หลังจากที่หลวงจีนจากวัดเส้าหลินกล่าวจบก็มียอดฝีมืออีกสองคนจากสำนักดาบสวรรค์กระโดดขึ้นไปยืนบนหินก้อนใหญ่แทน และได้เล่าถึงความโหดเหี้ยมของหลิงหยุนให้กับทุกคนฟัง
  ทันใดนั้นเองเสียงคล้ายคนผิวปากก็ดังขึ้น และทุกคนในหุบเขาต่างก็ได้ยินเหมือนกันหมด
  “เทพแห่งมารหลิงหยุนและธิดาพรรคมารเย่ซิงเฉินมาแล้ว!”
  ยอดฝีมือมากกว่าหกร้อยคนถึงกับสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีแล้วรีบหันไปมองรอบๆหุเบเขาหลงเฟิงอย่างตื่นตระหนก
  พรึบ..พรึบ..
  แล้วร่างของหลิงหยุนและเย่ซิงเฉินก็ปรากฏเคียงข้างกันมาทันทีเพียงแค่พริบตาเดียวยังไม่ทันที่ทุกคนจะทันได้คิดอะไรด้วยซ้ำ เงาดำสองเงาก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงกลางหุบเขาแล้ว!
  หลิงหยุนและเย่ซิงเฉินยืนเคียงข้างกันอยู่ท่ามกลางเหล่าชาวยุทธมากมายอย่างไม่หวั่นเกรง!
  “เอ่อ..”
  หลี่เจี้ยนกังและเสียตงคุนที่กำลังยืนพูดอยู่บนก้อนหินใหญ่นั้นถึงกับกระโดดเข้ากอดกันด้วยความตกใจ!
  เมื่อเห็นสองมารกล้ามาปรากฏตัวเช่นนี้ทั้งคู่ก็ถึงกับตกอกตกใจ และได้แต่คิดว่ามารน้อยทั้งสองกล้ามาปรากฏตัวต่อหน้าชาวยุทธมากมายได้อย่างไรกัน
  ที่นี่มีชาวยุทธมากกว่าหกร้อยคนจากสามสิบกว่าสำนักที่มารอสังหารพวกเขาอยู่อีกทั้งยังมียอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติอีกนับร้อยคน เหตุใดหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินยังกล้ามาที่นี่อีก
  ครั้งนี้หลิงหยุนไม่ได้ทำการเปลี่ยนโฉมและเย่ซิงเฉินก็มิได้สวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้า เวลานี้ทั้งคู่กลับมาปรากฏตัวต่อหน้ายอดฝีมือหกร้อยกว่าคนด้วยสีหน้าท่าทางที่ไม่หวั่นเกรงใดๆ
  “พวกเจ้าสองคนพูดต่อสิ!ข้ากับซิงเฉินกำลังรอฟังอยู่”
  หลิงหยุนร้องบอกหลี่เจี้ยนกังและเสียตงคุนยิ้มๆไม่เพียงเขาไม่ขับไล่คนทั้งคู่ลงจากหินก้อนใหญ่แล้ว ยังคะยั้นคะยอให้ทั้งสองคนพูดต่อด้วย
  ทั้งหลิงหยุนและเย่ซิงเฉินยังคงมีท่าทีสงบนิ่งอย่างมากแต่หลี่เจี้ยนกังแลเสียตงคุนกลับไม่สามารถสงบนิ่งอีกต่อไปได้ เพราะสิ่งที่ทั้งสองคนกำลังจะพูดต่อไปก็คือ พวกเขาได้เตรียมการที่จะจัดการกับมารน้อยทั้งสองไว้แล้ว แต่เขาเชื่อว่าทั้งสองมารจะไม่กล้ามาอย่างแน่นอน!
  ปรากฏว่าเวลานี้ทั้งคู่กลับกำลังยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองแล้ว!
  ทั้งหลี่เจี้ยนกังและเสียตงคุนต่างก็หน้าแดงด้วยความอับอายพวกเขาอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก และไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี จึงได้แต่ยืนนิ่ง..
  ไม่เพียงทั้งสองคนไม่คิดว่าหลิงหยุนจะกล้าปรากฏตัวแต่ทุกคนในที่นั้นต่างก็คิดเช่นเดียวกัน และยิ่งไม่มีใครคาดคิดว่าหลิงหยุนจะมาปรากฏตัวพร้อมๆกับเย่ซิงเฉินเช่นนี้ด้วย!
  นี่เป็นงานชุมนุมเพื่อปราบมารร้ายในยุทธภพไม่ใช่รึทั้งหลิงหยุนและเย่ซิงเฉินต่างก็เป็นมารชั่วร้ายบาปหนา แต่เมื่อทั้งคู่ปรากฏตัวขึ้นจริง ทุกคนต่างก็พากันนิ่งเงียบ ไม่มีผู้ใดกล้าเอ่ยวาจาออกมาแม้แต่คำเดียว!
  จะมีผู้ใดกล้ากล่าวอันใดเล่า..ในเมื่อผู้หนึ่งคือเทพแห่งมาร ส่วนอีกคนคือธิดาพรรคมาร!
  โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลวงจียนเจี๋วยหยวนแห่งวัดเส้าหลินและนักพรตชงซวีแห่งสำนักบู๊ตึ๊ง ในเวลานั้นทั้งคู่ได้ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาเช่นกัน ทั้งสองคนหันไปมองหน้ากัน และสื่อสารกันผ่านทางกระแสจิต  –ช่างบ้าบิ่นนัก!-
  –บ้าบิ่นเกินไป!-
  –เด็กนั่นกล้ามาที่นี่จริงๆงั้นรึมากันเพียงแค่สองคนด้วย? เจ้าผยองเกินไปนัก!-
  “เฮ้อ!”
  หลวงจีนเจี๋ยวหยวนและนักพรตชงซวีต่างก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก่อนจะปิดท้ายด้วยเสียงถอนหายใจดังของคนทั้งคู่!
  ทั้งคู่ต่างก็เคยเผชิญหน้ากับหลิงหยุนมาก่อนจึงรู้จักอุปนิสัยใจคอของหลิงหยุนดี พวกเขารู้ว่าหากอีกฝ่ายปรากฏตัวเช่นนี้ ย่อมต้องเกิดเรื่องที่น่าตกใจและยากที่จะหลีกเลี่ยงได้เป็นแน่!
  “ข้าคือหลิงหยุนและทุกคนในยุทธภพต่างเรียกข้าว่าเทพแห่งมาร!”
  ระหว่างที่พูดนั้นกระบี่โลหิตแดนใต้ก็ปรากฏขึ้นมาในมือของเขา “นี่คือกระบี่โลหิตแดนใต้!”
  ทันทีที่กระบี่สีดำแดงปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุนรังสีเย็นชาและกลิ่นอายชั่วร้ายก็กระจายออกมา ทุกคนในที่นั้นต่างก็ถึงกับผงะและรีบก้าวถอยหลังทันที
  และเพียงแค่คิด..หม้อเสินหนงก็ปรากฏขึ้น เขาจับมันโยนไปตั้งไว้ที่หินก้อนใหญ่นั้นพร้อมกับประกาศเสียงดัง
  “และนี่ก็คือหม้อเสินหนง!”
  ในเวลาเดียวกันนั้นหลิงหยุนก็ไม่ลืมที่จะหันไปยิ้มให้กับนักพรตชงซวี และหลวงจีนเจี๋ยวหวยน เพราะหลังจากสิ้นสุดการต่อสู้บนเขาหลงเหมิน ทั้งคู่เคยขอให้เขานำหม้อเสินหนงออกมาให้ชม และหลิงหยุนก็ตกปากรับคำ
  แต่หลังจากคืนนั้นบุคคลอันดับหนึ่งแห่งประเทศจีน ก็ได้ประกาศห้ามเหล่าชาวยุทธเข้าไปในเมืองจิงฉูอีก หลวงจีนเจี๋ยวหยวนและนักพรตชงซวีต่างก็ไม่กล้าขัดคำสั่งเช่นกัน ทั้งสามคนจึงไม่ได้พบกันอีกเลย..
  จนกระทั่งได้มาพบกันที่นี่หลิงหยุนจึงนำหม้อเสินหนงออกมาพร้อมกับหันไปยิ้มให้ทั้งสองคน ราวกับจะบอกว่าเขาได้ทำตามสัญญาแล้ว..
  ครั้งนี้..แม้คนของสำนักบู๊ตึ๊งจะเข้าร่วมชุมนุมด้วย แต่ท่าทีของเขากลับแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ต้องการร่วมสังฆกรรมในการสังหารหลิงหยุน และนั่นทำให้หลิงหยุนนึกพอใจกับท่าทีของสำนักบู๊ตึ๊งไม่น้อย
  หลิงหยุนไม่เพียงนำกระบี่โลหิตแดนใต้และหม้อเสินหนงออกมาเขายังเรียกสร้อยประคำออกมาวางไว้บนฝ่ามือด้วย มันคือสร้อยประคำที่หลิงหยุนใช้สะกดปีศาจภัยแล้งในครั้งนั้น และนี่คือหนึ่งในสมบัติพุทธองค์ที่เขาได้มา
  หลิงหยุนทำหน้าพยักเพยิดไปทางหลวงจีนคิ้วขาวแห่งวัดเส้าหลินพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
  “แร้งเฒ่า..นี่ไงล่ะสมบัติพุทธองค์ที่เจ้าพูดถึง!”
  สุดท้าย..หลิงหยุนจึงยกนิ้วที่สวมแหวนจักรวาลไว้พร้อมกับประกาศเสียงกร้าวอีกครั้ง“ในแหวนพื้นที่นี้มียังมีสมบัติล้ำค่าอีกมากมาย หากพวกเจ้ามีปัญญาสังหารข้าล่ะก็ ก็นำสมบัติในนี้ไปได้เลย!”
  กระบี่โลหิตแดนใต้..หม้อเสินหนง.. สร้อยประคำ.. และแหวนพื้นที่!!!
  “ส่วนแม่นางผู้นี้!”
  หลิงหยุนยกมือขึ้นชี้ไปทางเย่ซิงเฉินพร้อมกับประกาศต่อหน้าทุกคนว่า“นางคือธิดาพรรคมารนามว่าเย่ซิงเฉิน ข้าขอประกาศให้พวกเจ้าทุกคนในที่นี้ได้รู้ว่านางคือภรรยาของข้า! พวกเจ้าอย่ามัวแต่ตกใจ.. ตอนนี้พวกเจ้ามีคนตั้งมากมายไม่ใช่รึ ชาวยุทธหกร้อยกว่าคนจากสามสิบกว่าสำนัก ยังไม่รีบเข้ามาขัดขวางข้าอีก!”
  ทุกคนที่อยู่ในหุบเขาหลงเฟิงต่างพากันนิ่งเงียบด้วยความตกตะลึงเสียงหายใจรุนแรงดังไปทั่วทั้งบริเวณ!
  หลายคนตกใจในความงดงามของเย่ซิงเฉินหลายคนตกใจกับสมบัติล้ำค่าที่หลิงหยุนนำออกมา และหลายคนก็ตกใจในความกล้าหาญของคนทั้งคู่…
  แต่เวลานี้ทุกคนต่างก็กำลังตกใจกับคำประกาศของหลิงหยุนเมื่อครู่นี้!
  นั่นเพราะชาวยุทธที่อยู่ในหุบเขาแห่งนี้เกือบทั้งหมดล้วนแล้วแต่เคยร่วมกันบุกไปตระกูลหลิงเพื่อบีบบังคับหลิงเสี่ยวกับหยินชิงเฉวียนเมื่อสิบแปดปีก่อน!
  ช่างเหมือนกันยิ่งนัก!
  หลิงหยุนคล้ายกับหลิงเสี่ยวในวัยหนุ่มมากส่วนเย่ซิงเฉินก็คล้ายกับหยินชิงเฉวียนในวัยสาวมากเช่นกัน! เมื่อทั้งคู่ยืนอยู่เคียงข้างกันเช่นนี้ ทำให้ทุกคนอดที่จะหวนนึกถึงคืนคืนหนึ่งเมื่อสิบแปดปีก่อนไม่ได้…
  มีเพียงสิ่งเดียวที่คนทั้งคู่แตกต่างจากหลิงเสี่ยวและหยินชิงเฉวียนนั่นก็คือความยะโสโอหังไม่เกรงกลัวผู้ใด! ทั้งคู่ยังคงพูดคุยหัวร่อต่อกระซิกกันโดยไม่เห็นผู้ใดในที่นี้อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
  หลิงหยุนนึกพอใจอย่างมากจนถึงกับหัวเราะออกมาในเมื่อเขาต้องการแก้แค้นให้กับพ่อแม่ จึงจำเป็นต้องรื้อฟื้นความทรงจำเมื่อสิบแปดปีก่อนให้กับทุกคน!
  พรึบ!
  หลิงหยุนกระโดดขึ้นไปยืนบนยอดไม้พร้อมกับสำรวจมองไปรอบ“เมื่อครู่ใครกันประกาศว่าจะสังหารพ่อข้า สังหารแม่ข้า และทำลายตระกูลหลิงให้ย่อยยับ จากนั้นจึงจะไปถล่มพรรคมารต่อ”
  “และผู้ใดที่ประกาศกับทุกคนว่าข้าครอบครองพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์สมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพ หม้อเสินหนง และสมบัติพุทธองค์”
  “และผู้ใดกันที่ประกาศว่าจะสังหารข้ากับเย่ซิงเฉิน”
  “เวลานี้ข้ากับเย่ซิงเฉินอยู่ต่อหน้าพวกเจ้าแล้วสมบัติล้ำค่าที่พูดถึงก็อยู่ตรงหน้านี้แล้ว พวกเจ้าลงมือเลยสิ!”
  ระหว่างที่พูดนั้นสายตาของหลิงหยุนก็เหลือบมองไปทางจางจวิ้นเจิงแห่งสำนักเขาหลงหู่ และหลวงจีนคิ้วขาวหลัวฮั่นถังแห่งวัดเส้าหลินด้วยความรังเกียจ
  “อามิตาพุทธ..เป็นอาตมาเองที่พูดออกไปเช่นนั้น!”
  หลวงจีนคิ้วขาวและหนวดเคราขาวรูปหนึ่งเป็นฝ่ายเอ่ยตอบก่อนจะพ่นลมหายใจแรงออกมา..
  คืนนี้มีชาวยุทธมากกว่าสามสิบสำนักมารวมตัวกันเพื่อสังหารหลิงหยุนกับเย่ซิงเฉินในเมื่อทั้งคู่ปรากฏตัวเช่นนี้ ยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติอย่างเขาจึงไม่ได้นึกหวาดหวั่นแม้แต่น้อย..
  “มารชั่ว!เจ้าไม่เพียงกล้ามาปรากฏตัวที่นี่ แต่ยังกล้าทำเหมือนไม่เห็นพวกเราอยู่ในสายตาอีกรึ”
  หลังจากที่นักบวชจางจวิ้นเจิงแห่งสำนักเขาหลงหู่หายจากอาการตกใจเขาก็รีบร้องตะโกนใส่หลิงหยุนด้วยน้ำเสียงดุดันทันที!   “เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง!ข้าไม่เคยเห็นเจ้าอยู่ในสายตาเลย! ฮ่า ฮ่า..”
  หลิงหยุนหัวเราะเสียงดังพร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าจางจวิ้นเจิง“เจ้าพูดพอหรือยัง หยุดพล่ามไร้สาระและลงมือได้แล้ว!”
  ทันทีที่มาถึงหลิงหยุนก็ประกาศตัวเป็นมารมิหนำซ้ำยังนำสมบัติล้ำค่าออกมาโอ้อวด จากนั้นจึงร้องสั่งให้ทุกคนลงมือได้ และไม่ต้องการเสียเวลาพล่ามไร้สาระอะไรอีก นั่นเพราะคนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นศัตรูที่เขาต้องการสังหารให้สิ้นซาก จึงไม่ต้องการเสียเวลาไปมากกว่านี้!
  “สวรรค์เมตตา..”
  หลังจากที่ได้ฟังคำประกาศกร้าวของหลิงหยุนจางจวิ้นเจิงถึงกับอุทานออกมา ก่อนจะร้องตะโกนออกไปอย่างโมโห
  “หึ!มารชั่ว ข้าจะให้เจ้าได้รู้ฤทธิ์ของสำนักเขาหลงหู่!”
  พูดจบ..จางจวิ้นเจิงก็ได้ยกมือทั้งสองข้างเหนือศรีษะ จากนั้นกระบี่เทียนฉีก็พุ่งออกมาจาด้านหลังของเขาทันที!
  พรึบ!
  กระบี่เทียนฉีพุ่งขึ้นจากแผ่นหลังของจางจวิ้นเจิงแล้วจึงลอยขนานเป็นแนวนอนกับพื้นดิน และพุ่งปลายแหลมไปทางหลิงหยุน จากนั้นปลายกระบี่เทียนฉีที่มีพลังปราณอัดแน่นก็พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
  หลิงหยุนทำสีหน้าเย้ยหยันพร้อมกับยกมือเปล่าขึ้นรับปลายกระบี่เทียนฉีพร้อมกับคว้าไว้ในมือทันที!
  ทันทีที่กระบี่เทียนฉีถูกหลิงหยุนคว้าไว้ด้วยมือเปล่าเช่นนั้นกระบี่ก็สิ้นฤทธิ์และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อีกเลย
  และนี่คืออานุภาพของวิชาดาราคุ้มกายหากผู้ใดที่แข็งแกร่งน้อยกว่าเขา อาวุธใดๆย่อมไม่สามารถทำให้เขาระคายเคืองได้!
  กระบี่ล้ำเลิศเช่นนี้หลิงหยุนไม่ต้องการจะทำลายให้เสียหายเขาจึงเรียกมันเข้าไปเก็บไว้ในแหวนจักรวาลทันที!
  “ตาย!”
  จากนั้นร่างของหลิงหยุนก็พุ่งเข้าไปหาจางจวิ้นเจิงในทันที
  “แย่แล้ว!”
  จางจวิ้นเจิงเห็นท่าไม่ดีจึงต้องการที่จะกระโดดถอยหนีแต่คิดไม่ถึงว่าหลิงหยุนจะสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วเช่นนี้ และเมื่อคว้าร่างของจางจวิ้นเจิงไว้ได้แล้ว หลิงหยุนจึงกระโดดกลับไปทันที
  “เจ้าเป็นคนที่พูดมากที่สุดเจ้าจึงต้องถูกข้าสังหารเป็นคนแรก!”
  หลิงหยุนร้องตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงดุดันเขาหิ้วร่างของจางจวิ้นเจิงไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็กำหมัดพร้อมกับใช้หมัดปีศาจเถียนกังทุบเข้าที่ศรีษะของจางจวิ้นเจิงหนึ่งครั้ง..
  ปัง!
  และเพียงแค่หมัดเดียว..สมองของจางจวิ้นเจิงก็พุ่งออกมาจากกะโหลกศรีษะทันที!