกตงป๋อเสวี่ยอิงเดือดพล่าน แววตาก็เยียบเย็นดุจน้ำแข็ง

 

แก้วในมือวางกระแทกลงบนโต๊ะ น่าตกใจเสียจนผู้ดูแลที่อยู่ไกลออกไปสะดุ้งตัวลอย

 

“ข้าต้องการข้อมูลโดยละเอียดที่สุดของประมุขรัฐเฉินฟ่าน แล้วก็ต้องการรู้ข้อมูลโดยละเอียดที่สุดของคุกมืดด้วยเช่นกัน” ตงป๋อเสวี่ยอิงออกคำสั่งลงไป เขามีความเข้าใจในตัวประมุขรัฐเฉินฟ่านอยู่บ้าง แต่ก่อนที่จะลงมือก็ยังพยายามเข้าใจให้ละเอียดที่สุดสักหน่อยก่อน

 

เครือข่ายข้อมูลของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์ส่งข้อมูลที่ละเอียดที่สุดมาให้อย่างรวดเร็ว

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงอ่านดูอย่างรวดเร็ว ยิ่งอ่านก็ยิ่งโมโห!

 

เขาถึงกับเงยหน้าสำแดงศาสตร์การส่งถ่ายทลายโลกาสอดแนมรัฐเฉินฟ่านอยู่ห่างๆ พินิจดู ‘คุกมืด’ ภายในรัฐเฉินฟ่านแห่งนั้น เครือข่ายข้อมูลของสำนักวิชาเมฆทักษิณาทิพย์มิได้โกหก ถึงแม้ว่าสิ่งที่บอกนั้นยังอ่อนโยนเกินไปเสียด้วยซ้ำ ภายในคุกมืดนี้โหดร้ายกระหายเลือดยิ่งกว่าเสียอีก

 

“ประมุขรัฐเฉินฟ่าน” ตงป๋อเสวี่ยอิงยืดกายลุกขึ้น

 

ผู้ดูแลก็เข้ามาต้อนรับ

 

ตงป๋อเสวี่ยอิงวางเงินค่าสุราอาหารลงอย่างสุ่มๆ แล้วหมุนกายเดินมุ่งหน้าออกไปด้านนอก

 

ผู้ดูแลส่งชายหนุ่มอาภรณ์ขาวที่แผ่กลิ่นอายของขั้นรวมเป็นหนึ่งผู้นั้นจากไปอย่างสับสนงงงวยอยู่บ้าง แต่เขากลับไม่รู้ว่าอีกไม่นานเทพจักรวาลคนหนึ่งก็จะตายตกไปแล้ว!

 

……………………………………………….