เฉินกั๋วเหลียงหลับตาด้วยความเจ็บปวด ร่างกายสั่นสะท้าน แต่เขาในฐานะผู้นำตระกูลเฉิน เขาไม่สามารถแสดงด้านที่ขี้ขลาดออกมาได้ เขาพยายามระงับความเศร้าโศก

เฉินตงหวาและคนอื่น ๆ ต่างรู้สึกตกตะลึง พวกเขาไม่คาดคิดว่าการต่อสู้จะพลิกผันเร็วเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเมื่อสักครู่เฉินโม่ได้เปรียบกว่า แต่เวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที เฉินโม่ก็ถูกฆ่าตาย?

เมื่อสักครู่พวกเขาหน้าด้านไปประจบเฉินจิงเย่และคนอื่น ๆ หรือว่าตอนนี้พวกเขาจะต้องไปประจบหนานกงหยู่อีก?

แม้แต่คนที่ชอบประจบสอพลออย่างพวกเขา ก็ทนการทรมานแบบนี้ไม่ได้ เพราะตอนนี้มีคนเฝ้ามองอยู่รอบ ๆ มากมาย ถ้าเรื่องนี้มันแพร่กระจายออกไป ต่อไปพวกเขาจะไม่มีแม้แต่พื้นฐานของความเป็นคน

หนานกงหยู่กวาดมองสมาชิกของตระกูลเฉินอย่างช้า ๆ

เฉินตงหวาและคนอื่น ๆ ตกใจจนขาสั่น โดยเฉพาะเมื่อสักครู่คนที่ต้องการเอาใจตระกูลเฉิน แล้วดุด่าหนานกงหยู่ และมีคนสองคนที่ความอดทนทางจิตใจต่ำ พวกเขาสองคนหมดสติทันที

หนานกงหยู่กล่าวด้วยความเหยียดหยาม “ตุ่นและมด (หมายถึงบุคคลที่มีกำลังน้อยและมีฐานะต่ำ)!”

เฉินตงหวาและคนอื่น ๆ หน้าแดง สายตาที่หนานกงหยู่มองพวกเขา แม้แต่คนที่หน้าด้าน ก็ยังรู้สึกอับอาย เพราะมันเป็นการเพิกเฉยอย่างสิ้นเชิง เหมือนกับยักษ์ที่มองฝูงมด เฉินตงหวาและคนอื่น ๆ ก็คือมดเหล่านั้น

“คุกเข่าก้มกราบ มิเช่นนั้น ตาย!” หนานกงหยู่ไม่อยากจะมองสมาชิกตระกูลเฉินเสียด้วยซ้ำ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไร้อารมณ์ ดังสะท้อนอยู่บนท้องฟ้า

เฉินตงหวาและคนอื่น ๆ มองหน้ากัน และมองเห็นความจำใจในดวงตาของกันและกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อสักครู่พวกเขาคุกเข่าไปแล้วครั้งหนึ่ง มีครั้งแรก ครั้งที่สองมันก็ง่ายขึ้น

ชั่วพริบตา เหลือเพียงเฉินกั๋วเหลียงและคนอื่น ๆ เท่านั้นที่ยืนอยู่ที่เดิมอีกครั้ง

รอยยิ้มที่สิ้นหวังปรากฏอยู่บนใบหน้าของเฉินกั๋วเหลียง เขามองหนานกงหยู่ที่อยู่กลางอากาศ และกล่าวเบา ๆ ว่า “จะฆ่าจะแกง ก็ตามสบาย แต่ถ้าคุณต้องการให้ผมคุกเข่า เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!”

หนานกงหยู่ตะคอกอย่างเย็นชา “เมื่อก่อนไม่ฆ่าแก เพราะแกยังมีประโยชน์ ตอนนี้เฉินไต้ซือตายไปแล้ว แกก็ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้ว ในเมื่อแกอยากตายขนาดนี้ ถ้าเช่นนั้น ฉันก็จะทำให้แกสมปรารถนา!”

“ไม่! ปล่อยพ่อผม ผมเต็มใจตายแทนเขา!” เฉินจิงเย่ตะโกนเสียงดัง

ทันใดนั้น หนานกงหยู่ก็ขมวดคิ้ว แล้วมองหลุมรูปร่างมนุษย์ด้วยความรู้สึกบางอย่าง

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ทรงพลัง แต่พลังที่แผ่ออกมาจากหลุมขนาดใหญ่นั้น ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกใจสั่น

“อย่าด่วนลำพองใจ ฉันยังไม่ตาย”

เสียงของเฉินโม่ดังออกมาจากหลุมขนาดใหญ่ หลังจากนั้น เฉินโม่ก็เดินออกจากหลุมขนาดใหญ่ทีละก้าว ราวกับกำลังเดินขึ้นบันได

นักบู๊เหล่านั้นทั้งประหลาดใจและดีใจ “เฉินไต้ซือยังมีชีวิตอยู่ เฉินไต้ซือยังไม่ตาย!”

เฒ่าประหลาดเหล่านั้นมองเฉินโม่ บางคนมองไม่เห็นความตื้นลึกหนาบางของเฉินโม่ “ไม่ตาย แล้วจะสามารถทำอะไรได้? พลังบำเพ็ญของเฉินไต้ซือยังไม่ทะลวง เมื่อสักครู่เขาถูกหนานกงหยู่โจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้เกรงว่าพลังของเขาใกล้จะหมดแล้ว”

เฉินจิงเย่กล่าวกับหลี่ซู่เฟินด้วยความประหลาดใจ “ซู่เฟิน คุณดูสิ เสี่ยวโม่ไม่เป็นไร!”

เฉินเข่อเอ๋อร์ร้องไห้ด้วยความดีใจ “พี่เฉินโม่ ฉันคิดแล้วว่าพี่ต้องไม่เป็นไร”

เฉินกั๋วเหลียงรู้สึกมีความหวังอีกครั้ง “เสี่ยวโม่ ตระกูลเฉินขึ้นอยู่กับหลานแล้ว! ”

หนานกงหยู่มองเฉินโม่ รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและกล่าวว่า “นึกไม่ถึงว่าแกจะไม่เป็นไร”

หลังจากนั้น หนานกงหยู่กล่าวเย้ยหยัน “ในเมื่อแกยังไม่ตาย ถ้าเช่นนั้นฉันก็จะส่งแกไปลงนรก ประจวบเหมาะจะได้ลองวิชาแสงอาทิตย์ร้อนแผดเผาหลังจากบรรลุถึงแดนเทพแล้ว!”

หลังจากกล่าวจบ แสงสีขาวเจิดจ้าสองลูกก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของหนานกงหยู่ทันที กลายเป็นดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่สองดวง

เหล่านักบู๊ที่อยู่รอบ ๆ หน้าซีดด้วยความตกใจ “นี่…มันทรงพลังกว่าตอนที่หนานกงหยู่ใช้เมื่อสักครู่ไม่รู้กี่เท่า!”

“ถูกต้อง แค่พลังที่เล็ดลอดออกมา ก็ทำให้ผมรู้สึกอึดอัดแล้ว เมื่ออยู่ต่อหน้าหนานกงหยู่แล้ว ผมไม่สามารถแม้แต่จะมีความคิดต่อต้านได้!”

“ผมเป็นเหมือนกัน กระทั่งผมมีความคิดที่จะคุกเข่ากราบไหว้!”