ตอนที่ 1928 ท่านอาจารย์ เกิดอะไรขึ้นกับผม?

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1928 ท่านอาจารย์ เกิดอะไรขึ้นกับผม?

น้ำเต้าตงฉู่ดูจะไม่เดือดร้อนกับอุณหภูมิในหม้อใบนั้น มันว่ายไปมาอย่างอิสระเสรีอยู่ครู่หนึ่ง แล้วอีกสักพักก็ดำลงไปใต้น้ำ ราวกับกำลังใช้เวลาพักผ่อนอย่างมีความสุข

ภาพอันเหลือเชื่อนั้นทำให้จางเซวียนกุมขมับขณะสงสัยว่าเขาบ้าไปแล้วหรือเปล่าที่ฟังคำแนะนำของน้ำเต้าตงฉู่

เขาคือบุคคลผู้โดดเด่นในทวีปแห่งปรมาจารย์ แต่ที่นี่, มิติเบื้องบนแห่งนี้ เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเบ๊ เป็นลูกไล่ของน้ำเต้าตงฉู่ ทำให้ขัดอกขัดใจมาก

ที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือเขายังไม่รู้เลยว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้าน้ำเต้าพิลึกพิลั่นนี้คืออะไร?

ขณะที่นักรบคนอื่นๆสามารถสั่งการบรรดาของล้ำค่าของพวกเขาให้ทำตามใจได้ เจ้านี่กลับเข้าไปอยู่ในจุดตันเถียนของเขาทันทีที่เจอหน้ากัน แถมยังปฏิเสธไม่ยอมออกมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ยังพยายามฉกฉวยข้าวของทุกอย่างของเขาไปเป็นของตัวเอง…

ดูเหมือนน้ำเต้าตงฉู่พร้อมจะเล่นงานจางเซวียนทันทีที่เขาไม่ทันระวังตัว และเรื่องที่ทำให้เขาโมโหเดือดจนถึงตอนนี้ก็คือไม่รู้เลยว่าต้องมาลงเอยกับของบ้าๆชิ้นนี้ได้อย่างไร?

2 ชั่วโมงผ่านไป น้ำเต้าตงฉู่ไม่เอ่ยปากร้องขอให้จางเซวียนนำตัวมันออกจากหม้อ มันกระโจนออกจากหม้อและสลัดเนื้อตัวเพื่อไล่น้ำออก ก่อนจะรีบกลับเข้าไปอยู่ในจุดตันเถียนของจางเซวียน

จางเซวียนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขายกหม้อขึ้นจิบ มันให้ความรู้สึกสดชื่นที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างทันที บรรเทาอาการเจ็บปวดจากบาดแผลได้อย่างชะงัด

ใช้ได้ผลจริงๆ…จางเซวียนตาโตด้วยความตื่นเต้น

เขาเตรียมขวานไว้แล้วเผื่อกรณีที่น้ำเต้าตงฉู่จะหลอกลวงเขา แต่ก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ามันได้ผล!

*น้ำเต้าตงฉู่คือของล้ำค่าชิ้นหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับมิติซึ่งนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้มันรักษาอาการบาดเจ็บที่เกิดจากคลื่นความสั่นสะเทือนของมิติและเวลาได้…*จางเซวียนสันนิษฐาน

ไม่ช้าเขาก็ดื่มน้ำจนหมดหม้อ อาการบาดเจ็บดีขึ้นทันตาเห็น

ภายในไม่ถึง 1 ชั่วโมง ผ้าพันแผลที่พันรอบตัวจางเซวียนก็ร่วงลงไปกองกับพื้น

ในที่สุดอาการบาดเจ็บของเราก็หายดีแต่เรายังไม่ได้พลังปราณกลับคืนมา…จางเซวียนคิด

เขาไม่ใช่คนป่วยอีกแล้ว แต่พลังปราณที่สูญเสียไปยังไม่ได้รับการเติมเต็ม

จางเซวียนจึงทรุดตัวลงนั่งกับพื้นอีกครั้งและซึมซับพลังจิตวิญญาณหน้าตาเหมือนปรอทซึ่งอยู่รอบตัวอย่างระมัดระวัง เขาเปิดจุดชีพจรทั้งหมดและซึมซับพลังงานนั้นอย่างช้าๆ

ซรืดดดดด!

ทันทีที่พลังงานพวยพุ่งเข้าสู่ร่าง จางเซวียนรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่กดทับทางเดินพลังปราณของเขา แต่โชคดีที่ไม่มีอาการตึงเครียดเหมือนจะฉีกขาดอย่างที่เคยเป็นมาก่อน

ร่างกายของเราเริ่มจะคุ้นชินกับพลังงานนี้ไปพร้อมๆกับบาดแผลที่ดีขึ้นใช่ไหม*?* จางเซวียนตาโต

เขาขับเคลื่อนพลังปราณเทียบฟ้าแบบปกติแทนที่จะเป็นแบบย้อนกลับ ซึ่งครั้งล่าสุดที่เขาทำแบบนี้ในอาณาจักรคุนฉื่อ ก็เกือบทำให้ทางเดินพลังปราณของตัวเองฉีกขาด แต่บาดแผลที่ได้รับการเยียวยาในครั้งนี้ดูจะทำให้ทางเดินพลังปราณของเขาแข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้จางเซวียนรับพลังจิตวิญญาณที่มีหน้าตาเหมือนปรอทเข้าสู่ร่างกายได้โดยปราศจากปัญหา

ขณะที่พลังจิตวิญญาณเข้าสู่ร่างกาย จางเซวียนรีบขับเคลื่อนมันให้ไหลเวียนไปทั่วร่างอย่างรวดเร็วและแปรสภาพให้กลายเป็นพลังปราณ

“ถ้าเป็นอย่างนี้ เราคงฟื้นตัวได้ดังเดิมภายใน 3 วัน!” จางเซวียนคิดคำนวณอัตราการซึมซับพลังงานของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก

ในฐานะเซียนฟ้าประทานและครูบาอาจารย์ของโลก ปริมาณพลังปราณของเขาอยู่ในระดับที่เรียกว่าน่าทึ่ง ต่อให้มีเคล็ดวิชาเทียบฟ้าและพลังจิตวิญญาณหน้าตาเหมือนปรอทซึ่งอบอวลอยู่ในอากาศ จางเซวียนก็ยังต้องใช้เวลาถึง 3 วันเต็มกว่าจะเรียกพลังปราณกลับคืนมาได้ในระดับเดิม

แต่ขอแค่เขาพอมีพลังปราณอยู่บ้าง ก็สามารถสำแดงพละกำลังของนักรบขั้นผู้ทำลายล้างมิติขั้นต้นได้ พูดอีกอย่างก็คือ ในเมืองชวนเจียงแห่งนี้ไม่มีอะไรให้เขาต้องหวาดกลัวอีกต่อไป

จางเซวียนฝึกฝนวรยุทธอีกระยะหนึ่งจนมีกระแสพลังปราณนับร้อยกระแสอยู่ในจุดตันเถียน ก่อนจะเรียกตั้นเฉี่ยวเทียนเข้ามา

ทันทีที่ตั้นเฉี่ยวเทียนเข้ามาในห้อง ก็เห็นว่าผ้าพันแผลของท่านอาจารย์หลุดออกจนหมดแล้ว ความอ่อนเพลียที่อีกฝ่ายเคยมีก่อนหน้านี้หายวับไป เขาตาโตด้วยความตื่นเต้นขณะถามว่า “ท่านอาจารย์ คุณหายดีแล้วหรือ?”

“ใช่ ผมอยากให้คุณออกหมัดพื้นฐานให้ผมดูเดี๋ยวนี้ ผมจะหาตำแหน่งของหนอนกู้ในตัวคุณและกำจัดมันให้คุณเสียเลย!” จางเซวียนตอบยิ้มๆ

ตั้นเฉี่ยวเทียนพยักหน้า จากนั้นก็รีบออกหมัดพื้นฐาน

หลังจากได้เห็นหมัดพื้นฐาน จางเซวียนระบุตำแหน่งของหนอนกู้ แล้วทาบฝ่ามือของเขาลงบนบริเวณนั้นอย่างแผ่วเบา

ฟิ้ววววว!

กระแสพลังปราณเทียบฟ้าพุ่งเข้าสู่ร่างของตั้นเฉี่ยวเทียนผ่านทางจุดชีพจร เพียงครู่เดียวก็เข้าถึงจุดที่หนอนกู้ซ่อนตัวอยู่

ซรืดดดดด!

ราวกับเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งใหญ่ หนอนกู้ที่นอนเกียจคร้านอยู่เมื่อครู่เผ่นหนีอย่างพรั่นพรึงเมื่อรู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลที่พุ่งเข้าหามัน แต่ยังไม่ทันจะไปได้ไกล กระแสพลังปราณอีกสายก็เข้ามาสกัดกั้นหนทางหลบหนี

มันถูกล้อม

เมื่อเจอกับการโจมตีของกระแสพลังปราณ 2 สาย หนอนกู้ก็แหลกสลายไป

ทันทีที่จางเซวียนนำซากหนอนกู้ออกมา ร่างของตั้นเฉี่ยวเทียนก็บวมฉึ่งอย่างรวดเร็วจนน่าสยดสยองราวกับมีใครเป่าลมใส่ เขาตัวพองเหมือนบอลลูน

“ท่านอาจารย์ เกิดอะไรขึ้นกับผม?”

ตั้นเฉี่ยวเทียนรู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลที่พร้อมจะฉีกกระชากร่างของเขาออกจากกันได้ทุกขณะ เขาหน้าซีดเผือดด้วยความพรั่นพรึง

“ผมเคยบอกคุณแล้ว เหตุผลที่ระดับวรยุทธของคุณไม่ก้าวหน้าทั้งที่คุณหมั่นเพียรฝึกฝนตลอด 10 ปีที่ผ่านมาไม่ใช่เพราะคุณขยันไม่มากพอ แต่เป็นเพราะพลังจิตวิญญาณที่คุณซึมซับเข้าไปถูกหนอนกู้ที่อยู่ในตัวฉกฉวยไปหมด คุณคงนึกภาพออกนะว่าพลังงานที่มันขโมยไปจากคุณตลอด 10 ปีที่ผ่านมามีปริมาณมากมายแค่ไหน!” จางเซวียนอธิบายยิ้มๆ

“ตอนนี้พลังงานเหล่านั้นกลับคืนสู่ตัวคุณแล้ว จึงเกิดภาวะพลังงานล้นขึ้นมา รีบซึมซับพลังงานเหล่านี้ด้วยเทคนิควรยุทธที่ผมกำลังจะถ่ายทอดให้ อย่าได้รีรอ” จางเซวียนพูดขณะถ่ายทอดเคล็ดวิชาเทียบฟ้าฉบับเรียบง่ายเข้าสู่หัวสมองของตั้นเฉี่ยวเทียน

ตั้นเฉี่ยวเทียนไม่มีเวลาพิจารณารายละเอียดที่เพิ่งได้รับ แต่เพราะเชื่อมั่นว่าท่านอาจารย์จะไม่ทำร้ายเขา จึงเริ่มขับเคลื่อนพลังปราณตามกรรมวิธีที่ระบุไว้

ทันทีที่ตั้นเฉี่ยวเทียนเริ่มซึมซับพลังงานเข้าสู่ร่างกาย ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

โดยทั่วไป เมื่อใครสักคนซึมซับพลังจิตวิญญาณเข้าสู่พลังปราณ ก็จะต้องขัดเกลาและปรับมันให้เข้ากันกับสภาวะร่างกายเสียก่อน แต่พลังงานที่เขาได้คืนมาจากหนอนกู้ไม่ต้องผ่านขั้นตอนแบบนั้นเลย

ราวกับพลังงานเหล่านี้เป็นของเขาอยู่แล้วตั้งแต่แรกเริ่ม ทำให้ควบคุมและซึมซับมันได้อย่างสบาย

“คุณเป็นคนฝึกฝนวรยุทธเพื่อให้ได้พลังงานเหล่านี้มาตั้งแต่ต้น จึงเป็นธรรมดาที่จะขับเคลื่อนมันได้ง่าย รีบหน่อย, กระบวนการจะได้เสร็จสิ้นก่อนพลบค่ำ!” จางเซวียนอธิบายพร้อมกับยิ้มให้

“ขอรับ”

ตั้นเฉี่ยวเทียนหลับตาและเพ่งสมาธิกับการซึมซับพลังงานในร่างกาย

ทางเดินพลังปราณของเขาถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว ทำให้พลังงานไหลเวียนไปทั่วอย่างราบรื่น วรยุทธของเขาที่หยุดชะงักอยู่ที่นักรบระดับเซียนขั้น 6 เริ่มก้าวหน้าด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง

วรยุทธระดับเซียนขั้น 7!

วรยุทธระดับเซียนขั้น 8!

วรยุทธระดับเซียนขั้น 9!

ตั้นเฉี่ยวเทียนสำเร็จวรยุทธเป็นนักรบระดับเซียนขั้น 9 ในชั่วพริบตา แต่วรยุทธของเขาก็ยังไม่แสดงทีท่าว่าจะหยุด

เขาไม่ต้องผ่านการทดสอบวรยุทธหรือ*?* จางเซวียนขมวดคิ้ว

ในทวีปแห่งปรมาจารย์ ผู้ที่สำเร็จวรยุทธระดับเซียนขั้น 8 จะต้องเจอกับการทดสอบการแบ่งแยกมิติ และผู้ที่สำเร็จวรยุทธระดับเซียนขั้น 9 จะต้องเจอกับการทดสอบก้าวสู่จักรวาล ในครั้งนั้น จางเซวียนต้องใช้ความพยายามมากมายกว่าจะผ่านมันไปได้

แต่ศิษย์สายตรงคนที่ 10 ของเขากลับก้าวหน้าไปได้โดยไม่เจอปัญหาใดๆเลย

*คงเป็นเพราะสวรรค์ของมิติเบื้องบนแข็งแกร่งกว่าสำหรับพวกเขาวรยุทธระดับเซียนขั้น 8 และขั้น 9 น่าจะไม่ต่างอะไรกับวรยุทธขั้นจงซรือและจื้อจุนจึงไม่จำเป็นต้องส่งการทดสอบวรยุทธลงมาตอบโต้…*จางเซวียนครุ่นคิด

เมื่อพิจารณาจากการที่พลเมืองธรรมดาสามัญของมิติเบื้องบนจะสำเร็จวรยุทธระดับเซียนขั้น 9 ได้เองเมื่อถึงวัยผู้ใหญ่ ก็เป็นไปได้ว่าสวรรค์คงเหนื่อยตายเสียก่อนหากต้องส่งการทดสอบสายฟ้าลงมาให้คนเหล่านั้นจนครบ

ขณะที่จางเซวียนกำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ตั้นเฉี่ยวเทียนก็ฝ่าด่านวรยุทธไปได้ถึงระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่

การพักฟื้นภายใน, ร่างอันทรงเกียรติ, แรงผลักดันสัญชาตญาณ…

วรยุทธของเขาก้าวหน้าไปจนถึงระดับนักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ขั้น 3 ก่อนจะค่อยๆหยุดลง

หนอนกู้ได้ฉกฉวยเอาความเหนื่อยยากตลอด 10 ปีที่ผ่านมาของเขาไป แต่เมื่อมันถูกกำจัด ก็ทำให้ตั้นเฉี่ยวเทียนก้าวหน้าได้ทีเดียวถึง 6 ขั้น สำเร็จวรยุทธระดับเดียวกันกับเฉว่ชิง!

“ไม่เลว!” จางเซวียนพยักหน้าอย่างพอใจ

ศิษย์สายตรงคนนี้ของเขาเหมือนลู่ชง คือมีหัวใจเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น

ใครก็ตามที่ต้องเผชิญกับความยากลำบากแบบเขาคงจะถอดใจและสิ้นหวังกับชีวิต แต่สำหรับตั้นเฉี่ยวเทียน แม้จะรู้ตัวว่าไม่อาจก้าวหน้าไปกว่าเดิม แต่ก็ยังอดทนและซึมซับพลังจิตวิญญาณอยู่ทุกวี่วัน

ความมุ่งมั่นนี้นำมาซึ่งความสำเร็จอย่างที่เห็น

มีแต่ผู้เพียรพยายามเท่านั้นที่จะได้รับสิ่งตอบแทน โลกนี้ไม่มีของฟรี

“ท่านอาจารย์!”

พละกำลังมหาศาลไหลพล่านไปทั่วร่างของเขา ความรู้สึกที่กลับคืนสู่ขาข้างซ้ายทำให้ตั้นเฉี่ยวเทียนน้ำตาคลอ เมื่อกลั้นไว้ไม่ไหว เขาทรุดตัวลงคุกเข่าและร่ำไห้

แม้จะมีความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวแค่ไหน แต่เขาก็เป็นแค่เด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง

เขาเคยคิดอยากตายให้พ้นจากความอับอายที่ถูกคู่หมั้นปฏิเสธ แต่ท่านอาจารย์ของเขาได้เปลี่ยนเป้าหมายของทั้งชีวิตไปอย่างสิ้นเชิง

“ความมีน้ำใจย่อมได้รับความมีน้ำใจตอบแทน คุณคือผู้ยื่นมือช่วยเหลือผม และคุณก็คู่ควรกับทุกสิ่งที่ได้รับในเวลานี้…” จางเซวียนตอบยิ้มๆ “ในเมื่อวรยุทธของคุณเข้าถึงขั้นแรงผลักดันสัญชาตญาณแล้ว ผมขอถ่ายทอดเทคนิคการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวบางส่วนให้คุณนะ”

คงเป็นความสูญเปล่าหากตั้นเฉี่ยวเทียนมีวรยุทธที่ทรงพลัง แต่ปราศจากเทคนิคการต่อสู้ที่จะนำมาใช้ให้สอดคล้องกัน