เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 1069

“ฝันไปเถอะ”

“ที่นี่คือคฤหาสน์ตระกูลเย่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ห้ามบุกรุกเข้ามาทั้งนั้น”

“ถ้าไม่รีบถอยไปล่ะก็ อย่าหาว่าพวกเราไม่ปรานีนะครับ”

ถึงเฉินตงจะแสดงตัวออกมาชัดเจน แต่องครักษ์ตระกูลเย่หลายพันคนตรงวนี้กลับไม่มีใครยอมถอยออกไป เพราะพวกเขาคือผู้พิทักษ์และองครักษ์ของคนตระกูลเย่ ไม่ใช่คนของสำนักหง พวกเขาฟังแค่คำสั่งของผู้นำตระกูลเย่ ไม่ได้รับคำสั่งจากสำนักหงแต่อย่างใด

“พวกแก…”

เมื่อเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจเด็ดเดี่ยวขององครักษ์ตระกูลเย่แล้ว เฉินตงก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เขาตั้งใจจะแสดงผลงานต่อหน้าหยางเฟิง แต่เจ้าพวกนี้ไม่เปิดโอกาสให้เลย

แต่ก่อนที่เฉินตงจะระเบิดอารมณ์ออกมา หยางเฟิงก็พูดแทรกขึ้นมาว่า

“แค่องครักษ์ตระกูลเย่ไม่กี่คน ไม่ต้องเสียเวลาหรอก”

เฉินตงนิ่งอึ้งกับคำพูดนั้น คนพวกนี้คือยอดฝีมือตระกูลเย่จำนวนหลายพันคนนะ ไม่ใช่แค่ไม่กี่คน แต่ละคนมีความสามารถร้ายกาจระดับใกล้เคียงกับยอดฝีมือของสำนักหง แต่หยางเฟิงไม่เปิดโอกาสให้เฉินตงได้ขบคิดอะไร เขาออกคำสั่งด้วยอาการดูแคลนว่า

“ถ้าพวกนั้นปฏิเสธน้ำชา ก็ต้องจับกรอกสถานเดียว ฆ่าให้หมด!”

เฉินตงสั่นสะท้านภายในใจ เขาไม่คิดเลยว่าหยางเฟิงจะโหดเหี้ยมไร้ปรานีขนาดนี้ ไม่คิดว่าพูดออกมาไม่กี่คำก็สั่งฆ่าคนหลายพันแล้ว

แต่ให้ตายสิ ไม่ว่าเฉินตงจะคิดยังไง เขาก็ไม่กล้าฝ่าฝืนคำสั่งของหยางเฉิน ได้แต่พยักหน้ารับคำสั่ง

“ครับ”

เฉินตงรีบสงบจิตใจที่ตื่นตระหนกและความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง เหลือบมององครักษ์ตระกูลเย่ แล้วหันไปออกคำสั่งกับคนที่พามาด้วยสีหน้าเรียบเฉย

“พวกเรา จัดการฆ่าพวกมันให้หมด!”

“ฆ่า! ”

“ฆ่า! ”

“ฆ่า! ”

……

เพราะคำสั่งเพียงคำสั่งเดียว

ยอดฝีมือหลายหมื่นของสำนักหงพากันพุ่งทะยานร่างเข้าโจมตีองครักษ์ตระกูลเย่อย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าหยางเฟิงและคนของเขาไม่ได้เข้าร่วมการต่อสู้นี้ด้วย หยางเฟิงทำเพียงแค่มองคนพวกนี้สู้กันด้วยสีหน้าท่าทางเย็นชาเท่านั้น

องครักษ์ตระกูลเย่หลายพันคนนี้ไม่คู่ควรให้เขาเฝ้าดูการต่อสู้เลยสักนิด

หนึ่งชั่วโมงให้หลัง การต่อสู้สิ้นสุดลงแล้ว

องครักษ์ตระกูลเย่หลายพันคนนอนจมกองเลือด ถ้าไม่ตายก็ไม่ต่างกับตายแล้ว องครักษ์ตระกูลเย่อีกสองสามพันคนนั่งคุกเข่าชูมือสองข้างเหนือศีรษะ พวกเขานั่งอยู่ที่พื้นภายในวงล้อมของยอดฝีมือของสำนักหง ถัดไปไม่ห่างจากทะเลเลือดตรงหน้าคฤหาสน์มากนัก

ยอดมีฝือหลายหมื่นของสำนักหงเข่นฆ่าพวกเขาจนแทบไม่เหลือทางป้องกัน ต่อให้พวกเขาเก่งแค่ไหน สองหมัดก็ต้านสี่ฝ่ามือไม่ได้ ยังไม่นับว่ากำลังคนของทั้งสองฝ่ายต่างกันหลายเท่า

มีทางรอดทางเดียวนั่นคือการยอมแพ้!

หลงเปียว เจ้าพรรคมังกรทองเดินมาหาเฉินตงด้วยความเคารพ พลางพูดอย่างนอบน้อมว่า “ท่านเจ้าสำนักเฉิน พวกเราจัดการองค์รักษ์ตจระกูลเย่หลายพันคนตรงนี้เรียบร้อยแล้วครับ”

“อืม เข้าใจแล้ว”

เฉินตงพยักหน้ารับการรายงาน เขาหันศีรษะไปมองหยางเฟิง แล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า

“ท่านหยาง ต้องการให้พวกเราบุกเข้าไปจัดการฆ่าเย่หรงข้างในคฤหาสน์เลยไหมครับ”

หยางเฟิงส่ายหน้า แล้วตอบกลับไปว่า “ไม่ต้อง ฉันไปคนเดียวเอง!”

“อะไรนะครับ เข้าไปคนเดียวเหรอครับ”

เฉินตงร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ เขารู้ดีว่าหยางเฟิงแข็งแกร่ง แต่ก็รู้ดีว่าคฤหาสน์แห่งนี้ไม่ธรรมดา การฉวยโอกาสจากข้อได้เปรียบด้านกำลังคนที่ดีคือการส่งคนบุกถล่มจากทุกทิศทาง ขอแค่เขาสั่งคำเดียว คนหลายหมื่นก็จะบุกเข้าไปจัดการทุกอย่างในนั้น

ด้วยกำลังคนมากขนาดนี้ ต่อให้เย่หรงมีสามหัว หกมือ ก็ไม่มีทางรอดตายไปได้แน่!

แต่หยางเฟิงกลับทำสิ่งที่เหนือกว่าในสามัญสำนึกของเฉินตง หยางเฟิงตั้งใจจะเข้าไปจัดการเย่หรงในคฤหาสน์แห่งนี้เพียงคนเดียว สิ่งที่อยู่ในหัวเฉินตงในตอนนี้คือคำถามว่า คนเดียวเอาอยู่แน่นะ

เฉินตงไม่เข้าใจเลยว่าหยางเฟิงคิดอะไรอยู่กันแน่

หยางเฟิงแค่มองไปที่เฉินตงด้วยสีหน้าท่าทางตามปกติ ก่อนจะพูดออกมาโดยไม่มีคำอธิบายว่า

“นี่เป็นคำสั่งของผม คุณจัดการตามคำสั่งก็พอ”

“ครับ”

เฉินตงรับคำเสียงดังทันทีที่ได้ยิน เขาไม่กล้าโต้แย้งอะไรกับหยางเฟิง

หยางเฟิงแข็งแกร่งและร้ายกาจเกินไป

ให้หยางเฟิงทำตามใจเถอะ เขาไม่กล้าขัดคำสั่งหรอก!

ในขณะเดียวกัน เมื่อหยางเฟิงสั่งการไปแล้ว เขาก็เดินตรงไปที่คฤหาสน์ตระกูลเย่ทันที

……

ในเวลาเดียวกัน ณ ห้องทำงานในคฤหาสน์ตระกูลเย่

เย่หรงนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมประจำตัว จิตใจของเขาสับสนวุ่นวายเต็มไปหมด เขารู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีในใจ รู้สึกเหมือนวันนี้ต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่นอน

ทันใดนั้นเอง เย่หรงได้ยินเสียงตะโกนมาจากข้างนอก นัยน์ตาของเขาหดตัวลงอย่างรุนแรง

บัดซบเอ๊ย หยางเฟิงกำลังมา!

“นายท่าน แย่แล้ว!”

ในตอนนี้ พ่อบ้านประจำคฤหาสน์รีบตรงเข้ามาทางห้องทำงานพลางร้องตะโกนด้วยความตกใจ

“นายท่าน เกิดเรื่องแล้วครับ! หยางเฟิงกับเฉินตงพายอดฝีมือของสำนักหงจำนวนหลายหมื่นมาที่นี่ จัดการองค์รักษ์ตระกูลเย่หลายพันคนของเราจนหมด พวกที่เหลือรอดต่างยอมแพ้กันหมดแล้วครับ!”

“ว่าอะไรนะ”