เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 1062

“แกคิดว่าฉันได้แต้มเล็กงั้นเหรอ” หลงเปียวพูดพลางยิ้มเยาะ “เสียใจด้วย แกคิดผิด”

เมื่อพูดจบแล้ว หลงเปียวก็เอื้อมมือตั้งท่าจะเปิดถ้วยทันที แต่เมื่อเขาเหลือบมองดูแต้มเต๋าในถ้วยแล้ว สีหน้าของเขากลับแข็งค้าง นิ่งอึ้งไปในทันที

“เป็นไปได้ยังไงกัน”

หลงเปียวอดอุทานออกมาไม่ได้ ภาพที่เขาเห็นคือเหลือเต๋าเพียงลูกเดียวที่ขึ้นหน้า “หนึ่งแต้ม” ลูกเต๋าที่เหลือนั้นสลายเป็นผงสีขาวไปจนหมด ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขายังได้ยินลูกเต๋าทั้งสามกระทบกับถ้วยกระเบื้องในมือ

อย่าว่าแต่หลงเปียวที่มีสีหน้านิ่งอึ้งไปกับผลการทอดเต๋าที่ออกมาเช่นนี้ ต่อให้เป็นนักพนันชั้นเซียนจากทั่วโลก เมื่อเห็นลูกเต๋าในมือสลายเป็นผงสีขาวทั้งที่เพิ่งได้ยินเสียงเต๋ากระทบกับถ้วยกันเมื่อครู่ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนเขย่าหน้าเต๋าและเอาลูกเต๋าใส่ถ้วยด้วยตัวเอง ก็ไม่มีใครไม่ตกใจนิ่งอึ้งแบบที่หลงเปียวประสบอยู่ได้แน่นอน

ในจิตใจของหลงเปียวสับสนไปหมด เขามั่นใจชัดเจนว่าต้องออกใหญ่ ต้องออกหน้าเต๋าเป็นแต้มเลขหก แต่ทำไมลูกเต๋าในถ้วยถึงเหลือเพียงลูกเดียว เหลือแต้มของลูกเต๋าเพียงแค่หนึ่ง

ไม่มีทางที่วิธีการทอดเต๋าของเขาจะเกิดข้อผิดพลาดได้ หากเขาลงมือใช้วิธีทอยเต๋าของตัวเองแล้ว เขาจะไม่มีทางแพ้เด็ดขาด สำหรับคนที่ใช้วิชาหากินในกาสิโนตามสถานที่ต่างๆ มาตลอดหลายสิบปี การเกิดเรื่องเช่นนี้ไม่ใช่ที่เขายอมรับได้

แต่แน่นอนว่าความจริงตรงหน้าทำให้เขาพูดไม่ออก

ไม่อยากเชื่อเลยว่าเขาจะแพ้แบบนี้!

ในขณะเดียวกันนั้นเอง หยางเฟิงก็หลุดหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น

“ผมบอกแล้วว่าคุณกำลังทำตัวเป็นตัวตลกให้คนอื่นหัวเราะ เห็นไหมล่ะว่า แต้มเป็นแต้มเล็ก กล้าพูดว่าเป็นแต้มใหญ่ด้วยสีหน้าจริงจังแบบนั้นและศักดิ์ฐานะที่ประกาศก้องไปทั่วแบบนั้นได้ยังไงครับ”

หยางเฟิงยังคงอมยิ้มไม่หยุด คนมุงจำนวนมากที่เห็นเหตุการณ์นี้ก็หัวเราะหรือกั้นยิ้มไม่อยู่ด้วยเช่นกัน นี่มันเป็นเรื่องตลกชั้นยอดชัดๆ สมเป็นกาสิโนอันดับต้นๆ ของประเทศจริงๆ

“ผมชนะแล้ว เงินก้อนนี้ขอรับไปเลยนะ”

“เจ๋งเป็นบ้าเลย”

“เพิ่งเคยเห็นแบบนี้ครั้งแรกเลยนะ”

เสียพูดคุยของคนมุงทั้งหลายดังขึ้นในขณะที่หยางเฟิงพูดพลางยื่นมือออกมารับชิปมูลค่าหนึ่งพันล้านบนโต๊ะออกมากองรวมกับชิปทั้งหมดที่เขามี และโกยชิปทั้งหมดมาไว้ในอ้อมแขนของตัวเอง

“เดี๋ยวก่อน!”

หลงเปียวได้สติทันทีที่เห็นหยางเฟยพยายามนำชิปทั้งหมดที่มีมูลค่ารวมถึงสองพันล้านเหรียญออกจากกาสิโน เขารีบสติกลับมาและเริ่มถ่วงเวลาพลางหาทางแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

ปัง!

หลงเปียวทุบโต๊ะดังลั่น เขาอาศัยอารมณ์โกรธของตัวเองในการสะกดข่มไม่ให้เรื่องราวบานปลาย สายตาของเขาจับจ้องไปที่หลงเฟิงด้วยความแค้นและแววตาชั่วร้าย

“ไอ้หนุ่ม ฉันไม่คิดว่าแกกล้าล้อเล่นแบบนี้ในกาสิโนของฉันแห่งนี้ แกกล้าดีมาจากไหนกันวะ อยากตายหรือไง”

ให้ตายสิ หยางเฟิงอดคิดในใจไม่ได้ นี่มันสูตรสำเร็จของตัวร้ายในละครที่ลูกน้องของเขาชอบดูชัดๆ เขาพูดไม่ออกเลยกับพฤติกรรมของหลงเปียว ไม่คิดเลยว่าคนที่มีอายุขนาดนี้ ผ่านคลื่นลมในวงการมาขนาดนี้ ยังกล้าเล่นไม้นี้กันซึ่งหน้าแบบนี้

น่าอายชะมัด โตมายังไงถึงแก่ตัวเป็นคนแบบนี้ได้เนี่ย

พยายามจะโกง แต่พลาดแล้วมาหาว่าคนอื่นโกง อันนี้มันถอดแบบใครมากันนะ

คิดว่าจะมารังแกกันแบบนี้ คิดง่ายไปหน่อยแล้ว

หยางเฟิงยิ้มเยาะ ก่อนพูดต่อว่า “ทำไมจะแพ้ไม่ได้ เจ้าพรรคของพรรคมังกรทองแห่งสำนักหง รับไม่ได้ที่ตัวเองแพ้งั้นเหรอ นี่มันเรื่องน่าสมเพชเวทนาชัดๆ ศักดิ์ฐานสูงส่งแล้วคนอื่นต้องยอมแพ้ให้ตลอดหรือไง ถ้ามีคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้า ชื่อเสียงของคนที่เกี่ยวข้องกับคุณจะเป็นยังไงเนี่ย! ”

ในตอนนี้หลงเปียวแค้นใจและเคียดแค้นหยางเฟิงอย่างมาก เขาโกรธและพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง ทำให้ใบหน้าของเขาสลับกันแสดงสีหน้าแดงก่ำและคล้ำเขียว นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาต้องพยายามควบคุมตัวเองอย่างสุดๆ ต่อหน้าผู้คนมากมายขนาดนี้ แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ทำไม่ได้

เขาไม่มีทางยอมให้หยางเฟิงเอาเงินมากขนาดนี้ไปจากกาสิโนแห่งนี้ได้แน่นอน

นี่ไม่ใช่แค่เรื่องเงินทุนของกาสิโนที่สูญเสียไป ไม่ใช่แค่เงินพันล้านที่เดิมพันกันอย่างเรียบง่ายแต่ส่งผลกระทบรุนแรง แต่ยังเป็นเรื่องของชื่อเสียงของกาสิโน ความน่าเชื่อถือของนักพนันทั้งหลาย และการบริหารจัดการทางการเงินอีกด้วย

ที่สำคัญ เขาต้องเสียหน้ามากแน่ถ้าหยางเฟิงทำแบบนั้นได้

ไม่ตลกเลยถ้ามันจะกลายเป็นเรื่องตลกที่พูดคุยกันได้ยาวนานไม่รู้จบของสิงเถา!

หลงเปียวแสดงสีหน้าท่าทางดุดันออกมา รีบข่มขู่หยางเฟิงด้วยอำนาจที่เขาหยิบยกมาข่มขู่กันซึ่งหน้าทันที

“เฮ้ย นี่บ่อนกาสิโนของฉัน เล่นได้แล้วจะรีบหนีหรือไง!”

“คิดจะมาก็มา คิดจะไปก็ไป คิดว่าได้เหรอ ถ้าจะเล่นที่นี่ แกต้องเสียเงินบ้าง มีได้มีเสีย!”

“ท่าทางแกมีฝีมือนะ ถ้าคิดจะโกยเงินขนาดนี้แล้วรีบชิ่งแบบนนี้ล่ะก็ อย่าหวัง!”

สีหน้าของหลงเปียวเคร่งเครียดสุดๆ เขาเป็นถึงเจ้าสำนักของพรรคมังกรทอง แต่เขาดันเล่นพนันทอยเต๋าแพ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมแบบนี้เหรอ แถมยังแพ้ในแบบที่แทบไม่มีทางเป็นไปได้ด้วย

ถ้ามีคนเอาไปเล่าต่อ เขาไม่กลายเป็นตัวตลกของวงการหรือไง

“ถ้าอยากหาเรื่องกันในถิ่นของฉัน แกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร ยิ่งใหญ่ขนาดไหน”

“เฮ้ย พวกเรา!”

พรึ่บ!

สิ้นเสียงของหลงเปียว ผู้คนจำนวนมากก็ออกมาตั้งท่าพร้อมสู้ ตั้งขบวนรายล้อมหยางเฟิงกับคนอื่นๆ เอาไว้ ท่าทางของพวกเขาดูจริงจัง ผ่านประสบการณ์ต่อสู้มาโชกโชน และพร้อมทำตามคำสั่งของหลงเปียวทุกเมื่อ

นักพนันและคนมุงทั้งหลายได้แต่ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้น พากันถอยกรูดไปที่ด้านหนึ่งด้วยความหวาดกลัว

หลงเปียวมองไปที่หยางเฟิง ยิ้มอย่างภูมิในใจพลังอำนาจของตัวเอง ก่อนจะพูดจาโอ้อวดตามเดิมว่า “นี่ ไอ้หนู สารภาพมาตามตรงดีกว่าว่าแกมาที่นี่ทำไม ถ้าแกเอาชิปทั้งหมดมากองไว้แล้วรีบไสหัวไป ฉันสัญญาว่าจะไม่ถึงตาย ไม่อย่างนั้น ชีวิตแกต้องทรมานยิ่งกว่าตกนรกแน่! ชีวิตมีค่า อย่าเอามาแลกเงินแบบนี้นะ ไอ้หนู”

หยางเฟิงมองหลงเปีรยวด้วยสีหน้าราบเรียบ เขาตระหนักแล้วว่าอีกฝ่ายต้องใช้กำลังเข้าจัดการแบบนี้ เขาเลยตอบไปสั้นๆ ในแบบของตัวเองว่า

“ถ้าอยากได้ชีวิตผม คุณมีปัญญามาเอาไปหรือเปล่าล่ะ”

ทันใดนั้นเอง ภาพติดตาก็ปรากฏขึ้นราวกับสายฟ้าฟาด

เพี๊ยะ!

เสียงตบดังสนั่นชัดเจน

หยางเฟิงใช้ความเร็วเข้าไปตบใบหน้าหลงเปียวอย่างรุนแรง

หลงเปียวชะงักค้าง ก่อนจะค่อยๆ ได้สติและหันหน้ากลับมามองหยางเฟิง อาการปวดบวมที่แก้มเริ่มสำแดงอาการในสองสามวินาทีถัดมาหลังจากที่หลงเปียวสัมผัสได้แต่ความรู้สึกชาในชั่วขณะที่โดนตบ

“ถ้าคุณมีปัญญาเอาชีวิตผม ก็เข้ามาเอาเลย!”

“ทำไม เจ้าพรรคมังกรทองผู้โด่งดังแห่งสำนักหงจะพ่ายแพ้ใครไม่ได้เลยสักเรื่องหรือไง!”