บนท้องฟ้า มือของไท่จื่อกำลังสั่นอยู่

“จางกวังตายแล้ว!”

ไท่จื่อฉินอวิ่นพูดพึมพำ

คนที่เหลือไม่กี่คนที่นั่งอยู่ข้างหลังเขา ไม่มีใครกล้าพูดสักคน

จู่ๆ เหรินเจียงรู้สึกโชคดีที่ตอนนั้นลู่ฝานชกเขาแค่หมัดเดียว อีกทั้งไม่ได้ใช้แรงทั้งหมดด้วย

ถ้าตอนนั้นลู่ฝานใช้กำลังการต่อสู้เหมือนวันนี้ โดนชกหมัดเดียว เขาคงตายไปนานแล้ว

“คิดไม่ถึงว่าจางกวังจะตายแล้ว!”

เสียงของไท่จื่อฉินอวิ่นดังขึ้นเล็กน้อย มือที่กำหมัดอยู่ เล็บจิกเข้าไปในเนื้อแล้ว

เหรินเจียงพูดอย่างระแวดระวังว่า “ไท่จื่อ เสียใจด้วยนะครับ การต่อสู้เป็นตายของนักบู๊ ไม่พูดถึงเรื่องความเป็นความตาย เราจนปัญญาแล้ว”

“ฉันจนปัญญาแล้ว ตอนนี้ฉันจะทำอะไรลู่ฝานได้อีก ส่งนักบู๊แดนปราณดินไปฆ่าเขาอีกเหรอ ฉันเป็นไท่จื่อที่ยิ่งใหญ่ ไม่ใช่หัวหน้านักฆ่า ลู่ฝาน! ลู่ฝาน! ลู่ฝาน!”

ไท่จื่อฉินอวิ่นตะโกนชื่อลู่ฝานติดกันสามครั้ง เขาโกรธจนเลือดไหลออกมาตรงมุมปาก

ฉินฝานที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเห็นภาพนี้ เขาค่อยๆ นั่งลงอีกครั้ง

เขามองฉินอวิ่นที่โมโหแต่ทำอะไรไม่ได้อย่างเงียบๆ รอยยิ้มปรากฏตรงมุมปาก

เมื่อกวักมือ องครักษ์เกราะทองคนหนึ่งเดินมาข้างเขา

ฉินฝานพูดเบาๆ ว่า “เตรียมของขวัญราคาสูงไปที่เจดีย์ยา เพื่อขอโทษลู่ฝาน ไม่ต้องไปในนามของฉัน แค่เอาของขวัญไปให้ก็พอ เขาจะรู้เองว่าใครเป็นคนส่งให้เขา”

องครักษ์เกราะทองพยักหน้าแล้วเดินออกไป ส่วนฉินฝานถอนหายใจยาวออกมา

“น่าเสียดาย น่าเสียดาย”

ฉินฝานถอนหายใจเบาๆ เดิมทีคนอย่างลู่ฝาน ควรเป็นคนของเขา ต่อไปอาจได้เป็นผู้ช่วย แต่กลับโดนเขาใช้ยาเปลี่ยนโลหิตเพียงหนึ่งหม้อ บังคับให้ออกไปดื้อๆ นี่เรียกว่ามีบุญพบแต่ไร้วาสนาต่อกัน นี่เรียกว่ามองผิดพลาด

แม้ทำสำเร็จตามเป้าหมายแล้ว เขาเห็นภาพที่ฉินอวิ่นโมโหจนกระอักเลือดแล้ว

แต่ในใจเขายังรู้สึกเสียดายเล็กน้อย ยังดีที่หลังจากเขาไล่ลู่ฝานไปวันนั้น ไม่ได้ส่งคนไปตามฆ่าลู่ฝาน เรื่องจึงไม่ถึงขั้นร้ายแรงจนไม่สามารถประนีประนอมกันได้

งั้นต่อไปคงต้องใช้วิธีนุ่มนวลกับลู่ฝานแล้วล่ะ นี่คือคนที่ชอบให้ใช้ไม้อ่อนตามแบบฉบับ!

ฉินฝานลุกขึ้นแล้วออกไป เขาจะกลับไปคิดว่าจะทำยังไงให้ลู่ฝานกลับมาเป็นลูกน้องของเขาอีกครั้ง

ฉินอวิ่นก็ออกไปอย่างเงียบๆ ตอนนี้ในใจฉินอวิ่นเต็มไปด้วยความโมโหและแค้นเคือง แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อ เขายังมียอดฝีมือที่เก่งกาจอยู่ก็จริง แต่นั่นเป็นคนที่พ่อส่งให้เขา เพื่อรักษาความสงบของจวนไท่จื่อ แม้เขาอยากเรียกใช้ จำเป็นต้องมีคำสั่งของพ่อ

มีเพียงเซียนบำเพ็ญชี่สามคน ที่เขาสามารถเรียกใช้ได้ตามใจชอบ แต่จนถึงตอนนี้สามคนนั้นก็ยังไม่กลับมา ไม่รู้ว่าทำอะไรอยู่ ดูเหมือนกลับไปต้องตรวจดูป้ายชีวิตหน่อยแล้ว

ทั้งสองคนออกไป ที่เหลืออยู่ล้วนเป็นกลุ่มคนเมืองหลวง

คนพวกนี้อยู่ตั้งนานไม่ยอมออกไป บางคนเริ่มแย่งเศษหินบนพื้น จากที่พวกเขาพูดกัน นี่เป็นหินที่เปื้อนพลังของสองยอดฝีมืออย่างจางกวังและลู่ฝาน

ไม่แน่ต่อไปถ้าลู่ฝานชื่อเสียงโด่งดังในใต้หล้า หินพวกนี้อาจมีราคาก็ได้

คำพูดนี้ คนส่วนใหญ่หัวเราะออกมา ไม่ได้สนใจ แต่คนบางส่วนก็เก็บเศษหินกลับไปสองสามก้อน

ในกลุ่มคน คนอ้วนคนหนึ่งดื่มเหล้าพลางพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ผู้ห้าวหาญ พรสวรรค์ไร้เทียมทาน จิตใจสูงส่ง ไม่สะทกสะท้าน ถ้าได้อาจารย์สักคน ต้องกวาดล้างไปทั่วใต้หล้าแน่นอน”

พูดจบ คนอ้วนมองผู้อาวุโสข้างๆ แล้วพูดว่า “ไอ้หลิว สนใจรับศิษย์ไหมล่ะ”

ผู้อาวุโสขมวดคิ้วพูดว่า “ไอ้อ้วนตง นายคิดว่าฉันดูไม่ออกเหรอว่าเขาใช้เคล็ดวิชาบู๊อะไร นายแน่ใจเหรอว่าจะไม่แย่งกับฉันหรือ”

คนอ้วนพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่แย่ง แย่งทำไมหรือ วันหลังค่อยแย่งก็ได้ เหอะๆ!”

ผู้อาวุโสส่ายหน้าพูดด้วยรอยยิ้ม “นายนี่จริงๆ เลย แต่ฉันก็มีความคิดขึ้นมานิดหน่อยแล้วล่ะ!”