บทที่ 1800 รวบกวนความคิด

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 1800 รวบกวนความคิด

 

อสูรวิญญาณแรกกําเนิดมีพลังการต่อสู้ระดับแปดและพวกมันยังปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันสี่ตัว

 

หัวใจของผู้อมตะตระกูลหว่านเต็มไปด้วยความสับสน

 

ฟางหยวนยืนมือไพล่หลังอยู่ภายใต้การป้องกันของอสูรวิญญาณแรกกําเนิดทั้งสี่ “พวกเจ้าคิดว่าสามารถจับข้าด้วยคนเพียงสามคนงั้นหรือ?”

 

ดวงตาของหว่านเหลียงฮันกระตุก

 

การแสดงออกของหว่านเสี่ยวกลายเป็นมืดครื้ม

 

หัวใจของหว่านห่าวกวงจมดิ่งลง

 

ความแข็งแกร่งของซวนจินเหนือความคาดหมายของพวกเขา ทุกคนตระหนักว่าชวนปู่จินอาจคาดเดาได้ว่านี่คือกับดัก แต่เขายังออกมา นี่แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจของเขา

 

สามผู้อมตะตระกูลหว่านรู้สึกว่ามันสายเกินไปแล้วที่จะเสียใจในเวลานี้

 

“ใจเย็น เขาเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาต้องบังคับตนเองให้ควบคุมอสูรวิญญาณแรกกําเนิดทั้งสี่”

 

“ถูกต้อง อสูรวิญญาณแรกกําเนิดทั้งสี่อาจทําได้เพียงเห่าหอนและไม่กัด”

 

“แม้พวกมันจะเป็นของจริง แต่ข้าอยากเห็นว่าเส้นทางแห่งปัญญาและเส้นทางแห่งจิตวิญญาณจะสามารถประสานงานกันได้ดีเพียงใด!”

 

สามผู้อมตะตระกูลหว่านพยายามสร้างขวัญกําลังใจก่อนจะโจมตีฟางหยวนอีกครั้ง

 

ฟางหยวนไม่โจมตี เขาเพียงป้องกันตัว

 

ดังนั้นเมื่อมองจากภายนอก สามผู้อมตะตระกูลหว่านจึงดูเหมือนเป็นฝ่ายได้เปรียบ

หว่านเสี่ยวส่งหอกวายุออกไปสังหารอสูรวิญญาณบรรพกาลทีละตัว

 

หว่านห่าวกวงสังหารอสูรวิญญาณที่กีดขวางอยู่บนเส้นทาง

 

ผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาหว่านเหลียงฮันสั่งการอยู่ด้านหลัง

 

เมื่อเวลาผ่านไปสามผู้อมตะตระกูลหว่านเริ่มรู้สึกปวดหัวมากขึ้น แม้พวกเขาจะสามารถสังหารอสูรวิญญาณหลายตัว แต่มันกลับไร้นัยสําคัญ ขณะที่ฟางหยวนปล่อยอสูรวิญญาณออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

กองทัพอสูรวิญญาณกลายเป็นแนวป้องกันที่แข็งแกร่งอยู่รอบตัวฟางหยวน

 

ด้วยเหตุนี้ผู้อมตะตระกูลหว่านจึงต้องใช้วิธีการโจมตีที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง

 

อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่พวกเขาใช้ท่าไม้ตายอมตะลักษณะนี้ ฟางหยวนจะเคลื่อนไหวและหยุดท่าไม้ตายของพวกเขา นี่ทําให้สถานการณ์โดยรวมยังไม่เปลี่ยนแปลง

 

สามผู้อมตะตระกูลหว่านถูกบังคับให้ใช้ท่าไม้ตายอมตะที่เฉพาะเจาะจงและสามารถสังหารอสูรวิญญาณทีละตัวเท่านั้น

 

พวกเขาพยายามใช้กลยุทธ์ตัดหัวผู้นําโดยการสังหารฟางหยวน

 

ด้วยการร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ พลังการต่อสู้ของพวกเขาพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดของระดับเจ็ด

 

น่าเสียดายที่พวกเขากําลังเผชิญหน้ากับฟางหยวน

 

ด้วยการคงอยู่ของอสูรวิญญาณแรกกําเนิด สามผู้อมตะตระกูลหว่านรู้สึกสิ้นหวังมากขึ้นทุกขณะ

 

“บัดซบ! มีโอกาสน้อยเกินไป” หว่านห่าวกวงกรีดร้องด้วยความไม่พอใจ

 

“มีอสูรวิญญาณมากเกินไป ชวนรู้จินสามารถควบคุมพวกมันได้จริงๆ สิ่งที่น่ารําคาญที่สุดคือเขาสามารถใช้ความแข็งแกร่งนี้ทําลายเขตแดนอมตะของเราแต่เขากลับเลือกที่จะป้องกันตนเองเท่านั้น” หว่านเสี่ยวพึมพํา

 

การแสดงออกของหว่านเหลียงฮันดูไม่น่ามอง “ข้าประเมินชวนรู้จินต่ําเกินไป หากเขาเลือกที่จะโจมตี เราจะมีโอกาสมากขึ้น แต่เขากลับเลือกที่จะป้องกันตัว กําลังเสริมของตระกูลหว่านน่าจะใกล้มาถึงแล้ว”

 

“เราควรทําอย่างไร?” หว่านเสียวมองหว่านเหลียงฮัน

 

สถานการณ์ของพวกเขาค่อนข้างน่าอึดอัดใจ

 

แผนการของพวกเขาคือรวมพลังกันและจับชวนปู่จินอย่างรวดเร็ว แม้ชวนชูจินจะเป็นผู้อมตะระดับเจ็ด แต่แผนการนี้มีโอกาสประสบความสําเร็จสูง

 

อย่างไรก็ตามหลังจากชวนจินนําอสูรวิญญาณแรกกําเนิดสี่ตัวออกมา แผนการของพวกเขาได้รับผลกระทบอย่างมาก

 

เมื่อชวนรู้จินเลือกที่จะป้องกันตัวเอง แผนการของตระกูลหว่านก็ถูกทําลายลงอย่างสมบูรณ์

 

หว่านเหลียงฮันเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา แม้ความสําเร็จของเขาจะไม่สูงเท่าฟางเฉิง แต่เขาก็ฉลาดมาก เขาต้องการล่าถอยแล้ว

 

แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะล่าถอยในเวลานี้

 

เขตแดนอมตะถูกสร้างขึ้นแล้ว หากพวกเขายกเลิกมัน ซวนปู่จินจะมีโอกาสตอบโต้

 

นอกจากนี้ตระกูลหว่านก็ยังมีไพ่ตายซ่อนอยู่

 

หว่านเหลียงฮันกําลังลังเล ขณะที่ฟางหยวนสงบมาก

 

หากเขาเปิดเผยความแข็งแกร่งที่แท้จริง สามผู้อมตะตระกูลหว่านจะร้องขอความเมตตาทันที

 

อย่างไรก็ตามเขาไม่ต้องการทําเช่นนั้น

 

หว่านเหลียงฮันจําเป็นต้องตาย ผู้อมตะระดับเจ็ดบนเส้นทางแห่งปัญญาผู้นี้อนุมานเขาซ้ําแล้วซ้ําอีก มันทําให้เขารู้สึกรําคาญ

 

สําหรับอีกสองคน ฟางหยวนต้องการให้พวกเขามีชีวิตอยู่

 

ย้อนกลับไปเมื่อฟางหยวนปลอมตัวเป็นชวนรู้จิน เขาเตรียมชุดวิญญาณอมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาเอาไว้เพื่อใช้เป็นอัตลักษณ์ประจําตัวของชวนรู้จิน ปัจจุบันวิธีการเหล่านี้มีมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ฟางหยวนลอยกระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะรบกวนความคิดอย่างลับๆ

 

วิสัยทัศน์ของหว่านห่าวกวงเต็มไปด้วยอสูรวิญญาณ แต่เขาไม่ใช่คนขี้ขลาดและไม่มีความคิดที่จะหลบหนี เขายังพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง

 

เขาเป็นเหมือนดาบที่แทงทะลุกองทัพอสูรวิญญาณก่อนที่จะพุ่งเข้าไปหาฟางหยวน อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของเขากลับกลายเป็นไร้ประโยชน์ภายใต้การป้องกันของอสูรวิญญาณแรกกําเนbด

 

“ข้างหน้ามีอสูรวิญญาณบรรพกาลหกตัว พวกมันทั้งสูงและแข็งแกร่ง ตอนนี้พวกมันแปรขบวนเป็นแนวป้องกันสองแถว

 

“มีอสูรวิญญาณบรรพกาลอยู่ด้านหลังสองตัว พวกมันเร็วมากและพยายามดึงความสนใจของข้าตลอดเวลา

 

“ข้าหยุดไม่ได้ หากข้าหยุด ข้าจะถูกพวกมันพัวพัน

 

“แต่ข้าไม่สามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้าโดยตรง อสูรวิญญาณแรกกําเนิดแข็งแกร่งเกินไป

 

“ข้าทําได้เพียงเปลี่ยนทิศทาง

 

“ถูกต้อง อสูรวิญญาณบรรพกาลที่อยู่ด้านซ้ายอยู่ในรูปลักษณ์ของตกแตน รูปลักษณ์นี้หมายความว่ามันมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งแต่การป้องกันอ่อนแอ

 

“ข้าจะไปทางนั้น!”

 

หว่านห่าวกวงเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งแสง เขาสามารถใช้ท่าไม้ตายอมตะสร้างความคิดแสงขึ้นในใจ

 

ด้วยวิธีนี้เขาจึงสามารถคิดได้อย่างรวดเร็วและเลือกเส้นทางที่ดีที่สุดได้ทันที

 

“ฮ่าฮ่า ข้าทําสําเร็จ!”

 

ข้ายังสามารถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า!”

 

“มันยังมีความหวัง

 

“ข้าเป็นแนวหน้าที่ต้องกดดันซวนงูจิน ด้วยวิธีนี้หว่านเสี่ยวและหว่านเหลียงฮันจะมีโอกาสสังหารศัตรู

 

“สถานการณ์ค่อนข้างอันตราย หากอสูรวิญญาณตกแตนตัวนี้ไม่มีการป้องกันที่อ่อนแอ ข้าก็ไม่รู้ว่าต้องทําอย่างไร

 

“หากชวนจินบ่มเพาะบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณหรือเส้นทางแห่งทาส ตอนนี้ข้าอาจไม่เหลือความหวัง แต่ชวนปู่จีนเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขายังไม่สามารถผสานเส้นทางแห่งจิตวิญญาณกับเส้นทางแห่งปัญญา”

 

“แต่สามารถควบคุมอสูรวิญญาณแรกกําเนิดสี่ตัวก็ถือว่าเขาแข็งแกร่งมากแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาคือผู้อมตะระดับเจ็ดบนจุดสูงสุด หากเขามีวิธีบนเส้นทางแห่งจิตวิญญาณที่เหมาะสม เขาอาจสามารถต่อต้านผู้อมตะระดับแปด

 

“หากข้าสามารถกําจัดเขา มันจะเป็นผลงานใหญ่ของข้า ข้าจะสามารถพูดคุยกับท่านหญิงเฉียวในอนาคต”

 

“เดี๋ยว! ตอนนี้ข้ากําลังอยู่ในการต่อสู้ ข้าจะสนใจเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัวได้อย่างไร?

 

“แต่ท่านหญิงฉีเฉียวน่ารักจริงๆ แม้นางจะไม่งดงามจนน่าตกใจ แต่นางใจดีและมีเหตุผล นางเป็นหญิงในอุดมคติของข้า”

 

“แต่เหตุใดนางไม่ยอมรับความรักของข้า? บางทีข้าควรเปลี่ยนวิธีเกี้ยวนาง ข้าควรส่งของขวัญเล็กๆน้อยๆหนึ่งหรือสองชิ้นให้นาง”

 

“หากของขวัญแพงเกินไป มันจะสูญเสียความหมาย อืม ข้าควรสานหุ่นฟางและมอบให้นาง นางต้องพอใจมัน”

 

นี่เป็นความคิดที่ดี

 

“นอกจากหุ่นฟางข้ายังสามารถสานกระต่ายฟาง หมวกฟาง หรือตั้กแตนฟาง

 

“อสูรวิญญาณตกแตกตัวนี้เหมือนตกแตกที่ข้าเคยจับเมื่อยังเป็นเด็ก

 

“บึม!”

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่หว่านห่าวกวงถูกปิดล้อมโดยกองทัพอสูรวิญญาณและถูกโจมตีจากทุกทิศทาง

 

ความคิดของหว่านห่าวกวงกําลังปั่นป่วน เขาไม่มีสมาธิกับการต่อสู้ การโจมตีของศัตรูทําให้เขารู้สึกมึนงง การป้องกันของเขาลดลงเป็นอย่างมาก

 

หว่านเสี่ยวเห็นหว่านห่าวกวงตกอยู่ในอัตรายและต้องการช่วยเหลือ

แต่ในจังหวะนี้หว่านเหลียงฮันกลับตะโกนเสียงดัง “อย่า!”

 

การตอบสนองของหว่านเสี่ยวช้าลงเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง เขากระตุ้นใช้ท่าไม้ตายอมตะไปแล้ว

 

ท่าไม้ตายอมตะของเขาล้มเหลว เขาพบกับฟันเฟืองและได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที

“โอ้ ในที่สุดผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญาก็สามารถตอบสนอง” ฟางหยวนเผยรอยยิ้มบาง

 

ท่าไม้ตายอมตะที่ฟางหยวนใช้ทําให้ศัตรูเสียสมาธิ พวกเขาจะพัฒนาความคิดนอกลู่นอกจากภายในใจ

 

หว่านห่าวกวงได้รับอิทธิพลจากท่าไม้ตายนี้ตั้งแต่เริ่มต้นเพราะเขาอยู่ใกล้ฟางหยวนมากที่สุด

 

หว่านเสี่ยวถูกรบกวนเมื่อเขากระตุ้นใช้งานท่าไม้ตายอมตะ นั่นทําให้เขาล้มเหลวและได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

หว่านเหลียงฮันเป็นผู้อมตะบนเส้นทางแห่งปัญญา เขาสัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติและสามารถตัดสินใจอย่างเฉียบขาด “ซวนปู่จนผู้นี้ช่างน่ากลัวนัก เขามีวิธีที่แปลกประหลาด เราไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเขาและไม่สามารถเตรียมตัวมาก่อน นี่ทําให้เราพบความสูญเสียครั้งใหญ่ ตอนนี้เราเสียโอกาสไปแล้ว เราควรกลับไปและหาวิธีทําลายท่าไม้ตายของเขาก่อนจะกลับมาจัดการเขาใน อนาคต!”

 

ขณะที่เขาคิดเรื่องนี้ กองทัพอสูรวิญญาณก็พุ่งเข้ามาหาพวกเขาราวกับคลื่นน้ํา