บทที่ 718 กลายเป็นคนจิตใจดีขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่?

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 718 กลายเป็นคนจิตใจดีขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่?

เสียงย่ำกลองแจ้งเตือนภัยทำให้ผู้คนในนครเจาฮุยตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

เป็นเวลากว่า 15 ปีแล้วที่สัญญาณการแจ้งเตือนเช่นนี้ไม่เคยดังขึ้น

15 ปีก่อน ตอนที่สัญญาณเตือนภัยนี้ดังขึ้นในพื้นที่เขตห้า ก็เป็นเพราะว่ามีสัตว์อสูรมุดดินลอดผ่านใต้กำแพงเมืองเข้ามาโจมตีจวนผู้ว่า ส่งผลให้นครเจาฮุยเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายโกลาหล

ถึงแม้ทางเจ้าหน้าที่จะสามารถสังหารฝูงสัตว์อสูรเหล่านั้นได้ แต่พื้นที่เมืองเขตห้าก็ได้รับความเสียหายใหญ่หลวง มีเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บล้มตายจำนวนนับไม่ถ้วน ท่านเจ้าเมืองไม่พอใจระบบรักษาความปลอดภัยที่หย่อนยานมากเกินไป สุดท้ายจึงเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่มือปราบอินทรีธูมรณะให้มารักษาการที่กำแพงเมืองมากขึ้น

15 ปีต่อมา สัญญาณแจ้งเตือนภัยก็ดังขึ้นอีกครั้ง

เกิดอะไรขึ้น?

มีการบุกโจมตีอีกแล้วหรือ?

ชาวเมืองล้วนพากันคิดด้วยความตื่นตระหนก

แต่แปลกที่ครั้งนี้เสียงย่ำกลองแจ้งเตือนดังขึ้นเพียงหกครั้ง แล้วทุกอย่างก็เงียบงัน

หลังจากนั้น จึงมีข่าวลือออกมาว่าสาเหตุที่มีการย่ำกลองในครั้งนี้ เป็นเพราะเจ้าหน้าที่คนหนึ่งเมามาย และตีกลองเตือนภัยด้วยความนึกสนุกเท่านั้น

เจ้าหน้าที่ผู้นั้นจึงถูกส่งตัวเข้าคุกทมิฬเพื่อรับโทษ

ชาวเมืองสามารถกลับมาโล่งใจได้อีกครั้ง

“เจ้าหน้าที่ผีสางนั่นสมควรถูกแทงตายด้วยกระบี่นับพันครั้งจริงๆ”

“นั่นสิ เล่นเอาข้าตกใจแทบแย่ นึกว่าพวกชาวทะเลมันบุกเข้ามาแล้ว”

“นึกว่าครั้งนี้พวกเราจะแย่เสียแล้วสิ เฮ้อ”

เสียงพูดคุยดังขึ้นทั่วเมือง

ในเวลาเดียวกันนี้

ภายในคุกทมิฬ

“ข้าไม่ได้เมามาย ข้าไม่ได้เข้าใจผิด แต่มันคือความจริง… อ๊าก” มือปราบอินทรีธูมรณะผู้กลายเป็นแพะรับบาปส่งเสียงร้องโหยหวน หลังจากถูกเฆี่ยนตีอย่างทุกข์ทรมาน “อ๊าก วันนี้ข้าโชคร้ายเหลือเกิน ข้ารู้สึกเพียงแต่ว่ามีสายลมพัดผ่านไปเหนือศีรษะสองครั้งเท่านั้น ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆ…”

เพื่อนมือปราบที่ยืนยามอยู่ด้วยกัน บัดนี้ก็ถูกจับแขวนบนผนังอยู่เคียงข้างกัน ส่งเสียงพูดอย่างอ่อนระโหยว่า “เจ้าเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร? ครั้งนี้ไม่มีใครสนใจอีกแล้วว่าเจ้าจะผิดจริงหรือไม่ แต่ข้าไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยกลับต้องมารับโทษไปพร้อมกับเจ้า… เรื่องนี้ข้าจะแจ้ง ข้าจะแจ้งว่าเจ้าคือคนที่ปล่อยให้ผู้บุกรุกหลบหนีไปแต่เพียงลำพัง ส่วนข้าไม่รู้ไม่เห็นอะไรด้วยทั้งนั้น…”

ณ หอคอยใหญ่ประจำจวนผู้ว่า

“เศษสวะ ไม่ได้เรื่อง”

เหลียงหยวนเตาระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น “อยู่ดีๆ คนเราจะสามารถหายตัวไปได้อย่างไร?”

ขันทีเฒ่าผู้คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

“เซียวเซียว ได้ความว่าอย่างไรบ้าง?”

น้ำเสียงของเหลียงหยวนเตาบอกชัดว่าอารมณ์เย็นลงแล้ว

ขันทีเซียวเซียวรีบขยับมาข้างหน้า ปั้นหน้ายิ้มประจบประแจงและรายงานว่า “กราบเรียนนายท่าน จากการสอบปากคำผู้คุมคุกและย้อนดูภาพจากศิลาบันทึกภาพ เหตุการณ์ครั้งนี้แปลกประหลาดมาก ขณะเกิดเหตุองค์ชายเจ็ดกำลังวาดภาพบนกำแพงห้องขัง หลังจากที่เขาวาดภาพเสร็จแล้ว ประตูห้องขังก็เปิดออก จากนั้นองค์ชายเจ็ดก็ล้มฟุบลงไป ก่อนหายตัวออกไปจากห้องขังในลมหายใจต่อมา… นี่คือภาพเหตุการณ์ทั้งหมดที่พวกเราได้มาจากศิลาบันทึกภาพขอรับ”

“ไหนเอามาดูหน่อยสิ”

เหลียงหยวนเตาหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด

ขันทีเฒ่ารีบนำศิลาบันทึกภาพออกมาทันที

แล้วภาพเหตุการณ์ในห้องขังก็ถูกฉายออกมา

หลังรับชมภาพเหตุการณ์จบสิ้น เหลียงหยวนเตาก็รู้สึกประหลาดใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เหตุการณ์ครั้งนี้แปลกประหลาดมากเกินไป

แม้แต่เกาเฉิงฮั่นก็ยังไม่มีความสามารถบุกเข้ามาช่วยเหลือผู้คนได้เงียบงันขนาดนี้

แม้แต่ผู้ที่มีพลังขั้นเซียนระดับสองก็ยังทำเช่นนี้ไม่ได้

บุคคลที่สามารถช่วยเหลือนักโทษหลบหนีได้อย่างไร้ร่องรอยขนาดนี้ ต้องเป็นผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสาม และยังต้องมีความชำนาญในการใช้ค่ายอาคมอีกด้วย

ในปัจจุบันนี้ ผู้ที่มีพลังขั้นเซียนระดับสามส่วนใหญ่ของจักรวรรดิเป่ยไห่ ต่างก็รับใช้ราชวงศ์ขึ้นตรงต่อองค์จักรพรรดิแต่เพียงผู้เดียว

หรือว่าบุคคลผู้นี้จะได้รับคำสั่งจากวังหลวงให้เข้ามาช่วยเหลือองค์ชายเจ็ด?

แต่หากเป็นเช่นนั้น ทางวังหลวงก็คงส่งคนมาจับตัวเหลียงหยวนเตาไปแล้ว

ชายอ้วนรู้ดีว่าหากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ตนเองจะมีความผิดเทียบเท่ากับกบฏแผ่นดิน

บัดนี้ องค์ชายเจ็ดได้หลุดรอดมือเขาไปแล้ว เหลียงหยวนเตาไม่มีสิ่งใดที่จะใช้ต่อรองกับฝ่ายตรงข้ามได้อีกต่อไป มิหนำซ้ำ… เขายังมีปัญหากับผู้มีพลังขั้นเซียนถึงสองคนในตัวเมืองอีกด้วย

ต่อจากนี้จะผิดพลาดไม่ได้อีกแล้ว

“นายท่านขอรับ เหตุการณ์ครั้งนี้… จะเกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉินหรือไม่?” ขันทีเฒ่าพูดออกมาด้วยความลังเล “เด็กหนุ่มจอมโอหังผู้นี้เป็นบุคคลเหนือธรรมดา และมิใช่แค่ตัวเขาเท่านั้น แม้แต่คนขับรถม้าของเขาก็ยังมีฝีมือร้ายกาจ มันสามารถสังหารมือปราบหลู่ซือฉือและบริวารได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะนำศพพวกเขาไปฝังไว้ที่นอกตำหนักต้าหลง… เหตุการณ์ครั้งนี้มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา บางทีหลินเป่ยเฉินอาจต้องการแก้แค้นพวกเราก็ได้ขอรับ”

เหลียงหยวนเตานิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่อึดใจใหญ่ สุดท้ายก็ส่ายหน้า พูดว่า “เป็นไปไม่ได้ หลินเป่ยเฉินเป็นบุคคลเหนือธรรมดาก็จริง แต่ข้าตรวจสอบพลังของเขาแล้ว เขายังมีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์เท่านั้น อีกอย่าง คนสนิทของเขาอย่างไต้จือฉุนก็อยู่ในคุกทมิฬเช่นกัน หากนี่เป็นฝีมือของหลินเป่ยเฉินจริง เหตุไฉนเขาถึงไม่ช่วยเหลือไต้จือฉุนออกไปด้วย แต่กลับช่วยองค์ชายเจ็ดออกไปเพียงลำพัง?”

เมื่อขันทีเฒ่านิ่งคิดก็พบว่ามันคือความจริง

“ต้องไม่ลืมว่าเด็กแซ่หลินเป็นคนสมองเสื่อม”

เหลียงหยวนเตาพูดเสียงแผ่วเบา ชั้นไขมันบนใบหน้าไหวกระเพื่อม “ผู้ใดที่คิดว่าเขามีความสามารถช่วยองค์ชายเจ็ดหลบหนีออกไปได้ คนผู้นั้นก็คงสมองเสื่อมยิ่งกว่าหลินเป่ยเฉินเสียอีก”

“นายท่านช่างมีวิสัยทัศน์กว้างไกลยิ่งนัก”

ขันทีเซียวเซียวได้โอกาสประจบประแจง

เหล่าขันทีคนอื่นๆ เห็นดังนั้นก็รีบส่งเสียงประจบประแจงอย่างสามัคคี

เหลียงหยวนเตายกมือบอกให้ทุกคนเงียบเสียงและออกคำสั่ง “บอกพวกเราให้เปิดใช้งานค่ายอาคมบนกำแพงเมืองเดี๋ยวนี้ ส่วนบรรดามือปราบอินทรีธูมรณะที่ประจำการอยู่บนกำแพงเมืองให้ถอนกำลังกลับมา เตรียมตัวรับคำสั่งรอการสู้รบ จากนั้น จงสืบสวนหาสายลับที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มพวกเรา เมื่อเจอตัวว่าเป็นผู้ใด ให้นำตัวไปประหารทิ้งได้ทันที”

“ข้าน้อยรับคำบัญชา”

กลุ่มขันทีประสานมือรับคำสั่งอย่างแข็งขัน

ทันใดนั้น ขันทีเซียวคล้ายกับจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงกล่าวออกมาด้วยความลังเลว่า “ส่วนเรื่องของคุณชายซือมู่…”

เหลียงหยวนเตาตอบโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด “เรื่องนั้นยังไม่ต้องเป็นกังวล ปล่อยให้เด็กคนนี้ได้ทำตามใจอยากไปก่อน ข้าก็อยากเห็นเหมือนกันว่าเขาจะสามารถสร้างความประหลาดใจอะไรให้กับข้าได้อีกหรือไม่?”

พูดจบ เหลียงหยวนเตาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกล่าวต่อ “อีกอย่าง ปล่อยตัวมือปราบอินทรีธูมรณะที่ถูกขังทั้งสองคนนั้นออกมาเสีย พวกเขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย”

ขันทีเฒ่าเบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ…

ท่านเจ้าเมืองกลายเป็นคนจิตใจดีขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่?

นี่คือเหตุการณ์หายากที่พันปีจะเกิดขึ้นสักครั้ง

“ข้าน้อยรับคำบัญชา”

เซียวเซียวไม่กล้าตั้งข้อสงสัยให้มากความ เมื่อรับคำสั่งแล้ว ก็ได้แต่หมุนตัวเดินจากมา

ในหอคอยขณะนี้ จึงเหลือแต่เพียงเหลียงหยวนเตาคนเดียวเท่านั้น

ชายอ้วนนั่งลงบนเก้าอี้ที่มีความกว้างใหญ่ไม่ต่างจากเตียงหลังเล็ก สีหน้าปรากฏความร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อย

การที่องค์ชายเจ็ดสามารถหลบหนีออกไปจากคุกทมิฬได้สำเร็จ ทำให้แผนการทุกอย่างของเขาต้องพังทลายลงแล้ว

ข้อมูลหลุดออกไปได้อย่างไร?

ขั้นตอนการจับกุมตัวขององค์ชายเจ็ดถูกคำนวณไว้เป็นอย่างดี มิเช่นนั้น เหลียงหยวนเตาคงไม่สามารถทำได้สำเร็จตั้งแต่แรก

แล้วอย่างนั้นทางวังหลวงรับรู้เรื่องนี้และสามารถส่งคนมาช่วยเหลือองค์ชายเจ็ดได้อย่างไร?

คิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของชายอ้วนก็กระตุกอย่างน่ากลัว

“เอาเถอะ อย่างไรเสียบัดนี้บัลลังก์ขององค์จักรพรรดิก็ใกล้โค่นล้มเต็มที ข้าไม่เชื่อว่าราชวงศ์หลี่จะสามารถบุกยึดนครเจาฮุยได้เด็ดขาด…”