ภาค 7 ความผันผวนในใต้หล้าเป็นยุคของข้า บทที่ 616 เด็กน้อยในอดีต

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ข่าวเมื่อหลุดออกไป คนที่จิตใจไม่รู้รสชาติที่สุด ย่อมเป็นวังผลึกวารีและเกาะงูเขียว

วังผลึกวารีเหมือนกับเห็นสำนักคืนวิญญาณจากพวกตนไปไกล พุ่งเข้าไปในอ้อมอกของเขาหงส์วิเศษ ส่วนพวกกวนจิ้งเฉียงแห่งเกาะงูเขียวยิ่งอยากเอาศีรษะพุ่งใส่พื้น

เกาะคืนวิญญาณปรารถนาคัมภีร์หมัดวรยุทธ์แท้ในสภาพสมบูรณ์ เพื่อเพิ่มระดับวิชาวรยุทธ์ของสำนักตัวเองตั้งแต่รากฐาน เกาะงูเขียวเหตุไฉนจะไม่ปรารถนาเช่นนี้

และสิ่งที่ทำให้พวกเขาเศร้าโศกในตอนนี้ก็คือ ถ้าหากสำนักคืนวิญญาณพัฒนาขึ้นอีกขั้นหนึ่งสำเร็จ เกาะงูเขียวก็จะต้องเผชิญกับภัยพิบัติจมน้ำตายได้ตลอดเวลา

ผู้ปกครองเกาะกวนจิ้งเฉียง ‘ฮูหยินอสรพิษเขียว’ ตอนนี้นางไม่รู้ว่าตนเองควรจะเผชิญหน้ากับบรรพบุรุษรุ่นก่อนหน้าของเกาะงูเขียวอย่างไร

และเมื่อได้ยินว่าเยี่ยนจ้าวเกอปรากฎตัวบนโลกผืนสมุทรอีกครั้ง ขุมกำลังใหญ่แต่ละแห่งต่างก็ให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด

แม้แต่สงครามที่ดำเนินอยู่ระหว่างฝ่ายธรรมะและฝ่ายมารต่างก็หยุดลงชั่วคราว ไม่มีใครคิดจะก่อสงครามรุนแรงอีก ต่างเฝ้าระวังว่าการเข้ามายังโลกในครั้งนี้ของเยี่ยนจ้าวเกอว่าจะมีการเคลื่อนไหวอย่างไร

เยี่ยนจ้าวเกอกลับไม่มีความคิดจะทำเรื่องอื่น เพียงแต่เข้าพบเจ้าสำนักเขาหงส์วิเศษเกาเทียนจง เมื่อทั้งสองฝ่ายเจอกันอีกครั้ง ต่างทักทายกันตามมารยาท

เกาเทียนจงเลื่อนจากขั้นบรรลุธรรมเป็นระดับศักดิ์สิทธิ์สำเร็จ พลังส่วนตัวทัดเทียมกับราชาวังผลึกวารีหลินซื่อ รวมถึงเจ้าสำนักสังหารมังกรจ้าวจ้ง กลายเป็นหนึ่งในสามผู้ยิ่งใหญ่คนใหม่ของโลกผืนสมุทร แทนที่ปราชญ์ปีศาจลิ่นเชียงเฉิงที่ตายไป

แต่ว่าเกาเทียนจงใจเย็นยิ่ง เขาเองก็พิจารณาได้ว่า ถึงแม้ไม่นานมานี้วังผลึกวารีจะไม่มีการเคลื่อนไหว แต่พลังของพวกเขากลับเพิ่มขึ้นในที่ลับ

ส่วนการปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งของเยี่ยนจ้าวเกอ เกาเทียนจงย่อมยินดีถึงขีดสุด

ในตอนนี้จะมากจะน้อยเขาก็เข้าใจแล้ว ว่าเยี่ยนจ้าวเกอไม่ได้มีความคิดจะยืดครองโลกผืนสมุทร อย่างน้อยในตอนนี้ก็ไม่ได้มีความคิดเช่นนั้น

เพียงแต่ว่าครั้งนี้ฝั่งเยี่ยนจ้าวเกอมีศิษย์ร่วมสำนักจำนวนมากกว่าเดิมโผล่มาบนโลกผืนสมุทร ทำให้ทุกคนในเขาหงส์วิเศษแอบระวังตัว

“ท่านเจ้าสำนักเกา อีกไม่นานข้ายังมีธุระต้องจัดการ จะบอกลาออกเดินทางก่อน ศิษย์ร่วมสำนักของข้าอยู่ที่สำนักของท่าน บางทีอาจจะมีการรบกวนไปบ้าง ขอสำนักท่านให้การดูแลด้วย” เยี่ยนจ้าวเกอพูดพลางยิ้มบาง

พวกเกาเทียนจงที่เป็นจอมยุทธ์เขาหงส์วิเศษต่างรู้สึกเหนือความคาดหมายเล็กน้อย วาจาของเยี่ยนจ้าวเกอ มีนัยยะ คล้ายจะหายไปเป็นเวลานาน

ความคิดในใจเปลี่ยนแปลงไปมา แต่เกาเทียนจงยังคงไม่ลังเลแม้แต่น้อย ตอบรับอย่างแน่วแน่ “ท่านเยี่ยนเกรงใจไปแล้ว มีสหายมาจากแดนไกลทั้งที ทั่วทั้งสำนักเราย่อมยินดี”

แขกกับเจ้าภาพต่างยินดี พวกเยี่ยนจ้าวเกอผละออกไป ส่วนหลูเฟิงแห่งสำนักคืนวิญญาณอยู่ที่เดิม

ถึงแม้ว่าจะมาเพราะคัมภีร์หมัดวรยุทธ์แท้ของเยี่ยนจ้าวเกอ แต่ในเมื่อตัดสินใจจะออกห่างวังผลึกวารี และเข้าใกล้เขาหงส์วิเศษ เช่นนั้นสำนักคืนวิญญาณย่อมมีเรื่องมากมายต้องสื่อสารกับเขาหงส์วิเศษ

พวกเยี่ยนจ้าวเกอครั้นออกจากวิหารใหญ่ สายตาของทุกคนมองไปยังสวีเฟยพร้อมกัน

สวีเฟยกับสือจวินอยู่ในโลกผืนสมุทรมามากกว่าสิบห้าปีแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกของสวีเฟยมองไปถึงแม้จะยังเหมือนดูมีอายุประมาณสามสิบสี่สิบปี แต่ความจริงใกล้วัยเลขห้าแล้ว

หลายปีมานี้เขาไม่ได้ใช้เวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ อีกทั้งยังเป็นยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณมานาน อายุในปัจจุบันเทียบกับอายุขัยแล้ว ยังถือว่าอายุน้อยมาก

เยี่ยนจ้าวเกอถาม “พี่สะใภ้อวี่เจินเป็นอย่างไรแล้ว?”

อายุขัยของอิ๋งอวี่เจินลดลงเนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส ปัจจุบันผ่านไปสิบกว่าปี ถ้าหากอาการยังไม่ดีขึ้น สถานการณ์ย่อมไม่น่าดูยิ่ง

บนใบหน้าของสวีเฟยปรากฏรอยยิ้ม “จวินเอ๋อร์ดูแลนางอยู่ ดีที่หลายปีก่อนหน้านี้ได้เจอไผ่ม่วงเกสรเซียน ช่วยยืดอายุขัยได้บ้าง สถานการณ์ในตอนนี้ดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่ยังไม่ฟื้นเท่านั้น”

เยี่ยนจ้าวเกอได้ยินแล้วก็รู้สึกโล่งอก “โลกผืนสมุทรมีไผ่ม่วงเกสรเซียนด้วยหรือ? เช่นนั้นก็ประเสริฐ”

วิธียืดอายุขัยเดิมทีก็หายากอยู่แล้ว สถานการณ์ของอิ๋งอวี่เจินมีความพิเศษ วิธีมากมายใช้ไม่ได้ผล โอสถวิญญาณมากมายไม่อาจรับประทานง่ายๆ ดังนั้นวิธีการจึงมีน้อยกว่าเดิม

ในโลกแปดพิภพและโลกลอยน้ำไม่เคยพบไผ่ม่วงเกสรเซียนมาก่อน กลับคาดไม่ถึงว่าที่โลกผืนสมุทรจะมีอยู่ด้วย เยี่ยนจ้าวเกออดทอดถอนใจไม่ได้ ฟ้าย่อมมีทางให้คนเดิน

ทุกคนมาถึงเขาด้านหลังสำนักพร้อมกัน ในบ้านพักหลังหนึ่งยืนไว้ด้วยคนหนุ่มที่มองไปมีอายุราวยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดปี สายตาแน่วแน่ ใบหน้าคมคายผู้หนึ่ง

“อาจารย์ย่าฟู่ อาจารย์อาเยี่ยน” คนหนุ่มผู้นี้คือสือจวิน เมื่อเขาเห็นพวกเยี่ยนจ้าวเกอแล้ว บนใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มยินดี

หลังจากคำนับเยี่ยนจ้าวเกอกับฟู่เอินซู ก็คำนับศิษย์ร่วมสำนักเขากว่างเฉิงคนอื่น

พวกเฟิงอวิ๋นเซิงกับซือคงจิงถึงแม้จะรู้ว่าการไหลของเวลาในโลกผืนสมุทรกับโลกแปดพิภพแตกต่างกัน แต่ในตอนนี้ได้เห็นสือจวินที่เป็นชายหนุ่มผู้องอาจ ก็ยังรู้สึกไม่ชินอยู่บ้าง

อิงหลงถูเงยหน้ามองสือจวินที่สูงกว่าตนหนึ่งช่วงตัวอย่างอึ้งๆ

ที่เขากว่างเฉิงเมื่อก่อน คนทั้งสองมีอายุใกล้เคียงกัน ความสัมพันธ์นับว่าไม่เลว เพียงแต่เด็กน้อยในอดีตพลันอายุมากกว่าตัวเองสิบกว่าปี ยังทำให้หลงเอ๋อร์ที่เริ่มจะเดียงสา รู้สึกใช้สมองของตัวเองไม่ได้อีกแล้ว

กลับเป็นสือจวินที่ยังมีรอยยิ้มเหมือนเก่า คำนับอิงหลงถูกอย่างจริงใจ “อาจารย์อาอิง”

“ไม่…ไม่ต้องมากพิธี…” อิงหลงถูที่สับสนเล็กน้อยพูดติดอ่าง

คนอื่นเดิมทียังพิพักพิพ่วน แต่ในตอนนี้เมื่อเห็นท่าทีของอิงหลงถู กลับหัวเราะขึ้นมา ไม่ได้กระอักกระอ่วนเหมือนเก่า

เยี่ยนจ้าวเกอยืนอยู่ด้านข้างสวีเฟย ส่งกระแสเสียงกับเขาอย่างเงียบๆ ‘ศิษย์พี่สวี ครั้งนี้ข้ากลับแปดพิภพ ให้อาหู่ไปที่หอโคลื่นโหม ขอพบศิษย์พี่เซี่ยแล้ว’

สวีเฟยสายตากลายเป็นเคร่งขรึม มองไปยังเยี่ยนจ้าวเกอกับอาหู่

ครั้นเยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้าให้อาหู่ เขาเกาท้ายทอยของตนเล็กน้อย “พี่เฟย เมื่อข้าได้พบแม่นางเซี่ยแล้ว ข้าเชิญนางมายังโลกผืนสมุทรตามคำสั่งของคุณชาย”

“แต่แม่นางเซี่ยปฏิเสธ แต่นางบอกว่าวันหน้าหากท่านกลับแปดพิภพ ได้โปรดไปที่หอคลื่นโหมด้วย”

อาหู่ไม่เข้าใจเหตุผลเล็กน้อย “ข้าลองสืบมาแล้ว แม่นางเซี่ยไม่ได้มีรักใหม่ แต่ไฉนนางจึงไม่มาเล่า?”

เยี่ยนจ้าวเกอใช้ศอกถองเขา ด่าด้วยรอยยิ้ม “เจ้าพูดอะไรเนี่ย?”

ชายร่างใหญ่หัวเราะซื่อๆ สวีเฟยอดหัวเราะพลางส่ายหน้าไม่ได้ “นางไม่มา เหตุผลข้าพอเข้าใจ วางใจเถอะ เสร็จจากเรื่องนี้ ข้าจะหาวิธีกลับไปพบนางที่แปดพิภพ”

“ปัจจุบันมีอาจารย์ป้าฟู่ มีศิษย์ร่วมสำนักมากมายขนาดนี้อยู่ที่นี่ ไม่จำเป็นต้องให้ท่านคอยดูแลพี่สะใภ้อวี่เจินกับจวินเอ๋อร์ทุกฝีก้าวแล้ว” เยี่ยนจ้าวเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

“ข้าทิ้งกระจกยังสูงส่งไว้ให้ท่าน และจะมอบวิชาเคลื่อนผ่านโลกกระจกให้ท่านด้วย หลังจากนี้ราวๆ หนึ่งปี กระจกยังสูงส่งจะคืนสภาพสมบูรณ์ ท่านสามารถกลับแปดพิภพได้”

“แข่งกับเวลาด้วย ไม่เช่นนั้นรอท่านกลับไป อายุคงมากกว่านางสองเท่าแล้ว”

สวีเฟยไม่สนใจคำหยอกเย้าของเยี่ยนจ้าวเกอ เพียงขมวดคิ้วถามว่า “ที่นี่ข้าวางใจได้จริงๆ แต่ว่าเจ้ามอบของวิเศษให้ข้า แล้วตัวเจ้าจะทำอย่างไร?”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบ “การมุ่งหน้าไปยังโลกซ้อนโลกไม่จำเป็นต้องใช้กระจกยังสูงส่งแล้ว ต่อให้ไปที่นั่นก็ใช่ว่าจะใช้ได้”

เมื่อเห็นสวีเฟยยังคงขมวดคิ้วเคร่งเครียด เยี่ยนจ้าวเกอก็หยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะอธิบายต่อ “ก่อนที่จะมาได้ ข้าได้สนทนากับผู้อาวุโสม่อ ท่านผู้เฒ่าบอกว่าในโลกซ้อนโลกมีของบางอย่าง ถ้าหากตอนนี้ยังไม่หายไป เช่นนั้นตัวข้ามีวิธีอื่นอยู่”

“การเปิดทางเชื่อมเขตแดนชั่วคราว ไม่ใช่มีแค่วิชาเคลื่อนผ่านโลกกระจกวิชาเดียว”

ได้ยินเยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเช่นนี้ สวีเฟยในที่สุดก็วางใจลง “เจ้าจะเดินทางตอนไหน?”

เยี่ยนจ้าวเกอตอบอย่างสงบนิ่ง “ตอนนี้”