บทที่ 628 พูดคุยเกี่ยวกับเงื่อนไข

The king of War

“ความหมายของลูกคือ เขาอาจจะเป็น ผู้มีอำนาจตำแหน่งสูงในกองทัพงั้นหรอ?”หลี่ไห่หรงถาม

ซ่งหวายี่พยักหน้า“ผมสงสัยว่าเขาจะเป็นหนึ่งในคนมีอำนาจสูงสุดในชายแดนเหนือที่เป็นผู้รักษาดินแดนเหนือในช่วงที่ผ่านมา!”

“ซึด!”

แม้แต่หลี่ไห่หรง ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าอย่างอดไม่ได้

สี่ชายแดนใหญ่ของประเทศจิ่วโจว ต่างมีผู้รักษาดินแดน หนึ่งในนั้นเป็นผู้รักษาดินแดนเหนือที่มีความแข็งแกร่ง ตำแหน่งและอำนาจก็สูงที่สุดเช่นกัน

ถึงแม้เจ้าแห่งราชวงศ์ทั้งห้าและสี่ราชวงศ์ผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้รักษาดินแดนเหนือ ต่างก็ต้องเลียแข้งเลียขา

ถ้าหยางเฉินเป็นกลุ่มคนที่มีอำนาจซึ่งใกล้ชิดกับผู้รักษาดินแดนเหนือจริงๆ ถ้าอย่างนั้นแค่คำพูดประโยคเดียว ก็อาจจะสามารถล้างโคตรแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตูได้เลย

“แม่ครับ ที่ผมพูดมา เป็นความจริงทั้งหมด ทีนี้แม่รู้แล้วใช่ไหมครับว่าทำไมผมถึงอยากตอบรับคุณหยาง?”ซ่งหวายี่กล่าว

“แม่คะ หนูคิดว่าพี่พูดถูกค่ะ จากฐานะและตำแหน่งของพี่หยาง เราสามารถช่วยเขาทำงานได้ นี่มันเป็นเกียรติต่อเรานะคะ”

ซ่งหวาหย่ากล่าวว่า“อีกอย่าง เราถูกตระกูลซ่งขับไล่ออกจากตระกูลแล้ว แล้วตอนนี้เราก็ไม่มีเงินติดตัวเลย เกรงว่าทั่วทั้งเมืองเยี่ยนตู จะไม่มีใครกล้ารับเราหรอกค่ะ”

หลี่ไห่หรงไม่ได้ตอบในทันที เธอมองไปที่ซ่งหวาหย่า แล้วพูดกับซ่งหวายี่ด้วยสีหน้าซับซ้อน“แม่ไม่ได้อยากปฏิเสธคุณหยางหรอกนะ แต่อยากจะคว้าโอกาสให้ลูกได้สบายใจ”

ซ่งหวายี่กับซ่งหวาหย่าถึงกับมึนงง ด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

“ไม่ว่าอย่างไร คุณหยางก็ได้ฆ่าสายเลือดของตระกูลซ่ง คุณปู่ของลูกจะขับไล่เราออกจากตระกูลซ่ง ลูกคิดว่า ตระกูลซ่งจะปล่อยคุณหยางไปง่ายๆหรอ ?”

“ที่แม่ไม่ตอบรับคุณหยางในทันที ก็เพราะอยากเข้าใจสถานการณ์ของคุณหยางจากปากลูก”

“ในเมื่อแม่รู้แล้ว แน่นอนว่ามามีทางปฏิเสธกิ่งมะกอกที่คุณหยางโยนมาแน่ แต่มั่นใจได้อย่างหนึ่งว่า ตระกูลซ่งจะต้องตามล้างแค้นคุณหยางอย่างแน่นอน”

“ลูกๆก็พูดกันแล้ว ว่าเบื้องหลังของคุณหยางแข็งแกร่งมาก ถ้าตระกูลซ่งจะตามล้างแค้นคุณหยางจริงๆ จะเกิดอะไรขึ้น?”

“ถึงเวลานั้น พวกลูกยืนคั่นระหว่างคุณหยางกับตระกูลซ่ง จะเผชิญหน้ายังไง?”

หลี่ไห่หรงถามด้วยสีหน้าหนักแน่น

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ซ่งหวายี่ก็ก้มหน้าทันที ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้คิดถึงจุดนี้ แต่ไม่อยากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป

“หวายี่ ลูกแซ่อะไร แม่รู้ดี ในมุมมองของลูก พ่อของลูกต้องตายเพราะตระกูลซ่ง ดังนั้นไม่ว่าจะต้องตาย ลูกก็ต้องคิดหาวิธีทางปกป้องตระกูลซ่ง”

หลี่ไห่หรงพูดอย่างอ่อนโยน“ถ้าตระกูลซ่งหามาหาเรื่องคุณหยาง นั่นก็เท่ากับการขุดหลุมฝังตัวเอง ถึงเวลานั้น ลูกจะขอร้องอ้อนวอนคุณหยางให้กับตระกูลซ่ง หรือให้ตระกูลซ่งถูกทำลายไปเอง?”

“แม่คิดว่า ไม่ว่าจะเป็นยังไง มันก็ไม่ใช่สิ่งทาลูกอยากจะเห็นใช่ไหม?”

ซ่งหวายี่พยักหน้า“แม่ครับ ผมเข้าใจความหมายของแม่ ว่าผมคิดเรื่องนี้ง่ายเกินไป”

“ดังนั้น ผมเลยอยากจะคุยเงื่อนไขกับคุณหยางสักข้อ นั่นก็คือ ถ้าวันใดวันหนึ่ง ตระกูลซ่งตามมาเรื่องเขา หวังว่าเขาจะสามารถเข้าใจ ปล่อยตระกูลซ่งไปสักครั้ง”

หบี่ไห่หรงพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า“ขอแค่เขารับปาก เราจะช่วยเขาทำงาน!”

“แม่คะ เราทำแบบนี้ จะเป็นการได้คืบจะเอาศอกรึเปล่าคะ?”

ซ่งหวาหย่าพูดขึ้นมาทันทีว่า“ตระกูลซ่งขับไล่เราออกจากตระกูล เดิมทีเราไม่มีที่ไปอยู่แล้ว แต่พี่หยางใจดีรับเราไว้ เรากลับจะคุยเงื่อนไขนี้กับเขาเนี่ยนะ?”

หลี่ไห่หรงมองไปที่ลูกสาวของตัวเอง จู่ๆก็รู้สึกไม่สบายใจ เธอรู้ดี ลูกสาวของตน ตกหลุมรักหยางเฉินอย่างถอนตัวไม่ขึ้น

มาวันนี้ เพื่อความรักแล้ว เธอลืมกระทั่งความสามารถในการนึกคิด

“เสี่ยวหย่า คุณแม่พูดถูกนะ เราควรจะคุยเงื่อนไขนี้กับคุณหยาง”

ซ่งหวายี่มีสติมาก เขามองไปที่น้องสาวของตนเองแล้วพูดอธิบายว่า“เราถูกขับไล่ออกจากตระกูลซ่ง ไม่มีที่ไป แต่ถ้าเราไม่มีค่าใดทั้งสิ้น คุณหยางจะโยนกิ่งมะกอกให้เราหรอ?”

“เสี่ยวหย่า พี่คิดว่าเธอแอบรักคุณหยางเข้าให้แล้ว เลยอยากทำงานข้างกายหยางเฉินใช่ไหม?”

ซ่งหวายี่พูดอย่างแซวๆ

ซ่งหวาหย่าที่ได้ยินอย่างนั้น จึงถึงกับหน้าแดงก่ำทันที แล้วถลึงตาใส่ซ่งหวายี่ พลางพูดอย่างค้อนๆว่า“พี่คะ อย่าพูดมั่วๆนะ!”

“ฮ่าๆ ได้ พี่ไม่พูดมั่วๆก็ได้ ไม่พูดแล้ว!”ซ่งหวายี่หัวเราะเสียงดัง

หลี่ไห่หรงสบตากับซ่งหวายี่อย่างเห็นด้วย ถึงแม้เขาจะอยากทำงานให้หยางเฉิน แต่อย่างน้อยต้องมีเหตุผล

“แม่ครับ งั้นเราว่าตามนี้นะครับ คุยกับคุณหยางก่อน ขอแค่คุณหยางตกลง จากนี้ไปเราก็ทำงานให้กับคุณหยาง”ซ่งหวายี่เอ่ยปากพูด

หลี่ไห่หรงพยักหน้า แล้วถามอย่างยิ้มๆว่า“ถ้า คุณหยางปฏิเสธล่ะ?”

ซ่งหวายี่ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาแค่นึกถึงการที่หยางเฉินรับปาก แต่กลับไม่ได้คิดถึง การที่หยางเฉินจะปฏิเสธ

“ถ้าปฏิเสธ เราจะออกจากเมืองเยี่ยนตู สำหรับความแค้นระหว่างตระกูลซ่งและคุณหยาง จะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเราทั้งสิ้น”

หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง ซ่งหวายี่ก็พูด ด้วยสีหน้าเย้ยหยันว่า“ถึงตระกูลซ่งจะถูกทำลาย อย่างน้อย อย่างน้อยเราก็พยายามจนถึงที่สุดแล้ว!”

“คุณหยางครับ เราปรึกษากันเรียบร้อยแล้วครับ!”

ซ่งหวายี่โทรศัพท์บอกกับหยางเฉิน

“ครับ!”

หยางเฉินพูดแค่หนึ่งคำเท่านั้น

ผ่านไปไม่นาน ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเผิดออกจากด้านนอก หยางเฉินกับลั่วปิงเดินเข้ามา

“คุณหยางครับ ขอแค่คุณรับปากเราหนึ่งเรื่อง จากนี้ไป ชีวิตของเรา จะมอบให้คุณทั้งหมดครับ”ซ่งหวายี่พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

หยางเฉินสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ขณะที่ซ่งหวายี่พูดประโยคนี้ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง ราวกับรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

ไม่เพียงแค่ซ่งหวานี่ หลี่ไห่หรงกับซ่งหวาหย่าก็เช่นกัน

“ครับ ผมรับปากพวกคุณ!”

หยางเฉินคาดการณ์ไว้แล้ว ว่าซ่งหวายี่อยากขอร้องอะไร

เมื่อเห็นว่าหยางเฉินไม่ฟังว่าเป็นเงื่อนไขอะไรก็ตอบรับทันที ทั้งสามคนก็มีสีหน้าแปลกใจ ซ่งหวาหย่าถามอย่างสงสัยว่า“พี่หยางคะ พี่รู้ไหมว่าเราอยากให้พี่รับปากเรื่องอะไร?”

หยางเฉินพูดอย่างยิ้มๆ“จะมีอะไรนอกจากให้ผมปล่อยตระกูลซ่งไปล่ะ เรื่องเล็กน้อยหน่า!”

หลังจากที่ทุกคนตกตะลึงครู่หนึ่ง หลี่ไห่หรงดึงสติกลับมาได้ก่อน เธอจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมาว่า“ถ้าอย่างงั้นฉันต้องขอบคุณประธานหยางมากค่ะ!จากนี้ไปมีอะไร ก็บัญชามาได้เลยค่ะ”

หลี่ไห่หรงได้สติเร็วมาก แม้แต่สรรพนามที่ใช้เรียกหยางเฉินก็เปลี่ยนไป เมื่อก่อนเรียกคุณหยาง ตอนนี้เปลี่ยนเป็นประธานหยาง แสดงให้เห็นจุดยืนของตัวเอง

“ประธานลั่ว เรื่องที่เหลือ คุณไปจัดการต่อแล้วกัน!”หยางเฉินสั่ง

“ครับ ท่านประธาน!”

ลั่วปิงรีบตอบกลับอย่างนอบน้อม ในขณะเดียวกันก็รู้สึกตื่นเต้นมาก หยางเฉินให้ตนจัดการมอบหมายงานให้หลี่ไห่หรงพวกเขา นี่เป็นการแสดงให้หลี่ไห่หรงเห็นว่า หยางเฉินไว้วางใจเขา

ทั้งสามคนนี้ เป็นคนของแปดตระกูลแห่งเยี่ยนตู โดยเฉพาะซ่งหวายี่ เป็นญาติกับตระกูลซ่ง ถ้าไม่เป็นเพราะถูกตระกูลซ่งข่มเหง กระทั่งมีโอกาสเป็นผู้นำตระกูลซ่งในอนาคต

มาวันนี้ ต้องทำงานให้กับ บุคคลเช่นนี้

หยางเฉินพูดจบ ก็หันหลังเดินจากไป

ภายในห้องทำงาน ทันใดนั้นก็เหลือลั่วปิงและหลี่ไห่หรงพวกเขา

“ประธานลั่วคะ จากนี้ไปฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ!”

หลี่ไห่หรงรู้ดีถึงความคิดของหยางเฉิน เธอยิ้มไปด้วยและพูดไปด้วย วางตัวให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้