บนดินแดนรกร้างที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้ใบหญ้า มีกระดูกและโครงกระดูกกระจัดกระจายอยู่ทุกหนทุกแห่ง

กลุ่มพ่อค้ารับจ้างเล็กๆ กำลังเดินทางผ่านพื้นที่อันตรายด้วยการคุ้มกันภัยจากทหารรับจ้างนับสิบคน จุดหมายปลายทางของพวกเขาคืออาณาจักรบริแอนน์

พื้นที่รกร้างอยู่ตรงชายแดนระหว่างโฮล์มกับบริแอนน์ และตั้งอยู่กลางภูเขาใหญ่ ซึ่งสัตว์เวททุกประเภทอาศัยอยู่ นอกจากนี้ มีข่าวลือว่าบริเวณนี้เคยถูกปกครองโดยไวเค็น ราชาแห่งหายนะ และข้าหลวงใหญ่ของเกรตโฮล์ม เขาต่างจากข้าหลวงใหญ่ทุกคนทั้งก่อนหน้านั้นและหลังจากนั้น แทนที่จะให้ความสำคัญกับการปกป้องเรนทาโตนี้ ไวเค็นทำการทดลองมากมายใกล้กับเขตชายแดนนี้ ในดินแดนรกร้างนี้ จึงมีสัตว์ที่แปลกประหลาดมากมาย และเชื่อกันว่าพวกมันเป็นผลผลิตที่ผิดพลาดจากการทดลองของไวเค็น

หลังจากไวเค็นหายตัวไป ก็ไม่มีใครเจอประตูเข้ามิติพิเศษของเขาอีกเลย ซึ่งอยู่ที่ไหนสักแห่งในเขตพื้นที่ร้างนี้ ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเขาหายตัวไป และไม่มีใครพบอุปกรณ์เวทที่ไวเค็นทิ้งไว้เลย

นักเวทมากมายรู้สึกเสียดายมาก นักเวทที่มีพลังใกล้เคียงกับชั้นตำนานสูงสุดและปรมาจารย์สายพลังโลหิตต้องมีสมบัติและความรู้มากมายในมิติพิเศษ แต่ทั้งหมดนั้นสูญหายไปกับสายน้ำแห่งกาลเวลา

“เรื่องราวแบบนี้ไม่มีจุดจบ ตอนนี้ยังมีคนตามหาสมบัติของไวเค็นแถวๆ นี้อยู่เลย” ฮัสซัน รองหัวหน้าทหารรับจ้าง พูดขึ้นด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก “พวกเขาน่าจะคิดถึงการใช้ก้น แม้จะได้รับพรจากเทพีแห่งโชคชะตาและหาทางเข้าเจอ พวกนั้นจะเอาสมบัติในมิติพิเศษออกมาได้รึ?”

“ไวเค็นถูกเรียกว่าราชาแห่งหายนะ และเขาเป็นปรมาจารย์ด้านพลังโลหิตสายเลือดและการแปลงกาย ข้าพนันด้วยเหล้าถุงนึงเลยว่าในมิติพิเศษและหอคอยเวทมนตร์ของเขา ต้องมีสัตว์ประหลาดที่มีพลังใกล้เคียงกับชั้นตำนาน บางทีอาจมีคนเจอมิติพิเศษของเขาแล้ว แต่ก็กลายเป็นอาหารของสัตว์ประหลาด” ฮัสซันพูดต่อ

ลูกน้องของเขาคนหนึ่งเป็นเด็กวัยรุ่นที่ดูเงียบขรึมและคงแก่เรียน พอได้ฟังเรื่องเล่าจากรองหัวหน้า สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป แล้วก็ฝืนยิ้มออกมา “คนพวกนั้นตาบอดด้วยความโลภ สมบัติก็กัดกินปัญญาพวกเขา”

“โอลิเวอร์ สมเป็นนักกวีจริงๆ เจ้าพูดอะไรก็น่าสนใจไปหมด” ฮัสซันตบไหล่เด็กหนุ่ม

ฮัสซันรู้จักชายหนุ่มคนนี้มาสามสี่เดือนแล้ว เว้นแต่เรื่องที่โอลิเวอร์ชอบหลอกผู้หญิง ฮัสซันรู้สึกว่าเขาเป็นลูกน้องที่ดีเพราะเขารู้จักพูด และเข้าใจวิธีทำงาน

แต่ผู้ชายทุกคนที่เลือกมาเป็นทหารรับจ้างก็ชอบหลอกผู้หญิงอยู่แล้ว เรื่องนั้นเลยไม่น่าจะเป็นปัญหา

ตอนนั้นเอง กรีกรา หัวหน้าทหารรับจ้าง ก็พูดอย่างเย็นชาว่า “อย่าพูดนี้ให้พวกพ่อค้าได้ยินอีก ผู้พิทักษ์ราตรีอาจได้ยินเจ้า”

“เราแค่เล่านิทานปรัมปรา!” ฮัสซันตอบอย่างไม่ค่อยปลื้ม เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับผู้พิทักษ์ราตรี!

กรีกราถอนหายใจ “ข้าได้ยินจากขุนนางในคณะว่าช่วงนี้พวกผู้พิทักษ์ราตรีทำอะไรบ้าๆ บอๆ พวกเขาเผาทหารรับจ้างสองสามคนทั้งเป็น เพราะคุยกันเรื่องตำนานนักเวท พวกผู้พิทักษ์ราตรีเชื่อว่าคนพวกนั้นเป็นปีศาจ”

“จริงรึ?!” ฮัสซันค่อนข้างตกใจ ไม่ต่างกับโอลิเวอร์ที่จมดิ่งอยู่กับความคิด พวกเขารู้ดีว่าผู้พิทักษ์ราตรีพวกนั้นเสียสติ แต่ไม่เคยคิดว่าจะไปไกลขนาดนี้

“เจ้าจะลองก็ได้ ถ้าอยาก” กรีกราตอบอย่างไม่แยแส แล้วเขาก็เหลือบมองโอลิเวอร์อย่างมีนัยยะ เขายังคงไม่ไว้ใจสมาชิกใหม่ สัญชาตญาณของกรีกราบอกว่าชายหนุ่มคนนี้กำลังซ่อนอะไรบางอย่างจากพวกเขา บางทีเขาอาจเป็นคนร้ายหนีคดี ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น เพราะเขาไม่รู้สึกคลื่นพลังวิญญาณจากชายหนุ่มเลย ไม่งั้น กรีกราคงส่งเขาไปให้คณะไต่สวนแล้ว

โอลิเวอร์รู้ว่าหัวหน้าไม่ไว้ใจเขา เขาก้มหน้า และตัดสินใจจะออกจากคณะก่อนการเดินทางจะถึงปลายทาง

ตั้งแต่เขาหนีออกจากเรนทาโต ชีวิตของเขาตกอยู่ในอันตรายมาตลอด จนรู้สึกวิตกกังวลตลอดเวลา ถึงเขาจะฆ่าคนไปคนหนึ่ง แต่เขาไม่ใช่นักเวท ผู้พิทักษ์ราตรีคงไม่ไล่ล่าเขา แต่พวกทหารรับจ้าง นักผจญภัย และผู้คุมเขตก็ทำให้ชีวิตเขาเสี่ยง เขาจึงต้องต่อสู้เพื่อตัวเอง

โชคดีที่เขาเจนโลกมากพอและได้ฝึกทักษะการต่อสู้มาบ้างแล้ว ความเฉลียวฉลาดและผงประหลาดช่วยให้เขาเดินทางมาถึงพรมแดนของอาณาจักรโฮล์ม ซึ่งเขาตัดสินใจจะเริ่มชีวิตใหม่อีกครั้ง การตายของโกลด์สันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาคงไม่ถูกประกาศในบัญชีอาชญากรไปทั่วอาณาจักร ยิ่งเขาเดินทางถึงพื้นที่ห่างไกล เขายิ่งรู้สึกปลอดภัย

เขาเรียนรู้มาจากประสบการณ์ว่าคนเราถ้าไม่มีกำลัง ก็รอวันตายอย่างเดียว เขาจึงเริ่มฝึกเข้าฌานสมาธิ หลังจากเลิกเชื่อในพระเจ้าแห่งสัจธรรม!

แต่ผ่านมาถึงวันนี้ เขาก็ยังไม่สามารถเข้าสู่โลกฌานสมาธิได้เลย

โอลิเวอร์ไม่ได้ผิดหวัง ตามข้อมูลจากอักขระที่สลักบนแท่งแสงสีฟ้า แม้แต่คนที่มีพรสวรรค์ก็ยังต้องใช้เวลาหกเดือนถึงสองปีเพื่อควบคุมพลังจิต ก่อนเข้าสู่สภาวะสุญญตา แต่เขาเพิ่งเริ่มมาแค่สี่เดือน

แต่ทำไมดิน น้ำ ลม ไฟ ถึงเป็นธาตุพื้นฐาน? แล้วก่อเป็นสรรพสิ่งต่างๆ มากมายได้ยังไง? ชายหนุ่มผู้สนใจแต่ละครโอเปร่าอย่างโอลิเวอร์ ไม่อาจควบคุมจินตนาการ เมื่อคิดถึงตัวเอง

หลังจากเดินทางต่ออีกสักพัก กรีกราก็มองไปรอบๆ และสั่งให้พวกเขากางเต็นท์ โอลิเวอร์เป็นหนึ่งในคนที่รับผิดชอบในการเฝ้ายามคืนนี้

ตอนนี้เป็นช่วงกลางฤดูร้อน แต่อากาศในเขตพื้นที่ร้างก็ยังเย็นอยู่

โอลิเวอร์นั่งอยู่ข้างกองไฟ ดูกำลังคิดไม่ตก เขามองดวงดาวบนท้องฟ้าและคิดว่าอยู่ใกล้สมบัติมากๆ แล้ว!

เขาเคยเห็นหินก้อนสีแดงรูปร่างประหลาดๆ เหมือนปีศาจ วางอยู่บนพื้น

เขาเดินทางมาไกลขนาดนี้ก็เพราะมีเหตุผล!

เรื่องที่ฮัสซันพูดก่อนหน้านี้ทำเอาเขากลัว เพราะคิดว่าที่ที่เขากำลังตามหาก็คือทางเข้าประตูมิติพิเศษของไวเค็นจริงๆ แต่เขาเข้าใจความแตกต่างระหว่างตำนานและความจริง เขาเชื่อว่ากำลังตามล่าหาสมบัตินักเวทอีกคนทิ้งไว้ ซึ่งก็ออกมาตามหาประตูมิติพิเศษของไวเค็น

เริ่มดึก ลมก็ยิ่งเย็นลงเรื่อยๆ ทหารรับจ้างสองคนที่ออกไปลาดตระเวนก่อนหน้านี้กลับเข้าฐานแล้ว

“ตาเจ้าแล้ว” พวกเขาเอาเท้าสะกิดโอลิเวอร์

แล้วทั้งสองก็ยื่นมือไปผิงไฟหาความอบอุ่นจากกองไฟ

โอลิเวอร์กำดาบสั้นกระชับในมือ และยิ้มให้กับชายที่จะออกลาดตระเวนกับเขา ”ข้าจะไปทางนี้ โอเคไหม?”

“ไม่ต่างกันหรอก…” ชายคนนั้นพึมพำ เขาเดินไปอีกด้านหนึ่ง

หลังจากเดินไกลออกมา รอยยิ้มบนหน้าโอลิเวอร์ก็หายไป เขากำดาบสั้นในมือ เดินออกจากฐาน และมุ่งหน้าไปที่หินประหลาด

เขามีเวลาลาดตระเวนบริเวณนี้สิบนาที เขาต้องหาที่ซ่อนสมบัติภายในสิบนาที โอลิเวอร์ตื่นตัวเต็มที่ และจิตของเขาแจ่มชัดอย่างที่ไม่เคยเป็น

สามนาทีต่อมา เขาเดินเข้าไปใกล้หินประหลาดโดยไม่มีใครสงสัย และพยายามหาช่องว่างระหว่างหินกับพื้น

นาทีต่อมา โอลิเวอร์ก็ยังไม่พบอะไรเลย อีกนาทีผ่านไป ก็ยังไม่พบอะไร เหงื่อเม็ดโป้งๆ ผุดจากหน้าผากโอลิเวอร์ แต่เขายังใจเย็น

ทันใดนั้น สีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏขึ้น เขาเร่งมือขุด และสอดแท่งแสงสีฟ้าเข้าไป

มีเสียงก๊อกแก็ก แท่งแสงสีฟ้าเสียบเข้าไปเฟืองโลหะบางอย่าง แล้วแสงสีฟ้าก็สว่างขึ้นจากช่องว่าง จนหญ้าใกล้ๆ กลายเป็นสีฟ้าไปหมด

มีถ้ำโผล่ขึ้นมาจากดินแดนรกร้างหลังหินประหลาด เส้นทางเดินเข้าไปในถ้ำปูด้วยอิฐหินสีเทาเข้ม

โอลิเวอร์หยิบแท่งแสงออกมาแล้วรีบเดินเข้ามา เขาเร่งฝืนเท้าเร็วขึ้นๆ จนในที่สุด เขาก็เริ่มวิ่งเต็มฝีเท้าเท่าที่จะทำได้ ตามตัวอักษรบนแท่งแสง มีอุปกรณ์ปิดประตูทางเข้าอยู่ด้านใน เพื่อความปลอดภัย เขาต้องหาให้เจอแล้วปิดทางเข้าก่อนจะมีทหารรับจ้างมาพบ

เสียงฝีเท้าของเขาดังสะท้อนไปทั่วทางเดิน จนในที่สุด โอลิเวอร์ก็เห็นห้องโถงกลมๆ อยู่ตรงหน้า

ห้องโถงกลมถูกแบ่งออกเป็นห้องหินสองสามห้อง ประตูทุกบานเปิดออกกว้าง ภาย ในแต่ละ ห้องเต็มไปด้วยชั้น หนังสือ และ อัญมณี ตระการ ตา ทุกชนิด

โอลิเวอร์ตะลึงไปอยู่พักหนึ่งกับสมบัติล้ำค่าขนาดนี้!

ที่นี่คือห้องเก็บสมบัติ โอลิเวอร์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมองไปทางไหน อัญมณีคลื่นทะเล อัญมณีตะวัน ผลึกน้ำแข็ง…

โอลิเวอร์เคยเห็นสตรีผู้สูงศักดิ์สวมใส่อัญมณีพวกนี้ เขาเข้าใจราคาของพวกมันดี

“ฮ่าๆ ข้ารวยแล้ว!” เสียงแหบห้าวหัวเราะตามหลังโอลิเวอร์

โอลิเวอร์ตกใจมาก เขาหันหลังกลับไปเห็นหัวหน้ากรีกรากำลังเดินไปเข้ามาด้วยท่าทางโลภมากและตื่นเต้น

เขาถือดาบยาวอยู่ในมือ

โอลิเวอร์ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง

กรีกราหัวเราะ “ข้าคิดแล้วว่าเจ้ากำลังซ่อนอะไรบางอย่าง ข้าตั้งใจจะไล่เจ้าออกอยู่แล้ว ถ้างานเสร็จ แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะซ่อนอะไรเจ๋งๆ ไว้ขนาดนี้! ขอบคุณที่ช่วยให้ข้าได้อัญมณีทั้งหมดนี้!”

เขาตวัดดาบเป็นรูปไม้กางเขนที่หน้าอกแล้วพูดว่า “ขอบคุณพระเจ้าที่นำเจ้ามาหาข้าและนำข้าไปหาสมบัติ เพื่อแสดงความขอบคุณ ข้าอนุญาตให้เจ้าตายอยู่ที่นี่!”

โอลิเวอร์จับดาบสั้นและแท่งเวทมนตร์ไว้ในมือ เขากลัวมากจนถอยออกมาสองสามก้าว การสู้กับหัวหน้าทหารรับจ้างที่มีกำลังเกือบเท่าอัศวิน โอลิเวอร์ก็ไม่มั่นใจในตัวเองเลย

กรีกราไม่อยากเสียเวลา เขากระโดดใส่โอลิเวอร์ และยกดาบขึ้นโดยไม่ลังเล

………………………………………………………………………………………………………..