ตอนที่ 783: การบุกรุกของทวีปสัตว์เทวะ (1)
สัตว์อสูรระดับ 8 มากกว่าสิบตัวได้มารวมตัวกัน ถ้านี้เกิดขึ้นบนทวีปเทียนหยวน มันคงจะเพียงพอที่จะทำให้ดินแดนทั้งหมดสั่นไหวและสร้างพายุที่รุนแรงเพราะสัตว์อสูรเหล่านี้มีพลังเทียบเท่ากับเซียนราชา ผู้ยอดยุทธระดับนี้หาได้ยากแม้แต่ภายในทั่วทั้งทวีป
สัตว์อสูรเหล่านี้เกิดและเติบโตในมิติของวัตถุเซียน พวกมันรู้มานานแล้วว่ามีโลกที่กว้างใหญ่กว่าที่ด้านนอกวัตถุเซียน และพวกมันคาดหวังว่าจะออกไปจากวัตถุเซียนเพื่อไปเห็นโลกที่กว้างใหญ่กว่า อย่างไรก็ตามพวกมันติดอยู่ในมิตินี้และแม้แต่พวกมันร่วมมือกันก็ไม่สามารถทำลายออกไปได้ ดังนั้นพวกมันจึงได้แต่ทนดูเงียบ ๆ และใช้ชีวิตอยู่เหมือนกับนักโทษ
อย่างไรก็ตาม วัตถุจิตวิญญาณได้เสนออิสรภาพให้แก่พวกมัน นี่เป็นสิ่งที่ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ สัตว์อสูรระดับ 8 ทั้งหมดในวัตถุเซียนได้มารวมตัวกัน แม้แต่ตัวที่ยังอยู่ในการเก็บตัวยังออกมา
การได้รับอิสระและได้สำรวจโลกที่กว้างใหญ่กว่าเป็นความฝันของพวกนั้นมาตลอด ไม่มีใครที่อยากจะพลาดโอกาสที่หายากเพื่อที่จะทำให้มันเป็นจริง
“พันธสัญญาโบราณนี้ทรงพลังมาก แม้ว่าจะใช้พลังงานที่มีทั้งหมดอยู่ในมิตินี้ ข้าก็ไม่สามารถสั่นคลอนมันได้ พวกเจ้าทุกคนเตรียมตัวที่จะใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดเพื่อโจมตีกลุ่มดาวนี้กับข้า” วัตถุจิตวิญญาณพูดอย่างเคร่งเครียดก่อนที่จะบังคับพลังงานภายในมิติอีกครั้ง ทันใดนั้นเอง พลังงานทำลายล้างที่น่ากลัวก็เริ่มมารวมอยู่รอบ ๆ อีกครั้ง และควบแน่นอยู่ในกำปั้นที่กว้าง 1 เมตรภายใต้การบีบอัดของวัตถุจิตวิญญาณ
พลังแห่งการทำลายล้างได้เปล่งรัศมีออกมาจากหมัดนั้น มันทำให้มิติบิดเบี้ยวและทำลายท้องฟ้า มิติทั้งหมดเริ่มที่จะสั่นไหวอย่างรุนแรง ทำให้พื้นดินแตกร้าวและภูเขาถล่มทลายลงมา มันเหมือนกับว่าเป็นจุดจบของโลก
กำปั้นนั้นดูเหมือนจะสามารถทำลายล้างโลกได้
ด้านหลังของวัตถุจิตวิญญาณ สัตว์อสูรระดับ 8 ที่รูปร่างเหมือนมนุษย์เริ่มเคร่งเครียด พวกเขามองไปที่วัตถุจิตวิญญาณด้วยความตกตะลึง และอึ้งในความแข็งแกร่งของวัตถุจิตวิญญาณ ต่อหน้ากำปั้นนั้นไม่มีใครคิดที่จะต่อต้านได้ เหมือนกับว่ามันสามารถทำลายพวกเขาอย่างสิ้นซากได้อย่างง่าย ๆ
“นะ นะ นี้เป็นพลังของเซียนจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ ? “
สัตว์อสูรทั้งหมดต้องไปที่วัตถุจิตวิญญาณด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“พวกเจ้ารออะไรกันอยู่ ! ? ” วัตถุจิตวิญญาณหันหลังและตะโกนไปที่สัตว์อสูร
หลังจากที่สะดุ้ง สัตว์อสูรก็ไม่ลังเลและรวบรวมพลังของพวกเขาทันทีไปไว้ที่มือ
สัตว์อสูรที่เทียบได้กับเซียนราชาเริ่มที่จะเคลื่อนไหวไปพร้อมกัน แรงกดดันที่น่ากลัวได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งมิติ มันทำให้สัตว์อสูรนับไม่ถ้วนสั่นเทาในขณะที่พลังงานรอบ ๆ ของโลกและพลังเซียนธาตุแสงตกอยู่ในความปั่นป่วนสุดขีด
มิติสั่นไหวอย่างรุนแรงมากขึ้นมากขึ้นในขณะที่มันบิดเบือนอย่างรุนแรงในขณะที่มันเต็มไปด้วยความมืดตรงที่ซึ่งสัตว์อสูรยืนอยู่ มิติเริ่มที่จะถูกทำลายเผยให้เห็นช่องว่างสีดำสนิทขึ้นมา
“ลงมือ ! “
วัตถุจิตวิญญาณตะโกนออกมา ก่อนที่จะโจมตีออกไปพร้อม ๆ กับสัตว์อสูร พลังงานที่รวมตัวกันอย่างน่ากลัวกระเพื่อมขึ้นอย่างรุนแรงไปด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง ในขณะที่กำปั้นใหญ่และอาวุธทั้งหลายที่ถูกควบแน่นโดยสัตว์อสูรกระแทกเข้ากับกลุ่มดาวหกสี
ตู้ม !
เสียงดังสะท้านหูก้องกังวานไปทั่งมิติ ทันใดนั้นเองกลุ่มดาวก็ระเบิดออกไปด้วยแสงระยิบระยับ เพื่อต่อต้านการโจมตีอย่างเต็มที่
สักพักถัดมา การโจมตีได้สลายหายไปในอากาศในรูปแบบของพลังงานในขณะที่กลุ่มดาวยังอยู่ปกติดีอยู่ การโจมตีที่รุนแรงจากสัตว์อสูรระดับ 8 มากกว่าสิบตัวและวัตถุจิตวิญญาณไม่ได้ทำลายกลุ่มดาวลง มันแข็งแกร่งและทนทานอย่างน่ากลัว
“พลังของพันธสัญญาโบราณนี้ทรงพลังเกินไป” ท่าทางของวัตถุจิตวิญญาณค่อนข้างน่ากลัว
เมื่อมองไปที่กลุ่มดาวที่ไม่เป็นอะไรเลย สัตว์อสูรก็เคร่งเครียด ความประหลาดใจเข้าถาโถมพวกเขา ความแข็งแกร่งของกลุ่มดาวช่างน่าเหลือเชื่อ
“เรามาลงมืออีกครั้ง ข้าไม่เชื่อว่าเราจะทำลายพันธสัญญานี้ไม่ได้ ถ้าพวกเจ้าต้องการที่จะเป็นอิสระ ก็จงอย่าลังเล” วัตถุจิตวิญญาณกัดฟันในขณะที่ท่าทางของเขาดูน่ากลัวมาก ตราบใดที่พันธสัญญายังอยู่ เขาก็คงยังต้องติดอยู่ที่นี่
สัตว์อสูรต่างมองตากันและกัน ทุกตัวมีปณิธานที่แน่วแน่ ไม่นานหลังจากนั้นพวกมันก็คำรามออกมาและเปลี่ยนร่างเป็นให้อยู่ในรูปสัตว์อสูร พวกมันติดอยู่ที่นี่มานับพันปีแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าอิสรภาพในตอนนี้ สำหรับอิสรภาพและโลกที่กว้างใหญ่แล้ว พวกมันยอมที่จะใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อที่จะทำลายพันธสัญญานี้ เพื่อกลับไปสู่ดินแดนของบรรพบุรุษของพวกเขา เพื่อเห็นโลกภายนอก
กลุ่มของสัตว์อสูรมีสัตว์อสูรโบราณผสมอยู่ด้วย ในสอบกว่าคนนั้นมีสามคนเป็นอย่างมากที่เป็นสัตว์อสูรโบราณ
หนึ่งในนั้นเป็นมังกรทองเทวะที่มีความยาว 300 เมตรและปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทอง มันเปล่งประกายไปด้วยพลังที่สั่นสะเทือนแผ่นดินอย่างน่ากลัว เขาเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสัตว์อสูรและเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 9 เขาทรงพลังที่สุดในมิติของวัตถุเซียนอย่างปฏิเสธไม่ได้ จะมีก็เพียงวัตถุจิตวิญญาณเท่านั้นที่สามารถที่จะหยุดเขาได้
คนที่สองเป็นจระเข้ตัวใหญ่ยาวพันเมตรและปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำ แต่ละเกล็ดมีหนานแหลม ดังนั้นมันจึงดูเหมือนตัวเม่นที่มีหนามเล็ก ๆ อยู่นับไม่ถ้วน
จระเข้นี้เป็นราชาสัตว์อสูรกลายพันธุ์ มันไม่ใช่สัตว์อสูรโบราณแต่ไม่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งน้อยไปกว่านั้นเลย สิ่งที่มันขาดก็คือความทรงจำจากบรรพบุรุษที่สัตว์อสูรโบราณมี จระเข้กลายพันธุ์ยังมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวของเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 8 มันเป็นที่สองรองจากมังกรทองศักดิ์สิทธิ์ในมิติของวัตถุเซียน
ตัวที่สามเป็นนกฟินิกซ์เทวะเพลิงแผดเผาที่ปกคุลมไปด้วยเปลวไปที่ส่งเสียงดัง มันเป็นสัตว์อสูรโบราณในขณะที่ไฟที่ปกคลุมร่างของมันนั้นร้อนถึงขีดจำกัดที่ไฟจะสามารถร้อนได้ มันสามารถที่จะแผดเผาช่องว่างและไหม้ทุก ๆ อย่างได้
นกฟินิกซ์เทวะนั้นทรงพลังเป็นที่สุด และมันยังเป็นเซียนราชาชั้นสวรรค์ที่ 8 อีกด้วย มันอยู่ในระดับเดียวกันกับจระเข้กลายพันธุ์ในมิติของวัตถุเซียน
สัตว์อสูรระดับ 8 ทั้งหมดแปลงร่างของตนเองให้อยู่ในรูปแบบสัตว์อสูร เพื่อทำให้ตัวเองอยู่ในสภาพที่ทรงพลังที่สุด หลังจากนั้น พวกเขาทั้งหมดก็โจมตีไปที่กลุ่มดาวพร้อม ๆ กับวัตถุจิตวิญญาณโดยไม่ลังเล
ภายใต้เสียงระเบิดที่ทรงพลัง กลุ่มดาวก็เปล่งประกายออกมาด้วยแสงระยิบระยับเพราะมันกำลังต่อต้านอย่างเต็มกำลัง แต่มันก็ไม่ได้ถูกทำลาย แม้ว่ามันจะเป็นแค่กลุ่มดาว แต่ความแข็งแกร่งของมันนั้นก็เหลือเชื่อมาก
วัตถุจิตวิญญาณมองไปที่กลุ่มดาวใกล้ ๆ ในขณะที่ประกายความยินดีก็ฉายอยู่บนใบหน้าของเขา เขาพูด “ข้าสามารถรู้สึกได้ว่าพลังงานของพันธะสัญญาได้อ่อนลงเล็กน้อยแล้ว มาโจมตีต่อกันเถอะ เราจำเป็นต้องทำลายกลุ่มดาวนี้”
สัตว์อสูรโจมตีไปที่กลุ่มดาวต่ออย่างรุนแรงพร้อมกับวัตถุจิตวิญญาณโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
ภายนอกมิติของวัตถุเซียน ไม่มีใครรู้ว่าวัตถุเซียนที่ซ่อนอยู่ในบอลแสงสีขาวนั้นกำลังสั่นไหวอย่างรุนแรงเหนือปราสาทใหญ่ ทุก ๆ ครั้งที่มีการโจมตี วัตถุเซียนก็สั่นไหวอย่างรุนแรง การโจมตีที่เกิดขึ้นด้านในมีผลกระทบอย่างมากต่อตัววัตถุเซียน
ในเวลาเดียวกัน ในส่วนลึกของเทือกเขาครอส ราชาเสือของตระกูลกิลลิกันที่กำลังไล่ล่าเจี้ยนเฉินอยู่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องโถงที่โอ่อ่า แววตาของเขาสั่นไหวไปพร้อมกับอารมณ์ต่าง ๆ เห็นได้ชัดว่าเขากำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง
“ผ่านมาก็เดือนหนึ่งแล้วและก็ยังไม่มีข่าวเกี่ยวกับพยัคฆ์ปีกเทวะเลย พวกมนุษย์เซียนผู้คุมกฎ 5 คนก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่พวกเขาก็ควรจะสำเร็จภารกิจของข้าแล้วด้วยเวลาที่มากมายขนาดนี้ ดูเหมือนพวกเขาจะเจอปัญหากับพวกจอมยุทธของมนุษย์” ราชาเสือพึมพำในขณะที่ท่าทางของเขาอึมครึมหลังจากนั้น เขายืนขึ้นทันทีและพูด “ข้าทนต่อไปนานกว่านี้ไม่ได้แล้ว เมื่อพวกจอมยุทธของมนุษย์รู้เรื่องเกี่ยวกับพยัคฆ์ปีกเทวะ มันคงเป็นไปไม่ได้แล้วที่เซียนผู้คุมกฎทั้งห้าจะสำเร็จภารกิจได้ด้วยกำลังของพวกเขาเอง ข้าต้องรายงานกลับไปที่ทวีปสัตว์เทวะแล้ว”
เมื่อพูดจบ ราชาเสือก็เอาชิ้นหยกออกมาจากแหวนมิติของเขาด้วยการพลิกผ่ามือ ทันใดนั้น ใจของเขาก็สั่นขึ้นมาและเขาก็คิด “เมื่อจอมยุทธของมนุษย์รู้เรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะแล้ว พวกเขาต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้ข้าติดต่อกับทวีปสัตว์เทวะเป็นแน่ ดูเหมือนว่าวิธีติดต่อสื่อสารปกติของข้าจะใช้ไม่ได้ ข้าจำเป็นที่จะต้องใช้วิชาลับ”
หลังจากพูดจบ ราชาเสือก็หายไปทันที เขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในชั้นใต้ดินลับที่มีอาคมที่ซับซ้อนตั้งอยู่ที่กลางห้องในตอนนี้
ราชาเสือมาถึงและกระอักเลือดไปบนอาคมนั้น เขากำลังใช้วิชาลับเพื่อเปิดการทำงานของมัน อาคมเริ่มหมุนทันที มันเปล่งแสงมัว ๆ ออกมาและหลังจากนั้นไม่นาน ภาพเงาสีดำพร่ามัวก็ปรากฎขึ้นในมัน รูปร่างของภาพเงานั้นไม่ชัดว่าเป็นใคร
ด้วยรูปร่างภาพเงานั้น เวลาที่อยู่ในชั้นใต้ดินก็เหมือนจะถูกหยุด แม้แต่อากาศก็ดูเหมือนจะถูกแช่แข็งในขณะที่แรงกดดันที่ทรงพลังปรากฏตัวขึ้นอย่างราง ๆ และเติมเต็มไปทั่วทั้งห้อง
ทันทีที่เขาเห็นภาพเงาดำ หน้าตาของราชาเสือก็เต็มไปด้วยความเคารพ เขาคุกเข่าลงทันทีพร้อมกับก้มหน้าต่ำลงไปติดพื้น เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพอ่อนน้อม “ราชาเสือแอนเดอร์เคนขอคารวะท่านผู้คุมกฎ”
“แอนเดอร์เคน เรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะเสร็จเรียบร้อยดีหรือยัง?” เงานั่นพูดด้วยเสียงหนักแน่น
“ท่านผู้คุมกฎ มันเป็นข้าน้อยเองที่ทำเรื่องแย่ ๆออกไป มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะ จอมยุทธของทวีปหยุนเทียนรู้เรื่องเกี่ยวกับมันแล้ว ด้วยกำลังของข้าน้อย ข้าไม่สามารถที่จะทำภารกิจให้สำเร็จได้ ท่านผู้คุมกฎ ได้โปรดลงโทษข้า”
ภาพเงานั้นหยุดไปสักพักก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าเข้าใจ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องพยัคฆ์ปีกเทวะ ให้ข้าจัดการเอง ในเมื่อจอมยุทธของทวีปเทียนหยวนปรารถนาที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของทวีปสัตว์เทวะแล้วละก็ ข้าก็ไม่ถูกตำหนิว่าละเมิดกฎที่ทำไว้ระหว่างสัตว์เอสูรทวะกับโม่เทียนหยุนในตลอดเวลาที่ผ่านมานี้”