หลังจากที่ม่านหมอกสลายออก ตรงที่หานลี่เคยยืนก็ว่างเปล่า

หญิงสาวสวมชุดขนนกรีบกวาดจิตสัมผัสไปอย่างรวดเร็ว แต่ยังคงไม่พบเงาร่างของหานลี่ ในใจจะตกตะลึงแค่ไหนแค่คิดก็รู้แล้ว

“สหายไม่ต้องตกตะลึง เผ่าหงส์มรกตใกล้จะมาถึงแล้วรีบลงมือเถิด” เสียงราบเรียบดังเข้ามาในโสตของหญิงสาวทำให้นางใจหายวาบ ทันใดนั้นก็กระตุ้นยันต์ในมืออย่างไม่ลังเลอีก

หลังจากที่ลำแสงสีม่วงเปล่งแสงสว่างวาบขึ้นเช่นกัน ร่างของหญิงสาวสวมชุดขนนกก็มีไอหมอกสีม่วงแผ่ออกมาแล้วอำพรางกายไป

เมื่อยันต์ชำระพิสุทธิ์อยู่ในมือของผู้ที่มีพลังยุทธ์แตกต่างกัน ผลลัพธ์ย่อมไม่เหมือนกัน

จากพลังยุทธ์ระดับผสานอินทรีย์ของหญิงสาว ไม่ใช่สิ่งที่หานลี่ผู้ซึ่งมีพลังยุทธ์อยู่ในระดับเทพแปลงและหลอมสุญตาในตอนนั้นจะเทียบเทียมได้ นอกเสียจากชนเผ่าหงส์มรกตที่ตัวตนระดับจอมมารที่อยู่ในระดับเดียวกันใช้จิตสัมผัสตรวจสอบอย่างละเอียด มิเช่นนั้นคงไม่อาจพบหญิงสาวสวมชุดขุนนกระดับหลอมสุญตาได้

ส่วนหานลี่ที่ใช้ยันต์ชำระพิสุทธิ์นั้น นอกจากมารเฒ่าระดับสุดยอดที่ห่างจากระดับมหายานเพียงแค่ครึ่งก้าวนั้น จอมมารทั่วไปย่อมไม่อาจสัมผัสการดำรงอยู่ของเขาได้

ยามนี้อสรพิษบินขนาดยักษ์ที่อยู่ไกลออกไปกำลังร่อนลงไปในม่านหมอกท่ามกลางหุบเขาอย่างแช่มช้า และหยุดชะงักอยู่กลางอากาศ

หลังจากที่ชายชราที่เป็นผู้นำพิจารณารอบด้านสองสามแวบ มือหนึ่งก็ร่ายอาคมไปด้านล่างอีกครั้ง

ลำแสงสีเขียวพุ่งออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในม่านหมอก

หลังจากผ่านไปชั่วครู่กลิ่นหอมในม่านหมอกก็ตลบอบอวลขึ้นสองสามเท่า ในเวลาเดียวกันก็มีระลอกคลื่นส่งมา ม่านหมอกแยกออกจากกันเผยทางเดินความกว้างสองสามจั้งสายหนึ่ง

ตรงปลายทางเดินมีเงาสิ่งปลูกสร้างที่รางเลือนไม่ชัดเจนปรากฏขึ้นรางๆ

ชายชราเผ่ามารเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ก็ใช้เท้าข้างหนึ่งย่ำไปบนอสรพิษยักษ์ใต้ร่างอย่างไม่ลังเลอีกครั้ง

ชั่วขณะนั้นปากอสูรมารก็ส่งเสียง “ซือๆ” ออกมา ลำแสงสีเขียวเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างกายหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ถูกชายชราสะบัดแขนเสื้อข้างหนึ่ง อสรพิษบินความยาวสองสามชุ่นถูกเก็บกลับไปทันที

เมื่อชายชราหันกายไปหัวเราะแล้วพูดคุยกับชายหนุ่มเหล่านั้นเล็กน้อยก็ลอยเข้าไปในทางเดินทันที

เผ่ามารตนอื่นๆ ก็ตามเข้าไปติดๆ ด้วยใบหน้าที่ประดับไปด้วยรอยยิ้ม

ชั่วสองสามลมหายใจ เงาร่างคนก็หายวับไปจากทางเดิน

จากนั้นหมอกสองฝั่งก็หมุนวนทางเดินผสานเข้าหากันดังเดิมท่ามกลางกลิ่นหอมประหลาดๆ

เผ่ามารที่รับหน้าที่ดูแลเขตอาคมย่อมไม่อาจสัมผัสได้ว่าในเวลาที่กันที่คนเหล่านั้นกลับมามีเงาร่างที่ไม่อาจมองเห็นได้สองร่างตามหลังเผ่ามารวัยเยาว์เหล่านั้นเข้าไปในทางเดินติดๆ

……

หนึ่งชั่วยามต่อมาบนเจดีย์ไม้สีดำสูงรอยจั้งเศษ หานลี่ที่อยู่ในระดับหลอมสุญตาลอยนิ่งอยู่เหนือเจดีย์ ใช้สายตาพิจารณาหมู่บ้านขนาดยักษ์ที่ไม่ด้อยไปกว่าเมืองขนาดย่อมตรงหน้า

พื้นที่ของหมู่บ้านมีมากกว่าหมื่นหมู่ และอยู่ติดกับยอดเขาสามลูก ปลูกต้นไม้สูงค้ำฟ้าเป็นแถวๆ ล้อมรอบผืนที่ทั้งหมดเอาไว้

ต้นไม้ยักษ์เหล่านั้นเป็นสีแกมม่วง และส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลออกมา นั่นก็คือแหล่งกำเนิดของกลิ่นหอมนี้

สิ่งปลูกสร้างทำจากไม้ขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันในหมู่บ้านตั้งตระหง่านเรียงรายกัน เพียงพอจะบรรจุเผ่ามารนับแสนตน

นี่เป็นที่พำนักขนาดใหญ่สำหรับเผ่าหงส์มรกตที่มีจำนวนคนไม่มากนัก

ระหว่างสิ่งปลูกสร้างในหมู่บ้านควันหอมนี้ มีต้นไม้ขนาดยักษ์ปลูกอยู่ด้านใน คอยบดบังสิ่งปลูกสร้างขนาดเล็กเอาไว้ เผยความลึกลับออกมา

แววตาของหานลี่เปล่งแสงสีน้ำเงินสว่างวาบกวาดตามองหมู่บ้านแห่งนี้รอบหนึ่ง สุดท้ายสายตาก็ตกอยู่ที่ระลอกคลื่นที่แผ่ออกมาจากหมู่สิ่งปลูกสร้าง

บนถนนที่อยู่ใกล้ๆ กับสิ่งปลูกสร้างเหล่านั้น ผู้พิทักษ์เผ่าหงส์มรกตก็กำลังลาดตระเวนอยู่ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

ชาวเผ่าหงส์มรกตทั่วๆ ไปก็หลบหลีกอยู่ไกลๆ ไม่กล้าซี้ซั้วเข้าใกล้

ลำแสงสีน้ำเงินในแววตาของหานลี่หม่นแสงลง ร่างล่องหนร่อนลงบนเจดีย์ไม้ หยุดอยู่ตรงปากซอยที่ไร้ผู้คน

สุดท้ายลำแสงก็หม่นแสงลง เผ่าหงส์มรกตที่มีใบหน้าเหมือนหานลี่ทุกระเบียบนิ้วปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ

เคล็ดวิชาการแปลงกายลับปกปิดฐานะเช่นนี้ แม้ว่าจะไม่อาจเทียบกับการอำพรางกายด้วยยันต์ชำระพิสุทธิ์ได้ แต่ก็เพียงพอที่จะกลมกลืนไปกับชาวเผ่ามารทั่วไปได้

หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมา เดินออกมาจากปากซอยด้วยท่าทีทระนงองอาจ แล้วเดินเข้าไปในหมู่สิ่งปลูกสร้างที่มีการเตรียมการป้องกันอย่างแน่นหนา

ในเวลาเดียวกันบนถนนสายอื่นๆ ของหมู่บ้าน หญิงสาวสวมชุดขนนกก็ถอนผลการอำพรางตัวออก กลายเป็นสตรีเผ่ามารวัยเยาว์คนหนึ่ง เดินไปยังมุมรกร้างแห่งหนึ่งด้วยสีหน้าราบเรียบ

ในมือของหญิงสาวกุมแผ่นป้ายเหล็กสามเหลี่ยมสีแดงโลหิตเอาไว้ ด้านบนมีระลอกคลื่นลึกลับแผ่ออกมารางๆ

และในมุมนั้นก็มีเจดีย์ยักษ์ที่ดูสะดุดตามากอยู่แห่งหนึ่ง!

……

ในบ้านไม้ขนาดเล็กไร้ผู้คนของหมู่บ้านควันหอม ด้านในมีม่านลำแสงห้าสีกางอยู่ ในนั้นมีเงาร่างสองสายนั่งสมาธิหันหน้าเข้าหากัน

นั่นก็คือหานลี่และหญิงสาวสวมชุดขนนกที่ตรวจสอบที่นี่มาสองวันแล้ว

ยามนี้ทั้งสองกำลังปรึกษาอันใดกันด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“เช่นนั้น ท่านเซียนมั่นใจว่าในตำหนักแห่งนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของศิษย์หลักของเผ่าหงส์มรกตแล้วหรือ!” หานลี่ถามทีละคำๆ

“ไม่ผิดแน่ อาวุธของข้ามีปฏิกิริยาตอบสนองรุนแรงมาก! จุดที่พี่หานรายงานว่าน่าสงสัยแล้วให้ข้าไปตรวจสอบ ไม่เพียงมีศิษย์หลักอาศัยอยู่ เกรงว่าจะมีมากกว่าหนึ่งคน กว่าครึ่งคงเป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นเพื่อชนเผ่าหลักของเผ่าหงส์มรกตโดยเฉพาะ นี่เป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้าย!” หญิงสาวสวมชุดขนนกถอนหายใจขณะตอบกลับ

“ทำไม ท่านเซียนเยี่ยคิดว่าไม่เหมาะที่จะลงมือหรือ” หานลี่เอ่ยอย่างไม่คิดเช่นนั้น

“ในเมื่อหมู่บ้านนี้เป็นสถานที่รวมตัวกันของชนเผ่าหลัก ที่นี่จะต้องมีการคุ้มกันแน่นหนา และต้องมีจอมมารเผ่าหงส์มรกตรักษาการณ์อยู่ ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ใช่แค่คนเดียว ใช้แผนเดิมย่อมไม่เหมาะสม และยิ่งไปกว่านั้นเวลายังมีไม่มาก พวกเราเองก็ไม่อาจรอต่อไปได้แล้ว” หญิงสาวสวมชุดขนนกกลับยอมรับอย่างตรงไปตรงมา

“ไม่เป็นไร ในเมื่อใช้ความบังเอิญไม่ได้ก็ใช้ความแข็งแกร่งเถิด จอมมารเผ่ามารเหล่านั้นข้าจะช่วยเจ้ารั้งเอาไว้ ขอแค่เจ้ารับหน้าที่จัดการศิษย์หลักไปก็พอแล้ว น่าจะไม่มีปัญหาสินะ” หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ

“หากไม่รบกวนจอมมารเผ่ามาร การจับเป็นศิษย์หลักคนหนึ่งย่อมไม่มีปัญหา ทว่าหากพวกเราลงมือแล้วไม่หนีออกไปภายในระยะเวลาอันสั้น เผ่ามารระดับสูงคนอื่นๆ จะกรูกันเข้ามา จากอาณาเขตของหมู่บ้านควันหอมและผู้แข็งแกร่งในเผ่าหงส์มรกตแล้ว เกรงว่าระดับจอมมารคงจะมีอย่างน้อยเจ็ดแปดตน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเผ่ามารระดับหลอมสุญตาเหล่านั้น นอกจากนี้การจะทลายเขตอาคมหลักของหมู่บ้านก็ต้องใช้ฝีมือ” หญิงสาวสวมชุดขนนกพยักหน้า และเอ่ยเตือน

“เรื่องเขตอาคมมอบให้ผู้แซ่หาน ข้าน้อยมีความรู้ด้านเขตอาคม หลังจากผ่านการตรวจสอบมาสองวัน ก็พบจุดอ่อนของเขตอาคมด้านนอกอยู่สองสามจุด” หานลี่เอ่ยอย่างมีแผนการในใจ

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว ขอแค่ออกจากหมู่บ้านควันหอมได้อย่างรวดเร็ว เผ่ามารเหล่านั้นก็คงไม่อาจไล่ตามพวกเราทันได้ สิ่งเดียวที่ต้องกังวลก็คือร่างแยกของบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลิงหยวนที่ซ่อนอยู่ที่ใดก็ไม่รู้” หญิงสาวสวมชุดขนนกได้ยินใบหน้าพลันเผยความดีใจออกมา

“ร่างแยกบรรพชนศักดิ์สิทธิ์หลิงหยวน! มันไม่ปรากฏตัวย่อมเป็นเรื่องที่ดีที่สุด มิเช่นนั้นก็มีแต่ต้องอาศัยพลังของสมบัติ กักเขาเอาไว้ชั่วคราว” หานลี่เอ่ยด้วยแววตาที่เปล่งประกาย

“อืม นั่นก็สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด! ช่างเถิด เรื่องนี้พักเอาไว้ก่อน เจ้ากับข้าสองคนนั่งพักก่อน รอให้ถึงยามเย็นค่อนลงมือ จะได้ไม่มีอันใดเปลี่ยนแปลง!” หญิงสาวสวมชุดขนนกเสนอขึ้น

“ได้ ตามที่ท่านเซียนว่า!” หานลี่ไม่มีข้อคิดเห็น หลังจากพยักหน้าก็หลับตาทั้งสองข้างลงเข้าสู่สมาธิ

หญิงสาวสวมชุดขนนกมีสีหน้าบัดเดี๋ยวเคร่งขรึมบัดเดี๋ยวสดใสพลางพินิจอย่างละเอียดรอบหนึ่ง เมื่อรู้ว่าไม่มีปัญหามากนัก ดวงตาคู่งามก็หลับลงอย่างช้าๆ

……

ผ่านไปเจ็ดแปดชั่วยาม ภายในตำหนักข้างของตำหนักขนาดใหญ่ที่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่งในหมู่บ้านควันหอม บุรุษเผ่ามารเรือนผมสีดำเป็นมันวาว แต่หน้าผากมีลายเผ่ามารกำลังนั่งสมาธิอยู่บนเตียงน้ำสีเขียวหลังหนึ่ง พลางก้มหน้าฝึกฝนเคล็ดวิชาอันใดอยู่เงียบๆ

จากใบหน้าที่ดูอายุที่แท้จริงไม่ออกของบุรุษเผ่ามาร แต่พลังแรงกดที่แผ่ออกมาจากเรือนร่างของเขากลับน่าตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าเป็นจอมมารเผ่ามารที่มีพลังยุทธ์แข็งแกร่งคนหนึ่ง

ห่างจากเตียงของเขาไปไม่ถึงสองสามลี้ กลับมีแท่นหินที่มีรูปร่างเหมือนแท่นบวงสรวงขนาดเล็กประหลาดๆ วางอยู่ ความสูงแค่สองสามฉื่อ ผิวกลับมีลายยันต์เต็มไปหมด ดูเหมือนว่าจะไม่ธรรมดาเลยสักนิด

ฉับพลันนั้นแท่นบวงสรวงก็มีรัศมีลำแสงสีดำแผ่ออกมา และส่งเสียงร้องต่ำๆ ออกมา!

ชั่วขณะนั้นบุรุษเผ่ามารที่แต่เดิมก้มหน้าฝึกฝนพลันเงยหน้าขึ้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาสีเขียวมรกตเปล่งประกายเจิดจ้า

“เกิดอันใดขึ้น หรือว่าถูกเจ้าพวกนั้นสัมผัสเขตอาคมต้องห้าม!”

บุรุษเผ่ามารขมวดคิ้วพลางเอ่ยพึมพำกับตัวเอง แต่การเคลื่อนไหวกลับไม่เชื่องช้าเลยสักนิด มือหนึ่งร่ายอาคม ชั่วขณะนั้นในห้องพลันมีพายุประหลาดปรากฏขึ้น ร่างกายหายวับไปท่ามกลางพายุ

ครู่ต่อมาพายุในห้องโถงของตำหนักก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ร่างของบุรุษปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ

แต่สายตาของจอมมารเผ่ามารผู้นี้แค่กวาดมองในห้องโถงเล็กน้อย รูม่านตาพลันหดเล็กลงทันที

ตรงมุมของห้องโถงมีเงาร่างสวมชุดคลุมสีเขียวคนหนึ่ง กำลังหันหลังให้เขาพลางมองใบมีดยักษ์สีดำที่แขวนอยู่บนกำแพง

ใบมีดยักษ์สีดำเป็นแค่เครื่องประดับที่สร้างขึ้นจากวัตถุดิบธรรมดาๆ เท่านั้น แต่เงาร่างของคนสวมชุดคลุมสีเขียวกลับดูเหมือนจะดูอย่างออกรส ไม่มีเจตนาจะหันกลับมาเลยสักนิด

บุรุษเผ่ามารพลันตกตะลึง แต่ใบหน้าก็ไร้ซึ่งความรู้สึก ปากกลับเอ่ยอย่างเย็นชา

“นายท่านคือใคร เหตุใดถึงแอบเขามาในตำหนักของข้า”

“ไม่มีอันใด ข้าน้อยแค่ว่าง อยากคุยกับนายท่านสักหน่อยเท่านั้น” ผู้สวมชุดคลุมสีเขียวยังคงเงยหน้าขึ้นมองใบมีดยักษ์สีดำ กลับมีเสียงราบเรียบของบุรุษดังขึ้น

“คุยสักหน่อย นายท่านหมายถึง…” บุรุษเผ่ามารกลอกตาไปมา กำลังคิดจะเอ่ยถามให้ชัดเจน แต่ยามนี้พลันมีเสียงอึกทึกดังแว่วมาจากกำแพงกั้น ทำให้ทั้งตำหนักสั่นเทา

“แย่แล้ว!” บุรุษเผ่ามารหน้าเปลี่ยนสี แทบจะพลิ้วกายอย่างไม่ต้องขบคิด พาเงาร่างกระโจนไปที่ทางออกของห้องโถง มองเห็นว่ากำลังจะแฉลบผ่านไป

แต่ในยามนั้นเองบุรุษสวมชุดคลุมสีเขียวพลันหัวเราะน้อยๆ ออกมา เสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ประจุไฟฟ้าสีเขียวขาวจำนวนนับไม่ถ้วนรายล้อมอยู่ คาดไม่ถึงว่าจะสลายหายไปท่ามกลางสายฟ้า

และครู่ต่อมาบุรุษเผ่ามารก็รู้สึกว่าเบื้องหน้ามีสายฟ้าสว่างวาบ คนชุดคลุมสีเขียวขวางอยู่ด้านข้าง และร่ายนิ้วทั้งสิบมาทางเขา

พริบตานั้นเสียง ‘พรึ่บ’ ก็ดังขึ้น!

เส้นไหมหนาแน่นพุ่งออกมาจากปลายนิ้ว และกลายเป็นตาข่ายกระบี่สีเขียวห่อหุ้มลงมา