เสียตงคุนแห่งสำนักดาบสวรรค์ได้ยินหลิงหยุนเอ่ยชื่อของตนออกมาเช่นนั้นเจ้าตัวก็ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้อีกต่อไป จึงได้แต่ก้าวเท้าเดินออกมาด้านหน้า
แม้ว่าเสียตงคุนจะรู้สึกตกอกตกใจกับความแข็งแกร่งของหลิงหยุนมากแต่เขาก็ไม่ได้ถึงกับหวาดกลัวจนลนลาน เพราะเวลานี้ข้างกายเขายังมีคนของสำนักกระบี่คุนหลุนมาด้วย อย่างน้อยก็ยังสามารถช่วยกันได้
เนื่องจากช่วงเวลาหนีตายเมื่อครู่นี้เหล่ายอดฝีมือของสำนักดาบสวรรค์และสำนักกระบี่คุนหลุนต่างก็ไม่มีผู้ใดชิงหนีออกไป ทั้งหมดจึงยังมีชีวิตรอด และไม่มีผู้ใดถูกสังหารตายไปก่อน
หลังจากที่ก้าวออกมาด้านหน้าแล้วเสียตงคุนจึงเดินตรงเข้าไปหาฉินตงเฉี่วยที่ยืนรออยู่กลางลาน สีหน้าของเขาดูกระอักกระอ่วนใจยิ่งนัก เพราะเขามีฐานะเป็นถึงอาจารย์ของนาง
หลังจากที่ข่าวลือเรื่องพู่กันจักรพรรดิแห่งมวลมนุษย์และสมุดจักรพรรดิแห่งผืนพิภพถือกำเนิดขึ้นในเมืองจิงฉูได้แพร่สะพรัดออกไปนั้น เสียตงคุนจึงได้ส่งฉินตงเฉี่วยลงเขามาสืบเรื่องนี้ก็ด้วยเหตุผลสองประการ
ประการแรก..สำนักดาบสวรรค์สืบรู้มานานแล้วว่า ฉินจิวยื่อได้มาอาศัยอยู่ในเมืองจิงฉูนานหลายปีแล้ว จึงตั้งใจส่งฉินตงเฉี่วยลงเขามาเพื่อให้นางมาหาฉินจิวยื่อ และสอบถามถึงข่าวลือที่กำลังแพร่สะพรัด เพราะถึงอย่างไรผู้ที่อยู่ในพื้นที่ย่อมต้องรู้ข่าวคราวดีกว่าคนนอก
ประการที่สอง..สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อสิบแปดปีก่อนระหว่างตระกูลหนิง ตระกูลฉิน และสำนักกระบี่เทวะ เป็นเหตุให้สำนักดาบสวรรค์ต้องออกหน้าเป็นตัวกลางยับยั้งไม่ให้ตี๋เสี่ยวเจินบีบบังคับคนตระกูลฉิน และทำร้ายฉินจิวยื่อ ในช่วงเวลานั้นสัญญาระหว่างตระกูลหนิงกับตระกูลฉินก็ครบกำหนดพอดี สำนักดาบสวรรค์จึงต้องส่งฉินตงเฉี่วยลงเขามาเพื่อแจ้งให้กับฉินจิวยื่อส่งตัวหนิงหลิงยู่ให้กับตระกูลหนิงตามสัญญา!
แต่เมื่อฉินตงเฉี่วยลงเขามากลับพบว่าฉินจิวยื่อพี่สาวของตนนั้นได้เดินทางไปยังสำนักกระบี่เทวะแล้ว และเมื่อฉินตงเฉี่วยไปถึงที่บ้าน ก็ได้พบหลิงหยุนอยู่ที่บ้านพักตาอากาศของตระกูลเฉิงซึ่งอยู่หมู่บ้านเดียวกันในอ่าวจิงฉู ในตอนนั้นหลิงหยุนได้ลงมือสังหารซันเทียนเปียว หลวงจีนสิงฉีแห่งเส้าหลิน และนักพรตจากหัวซานตายไปแล้ว
หลังจากนั้นมาฉินตงเฉี่วยก็ได้อาศัยอยู่ในเมืองจิงฉูกับหลิงหยุนและหนิงหลิงยู่ และไม่แทบจะไม่เคยติดต่อกลับไปที่สำนักดาบสวรรค์อีกเลย
จนกระทั่งนักบวชจากเขาหลงหู่ได้เชื้อเชิญเหล่ายอดฝีมือจากสำนักต่างๆให้เข้าร่วมงานชุมนุมชาวยุทธเสียตงคุนได้ตัดสินใจที่จะเข้าร่วมงานชุมนุมครั้งนี้ด้วย จึงได้ส่งหลิวซุ่ยเฟิงผู้เป็นศิษย์มาหาฉินตงเฉี่วยที่จิงฉู และสั่งให้นางไปเป็นตัวแทนเข้าร่วมงานชุมนุมในครั้งนี้
ครั้งนั้น..ฉินตงเฉี่วยรับปากเรียบร้อยแล้ว แต่เพราะหลิวซุ่ยเฟิงถูกหลิงหยุนกลั่นแกล้งให้ได้รับความอับอายโดยที่ฉินตงเฉี่วยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว ทำให้หลิวซุ่ยเฟิงคับแค้นใจมาก เมื่อกลับไปถึงสำนัก จึงได้ใส่ไฟว่าหลิงหยุนดูถูกสำนักดาบสวรรค์ให้กับเสียตงคุนฟัง ทำให้เสียตงคุนโกรธมาก!
แต่ในครั้งนั้นฉินตงเฉี่วยยังคงอยู่ในจิงฉูกับหลิงหยุนเสียตงคุนจึงไม่สามารถทำอะไรได้ แม้เขาจะหงุดหงิดและไม่พอใจ แต่ก็ต้องรอให้ได้พบเจอนางด้วยตัวเอง จึงจะสามารถว่ากล่าวตำหนินางได้
แต่เพราะความก้าวหน้าที่รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ของหลิงหยุนนั้นได้แพร่สะพรัดไปทั่วทั้งยุทธภพ อีกทั้งยังมีข่าวลือว่าหลิงหยุนอาจจะเป็นผู้ที่ครอบครองหม้อเสินหนง พู่กันจักรพรรดิ และสมุดจักรพรรดิ ทำให้เสียตงคุนไม่สามารถทนนิ่งเฉยได้อีกต่อไป ด้วยเหตุนี้สำนักดาบสวรรค์จึงได้ส่งศิษย์ทั้งห้าคนมาจิงฉู เพื่อร่วมมือกับสำนักอื่นๆอีกแปดสำนัก และใช้ฉินตงเฉี่วยเป็นเหยื่อล่อให้หลิงหยุนมาติดกับดัก เพื่อที่จะบีบบังคับให้เขาบอกว่าพู่กันจักรพรรดิ และสมุดจักรพรรดินั้นอยู่ที่ใด รวมทั้งบอกความจริงเรื่องหม้อเสินหนงด้วย และด้วยเหตุนี้จึงได้เกิดการต่อสู้บนยอดเขาหลงเหมินขึ้น..
แต่ผลสุดท้าย..กัวเสี่ยวเทียนกับหลิวซุ่ยเฟิงกลับถูกหลิงหยุนสังหารตาย เหลือเพียงศิษย์ทั้งสามที่กลับไปรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับเสียตงคุนฟัง!
ครั้งนั้นสำนักเขาหลงหู่และสำนักดาบสวรรค์นับว่าสูญเสียไม่น้อยและเสียหน้าอย่างมาก กัวเสี่ยวเทียนศิษย์เอกของเขาถึงกับขับไล่ฉินตงเฉี่วยออกจากสำนัก และประกาศกร้าวว่าศิษย์สำนักดาบสวรรค์และชาวยุทธคนใดหากพบเห็นฉินตงเฉี่วย สามารถสังหารนางได้ทันที!
นับตั้งแต่นั้นมาสำนักดาบสวรรค์และหลิงหยุนจึงนับว่ามีความแค้นยิ่งใหญ่ต่อกัน!
และในเมื่องานชุมนุมถูกเลื่อนออกไปจนถึงคืนนี้และเป้าหมายของการชุมนุมก็ได้เปลี่ยนมาเป็นสังหารหลิงหยุน เช่นนี้แล้วมีหรือที่เสียตงคุนจะยอมพลาดไม่มาร่วมได้
ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็คาดเดาว่าฉินตงเฉี่วยก็จะต้องมาร่วมงานชุมนุมในครั้งนี้ด้วยเป็นแน่ แต่จะมาในฐานะฝ่ายที่เป็นปรปักษ์กับสำนักดาบสวรรค์
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ!
เสียตงคุนยืนเผชิญหน้ากับฉินตงเฉี่วยพร้อมกับสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดขึ้นว่า “ตงเฉี่วย.. ในเมื่อเรื่องราวทั้งหมดได้จบลงแล้ว อาจารย์ก็ไม่มีสิ่งใดจะพูดอีก หากเจ้ามีสิ่งใดต้องการจะพูด ก็จงพูดออกมา..”
ฉินตงเฉี่วยจ้องมองเสียตงคุนก่อนจะค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปหาอย่างช้าๆ
สำหรับเรื่องระหว่างฉินตงเฉี่วยกับสำนักดาบสวรรค์นั้นหลิงหยุนตัดสินใจที่จะไม่ยุ่งเกี่ยว เพราะสำนักดาบสวรรค์นั้นนับว่าเคยมีบุญคุณกับตระกูลฉินมาก่อน ฉะนั้นแล้วหากฉินตงเฉี่วยตัดสินใจเช่นใด เขาจะไม่เข้าไปก้าวก่าย..
ฉินตงเฉี่วยก้าวไปยืนห่างจากเสียตงคุนราวหนึ่งเมตรจากนั้นจึงคุกเข่าลงพร้อมกับโขกศรีษะกับพื้นสามครั้งแล้วจึงลุกขึ้นยืน พร้อมกับกล่าวออกไปว่า
“ท่านอาจารย์และสำนักดาบสวรรค์ล้วนเคยมีบุญคุณต่อข้าและตระกูลฉินเรื่องนั้นข้าซาบซึ้งใจยิงนัก แต่หลังจากที่ศิษย์พี่กัวเสี่ยวเทียนขับไล่ข้าออกจากสำนัก ท่านเองกลับไม่ขัดขวาง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจึงโขกศรีษะคำนับให้กับท่านสามครั้ง เพื่อขอบคุณที่ท่านเคยอบรมสั่งสอนข้ามา..”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้แววตาของฉินตงเฉี่วยก็เปลี่ยนเป็นแน่วแน่มั่นคง พร้อมกับประกาศกร้าวว่า “คืนนี้.. ข้าฉินตงเฉี่วยแห่งตระกูลฉินขอประกาศว่า นับจากนี้เป็นต้นไปข้าไม่ใช่ศิษย์สำนักดาบสรรค์อีก ข้ากับสำนักดาบสวรรค์จึงไม่ความเกี่ยวข้องใดๆต่อกันอีก!”
เมื่อครั้งที่ฉินตงเฉี่วยคุกเข่าโขกศรีษะให้กับเสียตงคุนนั้นหลิงหยุนเองยังถึงกับใจสั่น แต่เมื่อได้ยินคำพูดประโยคสุดท้ายของนางหลิงหยุนจึงค่อยโล่งใจ และยิ้มออกมาด้วยความพอใจ
“ในเมื่อข้าไม่ใช่ศิษย์สำนักดาบสวรรค์อีกต่อไปแล้วจึงไม่สมควรที่จะใช้วิชาที่เล่าเรียนมาจากสำนักดาบสวรรค์อีกต่อไป ข้าจึงขอทำลายพลังปราณและวรุยทธที่ได้เคยเล่าเรียนกับสำนักมาตลอดสิบแปดปีทิ้งซะ!”
ทันทีที่พูดจบ..ฉินตงเฉี่วยก็ได้ใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของตนเอง จี้ทำลายจุดฝังเข็มสำคัญต่างๆตามร่างกายของตนเองอย่างรวดเร็ว มันรวดเร็วจนเกินกว่าที่ผู้ใดจะห้ามปรามได้ทัน!
จากนั้นเสียงกร๊อบแกร๊บคล้ายกับเปลือกถั่วถูกบดก็ดังออกมาจากร่างกายของฉินตงเฉี่วย! “ท่านพี่ฉิน!”
“น้าฉิน!”
“น้าหญิง!”
เมื่อเห็นฉินตงเฉี่วยทำลายพลังปราณของตนเองเช่นนี้หลิงหยุนถึงกับร้องตะโกนออกมาด้วยความตระหนกตกใจ!
ไม่เพียงหลิงหยุนเท่านั้นที่ตื่นตกใจและตกตะลึง ชาวยุทธทุกคนในที่นั้นต่างก็จ้องมองภาพที่เกิดขึ้นด้วยความตกตะลึงเช่นกัน!
นั่นเพราะเวลานี้ฉินตงเฉี่วยได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6แล้ว อีกเพียงแค่เล็กน้อย และแทบไม่ต้องฝึกฝนอะไรมาก นางก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-7 ได้อย่างง่ายดาย แต่นางกลับยินยอมที่จะทำลายพลังปราณของตนเองเช่นนี้!
หากเป็นผู้อื่น..ใครบ้างเล่าจะยินยอมทำเช่นนี้ และต่อให้ถูกสำนักบีบบังคับให้ทำลายพลังปราณของตนเอง ทุกคนก็คงพยายามที่จะต่อต้าน หรือไม่ก็รีบหนีไปให้เร็วที่สุด! นี่ฉินตงเฉี่วยตัดสินใจเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
เพราะต่อให้ฉินตงเฉี่ยวออกจากสำนักดาบสวรรค์โดยที่ไม่ทำลายพลังปราณของตนเองที่เรียนรู้จากสำนักดาบสวรรค์ทิ้งไปเสียตงคุนหรือผู้ใดก็คงไม่อาจบังคับนางได้เช่นกัน!
พรึบ!
เย่ซิงเฉินกระโดดเข้าไปหาฉินตงเฉี่วยทันที“ท่านพี่ฉิน ท่านเป็นเช่นใดบ้าง”
ครั้งนี้เย่ซิงเฉินทั้งหงุดหงิดและโกรธจนแทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อครั้งที่อยู่ในบ้านไม้ไผ่หลังเล็กของตนนั้น นางเองได้พูดคุยเรื่องระหว่างสำนักดาบสวรรค์กับฉินตงเฉี่วยอยู่ครู่ใหญ่ ครั้งนั้นฉินตงเฉี่วยได้แต่นิ่งฟังโดยไม่พูดอะไร และไม่ได้บอกว่าจะตัดสินใจเช่นใด
และเย่ซิงเฉินเองก็คิดไม่ถึงว่าฉินตงเฉี่วยจะกล้าตัดสินใจทำเรื่องที่น่าตกใจเช่นนี้ความทุ่มเทฝึกฝนมาตลอดสิบแปดปี เวลานี้กลับไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออีกแล้ว!
ฉินตงเฉี่วยกระอักเลือดออกมาคำโตเวลานี้ใบหน้าของนางซีดเซียวยิ่งนัก และสั่นสะท้านไปทั้งร่างจนแทบทรงตัวไม่อยู่ เห็นได้ชัดว่าเวลานี้ฉินตงเฉี่วยไม่เพียงอ่อนล้าอย่างมาก แต่ที่จุดตันเถียนและตามเส้นลมปราณยังเจ็บปวดรวดร้าวอย่างหนักด้วย ตอนนี้ฉินตงเฉี่วยมีสภาพอ่อนแอไม่ต่างจากคนธรรมดาทั่วไปเลย
“ซิงเฉิน..เจ้าอย่าได้กังวลใจไป! ข้า – ฉินตงเฉี่วยไม่ชอบการเป็นหนี้บุญคุณผู้ใด เวลานี้ข้าได้ทำลายพลังปราณของสำนักดาบสวรรค์แล้ว ข้า.. ข้า..”
จากนั้นฉินตงเฉี่วยก็กระอักเลือดออกมาอีกสองกองใหญ่!
แต่นางยังพยายามกัดฟันพูดต่อจนจบประโยค“ข้ามีความสุขยิ่งนัก!”
เวลานี้ทั้งไป๋เซียนเอ๋อเฉิงเม่ยเฟิง และเหมี่ยวเสี่ยวเหมาต่างก็วิ่งเข้ามาเช่นกัน ทุกคนต่างก็มองดูฉินตงเฉี่วยด้วยความเป็นห่วง และไม่รู้ว่าควรทำเช่นใดดี
ห่างออกไปนั้นมีเพียงหลิงหยุนผู้เดียวที่ยังคงนิ่งไม่เคลื่อนไหว เขาได้แต่แอบพยักหน้าอยู่เงียบๆ และคิดอยู่ในใจว่า
‘น้าหญิงของข้าช่างเฉลียวฉลาดยิ่งนักยังไม่ทันได้ลงมือต่อสู้ ก็สามารถทำให้ยุทธภพสั่นสะเทือนได้ถึงเพียงนี้!’
หลิงหยุนไม่รู้สึกกังวลใจอีกต่อไปฉายาเขาคือหมออมตะ และเป็นถึงผู้บ่มเพาะพลังที่เก่งกาจ!
แม้แต่หลิงเสี่ยวที่ทำลายวรยุทธของตนเองในครั้งนั้นจนจุดตันเถียนเสียหายมานานเกือบยี่สิบปี และแม้กระทั่งจินเหยียวที่เสียสติอยู่นานถึงสิบแปดปี เขาก็สามารถรักษาให้หายได้ในทันที ยังมีเหตุผลใดที่เขาต้องกังวลใจเรื่องของฉินตงเฉี่วยอีกเล่า
ฉินตงเฉี่วยเพียงแค่ทำลายพลังปราณของตนเองแต่ไม่ได้ทำลายจุดตันเถียนและเส้นลมปราณเสียหน่อย! อย่างน้อยก็แค่ทำให้จุดตันเถียนและเส้นลมปราณบาดเจ็บบ้างเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากให้หลิงหยุนรักษาฟื้นฟูจุดตันเถียนและเส้นลมปราณให้ใหม่สักช่วงเวลาหนึ่ง ก็จะสามารถกลับมาฝึกฝนด้วยวิชาบ่มเพาะใหม่ได้ไม่ยาก..
หากไม่เทน้ำเก่าออกจากถ้วยจะสามารถรองรับน้ำใหม่ได้อย่างไรกันเล่า
และหากฉินตงเฉี่วยเริ่มต้นฝึกบ่มเพาะพลังใหม่แล้วล่ะก็ทั้งวิชามังกรทองคะนอง และวิชาหงส์เล่นไฟ ล้วนแล้วแต่เป็นวิชาที่เหนือกว่าวรยุทธต่ำต้อยของสำนักดาบสวรรค์หลายเท่านัก!
ด้วยเหตุนี้หลิงหยุนจึงไม่รีบร้อนนัก และการต้องทนเห็นฉินตงเฉี่วยเจ็บปวดทรมานจึงเป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!
“ข้า..ฉินตงเฉี่วยไม่หลงเหลือวิชาและพลังที่ฝึกมาจากสำนักดาบสวรรค์อีกแล้ว ในวันข้างหน้าข้ากับสำนักดาบสวรรค์จะเป็นศัตรู หรือว่าสหาย ก็ขอให้เป็นเรื่องของสวรรค์กำหนดก็แล้วกัน!”
หลังจากที่ฉินตงเฉี่วยบอกเย่ซิงเฉินและคนอื่นๆให้หายกังวลใจแล้วนางจึงหันไปพูดกับเสียตงคุนต่อทันที..
เสียตงคุนถึงกับตกใจอย่างมากเขาฟังคำพูดของฉินตงเฉี่วยแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ พร้อมกับตอบไปว่า
“ตงเฉี่วย..เจ้าไม่ควรทำเช่นนี้เลย! ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า.. ไฉนเลยจะขอให้เจ้าทำลายตนเองเช่นนี้ได้เล่า”
เวลานี้เสียตงคุนรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากเพราะรู้ดีว่าหลังจากที่ฉินตงเฉี่วยประกาศตัดขาดการเป็นศิษย์อาจารย์กับตนด้วยวิธีนี้ หลิงหยุนจะต้องโกรธมากและเขาจะต้องชำระแค้นครั้งนี้อย่างสาสม!
สีหน้าของเสียตงคุนเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยอย่างมากและเวลานี้คำพูดประโยคสุดท้ายของฉินตงเฉี่วยยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขาไม่หยุด..
‘ในวันข้างหน้าข้ากับสำนักดาบสวรรค์จะเป็นศัตรูหรือว่าสหาย ก็ขอให้เป็นเรื่องของสวรรค์กำหนดก็แล้วกัน!’ ��