บทที่ 482 ใสซื่อ

“โอ้ พี่ชายฉันเป็นคางคกกินเนื้อหงส์(1)หรือเนี่ย?” หลังจากได้ยินว่าโจวกุยหลายได้เห็นมาด้วยตาของตนเอง กังจือก็ตกตะลึง

“นายพูดอะไรอย่างนั้น? หู่จือไม่เลวเลยนะ เขาจะกลายเป็นคางคกไปได้ยังไง? อีกอย่าง นั่นก็เป็นพี่ชายแท้ ๆ ของนายนะ” โจวกุยหลายพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

แม้เฉินซานซานจะไม่เลวและทุกคนต่างก็รู้จักคุ้นเคยกันดี แต่หู่จือก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหล่อนเช่นกัน

ไม่มีอะไรผิดกับการได้ลงมือฝึกฝนและตั้งใจทำงาน เขาเป็นคนตรงไปตรงมาและใจกว้าง

“พี่ชายฉันมีทะเบียนบ้านอยู่ที่ชนบท ในขณะที่พี่ซานซานมีทะเบียนบ้านอยู่ปักกิ่ง หล่อนมาคบกับพี่ชายของฉันได้ยังไงกันเนี่ย? นี่มัน…นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเปล่า?” กังจืออดรู้สึกสงสัยไม่ได้

“ฉันไม่คิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดนะ ตราบใดที่เป็นคนฉลาด แค่ปรายตามองก็รู้ได้เลยว่าพวกเขากำลังคบกันอยู่” โจวกุยหลายตอบ

“เป็นอย่างนี้ไปได้ยังไงเนี่ย? เรื่องนี้ไม่ได้ผลหรอก ถ้าพวกผู้ใหญ่ไม่เห็นด้วย พวกเขาทั้งคู่จะต้องเจ็บปวดนะ” กังจือพูดพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ป๊ากับม้าของฉันคงไม่ห้ามหรอก” โจวกุยหลายเอ่ย

“ถ้าพี่ชายของฉันสามารถแต่งกับสาวปักกิ่งได้ น้าสี่กับน้าสะใภ้คงจะไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน แต่ฉันกังวลเรื่องครอบครัวเฉินน่ะสิ นายก็รู้ว่าครอบครัวฉันเป็นยังไง ฉันกลัวว่าพวกเขาจะดูถูกครอบครัวของฉันน่ะสิ ถ้าหากพวกเขาไม่เห็นด้วยล่ะ?” กังจือแสดงความคิดเห็น

จากนั้นการพูดคุยซุบซิบของพี่น้อง 2 คนนี้ในตอนต้นก็พลันเปลี่ยนเป็นความกังวลใจเกี่ยวกับอนาคตของหู่จือและเฉินซานซานในทันที

“ความจริงเรื่องนี้จัดการได้ง่ายมากเลยนะ ไปบอกป๊ากับม้าของฉันให้พวกเขาช่วยเถอะ” โจวกุยหลายบอก

ปฏิกิริยาแรกของเขาคือกังวลว่าป๊าม้าจะไล่ตีนกยวนยาง แต่พอคิดไปคิดมาแล้ว เขารู้สึกว่าป๊าม้าจะต้องสนับสนุนเรื่องนี้อย่างแน่นอน

ตราบเท่าที่หู่จือไม่ริอ่านทำเรื่องที่ทำให้ท้องของพี่ซานซานโตขึ้นมาเสียก่อน ทุกอย่างก็สามารถพูดคุยกันได้ไม่ยาก ป๊ากับม้าของเขาโดยเฉพาะม้าเป็นคนประเภทที่ต่อต้านเรื่องตั้งท้องก่อนแต่งงาน

ดังนั้นพวกเขาจะต้องสารภาพเรื่องนี้เสียก่อน มีเพียงการสนับสนุนจากผู้ใหญ่เท่านั้นถึงจะทำให้อนาคตเปิดกว้างได้ ถูกต้องไหม? ดูที่พฤติกรรมของหู่จือในตอนนี้สิ ทำตัวแทบจะเหมือนโจรอยู่แล้ว น่าสมเพชจริง ๆ

“ฉันจะกลับเข้าไปเรียนต่อก่อน นายก็ไปคุยน้ากับน้าสะใภ้แล้วกันนะ” กังจือพูด

จากนั้นเขาก็วิ่งหนีไป

โจวกุยหลายด่า “นายจะให้ฉันไปคนเดียวหรือไง?”

“ก็นายเป็นคนพบเรื่องนี้ นายสามารถไปเล่าด้วยตัวเองคนเดียวได้นี่” กังจือตอบ

โจวกุยหลายทำได้แค่ขี่จักรยานกลับมา หลินชิงเหอเพิ่งจะเตรียมการสอนเสร็จและกำลังใช้แตงกวาแปะใบหน้าอยู่ ส่วนโจวชิงไป๋กำลังดูทีวี ละครชุดเรื่องมังกรหยกที่ฉายอยู่นี้น่าสนใจมาก

“ทำไมลูกถึงเพิ่งกลับมาตอนนี้? ละครจบไปหนึ่งตอนแล้วนะจ๊ะ” หลินชิงเหอเห็นเจ้าสามกลับมาก็เอ่ยขึ้น

“ม้าครับ เรื่องดูแลผิวพรรณผมไม่เคยเห็นใครดูแลได้ดีกว่าม้าของผมเลย เวลาออกไปข้างนอกกับม้า ผมก็เลยได้หน้าไปด้วย คนอื่นพากันคิดว่าม้าเป็นพี่สาวของผม แต่เวลาออกไปกับป๊า พวกเขาต่างคิดว่าม้าเป็นลูกสาวของป๊าน่ะครับ” โจวกุยหลายหัวเราะ

โจวชิงไป๋ตวัดสายตามองไปทางเขา หลินชิงเหอดุออกมาอย่างขบขัน “ไม่ต้องมาป้อยอเลย ลูกไปทำความผิดอะไรมา? จะไปเอาไอศกรีมมาไม่ใช่เหรอจ๊ะ? แล้วทำไมถึงได้กลับมามือเปล่าล่ะ?”

“พี่รอง พี่ออกไปก่อน ผมมีเรื่องจะคุยกับม้ากับป๊า” โจวกุยหลายหันไปหาพี่ชายคนรองของตน

โจวเฉวี่ยนรับกุญแจรถจักรยานมาพลางพูดว่า “นายเพิ่งไปที่ไหนมาเนี่ย?”

“ไม่ได้ไปไหน พี่รีบไปเร็ว” โจวกุยหลายโบกมือไล่

เมื่อเขาออกไปแล้ว โจวกุยหลายก็เริ่มทำท่าทางจริงจังพร้อมกับมองไปที่ป๊ากับม้าของตน “ป๊าครับ ม้าครับ ผมมีเรื่องสำคัญมาก ๆ จะบอก!”

“เรื่องอะไรจ๊ะ? ลูกหาพ่อแม่แท้ ๆ ของตัวเองเจอแล้วเหรอ?” หลินชิงเหอเลิกคิ้ว ส่วนโจวชิงไป๋ เขาไม่สนใจเจ้าสามเลยและนั่งดูทีวีต่อไป

“ผมไม่ได้ล้อเล่นนะครับ ม้า ป๊า ผมไปรู้ความลับครั้งใหญ่มาครับ” โจวกุยหลายกล่าว

“ความลับว่าลูกไม่ได้เป็นลูกชายแท้ ๆ ของเราใช่ไหม?” หลินชิงเหอพูดย้ำอีกรอบ

โจวชิงไป๋พูดว่า “จับเขาโยนออกไปซะ”

จู่ ๆ โจวกุยหลายก็รู้สึกว่าป๊าม้าของเขาช่างเป็นคนที่ไม่รู้จักทุกข์ร้อนอะไรเลยจริง ๆ เขาจึงตัดสินใจว่าจะทำให้ทั้ง 2 คนตกใจ “ป๊าม้า ผมเห็นพี่หู่จือคบอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งครับ!”

แต่แม้จะเป็นข่าวใหญ่เช่นนี้ ป๊าม้าของเขาก็ยังคงนั่งดูทีวีกันต่อ ขณะที่ดูทีวีพวกเขาก็พูดคุยกันถึงเค้าโครงเรื่องและทักษะในการแสดงของนักแสดงไปด้วย

“ป๊าม้าครับ ได้ยินไหมครับ? พี่หู่จือกำลังคบหามีแฟนอยู่นะครับ! เขาไปดูหนังกับแฟนของเขาด้วย ผมเห็นมาแล้ว!” โจวกุยหลายพูด

“หู่จือพี่ชายของลูกไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว จะมีแฟนก็ไม่เป็นไรหรอก จะเอะอะไปทำไม?” หลินชิงเหอชำเลืองมองมาที่เขา

“ม้า ผมจริงจังจริง ๆ นะครับ พี่หู่จือกับพี่ซานซานไปดูหนังด้วยกัน พวกเขาทำตัวเหมือนขโมยเลยครับ!” โจวกุยหลายเลิกกั๊กและเล่าเรื่องทั้งหมดออกมาในคราวเดียว

หลังจากนั้นป๊าม้าของเขาก็ยังมีท่าทีเป็นปกติอยู่ดี ไม่ได้แสดงความอยากรู้ขึ้นมาเลย ราวกับว่าพวกเขาไม่สนใจในเรื่องนี้

โจวกุยหลายรู้สึกสับสน จากนั้นก็ตระหนักได้ เขามองไปที่ป๊าม้าแล้วเอ่ยว่า “ป๊าม้ารู้เรื่องนี้มาก่อนแล้วใช่ไหมครับ?”

“เรื่องหู่จือกับซานซานน่ะเหรอ?” หลินชิงเหอตอบกลับเขาอย่างไม่เต็มใจนัก

“ใช่ครับ” โจวกุยหลายพูดอย่างงุนงง

“คุณยายหม่าเป็นคนผูกด้ายแดงให้พวกเขาน่ะจ้ะ(2) พวกเขาเริ่มคบหากันเมื่ออาทิตย์ก่อน นี่เป็นเรื่องใหญ่ที่ไหนกันล่ะ? ลูกไม่ได้สนใจกับมันเอง ซานซานก็มากินข้าวที่นี่บ่อยขึ้นด้วยไม่ใช่เหรอจ๊ะ? ลูกเพิ่งจะมารู้ตอนนี้เองเหรอ? ความสามารถในการสังเกตการณ์ของลูกทำไมถึงแย่ขนาดนี้จ๊ะ?” หลินชิงเหอตอบ

“ผมไม่ได้ยินเรื่องนี้จากพี่รองหรือคนอื่นเลย!” โจวกุยหลายพูด เขาคิดว่าเฉินซานซานแค่มากินอาหารกับโจวเอ้อร์นีเท่านั้น จึงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลย!

“พี่รองของลูกก็น่าจะไม่รู้เรื่องนี้หรอกจ้ะ แต่พี่เอ้อร์นีน่าจะรู้” หลินชิงเหอโบกมือ

“แล้วม้าก็ไม่พูดอะไรออกมาบ้างเลย!” โจวกุยหลายพูดอย่างไม่พอใจ

“ขยับออกไปได้แล้ว อย่ามากวนเวลาดูทีวีของป๊ากับม้า ความช่างสังเกตของลูกแย่เองแล้วยังจะโทษคนอื่นอีก” หลินชิงเหอไล่

“ไม่นะครับม้า เรื่องนี้จะเป็นผลดีได้ยังไงครับ? พี่หู่จือมีทะเบียนบ้านอยู่ชนบท ครอบครัวเฉินจะเห็นด้วยหรือครับ?” โจวกุยหลายพูด

“เห็นด้วยสิ ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยแล้วทั้งคู่ถึงได้คบหากัน ไม่อย่างนั้น ลูกคิดว่าทำไมพี่หู่จือของลูกถึงได้มีความกล้าที่จะชวนซานซานออกไปดูหนังด้วยกันล่ะ” หลินชิงเหอกล่าว เธอเป็นคนบอกหู่จือเองว่าให้ชวนเฉินซานซานออกไปดูหนังให้มากขึ้น

“ในเมื่อพวกผู้ใหญ่ก็รับรู้ด้วย แล้วทำไมหู่จือถึงได้ทำท่าอย่างกับเป็นขโมยเลยล่ะครับ? ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ผมก็เลยคิดว่าม้าไม่รู้น่ะสิครับ” โจวกุยหลายพูด สุดท้ายกลับเป็นตัวเขาเองที่ไม่รู้เรื่อง

“คงจะเขินน่ะ อย่าลืมว่าพี่หู่จือเป็นคนที่ใสซื่อมากนะ” หลินชิงเหอตอบ

โจวเฉวี่ยนกลับมาพร้อมกับไอศกรีม เขารู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยเมื่อได้ยินน้องชายพูดถึงเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่คาดไม่ถึงเสียเลย “ถ้าพวกเขาทั้ง 2 คนไปกันได้ดี จะเป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับ”

“พวกเขาจะแต่งงานกันเมื่อไหร่ครับ?” โจวกุยหลายถาม

“เพิ่งจะเริ่มคบกันเอง ทั้ง 2 คนยังเด็กอยู่เลย คบหากันสัก 2 ปีก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องรีบร้อนหรอก” หลินชิงเหอกล่าว

“พี่เอ้อร์นีก็ยังเด็กอยู่ แต่จะแต่งงานปีหน้าแล้วไม่ใช่หรือครับ?” โจวกุยหลายเอ่ย

“จะเหมือนกันได้ยังไง? อายุของหล่อนกับหวังหยวนห่างกันตั้งเท่าไหร่ล่ะ?” หลินชิงเหอพูด อันที่จริงแล้ว หากหวังหยวนไม่ได้วิตกกังวลแล้ว ส่วนตัวเธอก็ไม่รังเกียจที่จะให้เอ้อร์นีคบหากับหวังหยวนนานต่อไปอีกสักหน่อย เพียงแต่หวังหยวนก็อายุไม่ใช่น้อย ๆ แล้วจริง ๆ

ยิ่งไปกว่านั้น เอ้อร์นีก็ถูกเขาเกลี้ยกล่อมและเต็มใจที่จะแต่งงานกับเขา ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว

……………………………………………………………………………………………….

(1) หมายถึง ผู้ชายที่มองผู้หญิงที่มีฐานะทางสังคมดีกว่าตนเอง เทียบได้กับสำนวนดอกฟ้ากับหมาวัดของไทย

(2) ตามความเชื่อของจีน หนุ่มสาวที่เป็นเนื้อคู่กัน จะมีเชือกสีแดงที่มองไม่เห็นผูกอยู่ที่ข้อเท้าของแต่ละฝ่าย