ตอนที่ 781: ตระกูลทั้งแปดที่อันตราย
“อะไรนะ!? เจ้าพูดว่าไงนะ? หยางยู่เทียนคือเจี้ยนเฉิน ? ” คนที่อยู่ด้านหลังชายชราซิตูพูดออกมาอย่างประหลาดใจ เขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“ถูกต้อง นั่นแหละเขา เขาคือเจี้ยนเฉิน ไม่มีทางผิดหรอกเพราะว่าข้าใช้เลือดของพ่อแม่ของเจี้ยนเฉินในการนำทางสำหรับวิชาคำทำนายสุดยอด ข้าสามารถสัมผัสได้ถึงสายเลือดที่รุนแรงบนตัวหยางยู่เทียน เขาต้องเป็นเจี้ยนเฉินแน่” ชายชราซิตูทั้งยินดีและประหลาดใจ เขายินดีเพราะว่าเขาตามหาเจี้ยนเฉินมานานมากและก็พบเขาในที่สุดและพวกเขาจะสามารถสำเร็จภารกิจจากราชาเสือเพื่อที่จะได้รับแกนอสูรระดับ 7 ที่เหลืออีก 2 อัน ในขณะที่เขาประหลาดใจเพราะเรื่องที่ว่าเจี้ยนเฉินนั้นเป็นนักสู้ที่เข้าร่วมในการชุมนุมทหารรับจ้าง กลับกลายมาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่มหัศจรรย์ แม้แต่ชายชราซิตูยังท่วมท้นไปด้วยความเหลือเชื่อ
ถ้าไม่ใช่เรื่องที่เขารู้สึกได้อย่างรุนแรงถึงสายเลือดบนตัวเจี้ยนเฉินแล้วละก็ เขาคงจะไม่สามารถที่จะเชื่อมโยงหยางยู่เทียนเข้ากับเจี้ยนเฉินได้เลยแม้แต่น้อย
นี่เป็นเพราะข้อเท็จจริงที่ว่าเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงนั้นไม่สามารถเป็นนักสู้ได้และนักสู้ก็ไม่สามารถเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงได้เช่นกันบนทวีปเทียนหยวน มันเป็นข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
“แปลกจริง เห็นได้ชัดว่าเจี้ยนเฉินเป็นนักสู้ แล้วตอนนี้เขาไปเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงได้อย่างไร ? ” ชายชราอีกคนพูด เขายังยากที่จะทำให้เชื่อได้
ชายชราทั้งห้าสื่อสารกันโดยใช้วิชาสื่อสาร ดังนั้นคนรอบ ๆ จึงไม่ได้ยินสิ่งที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน
ชายชราหม่าเทิงจ้องไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสายตาที่ยากจะเข้าใจ เขาประหลาดใจมากในเรื่องที่นักสู้สามารถเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงได้ หลังจากที่เงียบไปช่วงหนึ่ง ปากของเขาก็ขยับเล็กน้อย “ในเมื่อพวกเราพบเจี้ยนเฉินแล้ว สัตว์อสูรโบราณที่อยู่บนไหล่ของเขาต้องเป็นลูกเสือที่ราชาเสีอต้องการแน่”
“ใช่ มันต้องเป็นลูกเสือนั่นแน่ มันเหมือนกันเป๊ะกับที่ราชาเสืออธิบายมา ซิตู หม่าเทิง มันเป็นโอกาสอันดีแล้ว แล้วพวกเราจะรออะไรกันอีกล่ะ ? พวกเราไปเอามันมากันเลย ขโมยลูกสัตว์อสูรนั่นมาและหนีไปจากที่นี่ทันที” ชายชราพูดอย่างค่อนข้างตื่นเต้น เขารอมานานสำหรับวันนี้
“พวกเราอย่าเพิ่ง ! ” ชายชราซิตูส่ายหัวอย่างไม่ลังเล “ที่นี่เป็นเมืองแห่งเทพเจ้าและเป็นสำนักงานใหญ่ของเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสง อีกทั้งเจี้ยนเฉินยังถือได้ว่าเป็นคนที่สำคัญมากสำหรับสมาคม ถ้าพวกกเราลงมือตอนนี้ พวกเราคงจะเป็นพวกที่สูญเสียเอง ไม่เพียงแต่พวกเราจะล้มเหลวในการเอาลูกสัตว์มาเท่านั้น แต่ชีวิตของพวกเราก็อาจจะจบลงที่นี่”
“เจ้าพูดถูกแล้ว มีผู้ยอดยุทธจำนวนมากอยู่ที่เมืองแห่งเทพเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตระกูลซาร์ยังมีเซียนราชาที่ซ่อนอยู่อีก เราจะบุ่มบ่ามไม่ได้ไม่งั้นเราคงพังไม่เป็นท่า พวกเราสามารถที่จะเอาสัตว์โบราณนั้นผ่านวิธีที่ชาญฉลาดอื่นโดยไม่ใช้กำลัง และถ้าเราต้องการที่จะทำมันโดยใช้กำลัง พวกเราก็ไม่สามารถทำมันได้ที่นี่” ชายชราหม่าเทิงพูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“อย่างไรก็ตาม ผู้พิทักษ์ทั้งสี่จะไม่พบพวกเราในเร็ว ๆ นี้เนื่องจากอาคมปกปิดตัวตนของเมืองและรวมถึงการพรางตัวของพวกเรา พวกเราอาจจะตั้งหลักที่ไหนสักแห่งใกล้ ๆ กับสำนักงานใหญ่ ข้าไม่คิดว่าเจี้ยนเฉินจะอยู่ในสำนักงานใหญ่ตลอดไปหรอก หรือถ้าเขาไม่ออกมา ข้าก็จะคิดวิธีที่จะล่อเขาออกมาเอง เรื่องมันจะง่ายขึ้นหลังจากที่เขาออกห่างจากสมาคมแล้ว”
“ข้าคิดว่าแบบนั้นคงจะดี พวกเรามาทำตามนี้ ถ้างั้น ถ้าสถานการณ์คับขันจริงจริง พวกเราก็ยังมีไพ่ตายที่จะใช้ได้อยู่ เจี้ยนเฉินก็ยังเป็นนักสู้อยู่ดี หึ…”
..
ผู้ชนะที่ติดหนึ่งในสิบอันดับแรกลดตัวลงมาอย่างช้า ๆ ในแสงสีรุ้ง ในขณะที่เซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงคนอื่น ๆ ซึ่งรายล้อมอยู่รอบ ๆ มองไปที่พวกเขาอย่างชื่นชมและอิจฉา
กวานหยูไค่ก็ติดหนึ่งในสิบด้วย ในตอนนี้เขารู้สึกยินดีและขอบคุณเจี้ยนเฉิน ในสิบคนนั้น กวานหยูไค่อาจจะเป็นคนที่ได้มันมาอย่างง่ายดายที่สุด เขาแค่เก็บคะแนนที่แต่เดิมเป็นของเจี้ยนเฉินไปอย่างฟรีฟรี
ท่านประธานก้าวออกมาจากปราสาทในขณะที่ท่านผู้อาวุโสหลายคนอยู่ด้านหลังของเขา เขามองไปที่สิบคนที่อยู่ในแสงสีรุ้งด้วยรอยยิ้ม “ดี ดี ดี พวกเจ้าคือเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงระดับ 6 ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการแข่งขั้นในครั้งนี้ ข้าหวังว่าบางคนในพวกเจ้านี้จะสำเร็จระดับ 7 ในปีที่จะถึงนี้”
ท่านประธานมองไปที่หยางยู่เทียน “หยางยู่เทียน สมรรถภาพเจ้านั้นยอดเยี่ยมมาก ข้ารู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นอาจารย์ของเจ้า แม้ว่าสัตว์อสูรตัวเล็กนั้นที่อยู่บนไหล่ของเจ้าจะหลอกตาข้าได้เป็นอย่างดี ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรโบราณที่หายาก แม้แต่อาจารย์ของเจ้ายังรู้สึกตกใจ”
“ท่านประธาน หยางยู่เทียนได้ต่อสู้มามากในวัตถุเซียน เขาต้องเหนื่อยล้ามากแน่ ทำไมเจ้าไม่พาเขาเข้าไปพักผ่อนล่ะ ? ” ผู้อาวุโสสูงสุดพูดพร้อมรอยยิ้มอยู่ข้าง ๆ ในขณะที่สายตาที่เขามองไปที่เจี้ยนเฉินนั้นประกอบไปด้วยอารมณ์หลากหลาย
“ท่านพูดถูกแล้ว หยางยู่เทียน เจ้าควรจะไปพักผ่อนโดยเร็ว” ท่านประธานหัวเราะคิกคัก เห็นได้ชัดว่าเขามีความสุขมาก
“ขอรับ ท่านอาจารย์!” เจี้ยนเฉินป้องมือ ก่อนที่จะล่ำลาคารา ลี่เว่ยและกวานหยูไค่ เขาเดินตรงไปที่ปราสาท
“ช้าก่อน ! “
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดังออกมาจากฝูงชน คนมากกว่าสิบคนที่มีอายุต่างกันเดินมาที่เจี้ยนเฉิน
เมื่อเห็นดังนั้น เจี้ยนเฉินจึงทำหน้าบึ้งเล็กน้อย เขาคุ้นกับคนเหล่านี้ดี พวกเขาคือหัวหน้าตระกูลของตระกูลทั้งแปด
ท่านประธานและท่านผู้อาวุโสสูงสุดก็หน้าบึ้งเล็กน้อยด้วยเช่นกัน ความไม่พอใจปรากฏขึ้นในแววตาของพวกเขา
คนกลุ่มนั้นมาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินและทั้งหมดมองไปที่เขา หนึ่งในพวกนั้นคำรามออกมา “หยางยู่เทียน คนของตระกูลทั้งแปดตกตายด้วยน้ำมือของเจ้าหมดเหลือรอดเพียงหนึ่งเดียว เจ้าจำเป็นต้องอธิบายให้พวกเราฟัง”
ท่าทีของเจี้ยนเฉินอึมครึม เขาไม่ได้แสดงความกลัวออกมาต่อหน้าเซียนผู้คุมกฎสิบกว่าคนนั้น เขาพูดอย่างเหยียดหยาม “พวกเขาต้องการที่จะฆ่าข้าก่อนที่จะจบชีวิตลงแบบนั้น ทั้งหมดที่ต้องพูดคือพวกเขาหาเรื่องเอง เจ้าไม่สามารถโทษใครได้”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงและท่าทางของเจี้ยนเฉิน ใบหน้าของหัวหน้าตระกูลทั้งหมดก็มืดครึ้มทันที พวกเขาเพ่งไปที่เจี้ยนเฉิน คนที่อ่อนอาวุโสกว่าพวกเขาพูดจาแบบนี้กับพวกเขา เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้
ถ้าไม่ใช่ว่าท่านประธานยังอยู่ตรงนี้ พวกเขาคงสั่งสอนบทเรียนอย่างหนักให้กับเจี้ยนเฉินไปแล้ว
ชายวัยกลางคนในชุดแดงคำราม “หยางยู่เทียน พวกเราตระกูลทั้งแปดไม่ใช่พวกที่ไร้เหตุผล พวกเรารู้ว่าคนของพวกเรานั้นตายเพราะสัตว์อสูรโบราณ ไม่ใช่เพราะเจ้า ดังนั้นเราจะไม่สร้างปัญหาให้กับเจ้า พวกเราต้องการที่จะลงโทษฆาตกรเพื่อความยุติธรรมกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลทั้งแปดก็เท่านั้น” หลังจากพูดจบ ชายคนนั้นก็มาถึงตรงหน้าเจี้ยนเฉินในพริบตาและยื่นมือของเขาไปที่เสือขาวด้วยความเร็วแสง เขาต้องการที่จะเอาตัวเจี้ยนเฉินไปและสัตว์อสูรโบราณไป
มันไม่ได้ต่างไปจากการขโมยในตอนกลางวันเลย แต่ตระกูลทั้งแปดก็มีเหตุผลพอที่จะทำมัน
สายตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายอย่างร้ายกาจ ในตอนที่เขากำลังจะตอบสนอง ม่านพลังโปร่งแสงก็ปรากฏขึ้นมาทันที และห่อหุ้มเจี้ยนเฉินไว้ด้านใน
มือของชายนั่นไม่สามารถที่จะยื่นเข้าไปต่อได้หลังจากที่สัมผัสถูกม่านพลัง เขาไม่สามารถที่จะทำลายม่านพลังที่ปกป้องเจี้ยนเฉินไว้ได้ด้วยกำลังของเขา
โฮก ! ในเวลาเดียวกัน เสือขาวได้ยืนขึ้นบนไหล่ของเจี้ยนเฉินทันที ตาที่แต่เดิมไร้เดียงสาและสดใสของมันเต็มไปด้วยความดุร้ายแทนที่ ปีกที่พับอยู่กางออกและในพริบตาเดียวเสือขาวก็ผ่านออกมาจากม่านพลังและมาถึงตรงหน้าชายคนนั้น มันเหวี่ยงกรงเล็บที่แหลมคมไปที่ใบหน้าของชายผู้นั้น
ชายคนนั่นเหยียดหยามและพูดเย้นหยันว่า “แม้แต่สัตว์อสูรระดับ 6 ธรรมดาสามัญยังกล้าที่จะทำอะไรซี้ซั้วต่อหน้าข้า เจ้าเป็นสัตว์อสูรโบราณแล้วไง ? เจ้ามันก็ไร้ค่าเหมือนมดปลวก” หลังจากพูดจบ มิติรอบ ๆ ก็ถูกหยุดทันที เขาพยายามที่จะใช้พลังมิติเพื่อบังคับให้เสือติดอยู่ที่กลางอากาศ เขาดูถูกมันด้วยความความภาคภูมิใจที่เป็นเซียนผู้คุมกฎของเขา
เพราะว่า ความแตกต่างระหว่างทั้งสองนั้นมีมากเหลือเกิน คนที่ต่ำกว่าเซียนผู้คุมกฎก็แค่มดปลวกสำหรับเขา
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปนั้นทำให้ทุกคนประหลาดใจ เสือขาวไม่ได้รับผลกระทบจากมิติที่ถูกหยุดเลยแม้แต่น้อย มันมาถึงที่ตรงหน้าของชายคนนั้นโดยความเร็วที่ไม่มีสะดุดเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่ชายคนนั้นจ้องไปที่มันอย่างตกใจ มันก็ทิ้งรอยเล็บลึกสองรอยเอาไว้ด้วยความเร็วแสงก่อนที่จะกลับมาที่ไหล่ของเจี้ยนเฉินเหมือนแสงสีขาวที่พุ่งกลับเข้ามาอีกครั้งโดยไม่มีอาการกระสับกระส่ายในสิ่งที่ทำลงไปเลย
มิติที่ถูกหยุดดูเหมือนไม่มีผลกระทบใด ๆ เลยสำหรับเสือขาว
รอบ ๆ ตกอยู่ในความเงียบ ทุกทุกคนจ้องไปที่รอยเล็บลึกที่อยู่บนหน้าของชายคนนั้นอย่างงุนงง ท่านประธานและเซียนผู้คุมกฎก็รวมอยู่ในนั้นด้วย ท่าทางของพวกเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
ไม่เพียงแต่สัตว์อสูรระดับ 6 จะทำให้เซียนผู้คุมกฎได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่มันยังทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่หน้าอีกต่างหาก นี่ไม่ต่างอะไรกับการตบเข้าที่หน้าอย่างแรงสำหรับเซียนผู้คุมกฎ ความอับอายนี้คงจะติดอยู่กันคนผู้นั้นตลอดไปชั่วชีวิต
ชายชุดแดงยังคงนิ่งอึ้งสักพักก่อนที่จะกลับมาได้สติ เขารู้สึกแสบร้อนที่หน้าและระเบิดโทสะออกมา เซียนผู้คุมกฎที่มีเกียรติถูกสัตว์อสูรระดับ 6 ข่วนหน้าเป็นรอยต่อหน้าทุกทุกคน นี่เป็นเรื่องที่น่าอับอายที่แม้แต่เขาก็ยังคิดอยากฆ่าตัวตาย
“กะ กะ แก ไอ้สัตว์อสูรบ้า แกจะไม่มีชีวิตรอดผ่านวันนี้ไปแน่” ภายใต้เสียงคำรามอันโกรธเกรี้ยวและความอับอายเป็นที่สุด ชายนั่นตกอยู่ในความไร้เหตุผลไปแล้ว เขาคำรามพร้อมทั้งโจมตีไปที่เสือขาวอย่างสุดกำลังโดยไม่สนถึงผลที่จะตามมา
“เจ้ากล้าทำอย่างนี้ได้อย่างไร ! ” เสียงที่ดูเก่าแก่และอ่อนแอดังขึ้นมาในอากาศ หลังจากเสียงนั้น มิติรอบ ๆ ชายคนนั้นก็หยุดนิ่งทันที แม้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งของเซียนผู้คุมกฎ แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ต่อหน้ามิติที่หยุดนิ่งนั้น เขาถูกจับไว้ทำให้ขยับเขยื้อนไม่ได้อย่างสมบูรณ์
ทันใดนั้นเอง มิติที่หยุนนิ่งอยู่ก็สั่น ชายที่ถูกจับอยู่ด้านในนั้นก็กระอักเลือดออกมาทันทีและลอยถอยหลังไป เขาถูกประคองไว้โดยเซียนผู้คุมกฎบางคนจากตระกูลทั้งแปดด้านหลังเขา
ใบหน้าของหัวหน้าตระกูลที่เป็นเซียนผู้คุมกฎของตระกูลทั้งแปดเริ่มหวาดกลัว เซียนราชาของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงได้โจมตีออกมา เว้นเสียแต่ว่าหัวหน้าตระกูลของตระกูลซาร์จะอยู่ที่นี่ ไม่งั้นมันคงจะยากที่จะได้เปรียบจากสถานการณ์เช่นนี้ แต่หัวหน้าตระกูลนั้นเกรงกลัวท่านประธานของสมาคมเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุแสงมาก มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปรากฎตัวออกมา
“ตระกูลทั้งแปด เจ้ายังคงต้องการให้ลูกศิษย์ของข้าชดใช้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวัตถุเซียนหรือเปล่าฮึ ? ” ท่านประธานพูดออกมาอย่างไร้ความรู้สึก