ตอนที่ 509 พลีชีพ โดย Ink Stone_Fantasy
“นี่…นี่มันอะไรกัน?”
ร่างของคิตะมิยะ โชตะที่ลอยออกไปไกลเป็นสิบเมตร ตรงกลางอกมีดาบนักรบเล่มหนึ่งปักอยู่ ท่านโชตะยังตกอยู่ในความงุนงง ไม่เข้าใจว่าตอนแรกยืนอยู่ด้านหลังเยี่ยเทียน ทำไมเขาถึงรับรู้ถึงการเข้าใกล้ของตัวเอง? แล้วดาบเล่มนั้น แทงเข้าไปกลางอกตัวเองได้อย่างไร?
คิตะมิยะ โชตะไม่รู้เลยว่า เมื่อครู่ที่ได้เดินเข้ามาในวงล้อมของหมอกควัน เยี่ยเทียนก็รู้แล้วว่าท่านเข้ามาใกล้
ตอนที่ท่านโชตะเข้าใกล้เยี่ยเทียนมาก เยี่ยเทียนใช้เท้าตวัดดาบนักรบที่ตกอยู่กับพื้นขึ้นมา แล้วใช้ส่วนส้นเท้ากระแทกด้ามดาบเบาๆ ด้วยระยะห่างเพียงเท่านี้ ด้วยพลังลมปราณของเยี่ยเทียนที่ส่งผ่านดาบไป มีหรือที่ท่านโชตะจะหลบหลีกได้? ดาบนั้นจึงทะลุผ่านช่องอกของท่านได้อย่างง่ายดาย
เยี่ยเทียนเดินออกจากวงล้อมของกลุ่มควันด้วยชัยชนะ เหลือบมองคิตะมิยะ โชตะที่ยังตะลึงงันอยู่ด้วยสายตาเย็นชาและเอ่ยพูด “ศิลปะการพรางตัวของพวกคุณ เป็นแค่มายากลหลอกเด็กเท่านั้น ยังกล้าเอามาใช้กับฉันอีก ถือว่าพวกคุณหาเรื่องใส่ตัวเองนะ!”
เมื่อก่อนในโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ มักมีการแสดงฉากการพรางตัวอันลึกลับดูน่าอัศจรรย์ใจ วิชานั้นช่างตื้นเขินเทียบไม่ได้กับวิชาทั่วไปของสำนักวิชาต่างๆ เลย ความจริงแล้ววิชาแบบนี้เป็นแค่วิชาหลอกตาในประเทศจีนเท่านั้นเอง
อย่างที่เรียกกันว่าเป็นวิชาห้าธาตุ หรืออีกความหมายหนึ่งคือวิชาพื้นๆ ทั่วไป
วิชาธาตุทองเป็นการใช้แสงสะท้อนจากโลหะเพื่อบดบังการมองเห็นของฝ่ายตรงข้ามแล้วหลบหนีเอาตัวรอด และยังใช้ลอบทำร้ายศัตรูได้ด้วย
วิชาธาตุไม้ เป็นวิธีการปีนหรือกระโดดไกล ซึ่งต้องอาศัยอุปกรณ์บางอย่าง บ้านญี่ปุ่นโบราณมักสร้างพื้นค่อนข้างเตี้ย ผู้ที่สามารถกระโดดขึ้นต้นไม้ได้นั้น ก็จะลอบเข้าไปในบ้านไหนก็ได้ ทำให้เหล่านินจาสามารถกระโดดขึ้นกำแพงส่งข่าวให้กันได้
วิชาธาตุน้ำคือการฝึกดำน้ำ โดยใช้หลอดกลวงเพื่อหายใจจากใต้น้ำ สวมรองเท้าที่ทำจากไม้ออกแบบพิเศษเพื่อการเดินข้ามแม่น้ำ คนที่ไม่รู้ก็จะนึกว่ามีฝีมือล้ำเลิศ ดูคล้ายกับตาเฒ่าที่สามารถกระโดดได้ไกลพันวาในเรื่องดาบมังกรหยกของกิมย้ง
ส่วนวิชาธาตุไฟคือการใช้สารเคมีมาผสมเป็นระเบิดควันเป็นต้น หรืออุปกรณ์ที่ใช้เดินสายเพลิง เมื่อก่อนยังไม่มีระเบิด วิชาไฟจึงหมายถึงการควบคุมให้เชื้อเพลิงอยู่กับตำแหน่งควันไฟที่เดิม เมื่อครู่วิชาที่คิตะมิยะ ฮิเดโอะใช้ก็คือวิชานี้นี่เอง
ในละครโทรทัศน์วิชาดำดินของธาตุดินที่น่าพิศวงที่สุด ความจริงแล้วไม่ได้เหมือนที่ดาราแสดง คนกระโดดทีหนึ่งก็มุดดำดินหายไปกับตา ความจริงแล้ว ภายใต้ดินโคลนนั้น มักมีทางเดินใต้ดินที่ถูกขุดไว้แล้วอีกทั้งต้องทำในพื้นที่ที่พื้นดินอ่อนนุ่มจึงจะทำได้ ไม่เช่นนั้นคุณหาที่ดินโคลนสักแห่งให้พวกเขาแสดงฝีมือดำดินให้ดู?
ในลัทธิเต๋าก็มีวิชาห้าธาตุเช่นกัน เยี่ยเทียนเองยังไม่ได้รับการถ่ายทอดวิชาที่ว่านี้เลย ตอนนี้เขาทำได้แต่เพียงใช้ความเคลื่อนไหวของพลังลมปราณแท้ที่มีอยู่รอบตัวเพื่อสกัดกั้นลมหายใจและตำแหน่งของตัวเองเท่านั้น ไม่ได้กระทำสิ่งที่น่าพิศวงอะไรเลย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การแสดงฝีมือเล็กน้อยของคิตะมิยะ ฮิเดโอะจึงไม่เข้าตาเยี่ยเทียนเลยสักนิด ถ้าไม่ได้จะดูปฏิกิริยาจากฝ่ายตรงข้ามว่าจะมาไม้ไหนแล้วล่ะก็ เยี่ยเทียนคงใช้พลังลมปราณของเขาปัดเป่าหมอกควันตรงหน้าให้สลายไป
“สำนักวิชาฉีเหมิน สมคำร่ำลือจริงๆ!”
คิตะมิยะ โชตะรู้สึกอาลัยอาวรณ์ต่อทัศนียภาพภูเขาเขียวขจี มุมปากมีรอยเลือดที่กระอักออกมา แล้วให้มือทั้งคู่จับด้ามดาบนักรบที่ปักอยู่กลางอกตัวเอง ออกแรงดันมันลงไปลึกขึ้น แล้วดึงดาบลงด้านล้าง ทำให้อกและท้องถูกกรีดแหวะออก เครื่องในตับไตลำไส้ไหลล้นออกมากองที่พื้น
“นักรบอย่างพวกเรา มีวิธีการตายแบบนักรบ!” ท่านโชตะเหมือนจะยิ้มให้เยี่ยเทียน ร่างกายค่อยๆ ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ศีรษะตกลงและขาดใจตาย
“ทำไมต้องทำขนาดนี้? ให้ศพอยู่ครบถ้วนไม่ดีกว่าหรือ?”
เยี่ยเทียนส่ายหน้า แต่ในใจกลับรู้สึกเคารพต่อท่านโชตะแห่งตระกูลคิตะมิยะคนนี้ การทำฮาราคีรีนั้นเป็นเกียรติอย่างสูง ต้องมีความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว ในสงครามโลกครั้งที่สอง ทหารญี่ปุ่นตั้งเท่าไรที่ยอมใช้ปืนยาวยิงตัวตายเพื่อหลีกหนีการทำฮาราคีรี
“คิตะมิยะ ฮิเดโอะ ออกมาเถอะ ฉันยังพูดเหมือนเดิม ขอแค่คุณส่งมอบเอกสารให้ผม ผมก็จะไว้ชีวิตคุณ!”
เยี่ยเทียนยืนอยู่เงียบๆ ข้างร่างไร้วิญญาณของท่านโชตะครู่ใหญ่ แล้วเยี่ยเทียนก็หันไปมองทางรถถังคันนั้น แม้ว่าจะยังมีหมอกควันบดบังอยู่ แต่เขาก็เห็นอย่างชัดเจนว่าฮิเดโอะได้หนีไปขึ้นรถถังแล้ว
“แคร้ก!” ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังพูดอยู่นั้น มีเสียงคลิกเบาๆ ดังเข้าไปในหูของเขา เยี่ยเทียนตกใจสะดุ้ง รู้สึกราวกับหัวใจทั้งดวงถูกมืออันใหญ่ตะครุบไว้ ขนลุกไปทั้งตัว ความรู้สึกถึงภยันตรายถาโถมใส่อย่างรุนแรง
ยังไม่ทันคิดอะไร เยี่ยเทียนทรุดหมอบลงกับพื้นในทันใด ทั้งมือและเท้าคืบคลานรวดเร็วราวกับสัตว์ป่า จากที่ตัวแนบกับพื้นดินก็ดีดตัวขึ้นมา ถ้าไม่ระวัง เยี่ยเทียนอาจจะดับสูญไปแล้วก็เป็นได้
“ปังปัง….ปังปังปัง!!!”
จังหวะตอนที่เยี่ยเทียนทรุดตัวลงหมอบ เสียงปืนดังเป็นระลอกตามมา ห่ากระสุนขนาด 13 มิลลิเมตรราวกับพายุฝนสาดซัดเข้าใส่
ร่างของท่านโชตะที่กองอยู่กับพื้นตอนนี้แหลกเหลวราวกับเศษข้าวสาลีที่เพิ่งเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วง ถูกห่ากระสุนตัดเอาร่างหลุดออกเป็นสองท่อน เศษเนื้อหยดเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว
“ฮิเดโอะ ยิงโดนเขาบ้างไหม?”
คำถามดังขึ้นในรถถังคันนั้น ถ้ามองทะลุกลุ่มหมอกควันไป บนรถถังมีคนสองคนนั่งอยู่ นอกจากคิตะมิยะ ฮิเดโอะแล้ว ยังมีผู้อาวุโสฟูจิโอะที่บาดเจ็บสาหัสอยู่อีกคน
เมื่อครู่คนที่กดปุ่มลั่นไกปืนใหญ่บนรถบรรทุกรัวๆ นั่นคือท่านฟูจิโอะ ความอดทนของเขานั้นเข้มแข็งเหนือคนธรรมดา ร่างกายท่อนล่างที่ถูกงูยักษ์บดขยี้ ยังดิ้นรนอยู่ต่อได้ราวกับแมลงสาบที่ตายยาก พลังชีวิตที่รุ่งโรจน์แม้แต่ฮิเดโอะยังสู้ไม่ได้
“ท่านฟูจิโอะ เหมือนจะไม่โดน”
ฮิเดโอะสั่นศีรษะ แขนขวามีเลือดออกไม่หยุด สีหน้าซีดขาวราวกระดาษ เริ่มจะครองสติไม่อยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่การฝึกฝนความอดทนมาหลายสิบปี ป่านนี้คงสลบไปนานแล้ว
“เหอะๆ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิตฉันฟูจิโอะแล้ว”
ปืนใหญ่ที่ติดอยู่บนรถถัง ได้เตรียมกระสุนไว้เพียงชุดเดียว เขาทั้งสองคนหนึ่งแขนขาดคนหนึ่งขาพิการ ต้องมาสู้กับเยี่ยเทียนจะไหวได้อย่างไร
สีหน้าของท่านฟูจิโอะฉายแววของการปล่อยวาง ปากบ่นพึมพำว่า “ตอนนั้นฉันเคยได้พบผู้วิเศษคนหนึ่งในประเทศจีน เขาเคยบอกว่าฉันจะมีอายุขัยแปดสิบห้าปี แต่กลับต้องตายโหงด้วยอาวุธดาบหรือไม่ก็ปืน ฉัน…ฉันโกรธมากจึงได้ฆ่าเขาทิ้งเสีย หรือ…หรือว่านี่จะเป็นผลกรรมจากการกระทำครั้งนั้น?”
“ใช่ นี่คือผลกรรม สิ่งที่คุณทำตอนนั้นมาเป็นผลที่เกิดขึ้นวันนี้ เป็นวัฏจักรที่ไม่มีใครหนีพ้น คุณสองคน ตายซะเถอะ!”
เสียงของท่านฟูจิโอะเพิ่งจบลง เงาของเยี่ยเทียนก็ปรากฏขึ้นที่ด้านข้างรถถัง บนใบหน้ามีรอยขีดข่วนเล็กน้อย เพราะตอนที่หลบห่ากระสุนผืนใหญ่นั้น ถูกใบหญ้าข้างทางกรีดเอา
เยี่ยเทียนโตมาในภูเขาเหมาซาน นิสัยใจคอที่แท้จริงแล้วเป็นคนดี มีครั้งหนึ่งตอนที่ออกจากอารามเต๋ากำลังจะกลับบ้าน เห็นงูพิษเลื้อยขวางทางเดินอยู่ ตอนนั้นเยี่ยเทียนอายุแค่แปดขวบ เขาใช้กิ่งไม้เขี่ยไล่งูให้พ้นทาง ไม่ถึงกับตีงูจนตาย
แต่ใครจะรู้ว่า ตอนที่เยี่ยเทียนกำลังเดินผ่านนั้น งูพิษเกิดพุ่งเข้าฉกที่น่องของเยี่ยเทียน ถ้าเขาไม่ได้ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจนนักพรตเฒ่าได้ยิน เกรงว่าคงจะไม่ได้อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้
เยี่ยเทียนจึงจดจำมาตลอดว่าถ้าตีงูไม่ตายมันจะแว้งกลับมากัดตน เหมือนกับคนญี่ปุ่นพวกนี้ ตอนสู้รบกับประเทศจีน จีนไม่ได้บีบคั้นเรียกร้องค่าปฏิกรรมสงครามจากญี่ปุ่นเลยเพราะเห็นญี่ปุ่นกำลังลำบาก พอญี่ปุ่นเริ่มฟื้นตัวขึ้นได้ ก็เริ่มมารีดเลือดกับปูจากประเทศจีนด้วยวิธีการต่างๆ นานา นี่ก็เป็นเพราะตอนนั้นจีนไม่ได้จัดการกับญี่ปุ่นให้เด็ดขาด
แต่แรกเริ่มเยี่ยเทียนไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยคนญี่ปุ่นพวกนี้ไป ตามที่อาจารย์และศิษย์พี่ใหญ่ได้เคยบอกไว้ว่าคนญี่ปุ่นเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะฆ่ามากเท่าไรก็ไม่ผิด ตั้งแต่เมื่อวานที่เยี่ยเทียนฆ่าคนไปเจ็ดแปดสิบคนแล้ว เขาไม่ได้รู้สึกว่ามีแรงกดดันอะไร
“ส่งของมาสิ ไม่อย่างนั้นฉันก็ไม่รังเกียจที่จะหยิบมันออกมาจากศพของพวกคุณเอง!”
เยี่ยเทียนก้าวไปข้างหน้าอีกก้าว แบมือขวาออก เสียง“ตึง”ดังขึ้นจากดาบที่เยี่ยเทียนแทงเข้าไปที่ข้างตัวรถถังทะลุไปข้างใน เหลือคมดาบอีกครึ่งที่โผล่ออกมาใต้ด้าม เกิดเสียงโลหะสั่น “วิ้งวิ้ง”
“ถ้าแกอยากได้ก็เข้ามาเอาเองสิ!”
คิตะมิยะ ฟูจิโอะกับฮิเดโอะสบตากันหนึ่งครั้ง ฮิเดโอะเผยรอยยิ้มที่ดูบ้าระห่ำ ใช้มือข้างที่เหลืออยู่ล้วงเข้าไปในอกเสื้อ หยิบเอาซองเอกสารออกมา
“ให้ตายแถอะ บ้าไปแล้ว!”เยี่ยเทียนเห็นการเคลื่อนไหวของฮิเดโอะ แต่ไม่ได้เคลื่อนตัวไปด้านหน้า ใช้ปลายเท้าดันตัวสะท้อนกลับมาด้านหลัง
ตอนที่เยี่ยเทียนถอยหลังออกมา ท่านฟูจิโอะมีแววเสียดายในใบหน้า มีควันสีเขียวลอยออกมาจากมือของท่าน เพราะมือทั้งสองมีระเบิดแรงดันสูงที่จุดติดแล้วถืออยู่ข้างละอัน ตอนที่ฮิเดโอะกำลังพูดอยู่นั้นก็ได้จุดมันขึ้นมาแล้ว
“ตูม!”
เสียงระเบิดกึกก้องดังขึ้น ส่วนหลังคาของรถถังถูกแรงระเบิดฉีกออกเป็นชิ้นๆ คิตะมิยะ ฮิเดโอะและคิตะมิยะ ฟูจิโอะร่างกายแตกกระจุยกลายเป็นละอองเลือดแดงฉาน แรงกระแทกสะเทือนไปไกลถึงยี่สิบกว่าเมตรตรงที่เยี่ยเทียนถอยหลังไป
เนื่องจากระยะห่างจากปากทางเข้าหุบเขาเพียงแค่สองสามร้อยเมตร เสียงระเบิดจึงดังออกไปถึงภายนอกทำให้หินน้อยใหญ่กลิ้งลงมาจากบนเขา เกือบจะทับเอาพวกมาราไกย์ที่ดักซุ่มอยู่จนต้องถอยหลังไปอีกสิบกว่าเมตร
“ศิษย์พี่หู นั่นเสียงอะไร?” โจวเซี่ยวเทียนขมวดคิ้ว คลึงใบหูแรงๆ เสียงระเบิดรุนแรงเมื่อครู่ดังออกมาจากในหุบเขาปีศาจ ข้างในเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เสียงระเบิด!” หูหงเต๋อให้คำตอบอย่างชัดเจน
โจวเซี่ยวเทียนมองดูหูหงเต๋ออย่างไม่สบอารมณ์ แล้วบ่นว่า “เหลวไหล ผมรู้อยู่แล้วว่ามันเป็นเสียงระเบิด แต่…เสียงมันไม่ดังไปหน่อยหรือเปล่า?”
“นั่นเป็นระเบิดแรงดันสูง แล้วยังไปจุดติดกับระเบิดอื่น ฉันว่า…ในหุบเขาต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว?”
ผู้เชี่ยวชาญด้านการรบออกโรงเอง มาราไกย์สามารถรับรู้ได้ถึงชนิดระเบิดที่ถูกจุดขึ้น เขาเดาไม่ผิด ถ้าเพียงแค่ระเบิดแรงดันสูงสองลูกจะไม่ทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนขนาดนี้ โดยหลักแล้วน่าจะมีระเบิดหลงเหลือซุกอยู่ในรถถังได้เกิดระเบิดขึ้นด้วยพร้อมกัน
………………….