ราชันเร้นลับ 816 : สะสางธุรกิจ Ink Stone_Fantasy
ขณะนั่งอ่านเบาะแสทีละข้อบนกระดาษ ไคลน์ใช้นิ้วเคาะขอบโต๊ะทองแดงยาวพลางพึมพำ
คนที่ถอนหายใจในส่วนลึกของวิหาร คือหนึ่งในสมาชิกของสภานักสิทธิ์สนธยา?
คีลิงเกอร์ได้รับความสนใจจากองค์กรลับดังกล่าวเพราะสามารถเข้าไปสำรวจวิหารได้? หลังจากนั้นก็เลื่อนลำดับและได้รับยุบพองหิวโหยจนมีพลังทัดเทียมพลเรือโจรสลัด?
ถ้าเป็นแบบนั้นก็เข้าใจได้ว่า ทำไมคีลิงเกอร์ถึงไม่ย้อนกลับไปสำรวจอีก เพราะไพ่ทรราช หากเจ้าของไม่ต้องการมอบให้ ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาเอาไป?
อีกหนึ่งความเป็นไปได้ก็คือ คีลิงเกอร์แข็งแกร่งขึ้นและเข้าไปสำรวจครั้งที่สอง จนได้พบกับหนึ่งในสภานักสิทธิ์สนธยา…
แต่ไม่ว่าจะแบบไหน สิ่งที่ค่อนข้างแน่ชัดก็คือ เกาะดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสภานักสิทธิ์สนธยา…
สาเหตุที่พวกเราสามารถฝ่าฟันอุปสรรคภายนอก เข้าไปถึงห้องเก็บศพในวิหารได้ค่อนข้างราบรื่น และเห็นภาพวาดราชาเทวทูตกำลังกัดกินศพของพระผู้สร้าง เพราะว่าคนของสภานักสิทธิ์สนธยาจงใจปล่อยให้เกิดขึ้น? สำหรับพวกเขา หากมีโอกาสก็คงอยากตีแผ่ประวัติศาสตร์ที่ถูกลบเลือนให้โลกรับรู้… แต่ว่า สิ่งที่พวกเขาเชื่ออาจไม่ใช่ความจริงเสมอไป…
หลังจากนั้น คนของสภานักสิทธิ์สนธยาคิดไม่ถึงว่าเราจะจัดการกับสามศพและหนึ่งการ์กอยล์ได้อย่างรวดเร็ว เป็นเหตุให้ต้องสูญเสียไพ่ทรราช นั่นคือสาเหตุที่ถอนหายใจ?
หากเป็นสถานการณ์ปรกติ ขณะพวกเรากำลังตกที่นั่งลำบาก ‘ท่าน’ จะฉวยโอกาสนั้นเพื่อลงมือสยบทุกสิ่ง ส่งเราลอยขึ้นมาในอากาศและชักชวนให้เป็นสมาชิกวงนอกของสภานักสิทธิ์สนธยา?
ไคลน์จงใจใช้คำว่า ‘ท่าน’ เรียกแทนเจ้าของเสียงถอนหายใจในซากวิหาร
ชายหนุ่มถึงขั้นสงสัยว่า อีกฝ่ายอาจเป็นอดีตราชาเทวทูต บุตรแห่งเทพ อาดัม!
แน่นอน มันไม่สามารถยืนยันได้ว่า เกาะโบราณดังกล่าวจะเป็นของสภานักสิทธิ์สนธยา และเชื่อว่าพลังทำนายของตนจะไม่ได้ผลลัพธ์ที่น่าเชื่อถือ เพราะมีหลายปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น เรื่องนี้เกี่ยวพันกับตัวตนลึกลับและทรงพลัง หรือ ข้อมูลดังกล่าวถูกซ่อนหรือลบออกจากโลกวิญญาณไปแล้ว
ถ้าสมมติฐานนี้ถูกต้อง หมายความว่าเราพลาดการเป็นสมาชิกของสภานักสิทธิ์สนธยา? น่าเสียดาย… ขอแค่ผ่านการทดสอบ เราอาจมีโอกาสได้เห็น ‘ศิลาเย้ยเทพ’ แผ่นที่สอง ได้ทราบสูตรโอสถลำดับสูงของเส้นทางนักทำนาย… แต่ว่า เกอร์มัน·สแปร์โรว์มีปูมหลังลึกลับ มีตัวตนที่ทรงพลังคอยสนับสนุน ข่าวนี้รู้กันทั่วทั้งทะเล โดยเฉพาะเบื้องบนขององค์กรลับที่สำคัญ ดังนั้น สภานักสิทธิ์สนธยาที่เป็นหนึ่งในองค์กรเก่าแก่และลึกลับที่สุด ยอมไม่น่าจะพลาดข้อมูล… มีโอกาสสูงมากที่เกอร์มัน·สแปร์โรว์จะถูกฆ่าและสื่อวิญญาณสอบสวนทันที… ไคลน์นึกเสียดายในตอนแรก แต่จากนั้นกลายเป็นความหวาดกลัว
ยิ่งไตร่ตรอง มันก็ยิ่งอยากส่งแฮงแมนไปยังเกาะโบราณอีกครั้ง หาโอกาสเข้าเป็นสมาชิกสภานักสิทธิ์สนธยาและค่อยๆ ไต่เต้าเข้าใกล้เบื้องบน
เฮ่อ… ปัญหาในตอนนี้ก็คือ เกาะโบราณหายไปแล้ว… ไม่อย่างนั้น มิสเตอร์แฮงแมนจะได้เป็นสายลับของสามองค์กร… ไม่สิ สี่ต่างหาก… ไคลน์ดีดนิ้ว เผากระดาษตรงหน้าจนเลือนหาย ตัดสินใจเลิกคิดเกี่ยวกับการสำรวจในคืนนี้ไปก่อน
หลังจากนี้ไป ไคลน์เตรียมสังเกตความบังเอิญที่ผิดปรกติในชีวิตประจำวัน
มันกังวลว่า ตัวตนลึกลับที่ถอนหายใจในวิหาร อาจมิได้ขัดขวางตนและแฮงแมนไม่ทันเวลา แต่เป็นการปล่อยให้หนีไปได้เพราะจงใจหวังผลบางอย่าง
หากไม่ใช่เพราะมิติหมอกมีพลัง ‘ยาฆ่าเชื้อ’ ไคลน์คงสงสัยว่าตนอาจถูกอีกฝ่ายตีตราประทับไว้บนร่างกาย
กวาดสายตามองสิ่งของบนโต๊ะทองแดงยาว ชายหนุ่มเลื่อนไพ่ทรราชมาวางข้างไพ่จักรพรรดิมืด จากนั้นก็ไตร่ตรองว่าควรทำอย่างไรกับสมบัติชิ้นที่เหลือ
สำหรับตะกอนพลัง ‘ดรูอิด’ ลำดับ 5 ของเส้นทางนักเพาะปลูก ไคลน์มีคำตอบในใจแล้ว นั่นคือการขายให้แฟรงค์·ลีผ่าน ‘เฮอร์มิท’ แคทลียา
แต่ปัญหาคือ… เราอาจเป็นตัวการที่ทำให้โลกถูกทำลาย… ไคลน์จิกกัดตัวเอง เกิดความลังเลเล็กๆ ในใจ
หากปล่อยให้แฟรงค์·ลี ชายที่แสนอันตราย พัฒนาตัวเองกลายเป็นลำดับ 5… เกรงว่าวัว ปลา สัตว์ทะเล และนักบวชกุหลาบทั่วโลกอาจเผชิญความโกลาหล… ไม่มีใครคาดเดาได้ว่า หากมีพลังในมือมากขึ้น ชายที่ไม่ต่างอะไรกับคนบ้า จะสร้างหายนะได้มากน้อยแค่ไหน… หมอนั่นจะทดลองอะไรออกมาอีก…
ถ้าเกิดว่าแฟรงค์ปลูกตัวเอง เก็บเกี่ยวตัวเอง เกิดเป็นแฟรงค์ขึ้นมาอีกหลายคน โลกคงใกล้แตกดับอย่างแท้จริง… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ตัดสินใจปล่อยให้เรื่องนี้เป็นปัญหาของพลเรือเอกดวงดาวแทน
นั่นสินะ เราแค่ทำหน้าที่ขายตะกอนพลังดรูอิด มาดามเฮอร์มิทจะซื้อหรือไม่ นั่นเป็นปัญหาของเธอ… นอกจากนั้น ดรูอิดเป็นแค่โอสถลำดับ 5 ส่วนทางด้านแคทลียามีแรงสนับสนุนจากทั้งราชินีเงื่อนงำและนิกายมอสส์ การรับมือแฟรงค์คงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร หรือต่อให้ไม่ไหว ทางโบสถ์พระแม่ธรณีก็ยังมีนักบุญอีกเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงสมบัติปิดผนึกระดับ 0 และเทพแท้จริง กับแค่แฟรงค์·ลีคนเดียวไม่น่าจะเกินความสามารถ… ไคลน์ปลอบใจตัวเอง ขณะเดียวกันก็หันมาสนใจตะกอนพลังของ ‘ผู้ชี้นำความสับสน’ และ ‘ผู้ขับขานสมุทร’
สำหรับอย่างหลัง ไคลน์คิดจะนำไปสร้างเป็นสมบัติวิเศษ แต่ยังไม่แน่ใจว่าช่างฝีมือที่แฮงแมนรู้จักจะเก่งพอหรือไม่ ส่วนอย่างแรก มันต้องการขายเป็นเงิน
แม้ว่าสิ่งนี้สามารถสร้างเป็นสมบัติวิเศษได้เช่นกัน แต่พลังอาจซ้อนทับกับ ‘บารอนแห่งการเน่าเปื่อย’ ในถุงมือ และไคลน์เองก็ตระหนักมานานแล้วว่า การพกพาสมบัติวิเศษติดตัวเป็นจำนวนมากไม่ใช่เรื่องดี ลำพังยุบพองหิวโหยกับสมุดเวทมนตร์เลมาโน่เช่าก็มากพอจะทำให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิต หากเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง
ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน ขอแค่มียุบพองหิวโหยกับลางมรณะบรรจุกระสุนวิเศษ ก็นับว่าเหลือเฟือแล้ว
ถ้าต้องสู้ในทะเลหรือกลางอากาศ ก็แค่พกสมบัติวิเศษ ‘ผู้ขับขานสมุทร’ เพิ่มอีกชิ้น และถ้าต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ซับซ้อนหรือค่อนข้างตึงมือ ก็ต้องยืมบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ ขณะเดียวกัน การเดินทางของกรอซายสามารถใช้กันกระสุน และถ้าจำเป็น ไคลน์ยังมีไพ่ตายอย่างยันต์ ‘โจรปล้นดวง’
นี่ยังไม่นับพลังพิเศษของตัวเอง ยังไม่นับหุ่นเชิดวิญญาณอาฆาต ยังไม่นับการหาจังหวะใช้งานคทาเทพสมุทร!
หากนับรวมทรัพย์สินทั้งหมด เราจะถือเป็นบุคคลที่ร่ำรวยมาก… ไคลน์ถอนหายใจ เสกตะกอนพลังทั้งหมดลอยไปตกบนกองขยะ
สำหรับดวงตาของการ์กอยล์หกปีก วัตถุชนิดนี้มีพลังวิญญาณอัดแน่นเข้มข้น สามารถใช้ประกอบพิธีกรรมหรือสร้างยันต์ ไคลน์ยังไม่มีเป้าหมายชัดเจน จึงโยนเข้าไปในกองขยะนานแล้ว
จัดการทั้งหมดเสร็จ มันหายตัวไปจากมิติเหนือสายหมอก กลับมายังโลกความจริง
…
วันเสาร์เช้า ฟอร์สต้องการหลับยาวและตื่นขึ้นตามธรรมชาติ แต่กลับถูกปลุกด้วยข้อความที่ ‘เดอะเวิร์ล’ ฝากผ่านเดอะฟูล
อีกฝ่ายต้องการคืนบันทึกการเดินทางของเลมาโน่!
ฟอร์สขยี้ตาและเตรียมประกอบพิธีกรรมรับมอบ แต่หลังจากเห็นเส้นผมอันยุ่งเหยิงและดวงตาปูดโปน เธอตัดสินใจล้างหน้าเป็นอันดับแรก เปลี่ยนให้ตัวเองดูเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น
เมื่อวาน ฟอร์สขายที่ดินของตระกูลอับราฮัมออก ราคาสูงกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย แม้จะหักภาษีและค่าธรรมเนียมทั้งหมดก็ยังได้เงินมากถึง 6,550 ปอนด์
สิ่งที่น่าหงุดหงิดสำหรับเธอก็คือ เหรียญทองซึ่งพบเห็นได้ทั่วไปตามท้องตลาด กลับกลายเป็นสิ่งหายากในตอนที่เธอต้องการ แม้จะใช้เวลาสักพักใหญ่ก็ยังรวบรวมได้เพียงหกร้อยเหรียญ
ฟู่ว… เราจ่ายหนี้หมดสักที เป็นอันเสร็จสิ้นธุรกิจระหว่างเรากับเขา… ฟอร์สหวีผม เริ่มลงมือประกอบพิธีกรรม
ย้อนกลับไปเมื่อคืน เนื่องในโอกาสที่ได้ถือเงินก้อนใหญ่เป็นครั้งแรก เธอเฉลิมฉลองด้วยการดื่มแลงติคนเดียวครึ่งขวด เบียร์นันวีลล์อีกหนึ่งถัง ส่งผลให้สภาพตอนเช้าไม่สู้ดีนัก
ระหว่างดำเนินพิธีกรรม มีการพูดคุยโต้ตอบกันเล็กน้อย ฟอร์สจ่ายเงินสดห้าพันสองร้อยปอนด์กับอีกหกร้อยเหรียญทอง เป็นการชำระหนี้ในตอนแรกพร้อมกับซื้อตะกอนพลังนักสอบสวน
ส่งผลให้เธอเหลือเงินสด 2,530 ปอนด์ แต่ส่วนแบ่งจากการขายหนังสือทั้งสองเล่มก็ยังไหลเข้ามาในบัญชีอย่างต่อเนื่อง อาจไม่ใช่เงินจำนวนที่มากนัก แต่ก็ถือว่ามั่นคง
หลังจากอดทนรอสักพัก ฟอร์สเห็น ‘ประตูแห่งการสังเวยและรับมอบ’ เปิดออก วัตถุสองชิ้นปรากฏบนแท่นบูชา
หนึ่งคือบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ ส่วนอีกหนึ่งคือแท่งผลึกหกเหลี่ยม สีฟ้าโปร่งแสง ด้านในมีเส้นสายฟ้าสว่างวาบ
มิสเตอร์เวิร์ลมีตะกอนพลังพิเศษอยู่กี่ก้อนกันแน่… ฟอร์สพ่นลมหายใจ ขอบคุณมิสเตอร์ฟูลและสิ้นสุดพิธีกรรม ก่อนจะเก็บตะกอนพลัง ‘นักสอบสวน’
สุดท้าย เธอหยิบบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ เปิดอ่านพลังพิเศษด้านใน
ท่ามกลางเสียงพลิกกระดาษ ดวงตาหญิงสาวเริ่มแข็งทื่อ เพราะหน้ากระดาษสีเหลืองไหม้มิได้ว่างเปล่าอีกต่อไป ปัจจุบันเต็มไปด้วยลวดลายและสัญลักษณ์ซับซ้อน
นี่คือพลังพิเศษในระดับครึ่งเทพ!
แถมยังมีสองหน้า!
“หรูหราชะมัด…” ฟอร์สพึมพำอย่างมิอาจควบคุม
นี่คือครั้งแรกที่เธอเคยเห็นพลังพิเศษลำดับครึ่งเทพพร้อมใช้งาน!
ในฐานะนักเขียนนิยายซึ่งมีแกนหลักเป็นความรักใคร่ ท่าทีตอบสนองแรกของหญิงสาวคือ หรือว่าเดอะเวิร์ลกำลังแอบสนใจตน?
แต่เมื่อคิดว่าตนกับอีกฝ่ายไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน และสุภาพบุรุษรายนี้คือนักฆ่าป่าเถื่อน เลือดเย็น ฟอร์สรีบปัดตกแนวคิดดังกล่าว เชื่อว่าเดอะเวิร์ลคงขอความช่วยเหลือจากครึ่งเทพได้ทุกเมื่อ จึงไม่แยแสกับพลังพิเศษระดับครึ่งเทพแค่สองหน้า
ฟู่ว… เราจะพยายามไม่ใช้มัน เหลือไว้ให้มิสเตอร์เวิร์ลใช้ในการยืมคราวหน้า… ฟอร์สถอนหายใจเจือความหวาดกลัว ไม่กล้าเอาเปรียบนักฆ่าเลือดเย็นและป่าเถื่อนรายนี้
จัดการตัวเองเสร็จ หญิงสาวใช้งานลูกแก้วทำนาย ไล่ตรวจสอบพลังชนิดใหม่ในหนังสือทีละหน้า พบว่าทุกพลังมีประโยชน์และใช้งานค่อนข้างง่าย ยกเว้น ‘จันทร์เต็มดวง’
แต่ถ้าเราอยากฆ่าตัวตาย เจ้านี่น่าจะตอบโจทย์… หญิงสาวพึมพำ พับเก็บบันทึกการเดินทางของเลมาโน่ รอซิลกลับมาในตอนกลางคืนและมอบตะกอนพลัง ‘นักสอบสวน’
…
หนึ่งทุ่มตรง ไคลน์ในชุดสุภาพ กำลังยืนข้างพ่อบ้านวอลเตอร์และบุรุษรับใช้ริชาร์ดสัน รอทักทายแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงเต้นรำ
เพียงไม่นาน ชายหนุ่มได้พบกับใบหน้าที่คุ้นเคย
อลัน·คริสต์!
ศัลยแพทย์ชื่อดังรายนี้กำลังกุมมือภรรยาท้องโต ย่างกรายผ่านประตูทางเข้า
สตรีตั้งครรภ์… หัวใจไคลน์เริ่มเต้นแรง ทักทายอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม
……………………………………………..