หวงฝู่เย่าเย่ว์เขยิบตัวถอยออกมาก้าวหนึ่งอย่างรวดเร็ว
มือขององค์ชายใหญ่คว้าอากาศว่างเปล่า ชะงักไปเล็กน้อย แล้วมุมปากก็เผยรอยยิ้มสนุกขึ้นมาทันที ร่างกายขยับเคลื่อนเข้ามาหา กดดันหวงฝู่เย่าเย่ว์ต้องถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าว กระทั่งตัวพิงชิดกับขอบเตียง ไม่มีพื้นที่ให้ถอยอีก
เมื่อเห็นนัยน์ตาของหวงฝู่เย่าเย่ว์ปรากฏความกระสับกระส่ายในที่สุด ประกายเจ้าเล่ห์ภายในตาขององค์ชายใหญ่ก็ส่องระยิบระยับ แต่น้ำเสียงกลับมีความอ่อนโยนขึ้นอย่างน่าประหลาด “วางใจเถิด ข้าจะไม่ทำให้ต้องทรมาน”
พูดจบ มือก็ยื่นออกไป ตรงเข้ามาทางเสื้อผ้าของหวงฝู่เย่าเย่ว์อีกครั้ง
หวงฝู่เย่าเย่ว์ยกตะเกียบครึ่งท่อนขึ้น แล้วแทงไปที่มือขององค์ชายใหญ่รวดเร็ว แม่นยำ และรุนแรงโดยปราศความลังเล
ไม่ว่าอย่างไรองค์ชายใหญ่ก็นึกไม่ถึงว่าหวงฝู่เย่าเย่ว์จะกล้าลงมือกับเขา เขารีบดึงมือกลับด้วยความตกใจ แต่ก็ยังถูกคมของตะเกียบบาดเข้าที่หลังมือ และมีโลหิตสีแดงสดไหลออกมาทันใด
องค์ชายใหญ่สบถร้องอย่างไม่สบอารมณ์ ถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองหวงฝู่เย่าเย่ว์ด้วยความตะลึง
หวงฝู่เย่าเย่ว์ยกตะเกียบที่เปื้อนเลือดขึ้น มองด้วยสายตาโกรธแค้น ถ้าเขาเข้ามาอีกครั้ง ก็จะขอสู้จนตัวตายไปพร้อมกับเขา
ครั้นเห็นท่าทางของเขาแบบนี้ ความเดือดดาลที่พลุ่งพล่านบนหน้าขององค์ชายใหญ่ก็มลายสิ้น แลบลิ้นเลียเลือดที่หลังมือ นัยน์ตาปรากฏอำนาจที่ต้องได้ครอบครอง
เมื่อถูกแววตานั่นของเขาจับจ้อง หัวใจของหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็เต้นระเร็ว ทำให้มือที่ถือตะเกียบขึ้นมาอยู่สั่นไหวเล็กน้อย
องค์ชายใหญ่เดินเข้ามาหนึ่งก้าว
หวงฝู่เย่าเย่ว์อยากจะถอยหลังตามสัญชาตญาณ แต่ด้านหลังก็เป็นเตียงแล้ว
นาง…ถอยไปไหนไม่ได้อีกแล้ว!
องค์ชายใหญ่ยิ้มภายใต้แสงที่มืดสลัว นัยน์ตามิได้ปิดบังความใคร่แม้แต่น้อย
แม้ว่าหวงฝู่เย่าเย่ว์จะไม่เข้าใจท่าทางของเขา แต่ก็รู้สึกถึงไอของความปรารถนาที่จะครอบครองจากร่างกายของเขา และรู้ว่าคืนนี้ตัวเองจะหนีไม่พ้นเป็นแน่ จึงตัดสินใจ พลิกมือหันกลับมา ให้ตะเกียบที่แหลมคมจ่อตรงกับลำคอของตัวเอง แล้วแผดเสียงข่มขู่ “ถ้าเจ้ายังจะเข้ามาอีก ข้าก็จะตายให้เจ้าดู”
ความสนุกสนานภายในตาขององค์ชายใหญ่ยิ่งเข้มข้นขึ้น และความใคร่ก็ยิ่งรุนแรง ผ่านมาตั้งหลายปี เขาไม่เคยเจอคนที่ดูน่ารักและแกล้วกล้าเช่นนี้เลย มุมปากก็แสยะขึ้น เผยเป็นรอยยิ้มบางๆ พร้อมกล่าวถาม “รู้ไหมว่า ถ้าข้าไม่พาเจ้ามาที่รัฐอิง เจ้าจะมีจุดจบอย่างไร”
หวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่เข้าใจความหมายของเขา เบิกดวงตาโพลงมองเขาอย่างไม่เข้าใจ
องค์ชายใหญ่ใจสั่นเกินจะอดใจไหว มือก็ขยับโดยไม่รู้ตัว ทว่า ก็ต้องฝืนยับยั้งเอาไว้ “ถ้าหากว่าข้าไม่พาตัวเจ้าออกมา เกรงว่าตอนนี้ชีวิตเจ้าก็คงเหมือนตายทั้งเป็นแล้วล่ะ เช่นนั้น เจ้าก็ควรจะขอบคุณที่ข้ามีบุญคุณช่วยชีวิตไว้ไหมนะ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์ไม่พูด
องค์ชายใหญ่เคลื่อนไปด้านหน้าเล็กน้อยโดยไม่ทันสังเกต แล้วพูดต่อ “ชิงเฟิงโหลวทำอะไร แม่เล้าในนั้นคงบอกเจ้าแล้วสินะ”
ในที่สุดหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็เข้าใจความหมายของเขา เอ่ยปาก “ข้าไม่ได้ยินยอม ข้าถูกคนมอมให้สลบตอนที่ข้าพักอยู่ในโรงเตี๊ยม แล้วก็ขายข้าไปที่นั่น”
“เช่นนั้นแล้วอย่างไรล่ะ ในเมื่อเจ้าเข้าไปข้างในแล้ว เจ้าก็จะไม่มีวันได้ออกมาอีก นอกจากตายสถานเดียว”
คำพูดของเขาสิ้นลง หวงฝู่เย่าเย่ว์คล้ายว่ารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา “เจ้า…ถ้าหากว่าเจ้าปล่อยข้าไป ข้า…ข้าสามารถ…ข้าสามารถ…ข้าสามารถให้ท่านพ่อกับท่านแม่ของข้ามอบเงินให้เจ้าสองพันตำลึงได้”
องค์ชายใหญ่หรี่ตา หัวเราะเสียงดัง ภายในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย “คิดว่าหลายวันนี้ เจ้าก็น่าจะรู้สถานะของข้าชัดเจนแล้วนะ เจ้าคิดว่า ข้าผู้เป็นองค์ชายใหญ่ที่องอาจแห่งรัฐ จะขาดแคลนเงินทองสองพันตำลึงนั่นหรือ”
“เช่นนั้นเจ้าก็รอฝังศพเถิด” น้ำเสียงของหวงฝู่เย่าเย่ว์มั่นคง
องค์ชายใหญ่ส่ายหน้า “เจ้าจะไม่ตายแน่นอน”
หวงฝู่เย่าเย่ว์กดตะเกียบเข้าลำคอของตัวเอง “ถ้าหากว่าเจ้ากล้าแตะต้องตัวข้า ข้าก็จะตายให้เจ้าดูทันที”
“งั้น…หรือ” คำพูดคำแรกดังออกไป ร่างกายองค์ชายใหญ่ก็มาถึงตรงหน้าของหวงฝู่เย่าเย่ว์ราวกับเงาวิญญาณ กว่าคำพูดคำที่สองจะดังขึ้น แขนของหวงฝู่เย่าเย่ว์ก็ชา ทำให้ตะเกียบในมือร่วงหล่นลงบนพื้น และส่งเสียงร้องเสียงเบาๆ ออกมา ความหวังของหวงฝู่เย่าเย่ว์ทั้งหมดได้พังทลายลงเสียแล้ว
ยังไม่รอให้นางมีปฏิกิริยาตอบสนองคืน องค์ชายใหญ่ก็ได้อุ้มร่างกายที่ผอมบางของนาง โยนทิ้งลงบนเตียง แล้วแนบทับเข้าไปแน่น มือใหญ่ของเขาก็ฉีกเสื้อผ้าบนกายของหวงฝู่เย่าเย่ว์ออก
“กรี๊ด!” หวงฝู่เย่าเย่ว์ร้องตะโกนเสียงแหลม
เสียงร้องที่ดังจนแก้วหูขององค์ชายใหญ่เกือบแตก ทำให้เขาตระหนักอะไรขึ้นได้ จึงก้มหน้า จ้องหวงฝู่เย่าเย่ว์ นัยน์ตาเผยประกายอำมหิต “เจ้าเป็นผู้หญิง?!”
ภายในโรงเตี๊ยม เวลายังไม่ถึงเที่ยงคืนดี เมิ่งเชี่ยนโยวก็ได้เก็บของทุกอย่างเสร็จแล้ว แล้วเดินออกห้องเบาๆ มาเคาะประตูห้องของหลินหันเยียนกับหวงฝู่อี้เซวียนสองครั้ง ประตูได้ถูกเปิดออกทันใด ทั้งสองคนที่เก็บของเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมา หวงฝู่เฮ่าเดินเข้าไปในห้องของเมิ่งเชี่ยนโยวเพื่ออยู่เป็นเพื่อนกับหวงฝู่สือเมิ่ง หวงฝู่อี้เซวียน เมิ่งเชี่ยนโยวและหลินหันเยียนกระโดดออกจากหน้าต่างตรงกลางไปนอกโรงเตี๊ยมโดยปราศเสียง
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่ชำนาญวิชาตัวเบา ส่วนหลินหันเยียนก็ไม่ได้ชำนาญเท่าไรนัก ความเร็วของทั้งสามคนเมื่อเทียบกับเมื่อคืนก่อน จึงช้าลงมากอย่างเห็นได้ชัด ยังดีที่โรงเตี๊ยมห่างจากจวนขององค์ชายใหญ่ค่อนข้างใกล้ จึงไม่ได้ทำให้เสียเวลาไปมากเท่าไร
เมิ่งเชี่ยนโยวคลำหาเส้นทางตามความทรงจำจนมาถึงประตูเล็กข้างจวน หลังจากมองตากับหวงฝู่อี้เซวียนแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนก็อุ้มนางกระโดดขึ้นบนกำแพง เมื่อแน่ใจว่าคนเฝ้าประตูเล็กข้างจวนหลับสนิทไปแล้ว ถึงจะอุ้มนางกระโดดเข้าไปในเรือน มาถึงหน้าห้องของหญิงชราและสาวใช้สองคนที่เฝ้าประตูเล็กข้างจวน ซึ่งพวกนางกำลังนอนหลับอยู่ เมิ่งเชี่ยนโยวคว้ากริชที่พกติดตัวออกมา ตัดท่อนไม้กั้นประตูด้วยเสียงเบา แล้วทั้งสองก็เข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว หวงฝู่อี้เซวียนยื่นมือไปกดจุดทั้งสามคนด้วยความว่องไว เมิ่งเชี่ยนโยวคลำหากุญแจบนตัวของหญิงชรา แล้วเปิดประตูเล็กให้หลินหันเยียนเข้ามา
จากนั้น ทั้งสามคนเดินเข้าไปภายในห้อง แล้วแก้จุดให้หญิงชรา ขณะที่นางสะดุ้งตื่นขึ้น แล้วกำลังจะร้องตะโกน เมิ่งเชี่ยนโยวก็เอากริชกดเข้าที่ลำคอของนาง แล้วส่งเสียงขู่ “ถ้าหากเจ้ากล้าร้อง ข้าจะส่งเจ้าขึ้นสวรรค์บัดเดี๋ยวนี้”
เห็นกริชที่ส่องประกายวาบภายใต้ความมืดยามราตรี เสียงที่จะร้องขอความช่วยเหลือในลำคอก็กลืนกลับลงไป ทว่า ไม่เข้าใจว่าเมิ่งเชี่ยนโยวพูดอะไร จึงมองสามคนตรงหน้าด้วยความตื่นตระหนกและกระวนกระวาย
หลินหันเยียนทวนคำพูดที่เมิ่งเชี่ยนโยวพูดอีกรอบ
หญิงชราเข้าใจแล้ว ความหวาดกลัวบนใบหน้าก็ยิ่งเพิ่มทวี ร่างกายสั่นระรัวดั่งกระด้งร่อนข้าว
เมิ่งเชี่ยนโยวไม่เสียเวลาพูดกับนาง เอ่ยปากถามตรงๆ “ซูซินย่วนอยู่ไหน”
หลินหันเยียนพูดแปลตาม
หญิงชราชูมือขึ้นชี้ไปทิศทางหนึ่งด้วยความสั่นเทา
“รีบนำพวกข้าไป แค่เจ้าซื่อตรง ข้าก็จะไว้ชีวิตเจ้าหลังจากที่ไปถึง” ครั้งนี้ไม่รอให้เมิ่งชี่ยนโยวเอ่ยปาก หลินหันเยียนก็พูดขู่นางด้วยตัวเอง
ไหนเลยที่หญิงชราจะเคยเจอสถานการณ์การบุกรุกเช่นนี้มาก่อน แข้งขาก็อ่อนแรงไปหมด แม้ว่าอยากจะพาพวกเขาไป ก็หวาดกลัวจนเดินไม่ไหว ก้าวขาไม่ออก
หวงฝู่อี้เซวียนเห็นสภาพดังนั้น จึงยกตัวนางขึ้นแล้วหิ้วออกไปด้านนอก
ขาของหญิงชราเหนืออยู่บนพื้น ก็ผวาจนใบหน้าไม่เหลือสีเลือดแม้แต่น้อย แม้แต่ความคิดที่จะร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่มีอีกแล้ว และชี้ทางให้พวกเขาด้วยอาการสั่นเทิ้มตลอดทาง กระทั่งมาถึงซูซินย่วน
เมื่อถึงที่หมายแล้ว หวงฝู่อี้เซวียนจึงยื่นมือไปกดจุดหญิงชรา แล้วทิ้งนางไว้ด้านหนึ่ง
หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวมองหน้ากัน ยังไม่ทันจะได้โบกมือส่งสัญญาณ ภายในห้องก็มีเสียงกรีดร้องแหลมของหวงฝู่เย่าเย่ว์ดังออกมา
ตามมาด้วยเสียงขององค์ชายใหญ่
ทั้งสามคนก็กระโดดเข้าไปในเรือนโดยที่ไม่สนความอันตรายอีกต่อไป
บ่าวที่เฝ้าภายในเรือนเห็นเงาคนสามร่างกระโดดเข้ามาในเรือนฉับพลัน ก็ตกใจ และอ้าปากอยากจะร้องตะโกนโดยทันที
หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวลงมือในเวลาเดียวกัน ขณะที่เสียงร้องของพวกเขายังคงอยู่ในลำคอ ก็จัดการสองคนนั่นอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ได้มีเสียงดังออกมา หลินหันเยียนก็เร่งฝีเท้าตรงมาถึงหน้าประตู ปัง! เท้าข้างหนึ่งถีบประตูออก
ภายในห้อง
เสียงร้องแหลมของหวงฝู่เย่าเย่ว์ที่ลืมปกปิดตัวตน ทำให้องค์ชายใหญ่ฟังออกว่าเป็นเสียงของผู้หญิง หลังจากกล่าวถามนางอย่างไม่เชื่อแล้ว ก็ยื่นมือออกไปตรวจสอบร่างกายนาง
หวงฝู่เย่าเย่ว์จะยอมให้เขาทำตามอำเภอใจได้ที่ไหนกัน กัดฟัน ใช้แรงทั้งหมดที่มี ยกหัวขึ้นกระแทกเข้ากับองค์ชายใหญ่อย่างแรง
โป๊ก! เบื้องหน้าขององค์ชายใหญ่เป็นประกายดาวพร่ามัว ส่วนเบื้องหน้าหวงฝู่เย่าเย่ว์กลับมืดดำ และรู้สึกเจ็บจนเกือบจะหมดสติไป
องค์ชายใหญ่เจ็บจนขบฟันแน่น เปลี่ยนทิศทางมือที่จะไปตรวจสอบร่างกายเข้ามาบีบคอนาง “เจ้าเด็กสารเลว วอนหาที่ตายนักนะ!”
พูดจบ ประตูห้องก็ถูกคนถีบเปิดออก หลินหันเยียนบุกเข้ามา เห็นสถานการณ์ตรงหน้าชัดเจนแล้ว ก็ไม่พูดอะไรอีก ดึงกระบี่ข้างเอวขึ้นมาพุ่งแทงไปที่องค์ชายใหญ่
ในสถานการณ์ที่กำลังร้อนใจ องค์ชายใหญ่พลิกตัวนอนลงบนเตียง จับหวงฝู่เย่าเย่ว์กันเอาไว้ด้านหน้า
หลินหันเยียนตกใจอย่างมาก รีบหยุดมือไว้ กระบี่อยู่ห่างจากแผ่นหลังของหวงฝู่เย่าเย่ว์หนึ่งคืบพอดี
หวงฝู่อี้เซวียนกับเมิ่งเชี่ยนโยวเข้ามาในห้องพร้อมกัน ครั้นเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าชัดเจน จึงหยุดฝีเท้าลง
“พวกเจ้าเป็นใคร” องค์ชายใหญ่มองทั้งสามคนภายในห้อง แล้วถามด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
หวงฝู่อี้เซวียนเอ่ยปาก น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย “พวกข้ามาตามลูกสาวคนเล็กกลับบ้าน หวังว่าองค์ชายใหญ่จะส่งทรงให้แต่โดยดีพ่ะย่ะค่ะ”
หวงฝู่เย่าเย่ว์หันหลังให้พวกเขา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแม้แต่น้อย จนกระทั่งได้ยินเสียงหวงฝู่อี้เซวียน ก็ตื่นเต้นจนเกือบจะร้องไห้ออกมา “ท่านพ่อ รีบช่วยลูกด้วยเจ้าค่ะ!”
องค์ชายใหญ่แสยะยิ้ม ยังคงจับหวงฝู่เย่าเย่ว์กันไว้ด้านหน้า แล้วเอนตัวนั่งขึ้นมาอย่างช้าๆ ดวงตาดั่งเหยี่ยวจ้องสามคนเขม็ง “อยากจะเอาคนจากมือของทั่วป๋าหั่นมู่ ก็ต้องดูว่าสถานะของพวกเจ้าพอหรือไม่”
“ลูกสาวรักสนุก จึงปิดบังพวกเรา ปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชายหนีออกบ้านเที่ยวเล่น นึกไม่ถึงว่าจะผ่านร้านมืด และถูกมอมยา ขายเข้าชิงเฟิงโหลว คนที่องค์ชายใหญ่ถูกใจควรจะเป็นชายหนุ่มที่แท้จริง ดังนั้น ขอโปรดให้องค์ชายใหญ่ให้อภัยและพระทัยกว้างปล่อยให้พวกข้าพาลูกสาวกลับไปด้วยพ่ะย่ะค่ะ” หวงฝู่อี้เซวียนพูดต่อ
องค์ชายใหญ่เลื่อนมือเปลี่ยนเป็นบีบที่คอหวงฝู่เย่าเย่ว์ แล้วกล่าวด้วยความโกรธที่อัดอั้น “ในเมื่อมาขอคนถึงที่ ก็ต้องเผยโฉมหน้าที่แท้จริงให้ข้าดูเสียหน่อยล่ะ”
หวงฝู่อี้เซวียนพูดกับคนตรงหน้าเป็นภาษารัฐอู่ เวลานี้กลับแต่งกายเป็นคนของรัฐอิง จึงย่อมปิดบังองค์ชายใหญ่ไม่ได้
“ได้พ่ะย่ะค่ะ” หวงฝู่อี้เซวียนรับคำ กวาดสายตามองภายในห้อง เห็นถาดน้ำแล้ว จึงเดินเข้าไปล้างเครื่องสำอางบนใบหน้าออก แล้วควักผ้าเช็ดหน้าซับให้แห้งจนปรากฏใบหน้าที่แท้จริง และหันกลับไปตรงหน้าองค์ชายใหญ่
องค์ชายใหญ่เห็นใบหน้าของเขางดงาม เกลี้ยงเกลา และสง่างาม เป็นชายรูปงามที่หาพบได้ยากในแผ่นดิน จิตใจพลันรู้สึกหวั่นไหว เผยสายตาโหยหิวน้ำลายสอ “เพียงแค่พวกเจ้ารับปากเงื่อนไขข้อหนึ่งของข้า ข้าก็จะปล่อยคนโดยทันที ไม่เพียงเท่านี้ ข้ายังจะสั่งคนให้ส่งพวกเจ้าออกนอกชายแดนกลับไปถึงที่รัฐอู่ด้วย”