บทที่ 660 เกิดมาเสียชาติเกิด + บทที่ 661 สงสัย โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 660 เกิดมาเสียชาติเกิด
คุณปู่บิดชาใบหนึ่งวางไว้ส่วนล่างตรงรูจมูกแล้วสูดดม ถามด้วยความตื่นเต้น “เหมยเหมยเก็บใบชานี้มาจากที่ไหน ?”
จากประสบการณ์การดื่มชามาครึ่งค่อนชีวิตของเขา รู้ได้ในทันทีว่าใบชาที่หลานสาวตนเก็บมานั้นเป็นชาที่มีคุณภาพสูง ไม่แปลกเลยที่เป็นเพียงแค่ใบชาสดแต่ต้มออกมาก็ให้รสกลิ่นที่ไม่อาจลืมเลือน !
เหมยเหมยพูดออกมาอย่างสบายใจ “ก็ที่ภูเขาซีซานไงคะ หนูกับพี่สามไปหาแหล่งน้ำดีๆที่นั่น ถือว่าโชคดีมากที่เจอกับชาต้นนี้ หนูเก็บมาเต็มกระเป๋าเลยล่ะ พร้อมทั้งตักน้ำมาอีกหนึ่งกระบอก ซึ่งคือน้ำนี่ คุณปู่ น้ำรสชาติดีใช่ไหมค่ะ ?”
คุณปู่ขมวดคิ้วแน่น ภูเขาซีซานมีชาดีๆ แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ?
อีกอย่างน้ำนี่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่น้ำที่มาจากภูเขาซีซานด้วย น้ำจากภูเขาซีซานจะมีความกระด้างเล็กน้อย รสชาติดีกว่าน้ำประปาอยู่บ้าง แต่ต่างจากน้ำที่หลานสาวใช้ต้มชาให้มาก
จากความคิดของเขาแล้ว ชาคุณภาพสูงแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะเติบโตขึ้นในที่ที่พบเห็นได้น้อยตามภูเขาสูง อีกทั้งยังเป็นหน้าผาสูงชันที่แม้แต่สัตว์ป่าก็เข้าไปไม่ถึง มิเช่นนั้นใบชาคงไม่มีขนาดใหญ่เฉกเช่นนี้ และคงถูกสัตว์ป่าทำลายไปนานแล้ว
คุณปู่เหลือบมองสภาพน่าสงสารเวทนาของจ้าวเสวียเอร่อ ใจกระตุกในทันที จึงถามขึ้น “พวกเธอไปที่สันเขาเสือมาใช่หรือไม่ ?”
จ้าวเสวียเอร่อและเหมยเหมยส่ายหน้าพร้อมกัน “ไม่ค่ะ ไปที่ภูเขาซีซานมา สันเขาเสืออยู่ที่ไหนพวกเรายังไม่รู้เลย”
คุณปู่พูดขึ้นด้วยความโมโห “จากภูเขาซีซานทะลุเข้าไปก็เป็นสันเขาเสือแล้ว ตามตำนานเล่าว่าที่นั่นเคยมีเสืออยู่ด้วย แต่หลายปีมานี้ไม่พบเห็นแล้ว พวกเธอยอมรับมาซะดีๆ ว่าทะลุเข้าไปที่สันเขาเสือใช่ไหม ? ภูเขาซีซานไม่มีทางมีชาคุณภาพดีเช่นนี้แน่ !”
เหมยเหมยขยิบตาแล้วหันไปมองยังจ้าวเสวียเอร่อ “พี่สาม ทำไมพี่ไม่บอกว่าที่นั่นคือสันเขาเสือล่ะ !”
“ฉันเพิ่งรู้เป็นครั้งแรกว่าที่นั่นเรียกว่าสันเขาเสือ จะให้ฉันพูดอะไรกับเธอได้ล่ะ !”
จ้าวเสวียเอร่อที่ตกใจจนเหงื่อตก กลับจ้องเหมยเหมยอย่างไม่สบอารมณ์อีกครั้ง วันนี้ถือว่าเขาดวงดี ดีแค่ไหนที่ไม่เจอกับเสือ ไม่ได้การแล้ว ต่อไปต้องอยู่ให้ห่างจากน้องสาวไว้ ยัยเด็กบ้านี่ทั้งกล้าทั้งบ้าบิ่น เขาจะไม่ยอมช่วยยัยเด็กนี่ก่อเรื่องวุ่นวายอีก !
หานซู่ฉินนึกได้ในทันทีและถามขึ้น “เสวียเอร่อ เป็นเพราะลูกไปที่สันเขาเสือเลยมีสภาพน่าเวทนาเช่นนี้รึ ? ”
“ก็ใช่ไง !” จ้าวเสวียเอร่อกัดฟันแน่น
คุณย่าที่เห็นสภาพหลานสาวดูสะอาดสะอ้าน มีเพียงแค่ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กน้อย จึงยกยิ้มอย่างชื่นชม “ลำบากเสวียเอร่อแล้ว แบกเหมยเหมยมาตลอดทางคงจะเหนื่อยไม่น้อยเลย รีบไปอาบน้ำอุ่นๆแล้วเข้านอนก็จะดีขึ้นเอง !”
คุณปู่เองก็มองหลานชายคนที่สามอย่างชื่นชม ชายชาตรีจะต้องเป็นเช่นนี้ จะลำบากหรือเหนื่อยหนาสาหัสเพียงไหน จำต้องปกป้องผู้หญิงในบ้าน มิเช่นนั้นก็ถือเป็นชายที่ไร้ซึ่งประโยชน์
เลือดใต้ฝ่าเท้าไหลเวียนทะลุไปยังหัว หวังแค่ให้ใต้ฝ่าเท้าจะมีรอยแตกแยก เขาจะได้มุดเข้าไปแล้วไม่ออกมาอีกเลย
หานซู่ฉินยกยิ้มและพูดขึ้น “ปกติแล้วเสวียเอร่อไม่ค่อยจะออกกำลังกายสักเท่าไหร่ ร่างกายถือว่าไม่แย่เลยนี่ สมกับที่เป็นลูกหลานในตระกูลจ้าวของเราเสียจริง !”
จ้าวเสวียเอร่อจากที่หน้าขึ้นสีแดงเปลี่ยนเป็นสีม่วง จากสีม่วงกลายเป็นซีดเขียว ก้มหัวงุดไปจนถึงหน้าท้อง ช่วงเอวก็ไม่อาจยืดตรงได้
เหมยเหมยได้ฟังกลับนึกขบขัน แต่กลับไม่ได้ทำลายความเข้าใจผิดของทุกคน มิเช่นนั้นพี่สามคงได้มุดหัวเข้าไปในกางเกง
คุณปู่มองเห็นความผิดปกติของจ้าวเสวียเอร่อ ถามขึ้นด้วยความสงสัย “เสวียเอร่อเป็นอะไร ?”
จ้าวเสวียเอร่อเงยหน้าขึ้นมองด้วยความอัปยศ พูดขึ้น “ผมไม่ได้แบกเหมยเหมย ขึ้นเขาลงเขาเธอเดินด้วยตัวเอง”
“แล้วสภาพแกตั้งแต่หัวจรดเท้าไปทำอิท่าไหน ?” คุณปู่ชี้ไปยังเสื้อผ้าตัวยาวที่ขาดหลุดลุ่ยของจ้าวเสวียเอร่อ
“ล้มครับ !” จ้าวเสวียเอร่อตอบตามความจริง
“ใบชานี้ใครเป็นคนเก็บ ?”
“เหมยเหมยเก็บ น้ำก็เป็นเหมเหมยที่ตัก”
คุณปู่ถอนหายใจฟิดฟัดไม่กี่ครั้ง เจ็บใจที่ไม่อาจหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กได้[1] จึงตะโกนด่า “แกนี่มันใช้ไม่ได้จริงๆ แค่น้องสาวคนเดียวยังปกป้องไม่ได้ เกิดมาเสียชาติเกิดนัก !”
……………………………………………………
บทที่ 661 สงสัย
คุณปู่ต่อว่าจ้าวเสวียเอร่ออย่างเจ็บปวด ยิ่งด่าไฟโทสะยิ่งปะทุขึ้น นั่นยิ่งทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น แต่อารมณ์โกรธกลับไม่ได้หายไป เขาลุกลงจากเตียงอย่างเคยชิน เดินตึงตังไปหยุดอยู่ตรงหน้าของจ้าวเสวียเอร่อ อยากจะลงมือสั่งสอนคนไร้ประโยชน์คนนี้ด้วยตัวเอง
จ้าวเสวียเอร่อตกใจจนต้องหลับตาปี๋ ตั้งแต่เล็กเขาไม่เคยถูกคุณปู่ตีมาก่อน เพราะเขาเรียนเก่งที่สุด ไม่เหมือนกับคนอื่นๆที่ถูกตีตั้งแต่เล็กยันโต นึกไม่ถึงเลยว่าโตขนาดนี้แล้วยังหนีไม่พ้น
แค่ชั่วขณะที่เขาลืมตาขึ้น กลับพูดอย่างดีใจ “คุณปู่ คุณปู่ลงจากเตียงได้แล้ว ?”
ในขณะนั้นฝ่ามือของคุณปู่อยู่ห่างจากใบหน้าของเขาไปเพียงแค่สามเซนติเมตร !
หานซู่ฉินก็ตะโกนขึ้นอย่างตกใจ “นั่นสิ พ่อคะ ขาของพ่อไม่เจ็บแล้ว ?”
คุณปู่ออกแรงสะบัดขา พร้อมกับยื่นแขนออกไป บ่นพึมพำกับตัวเอง “ไม่เจ็บเท่าก่อนหน้านั้นแล้ว แปลกมาก ทำไมจู่ๆถึงหายได้ล่ะ !”
คุณย่าที่อยู่บนเตียงก็ลองลุกลงจากเตียงบ้าง สะบัดแขนดูพลางๆ ยิ้มร่าพูดขึ้น “ฉันก็ไม่ปวดมากแล้ว ครั้งนี้อาการกำเริบเป็นระยะสั้นมากนะ”
ทั้งสองผู้เฒ่ารู้สึกเบิกบานใจกับสุขภาพดีขึ้น จนลืมที่จะให้บทเรียนกับหลานชาย จ้าวเสวียเอร่อถอนหายใจยาว ความละอายใจเมื่อครู่ก็มลายหายไปจนหมด
ทุกคนต่างมีข้อดีของตัวเอง อุดมคติของเขาคือการหาเงินให้มากพอถึงขั้นสิบปีก็ใช้ไม่หมด เขาไม่ใช่ทหาร จะเอาแรงกำลังไปใช้ทำอะไร !
แค่สมองใช้การได้ก็เพียงพอแล้ว !
คุณปู่รู้ดีว่าร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่อาการปวดที่ลดน้อยลง แต่ร่างกายยังเบาลงไปมาก แต่ในตอนนี้กลับรู้สึกปวดที่ช่วงท้องส่วนล่าง คุณย่าเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ทั้งคู่จึงพากันตรงไปยังห้องน้ำ
ผ่านไปไม่นานทั้งคู่จึงเดินออกมา เห็นได้ชัดถึงการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย นั่นเลยทำให้พวกเขาเกิดความสงสัย
“ที่บอกว่าชาช่วยล้างลำไส้ เป็นจริงไม่มีผิด แค่ดื่มชาเข้าไปไม่นานก็เกิดปฏิกิริยาให้เห็น ร่างกายก็รู้สึกเบาลงไปไม่น้อย หลานสาวปู่ช่างมีความกตัญญูรู้คุณนัก !”
คุณปู่พูดขึ้นอย่างชอบใจ ชื่นชมถึงความกตัญญูของเหมยเหมยไม่หยุด
หานซู่ฉินจึงถามขึ้นอย่างขำขัน “ความกตัญญูรู้คุณของเหมยเหมยเทียบได้กับยาวิเศษเสียแล้ว !”
“ก็ใช่ไง ชาที่เหมยเหมยต้มให้มีอิทธิฤทธิ์เสียยิ่งกว่ายาวิเศษ !” คุณย่าพูดเสริม
ตกเย็นจ้าวอิงสยงกลับมาถึงบ้าน เห็นพ่อแม่กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเมื่อก่อน รู้สึกดีใจไม่น้อย แต่เขาก็อดแปลกใจไม่ได้ ช่วงเช้าก่อนที่เขาจะออกบ้าน ท่าทีของทั้งสองผู้เฒ่าราวกับคนที่ใกล้จะหมดลมไปทุกที แต่เพียงชั่วข้ามคืนกลับดูมีชีวิตชีวาและดูกระฉับกระเฉงมาก !
ก่อนทานมื้อเย็นคุณตาได้ให้พยาบาลประจำตัวกลับไป เมื่อในบ้านไม่มีคนนอกอยู่แล้ว คุณปู่ถึงได้เริ่มพูด “เสวียเอร่อ เอ็งพูดเรื่องเหตุการณ์วันนี้ที่เกิดขึ้นบนภูเขาอีกครั้ง”
จ้าวเสวียเอร่อที่กลับมาอยู่ในท่าทีสง่าผ่าเผยดั่งบุรุษผู้สง่างาม ได้เริ่มบรรยายตั้งแต่เหตุการณ์ที่เจอแหล่งน้ำแร่และใบชาอย่างละเอียดอีกครั้ง และแน่นอนว่าเขาได้เล่าถึงความลำบากใจของตนที่เกิดขึ้น แต่กลับได้รับสายตาดูถูกเหยียดหยามจากทุกคนในครอบครัว
คุณย่าที่ได้รู้ว่าต้นชาโบราณเติบโตที่หน้าผาสูงชัน ตกใจจนต้องดึงเหมยเหมยเข้ามาโอบกอดไว้
“ยัยตัวแสบทำไมถึงได้ใจกล้าถึงเพียงนี้ ? หากพลัดตกลงไปจะทำเช่นไร ?”
“หนูไม่กลัวหรอก มีเชือกผูกไว้อยู่นี่คะ !” เหมยเหมยหัวเราะและพูดขึ้น
เธอไม่ได้นึกกลัวจริงๆ ต่อให้ต้องมองลงไปยังด้านล่างก็ไม่ได้รู้สึกเวียนหัว ไม่เหมือนกับจ้าวเสวียเอร่อที่เป็นโรคกลัวความสูง แม้แต่มองยังไม่กล้าลืมตามอง
เป็นอีกครั้งที่คุณปู่จ้องมองจ้าวเสวียเอร่ออย่างดูแคลน แม้แต่ความกล้าของเด็กสาวตัวน้อยๆยังเทียบไม่ได้ ช่างน่าอับอายเสียจริง ต่อไปนี้ต้องจัดทำแผนฝึกอบรมให้กับคนไม่เอาไหนซะแล้ว
จ้าวอิงสยงถามด้วยความสงสัย “หรือจะเป็นเพราะอิทธิฤทธิ์ของน้ำแร่จริง ? เหมยเหมยรู้ได้ไงว่าที่นั่นมีแหล่งน้ำดีๆ ?”
ทุกคนต่างหันมามองเหมยเหมยเป็นตาเดียว ด้วยความสงสัยที่ตรงกัน หากเป็นเพราะอิทธฺฤทธิ์ของน้ำจริง แล้วเหมยเหมยรู้ได้อย่างไรว่าใต้ภูเขาซีซานมีแหล่งน้ำนี่อยู่ อีกทั้งยังอยู่บนผาสูงชัน ?
เหมยเหมยยิ้มแย้ม พูดด้วยสีหน้าที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลง “หนูก็ไม่รู้ค่ะ ถึงอย่างไรก็ต้องเดินตรงไป พอเดินไปเรื่อยๆก็เจอกับแหล่งน้ำแล้ว”
………………………………………………..
[1] อุปมาถึงการไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่านของผู้ที่ตนหวังไว้