บทที่ 1441 ตรวจร่างกาย

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า

บทที่ 1441 ตรวจร่างกาย Ink Stone_Fantasy

เพียงแต่ขณะที่มองดูเงาหลังของเหมียวอี้จากไป หยางเจาชิงที่ติดตามเหมียวอี้มาหลายปีก็สังเกตได้นิดหน่อยว่าเหมือนนายท่านจะมีเรื่องอะไรในใจ

ส่วนเหมียวอี้ที่กำลังก้าวช้าๆ อยู่บนทางเล็กระหว่างภูเขาก็มีเรื่องในใจจริงๆ ในหัวยังคงมีภาพจ้านหรูอี้ฉีกเสื้อผ้าตัวเอง ไม่ใช่การคิดถึงเพราะความเสน่หา แต่เป็นเพราะฉากนั้นทำให้เขาสะเทือนใจ เขายอมรับว่าตัวเองห่างขั้นกับราชันสวรรค์ไม่ใช่น้อยๆ ต่อให้เป็นสนมหนึ่งในหมื่นส่วนของราชันสวรรค์ แต่ก็ดีกว่าอยู่กับเหมียวอี้แน่นอน มิหนำซ้ำอาศัยอำนาจอิทธิพลของตระกูลอิ๋ง การอยู่ในวังหลังก็ไม่ได้แย่เกินไปนัก แต่จ้านหรูอี้ไม่ยอมมอบร่างกายให้ราชันสวรรค์ แต่กลับบอกว่าเต็มใจจะแต่งงานกับเขา ทั้งยังทำแบบนั้นต่อหน้าเขาด้วย!

ที่จริงตอนอยู่ตลาดผีเขาก็พอจะรู้สึกได้ถึงหัวใจของจ้านหรูอี้แล้วนิดหน่อย เหมือนนางจะสนใจเขาอยู่นิดหน่อย แต่เขาผ่านความยากลำบากมาตลอดทางที่เดิน ถูกลับคมออกไปเยอะมาก ไม่ใช่เด็กหนุ่มเลือดร้อนเหมือนตอนอยู่ที่พิภพเล็กอีกแล้ว เด็กหนุ่มคนนั้นตั้งตัวเป็นศัตรูกับหกปราชญ์อย่างไม่เสียดายเลือดเพื่ออวิ๋นจือชิวคนเดียว มิหนำซ้ำที่นั่นก็เทียบกับที่นี่ไม่ได้ ตระกูลของจ้านหรูอี้บวกกับสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ทำให้เขารับความเมตตาจากสาวงามไม่ไหวจริงๆ ดังนั้นจึงตั้งใจหลบเลี่ยง

ก่อนหน้านี้เขาแค่สงสัยอยู่บ้าง แต่ไม่กล้าฟันธง แต่การกระทำของจ้านหรูอี้ในวันนี้เหมือนจะเพิ่มหลักฐานพิสูจน์แล้ว อย่าบอกนะว่านางไม่เต็มใจมอบร่างกายให้ราชันสวรรค์ แต่กลับเต็มใจที่จะอยู่กับเขา นางชอบเขาจริงเหรอ…

ความคิดของเขาหยุดลงเพียงตรงนี้ คนเราไม่ใช่ต้นไม้ใบหญ้าที่จะไร้ความรู้สึก เขาไม่กล้าคิดอะไรต่อไปอีก กลัวว่าคิดมากแล้วจะควบคุมตัวเองไม่ไหว กลัวว่าจะทำเรื่องอะไรที่บุ่มบ่าม ทำได้เพียงปลอบใจตัวเองว่า บางทีอาจจะเป็นเพราะนิสัยหยิ่งยโสของจ้านหรูอี้ ทำให้ไม่อยากกลายเป็นหนึ่งในคนที่ต้องแย่งชิงความรักท่ามกลางสนมในวังหลังก็เท่านั้นเอง

ไม่ได้รอนานเท่าไรนัก เป็นวันถัดมานั่นเอง วันที่ลมเริ่มพัด เสียงลมพัดวูบๆ คนของตระกูลอิ๋งถูกหอบมากับลมแล้ว

ทางกองมังกรดำก็ได้รับคำสั่งจากเบื้องบนเช่นกัน ว่าให้ส่งต่อจ้านหรูอี้ให้คนของตระกูลอิ๋ง

จ้านผิงกับอิ๋งลั่วหวนก็มาด้วยเช่นกัน เดินเข้าไปในจวนผู้บัญชาการใหญ่แล้ว นำตัวจ้านหรูอี้ที่ก้มหน้าเงียบๆ ออกมา สามพ่อแม่ลูกเงียบงันอย่างเห็นได้ชัด แต่ข้างหน้าและข้างหลังกลับรายล้อมไปด้วยกลุ่มคนของตระกูลอิ๋งที่กำลังปลาบปลื้มยินดี

เหมียวอี้ไม่ได้โผล่หน้ามา ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งใกล้ๆ ยอดเขา มองดูเงียบๆ อยู่อย่างนั้น

เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไม จู่ๆ จ้านผิงก็กวาดสายตามองรอบด้าน พอเห็นเหมียวอี้ที่อยู่ใต้ต้นไม้ ก็สบสายตากับเหมียวอี้ เขาจ้องมองครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาอะไรทางสีหน้ามากมาย จากนั้นก็หันกลับไป เหาะตามคนกลุ่มหนึ่งออกไป เหาะไปทางเรือนพักขุนนางของตำหนักสวรรค์

เหมียวอี้ส่งสายตามองตามกลุ่มคน ตอนนี้เขาเป็นคนเฝ้าอุทยานหลวง เขาได้รับรายงานจากลูกน้องมาแล้ว ว่าอ๋องสวรรค์อิ๋งนำคนเข้ามาอยู่ที่เรือนพักด้วยตัวเอง ทั้งคนชราทั้งเด็กของตระกูลอิ๋งมากันไม่น้อยเลย

กำลังทหารที่ล้อมจวนของผู้บัญชาการใหญ่ทัพกลางไว้ถอนออกไปแล้ว หยางเจาชิงกลับมารายงานผลการปฏิบัติงาน

เหมียวอี้เพียงแค่พยักหน้า แล้วหันตัวเดินออกไป เขายังมีงานต้องทำอีก เพราะได้รับคำสั่งมาจากเบื้องบน ว่าตอนนี้จ้านหรูอี้ย้ายออกจากกองมังกรดำแล้ว จากนี้ไม่เกี่ยวข้องกับกองมังกรดำอีก แต่ไม่ได้บอกว่าจะไปที่ไหน เห็นได้ชัดว่าเบื้องบนไม่อยากให้ลูกน้องคนสนิทของจ้านหรูอี้อยู่ที่หน่วยองครักษ์ซ้ายต่อไป ย้ายคนที่จ้านหรูอี้พามาด้วยตอนแรกออกจากหน่วยองครักษ์ซ้ายหมดแล้ว

ด้วยเหตุนี้เหมียวอี้จึงต้องปรับตำแหน่งว่างของกองมังกรดำใหม่อีกครั้ง

ขณะเดียวกันเบื้องบนก็ส่งคนเข้ามาเติมแล้วไม่น้อย ตำแหน่งที่ว่างในตอนแรกเนื่องจากเนี่ยอู๋เซี่ยวขอคนไป ตอนนี้เติมไว้เต็มหมดแล้ว คนที่นำมาเติมส่วนใหญ่ล้วนเป็นทหารเล็กๆ มือใหม่ ส่วนใหญ่เป็นนักพรตวรยุทธ์บงกชทองขั้นหนึ่ง สอง สาม แต่อวี่จ้งเจินส่งรองแม่ทัพภาคสองคนลงมาโดยตรง คนหนึ่งชื่อตงจิ่วเจิน อีกคนชื่อฉื้อเยียน

สำหรับรองแม่ทัพภาคที่เบื้องบนส่งลงมาโดยตรง เหมียวอี้ไม่พอใจ เพราะกองมังกรดำก็ใช่ว่าจะไม่มีคน เมื่อมีตำแหน่งว่างก็ย่อมต้องพิจารณาพี่น้องที่อยู่เบื้องล่างก่อน แต่อวี่จ้งเจินดึงดันจะทำแบบนี้เพื่อเพิ่มการควบคุมของเบื้องบน เขาเองก็ไม่มีทางเลือก แต่เขาก็ฉวยโอกาสเสนอคำขอ หวังว่าอวี่จ้งเจินจะสามารถอาศัยนามของทัพเป่ยโต้วเพื่อเลื่อนตำแหน่งให้เหยียนซิวเป็นผู้บัญชาการใหญ่ทัพกลางของกองมังกรดำ

สาเหตุที่เขาไม่เลื่อนตำแหน่งเอง ก็เป็นเพราะเขามีความลำบากของตัวเองเช่นกัน ถ้าไม่มีผลงานก็จะไม่ได้รางวัล ถ้าเขาเลื่อนตำแหน่งให้เองอีก เหยียนซิวก็อาจจะไต่เต้าเร็วเกินไปหน่อย กำลังพลเบื้องล่างจะไม่พอใจ แต่ถ้าอ้างชื่อของทัพเป่ยโต้วเพื่อนเลื่อนตำแหน่ง นั่นก็จะเป็นเรื่องของเบื้องบนแล้ว ถ้าทุกคนไม่พอใจก็ให้ไปหาท่านหัวหน้าภาค สำหรับสิ่งนี้ อวี่จ้งเจินก็ไม่ได้ปฏิเสธ ออกคำสั่งแต่งตั้งลงมาจากทัพเป่ยโต้วโดยตรงเลย ต่อให้เป็นกับเหมียวอี้ก็ต้องต่างคนต่างถอยคนละก้าว

และเหมียวอี้ก็ย้ายสวีถังหรานกลับไปเป็นรองผู้บัญชาการใหญ่ทัพกลางทันที เรียกได้ว่าให้เป็นมือซ้ายและมือขวาคุมทัพกลางด้วยกันกับหยางเจาชิง ส่วนผู้บัญชาการใหญ่อย่างเหยียนซิวก็แทบจะอยู่ข้างกายเหมียวอี้ในยะยาว เท่ากับควบตำแหน่งในนามแล้วอีกหนึ่งตำแหน่ง ต้องอยู่ที่อุทยานหลวงเช่นกัน ไม่ต้องไปเสี่ยงรบราฆ่าฟันอะไร เหยียนซิวไม่จำเป็นต้องตามติดเหมียวอี้ทุกฝีก้าวอีก มีโอกาสฝึกตนอย่างสงบใจแล้ว

เมื่อปรับตำแหน่งของกองมังกรดำใหม่ได้ไม่นาน ลูกน้องก็ส่งข่าวมา ว่าผู้การใหญ่ซ่างก่วนชิงของวังสวรรค์นำคนมาแล้ว ตอนนี้ไปที่เรือนพักของอ๋องสวรรค์อิ๋งแล้ว

เดิมทีเหมียวอี้ก็ไม่อยากไปทางนั้นอยู่แล้ว แต่เมื่อซ่างก่วนชิงมาถึง แม่ทัพภาคอย่างเขาจะไม่ไปก็ไม่ได้ เพราะอุทยานหลวงแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของวังสวรรค์ อยู่ในเขตการควบคุมของซ่างก่วนชิง ถ้าซ่างก่วนชิงมีเรื่องอะไรก็ไปหาเขาได้ เขาต้องอยู่ที่นั่นตลอดเวลา

เมื่อมาถึงด้านนอกเรือนพักของอ๋องสวรรค์อิ๋ง เหมียวอี้ก็ไม่ได้เข้าไป เพียงรอรับคำสั่งอยู่ใต้ต้นไม้โบราณต้นหนึ่งด้านนอก

วันนี้ลมพัดแรง พัดหมอกควันที่ปกคลุมอยู่ระหว่างแนวภูเขาหายแล้ว ทำให้ทิวทัศน์ภูเขาสวยงามที่ไม่โดนบดบังปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคน

ซ่างก่วนชิงนำนางในหลายคนและผู้หญิงในตระกูลอิ๋งเข้าไปในห้องของจ้านหรูอี้ เตรียมตัวตรวจร่างกายให้จ้านหรูอี้ก่อนเข้าวัง!

“เรื่องเล็กแค่นี้ ผู้การใหญ่ไม่จำเป็นต้องมาเฝ้าอยู่ที่นี่หรอก ไม่สู้ออกไปเดินเล่นสักหน่อย ชื่นชมทิวทัศน์อันงดงามในสวนของข้าสักหน่อยดีมั้ย?”

อิ๋งจิ่วกวงเดินเข้ามาจากด้านข้างอย่างช้าๆ แล้วเชิญชวนอย่างร่าเริง

ซ่างก่วนชิงหันกลับไปมองประตูห้องที่ปิดสนิทแวบหนึ่ง แล้วหันไปมองอิ๋งจิ่วกวงที่ในดวงตาแฝงความหมายลึกซึ้งอีกครั้ง ทำให้อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ

เรื่องบางเรื่องทุกคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจ ถ้าเป็นสนมทั่วไปเข้าวัง ก็ไม่จำเป็นต้องให้ผู้การใหญ่วังสวรรค์อย่างเขาต้องมาด้วยตัวเองเลย แต่จ้านหรูอี้นั้นแตกต่างออกไป นี่เป็นประสงค์ของราชันสวรรค์ ถ้าจะพูดให้แย่หน่อยก็คือ การตรวจร่างกายจ้านหรูอี้ครั้งนี้ทำไปพอเป็นพิธีเท่านั้น จ้านหรูอี้จะมีร่างกายที่ด่างพร้อยหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว ที่สำคัญคือจ้านหรูอี้จะต้องกลายเป็น ‘สนมสวรรค์หรูอี้’

ราชันสวรรค์ไม่ขาดแคลนผู้หญิง จะเพิ่มขึ้นสักคนหรือน้อยลงสักคนก็ไม่มีผลอะไร คนไหนที่มีร่างกายไม่บริสุทธิ์ ราชันสวรรค์จะแตะต้องหรือไม่ก็ล้วนขึ้นอยู่กับความสนใจของราชันสวรรค์เลย ต่อให้จะไม่แตะต้อง แต่มีเพิ่มไว้ประดับอีกสักคนก็ไม่เป็นอะไรเช่นกัน มิหนำซ้ำผู้หญิงที่ราชันสวรรค์สนใจและถูกใจอยากพาเข้าวังก็มีเคยมีคนที่ร่างกายไม่บริสุทธิ์มาแล้วเช่นกัน ประเด็นสำคัญคือชื่อเสียงเกียรติยศของราชันสวรรค์จะได้รับผลกระทบไม่ได้ ราชันสวรรค์สูงส่งดังเทพ ไม่อาจให้ใครมาล่วงละเมิดได้ จะโดนสวมเขาหรือใช้ของมือสองต่อจากคนอื่นได้อย่างไร นี่ต่างหากสาเหตุสำคัญที่ซ่างก่วนชิงต้องออกโรงด้วยตัวเอง ถ้าพบว่าร่างกายของจ้านหรูอี้มีตรงไหนไม่เหมาะสมจริงๆ เขาก็จะเก็บกวาดปัจจัยทุกอย่างที่อาจจะไม่เหมาะสมทันที ถ้าฆ่าปิดปากได้ก็ฆ่าปิดปากให้หมด ต้องรับประกันว่าจ้านหรูอี้จะสามารถเข้าวังได้อย่างราบรื่น

ซ่างก่วนชิงเข้าใจแล้ว อ๋องสวรรค์อิ๋งออกหน้าด้วยตัวเองก็เพราะเหตุผลนี้ไม่ใช่เหรอ อีกฝ่ายอยากจะแยกตนออกไป เพราะถ้าตอนตรวจร่างกายพบอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นมา อ๋องสวรรค์ท่านนี้จะได้เล่นตุกติกได้สะดวก จะต้องรับรองได้ว่าจ้านหรูอี้บริสุทธิ์

เข้าใจแต่ไม่พูดออกมา ซ่างก่วนชิงหัวเราะแห้งๆ เล่นไปตามน้ำ “เช่นนั้นก็ดีน่ะสิ ยังไม่เคยดูสวนของอ๋องสวรรค์ให้เต็มตาเลย”

ทั้งสองจึงเดินไปด้วยกัน แนะนำทิวทัศน์สวนโดยรอบตลอดทาง ทั้งคู่ต่างมีท่าทางสนใจมาก

เดินวนในสวนไปได้ครึ่งรอบ พ่อบ้านของตระกูลอิ๋งหรือบ่าวชราข้างกายอ๋องสวรรค์อิ๋ง เป็นหญิงชราคนหนึ่งที่ชื่อว่าจั่วเอ๋อร์ นางเข้ามารายงานว่า “อ๋องสวรรค์ ผู้การใหญ่ คนที่มาจากวังตรวจสอบเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”

อิ๋งจิ่วกวงกระปรี้กระเปร่าทันที ตรวจเสร็จเร็วขนาดนี้เชียวหรือ เช่นนั้นก็แสดงว่าไม่มีเหตุไม่คาดคิดอะไร ไม่อย่างนั้นจะต้องใช้เวลาจัดการปัญหาแน่นอน ก็อย่างว่านั่นแหละ ประเพณีของตระกูลอิ๋งจะเกิดปัญหาได้อย่างไร เขาหันกลับมาพูดกลั้วหัวเราะว่า “ผู้การใหญ่ จะเดินเล่นกันต่อ หรือว่า…”

ซ่างก่วนชิงยิ้มบางๆ “ในเมื่อจัดการธุระเสร็จแล้ว เช่นนั้นครั้งหน้าถ้ามีโอกาสค่อยมาเดินเล่นใหม่แล้วกัน บ่าวชราจะต้องกลับไปรายงานผลงานปฏิบัติงานแล้ว”

“ดี!” อิ๋งจิ่วกวงพยักหน้า ทั้งสองใช้ทางที่ใกล้ที่สุดกลับไปทันที

พอกลับมาที่เดิม นางในสามคนจากในวังก็เดินออกมาจากห้องของจ้านหรูอี้ทันที อิ๋งจิ่วกวงชิงถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง?”

นางในชราที่นำกลุ่มมาตอบทันทีว่า “ตอบอ๋องสวรรค์ แม่นางจ้านใสดุจน้ำแข็ง บริสุทธิ์ดุจหยก!”

สิ่งที่อิ๋งจิ่วกวงต้องการก็คือประโยคนี้ เขายกมือขึ้นลูบหนวด แล้วกล่าวอย่างไม่ลังเลว่า “ตบรางวัล!”

จั่วเอ๋อร์บ่าวชรารีบก้าวขึ้นมา แล้วแบ่งกำไลเก็บสมบัติสามวงให้ทั้งสามคน นางในทั้งสามแอบดีใจ ถ้าอ๋องสวรรค์เอ่ยปากตบรางวัลเองก็แสดงว่ามีรางวัลไม่น้อยแน่ จึงย่อตัวขอบคุณทันที “ขอบคุณอ๋องสวรรค์ที่ตบรางวัล!”

ซ่างก่วนชิงกลับส่งสายตาให้นางในที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม นางในคนนั้นส่งสายตากลับ แล้วพยักหน้าเบาๆ บอกใบ้ว่าไม่มีปัญหาจริงๆ

ซ่างก่วนชิงโล่งอกเช่นกัน ใสดุจน้ำแข็ง บริสุทธิ์ดุจหยกจริงๆ ก็ย่อมดีกว่าอยู่แล้ว จะได้ไม่สร้างปัญหาให้เขาด้วย

“ผู้การใหญ่ ท่านดู…” อิ๋งจิ่วกวงหันกลับไปบอกใบซ่างก่วนชิงอีกครั้ง

ซ่างก่วนชิงเข้าใจเจตนาของเขา จึงให้นางในทั้งสามเขียนหนังสือลงนามตรวจร่างกาย หลังจากเขารับมาอ่านในมือแล้ว ก็ลงตราประทับผู้การใหญ่วังสวรรค์ลงไป จากนั้นก็ส่งหนังสือให้อิ๋งจิ่วกวงอย่างเป็นทางการ

อิ๋งจิ่วกวงรับมาอ่านในมืออย่างละเอียด หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีข้อผิดพลาด เขาก็หัวเราะทันที เมื่อได้ของมาแล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะก่อกวนกลั่นแกล้งแล้ว สิ่งนี้สามารถทำลายข่าวลือไม่ดีทุกอย่างได้

ทำไมตอนแรกจึงไม่ประกาศเรื่องที่จ้านหรูอี้จะเข้าวังล่ะ ก็เพราะกลัวจะมีคนมาก่อกวนน่ะสิ ไม่ใช่ใครที่ไหน ตระกูลเซี่ยโห้วจะต้องเป็นคนแรกที่มาก่อกวนแน่

“รบกวนผู้การใหญ่ให้ต้องมาด้วยตัวเองแล้ว นี่เป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ หวังว่าจะไม่รังเกียจ” อิ๋งจิ่วกวงหยิบกำไลเก็บสมบัติวงหนึ่งมายัดใส่มือซ่างก่วนชิง

ซ่างก่วนชิงยิ้มรับ ไม่ปฏิเสธเช่นกัน “ในวังจะเตรียมการทันที หวังว่าทางอ๋องสวรรค์จะรีบเตรียมคำสั่งโดยเร็วไวนะ”

“แน่นอน ผู้การใหญ่วางใจได้!” อิ๋งจิ่วกวงเอ่ยรับ แล้วไปส่งซ่างก่วนชิงที่ประตูใหญ่ด้วยตัวเอง

ไม่นาน ตามคำสั่งของอ๋องสวรรค์อิ๋ง ทั้งเรือนพักก็เริ่มประดับประดาโคมไฟและผ้าหลากสี รอประกาศเรื่องที่จ้านหรูอี้จะเข้าวังไปเป็นสนมอย่างเป็นทางการ

ผ้าไหมสีแดงถูกพับเป็นดอกแขวนไว้ เหมียวอี้ที่ยืนอยู่ตรงมุมหนึ่งนอกเรือนพักเห็นฉากการทำงานนี้ด้วยตัวเอง รู้แล้วว่าเรื่องนี้ถูกกำหนดแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่กระพือข่าวแบบนี้

ยิ่งเวลาแบบนี้ก็ยิ่งปล่อยให้เกิดเรื่องไม่ได้ เหมียวอี้ออกคำสั่ง เรียกรวมกำลังพลนับหมื่นให้มาที่นี่อย่างรวดเร็วอีกครั้ง แล้วให้หยางเจาชิงคุมรักษาการณ์ด้วยตัวเอง ป้องกันอย่างเข้มงวดไม่ให้มีปัญหาที่อาจจะเกิดจากคุ้มกันที่ไม่เหมาะสม

ความเคลื่อนไหวด้านนอกสะเทือนถึงคนด้านในแล้วเช่นกัน ท่านโหวจ้านผิงปรากฏตัวนอกเรือนพัก เดินเข้ามาทางนี้อย่างช้าๆ ก้าวเข้ามาหาเหมียวอี้ที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่

…………………………