ภาคที่ 35 มหาเคารพหิมะเหิน ตอนที่ 25 สะเทือนแดนดิน (1)

Snow Eagle Lord อินทรีหิมะเจ้าดินแดน

การบูชาโลหิตเมืองสักแห่งหนึ่งนั้นเป็นเรื่องใหญ่นัก

ก็เหมือนกับตอนที่ ‘บูชาโลหิตเมืองอัคคีโชติ’ ในตอนนั้น เจ้าลัทธิทั้งสามแห่งทะเลสาบมารทมิฬก็พินิจดูผ่านกระจกยลฟ้าอยู่ห่างๆ ประมุขรัฐเมฆทักษิณา ฝานเทียนฉ่ง และผู้แกร่งกล้าของขุมอำนาจฝ่ายต่างๆ ที่ได้รับข่าว ต่างก็สามารถตรวจดูสถานการณ์ผ่านกระจกยลฟ้ากันได้ทั้งสิ้น

และการบูชาโลหิตเมืองฟู่จวินในคราวนี้ก็ดึงดูดความสนใจของขุมอำนาจใหญ่จำนวนหนึ่งเช่นกัน

อย่างเช่นหกรัฐโบราณต่างก็มีผู้แกร่งกล้าที่รับผิดชอบสังเกตดูความเคลื่อนไหวใหญ่ๆ ทั้งหมดทั่วทั้งดินแดนโดยเฉพาะ ยังมีขุมอำนาจใหญ่จำนวนหนึ่งที่มีผู้แกร่งกล้าสอดแนมอยู่เช่นกัน

“เป็นบุคคลลึกลับผู้นั้น”

“เขาปรากฏตัวขึ้นอีกแล้ว แล้วยังผลาญพลพรรคหนึ่งของเกาะจันปาอีกด้วย เขามีความแค้นกับประมุขเกาะจันปาใช่หรือไม่ เหตุใดจึงจ้องจะเป็นปฏิปักษ์กับเกาะจันปาอยู่ตลอดเลยเล่า”

“อืม สองฝ่ายต้องมีความแค้นต่อกันอย่างแน่นอน! ไม่มีทางบังเอิญเช่นนั้นหรอก เขาบังเอิญอยู่ภายในเมืองที่ถูกบูชาโลหิตต่อเนื่องกันถึงสองครั้ง ต่อให้บังเอิญอยู่ทั้งสองครั้ง จะโหดร้ายเช่นนี้ สังหารทุกชีวิตของเกาะจันปาจนเกลี้ยงเกลาทั้งสองครั้งเลยหรือ”

ทุกฝ่ายพินิจดูอยู่ห่างๆ

พินิจดูไปพลาง อีกด้านหนึ่งก็วิพากษ์วิจารณ์ไปพลาง ในขณะนี้ทุกคนยังสงบและผ่อนคลายกันเป็นอย่างยิ่ง

เพราะพวกเขาต่างก็รู้ดีว่ายอดฝีมือ ‘วิถีอากาศ’ นั้นขึ้นชื่อในด้านการหลบหนี! พวกเขาเชื่อว่าบุคคลลึกลับผู้นี้สังหารพลพรรคมารของเกาะจันปาจนสิ้นแล้วก็สามารถหนีไปได้ในทันทีอยู่แล้ว

“ประมุขเกาะจันปามาแล้ว ดูท่าทางจะโกรธจนคลั่งแล้วด้วย”

“อะไรกัน เขาไม่หนีหรือ”

“สู้กันแล้ว สู้กันแล้ว!”

ผู้สังเกตการณ์ของแต่ละขุมอำนาจล้วนเต็มไปด้วยความโกลาหล!

ผู้มีพลังรบระดับสุดยอดสองคนประมือกันอย่างนั้นหรือ นี่เป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็นยิ่งกว่าการบูชาโลหิตมากมายนัก!

“ไปรายงานท่านประมุขรัฐเร็วเข้า”

“ไปรายงานฝ่าบาทจักรพรรดิเทพเร็วเข้า”

ทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาต่างพากันตื่นตระหนกเพราะเหตุนี้ เช่นจักรพรรดิเทพผลาญโลกา อ๋องสัตว์โลกา ประมุขรัฐจันทร์โรจน์ และเหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทานแต่ละคนต่างก็พากันชมดูการต่อสู้ผ่านกระจกยลฟ้าด้วยตาตนเองเพราะเหตุนี้!

“น่าสนใจจริงๆ” อ๋องสัตว์โลกานั่งอยู่บนบัลลังก์ ตรงหน้ามีอาหารเลิศรสนานาชนิดวางอยู่ เขากินอาหารคำโตพลางจ้องมองสถานการณ์การต่อสู้ที่ปรากฏบนกระจกยลฟ้าที่แขวนลอยอยู่ตรงหน้า “หรือว่ายอดฝีมือวิถีอากาศผู้ลึกลับผู้นี้จะไม่กลัวการห้ำหั่น จึงได้เปิดเผยเคล็ดวิชามากมายเหลือเกิน ไม่กลัวจะถูกคาดเดาตัวตนที่แท้จริงออกเลยหรือไร ต่อให้เป็นผู้แกร่งกล้าของหกรัฐโบราณ ด้วยนิสัยมารพรรค์นี้ของประมุขเกาะจันปา เกรงว่าคงจะไปถึงในรัฐโบราณแล้วสังหารหมู่ตามอำเภอใจเพื่อล้างแค้นสักรอบหนึ่งกระมัง!”

“ห้ำหั่นกันขึ้นมาแล้วจริงๆ หรือ”

“ไม่กลัวจะเปิดเผยเลยหรือ”

แต่ละฝ่ายพากันประหลาดใจ

เหมือนก่อนหน้านี้ที่สังหารหมู่มารที่อ่อนแอเหล่านั้น การโจมตีหมู่ที่กินอาณาบริเวณกว้างครั้งหนึ่ง เพียงแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้น ระมัดระวังสักเล็กน้อย ก็ไม่ต้องเปิดเผยตัวตนเลย

แต่เมื่อห้ำหั่นกับสุดยอดผู้แกร่งกล้าระดับเดียวกันขึ้นมา เช่นนั้นเคล็ดวิชาที่ต้องเปิดเผยก็คงมากมายเสียแล้ว

“จ้าวหิมะเหินผู้นี้มีความแค้นกับประมุขเกาะจันปาหรือไร” จักรพรรดิเซี่ยก็มองดูอย่างสงสัยอยู่บ้าง “เขาห้ำหั่นเช่นนี้ลงไปก็จะต้องเปิดเผยเคล็ดวิชามากมายอย่างแน่นอน ถึงแม้เขาจะขอให้พวกข้าไม่แพร่ข่าวของ ‘ดอกบัวเพลิงห้วงอากาศ’ ออกไป เขาเป็นผู้ที่บรรลุใหม่ ผู้อื่นก็จะไม่สามารถเดาออกได้ว่าบุคคลลึกลับก็คือเขา จ้าวหิมะเหิน เป็นการชั่วคราว แต่ในอนาคต… เขา จ้าวหิมะเหินก็คงมิอาจไม่ลงมือไปได้ตลอดหรอกกระมัง เขาก็อาจจะเข้าไปผจญภัยในวังเทพจิตโลกา แล้วอาจไปยังหุบเขาเขี้ยวหัก ในที่สุดก็ต้องลงมืออยู่ดี! เมื่อใดที่ลงมือก็จะถูกค้นพบตัวตนได้อย่างง่ายดายยิ่งนัก”

จักรพรรดิเซี่ยก็สงสัยไม่เข้าใจเช่นกัน

ผู้มีคุณสมบัติพอที่จะเรียกได้ว่าเป็นมารที่ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานฝ่ายหนึ่งในใต้หล้านั้นมีน้อยจนสามารถนับนิ้วได้

ทุกคนต่างก็มีเคล็ดลับวิชาที่ทำให้บุคคลผู้ไร้เทียมทานก็ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้! ดังนั้นถึงแม้ว่าเหล่าบุคคลผู้ไร้เทียมทานจะกล้าแกร่ง แต่ก็ยังต้องปวดหัวกับพญามารหลายตนนั้นเป็นอย่างมาก จะฆ่าก็ฆ่าไม่ตาย! ช่างทำให้เสียหน้ายิ่งนัก ถึงแม้ว่าขุมอำนาจใต้บังคับบัญชาของพญามารจะสูญเสียไปจนหมดสิ้น เกรงว่าพญามารก็คงยังไม่สนใจอยู่ดี

มาร โดยทั่วไปแล้วต่างก็เห็นแก่ตัวกันเป็นอย่างยิ่ง!

“นี่น้องเฟยเสวี่ยคิดจะทำอะไรกัน ต่อให้ช่วยเหลือมดปลวกจำนวนนับไม่ถ้วนเหล่านั้น ก็ไม่จำเป็นต้องห้ำหั่นกับประมุขเกาะจันปาหรอกกระมัง เช่นนี้พอนานไป ในที่สุดก็ต้องเปิดเผยตัวตนน่ะสิ” มหาเคารพซือเทียนก็มองกระจกยลฟ้าแล้วขมวดคิ้ว

ตอนนี้ทางด้านรัฐโบราณคิมหันตวายุ ผู้ที่ล่วงรู้ว่าตงป๋อเสวี่ยอิงก็คือบุคคลลึกลับผู้นั้นก็มีอยู่เพียงแค่บุคคลผู้ไร้เทียมทานสามคนกับมหาเคารพซือเทียนเท่านั้น

เพราะว่าตงป๋อเสวี่ยอิงเคยขอความมั่นใจมาก่อนแล้ว รวมถึงข้อตกลงที่ทำกันเอาไว้ก่อนหน้านี้ บุคคลผู้ไร้เทียมทานทั้งสามและมหาเคารพซือเทียนก็ย่อมมิอาจเผยแพร่ออกไปได้อยู่แล้ว

แต่ยอดฝีมือวิถีอากาศที่ไปถึงพลังรบระดับ‘บุคคลลึกลับ’ นี้ในดินแดนจิตโลกาก็มีน้อยจนสามารถนับนิ้วได้เลยทีเดียว

เมื่อใดที่ภายหน้าตงป๋อเสวี่ยอิงใช้ตัวตนที่แท้จริงในการต่อสู้ เปิดเผยออกมา ก็สามารถคาดเดาออกได้อย่างง่ายดายแล้ว!

“โง่เง่าใช้ได้เลยทีเดียว หรือจะบอกว่าเขาไม่สนใจความเป็นความตายของตระกูลแล้วอย่างนั้นหรือ ก็ใช่ เขาเป็นผู้ที่กลับชาติมาเกิด คาดว่าคงมิได้มีความรู้สึกอันลึกซึ้งอะไรกับตระกูลอิงซานหรอก” มหาเคารพซือเทียนพินิจดู

……

แต่ละฝ่ายพินิจดูความเคลื่อนไหวของการต่อสู้ผ่าน ‘กระจกยลฟ้า’ ของฝ่ายตน

เพียงแต่ว่าสิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ บุคคลลึกลับมิได้หลบเลี่ยงและริเริ่มที่จะต่อสู้ใดๆ เลย แต่กลับตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบโดยตลอด

บนพื้นที่รกร้างที่ห่างจากเมืองฟู่จวินล้านล้านลี้แห่งหนึ่ง เงาร่างสองสายประมือกันอย่างรวดเร็วยิ่ง

“ระเบิด!”

ประมุขเกาะจันปาผู้อวบอ้วนเป็นที่สุดยื่นมือทั้งสองคราหนึ่ง มือข้างหนึ่งก่อให้เกิดม่านอากาศคลี่ปกคลุมท้องฟ้า ส่วนมืออีกข้างก็โผล่ออกมาจากส่วนลึกของดินราวกับพื้นพิภพแห่งหนึ่ง

ข้างหนึ่งอยู่บน ข้างหนึ่งอยู่ล่าง

ระหว่างฝ่ามืออันใหญ่โตมหึมาทั้งสองก็ก่อรูปเป็นห้วงน้ำวนสีดำสนิทที่พังทลาย

พละกำลังอันน่าหวาดหวั่นไร้ที่สิ้นสุดเกิดปฏิกิริยาบนร่าง

“หมื่นเคล็ดมิกล้ำกราย”

ห้วงมิติชั้นแล้วชั้นเล่าบริเวณรอบๆ ผิวกายของตงป๋อเสวี่ยอิงพยายามต้านทานพละกำลังที่ผลาญทำลายฉีกทึ้งนี้เอาไว้ ปึงๆๆ ห้วงมิติชั้นแล้วชั้นเล่าระเบิดทลายเปิดกรงขัง ทำให้พลังนี้เคลื่อนย้ายไปถึงยังห้วงมิติชั้นสูงกว่า

“เคล็ดลับนี้ยังมีข้อบกพร่องอยู่ ทำอย่างไรจึงจะสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริงได้เล่า” ตงป๋อเสวี่ยอิงต่อสู้สำแดงยุทธวิธีหิมะเหินไปพลาง ตรวจสอบข้อบกพร่องของเคล็ดวิชามากมายไปพลาง พร้อมกันนั้นก็ใคร่ครวญไปด้วยว่าควรปรับปรุงแก้ไขอย่างไรดี

ที่ผ่านมาก็จมดิ่งอยู่กับการหยั่งรู้มาตลอด

และในการห้ำหั่นระหว่างความเป็นความตาย โดยเฉพาะตนเองก็ย่อมไม่เข้าใจว่าภายใต้เคล็ดวิชาของผู้แกร่งกล้าขั้นสุดยอดของวิถีอื่นๆ ข้อบกพร่องจำนวนหนึ่งของเคล็ดวิชาของตนจะยิ่งเห็นได้อย่างชัดเจนขึ้น ทำให้ตนเองเข้าใจถึงทิศทางในการแก้ไข สิ่งนี้ประโยชน์ต่อการบำเพ็ญเป็นอย่างมาก

“พลั่ก” พลังที่หลงเหลืออยู่ของห้วงน้ำวนสีดำสนิทเกิดปฏิกริยาบนร่างของตงป๋อเสวี่ยอิง ตงป๋อเสวี่ยอิงก็กะพริบร่างคราหนึ่ง ตลอดร่างราวกับม้วนภาพวาดที่บางเฉียบอย่างยิ่งแผ่นหนึ่ง ร่นถอยไปยังบริเวณไกลๆ อย่างเงียบงันไร้สุ้มเสียง

“เจ้าก็รู้จักหลบด้วยหรือ เจ้ามีพลังยุทธ์เล็กน้อยเช่นนี้เองหรือ”

ประมุขเกาะจันปาเป็นต่อในทุกๆ ด้าน กดดันตงป๋อเสวี่ยอิง

ตงป๋อเสวี่ยอิงตกเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด แต่กลับมิได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย!

“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ตงป๋อเสวี่ยอิงหัวเราะเสียงดัง เขาก็เข้าใจว่าหากสำแดงเคล็ดวิชาของยุทธวิธีหิมะเหินโดยตลอดก็จะทำให้อีกฝ่ายสงสัยว่าตนเองมิใช่ ‘ขั้นสุดยอด’! เพราะว่าจนถึงตอนนี้ตนก็มิได้สำแดงเคล็ดวิชาความเร้นลับที่แฝง ‘วิถีอากาศขั้นสุดยอด’ ออกมาเลย ช่วยไม่ได้ ภายใต้สถานการณ์ที่มิได้อาศัยพลังงานภายนอก เขาก็มิอาจสำแดงออกมาได้

มิได้ตระหนักรู้แล้วจะสำแดงอย่างไรได้เล่า

ต้องอาศัยวัตถุภายนอก!

สุดยอดสมบัติลับล้ำค่า ‘ดอกบัวเพลิงห้วงอากาศ’

“หลังจากที่วิถีอากาศไปถึงระดับสุดยอดแล้วก็จะใช้พลังคละวิถี ข้าก็แค่ใช้เคล็ดวิชาพลังคละวิถีอย่างหยาบๆ จำนวนหนึ่งแสดงออกมารอบหนึ่งเท่านั้นเอง เจ้าก็ถึงกับมิอาจทำให้ข้าบาดเจ็บได้ ก็ดี ในเมื่อเจ้าทำให้ข้าต้องสำแดงพลังยุทธ์ที่แท้จริง เช่นนั้นข้าก็จะสนองความต้องการของเจ้าเอง!” เสียงหัวเราะของตงป๋อเสวี่ยอิงก้องสะท้อนฟ้าดิน หมัดหนึ่งของเขาพลันระเบิดออกสู่เบื้องหน้าในทันใด

ดอกบัวเพลิงห้วงอากาศที่พกติดตัวเอาไว้ถูกกระตุ้นขึ้นมา

กระบวนท่านี้ก็เป็นเคล็ดวิชาที่ผสานรวมยุทธวิธีหิมะเหินกับดอกบัวเพลิงห้วงอากาศเอาไว้แล้ว ตอนนั้นก่อนหน้าที่เขาจะจัดการกับจวินอ๋องดำ เขาก็หยั่งรู้ดอกบัวเพลิงห้วงอากาศอย่างละเอียดแล้ว สามารถผสานดอกบัวเพลิงห้วงอากาศที่มีพลานุภาพขั้นสุดยอดเข้าเป็นหนึ่งเดียวกันกับยุทธวิธีหิมะเหินของตนได้อย่างสมบูรณ์แบบ แม้กระทั่งพลังยุทธ์ก็ยังสามารถพลิกกลับขึ้นมาได้หลายเท่า!

“ปัง ปัง ปัง…”

กำปั้นของตงป๋อเสวี่ยอิงระเบิดออกมาหมัดหนึ่งแต่กลับปรากฏเป็นเงามายาของกำปั้นขนาดใหญ่ขึ้น  เงามายาของกำปั้นนี้ปกคลุมฟ้าดินส่วนใหญ่เอาไว้ ภายในแฝงเงามายาของกำปั้นจำนวนนับชั้นไม่ถ้วนเอาไว้ พลังคละวิถีอันปั่นป่วนเอ่อท่วมภายใน

ประมุขเกาะจันปาได้เห็นเหตุการณ์แล้วก็สีหน้าแปรเปลี่ยน คำรามเสียงต่ำเสียงหนึ่งแล้วก็ปล่อยหมัดออกมาเช่นกัน

สุดยอดผู้แกร่งกล้าทางสายพละกำลังย่อมไม่สนใจจะหลบซ่อนตัวอยู่แล้ว

“ปัง…”

กำปั้นทั้งสอง

กำปั้นของประมุขเกาะจันแฝงเอาไว้ด้วยพละกำลังไร้ที่สิ้นสุดอันลึกล้ำ ส่วนกำปั้นของตงป๋อเสวี่ยอิงกลับประหนึ่งว่าแบกโลกจำนวนนับไม่ถ้วนเอาไว้ พลังคละวิถีปั่นป่วนพรั่งพรู

ยามที่ปะทะกัน ทั่วทั้งฟ้าดินก็สั่นสะท้าน บริเวณที่ปะทะกันปรากฏปากถ้ำสีดำสนิทขึ้นมา ต่างก็สามารถมองเห็นโลกระดับที่สูงขึ้นได้

พละกำลังอันพรั่งพรูแผ่กระจายออกไปทุกทิศทุกทาง

ระลอกคลื่นอันน่าหวาดหวั่นนี้ทำให้เหล่าเทพจักรวาลทั่วทั้งดินแดนจิตโลกาต่างก็สามารถรับรู้ได้ทั้งสิ้น

“พลั่ก”

ประมุขเกาะจันปาถูกทำให้ตระหนกเสียจนบินลอยถอยออกไป ในปากก็กระอักโลหิตออกมา ห้วงมิติจำนวนนับชั้นไม่ถ้วนก็ปะทะบนร่างอันอวบอ้วนของเขาอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้ร่างกายของเขาเกิดบาดแผลขึ้นจำนวนหนึ่ง

จากนั้นเขาก็หยุดลงที่กลางอากาศไกลออกไป มองบุรุษอาภรณ์ขาวที่อยู่ห่างออกไปอย่างตื่นตระหนก

พลังยุทธ์นี้แข็งแกร่งเกินไปเสียแล้ว

“เจ้าอยากจะเห็นพลังยุทธ์ที่แท้จริงของข้ามิใช่หรือไร ฮ่าฮ่า ข้าเป็นวิถีอากาศ สิ่งที่เชี่ยวชาญที่สุดก็คือร่างแยกอย่างไรเล่า นี่แหละจึงจะเป็นพลังของร่างแยกร่างหนึ่งของข้า!” เสียงของตงป๋อเสวี่ยอิงสะท้อนก้องฟ้าดิน เห็นเพียงว่าบุรุษอาภรณ์ขาวอยู่ไกลออกไป แต่บริเวณโดยรอบกลับพรึ่บๆๆ… บุรุษอาภรณ์ขาวคนแล้วคนเล่าต่างพากันปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ มีบุรุษอาภรณ์ขาวถึงเก้าคนที่ต่างก็แผ่พลังคุกคามอันน่าหวาดหวั่นจ้องมองประมุขเกาะจันปา

ประมุขเกาะจันปาสีหน้าแปรเปลี่ยนอย่างใหญ่หลวง คนเดียวก็ต้านไม่อยู่แล้ว นี่มากถึงเก้าคนเชียวหรือ

……………………………………………