ตอนที่ 513 ชนะใจด้วยคุณธรรม โดย Ink Stone_Fantasy
ผู้คนจากทั่วทุกหนแห่งในสมัยโบราณล้วนเห็นทองคำเป็นทรัพย์สินติดตัวที่ดีที่สุดยามออกเดินทางไกล แม้กระทั่งตอนนี้ ทองคำก็ยังเป็นเงินตราที่ใช้กันทั่วโลก ขอเพียงในมือมีทองคำแท้ ไม่ว่าจะเป็นธนาคารที่ไหนบนโลกนี้ ร้านเครื่องประดับ ร้านค้าทองล้วนสามารถนำทองคำแลกเปลี่ยนให้กลายเป็นเงินสดได้ในทันที ทองคำสามารถเดินทางได้ทั่วโลกโดยไม่มีอุปสรรค ค่าเงินของมันยังมีความมั่นคงกว่าเงินดอลลาร์สหรัฐเสียอีก
อีกทั้งดูเหมือนสินค้าหรูหราแต่ละชนิดล้วนต้องพบกับปัญหาการเสื่อมราคา เฉกเช่นนาฬิกาหรือกระเป๋ายี่ห้อดัง ตอนซื้อกลับมาใหม่ๆ ก็ไม่อาจขายไปด้วยราคาเดิมอีก หลังจากใช้ไปเวลานานแล้วมูลค่ายิ่งเสื่อมลงอย่างมาก กระทั่งครึ่งหนึ่งของราคาเดิมก็อาจมีค่าไม่ถึง
แต่ว่าทองคำไม่มีปัญหาเรื่องเสื่อมราคา มูลค่าและความแวววาวของมันคงอยู่ตลอดกาล ขณะที่ทองคำเมื่อใส่เป็นเวลานานจะกลายเป็นสีซีดลง แต่มูลค่าของตัวทองคำนั้นกลับไม่มีเสื่อมถอย ในตลาดไม่มีทองคำมือสองลดราคา ทองคำนั้นเพียงทำความสะอาดใหม่ก็สามารถฟื้นคืนความแวววาวกลับมาได้อย่างเคย และจะนำมาหลอมหล่อเป็นเครื่องประดับทองคำใหม่ทั้งหมดหรือทองคำแท่งก็ยังได้
ทองคำในสายตาชาวโลกเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง แต่ว่าในสายตาของเยี่ยเทียน ทองคำยังมีประโยชน์อย่างอื่น ทีแรกที่โก่วซินเจียให้เยี่ยเทียนไปขุดทองคำขึ้นมา ในใจของเยี่ยเทียนก็วางแผนใช้ทองคำเหล่านี้ไว้ในใจเรียบร้อยแล้ว
ชาวอินคาโบราณเห็นทองคำดังหยาดเหงื่อของพระอาทิตย์ ฟาโรห์อียิปต์โบราณยืนกรานว่าต้องฝังลงในทองคำอันเป็นเนื้อหนังของเทพเจ้า หนึ่งในของขวัญที่นักปราชญ์ตะวันออกทั้งสามนำมาในพระวรสารนักบุญมัทธิวก็คือทองคำ อีกทั้งในหนังสือวิวรณ์ก็อธิบายถึงถนนหนทางในเมืองศักดิ์สิทธิ์เยรูซาเลมว่าทำจากทองคำบริสุทธิ์
สัญลักษณ์เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ทองคำในศาสนาต่างประเทศ ก็มีสถานะอันล้ำค่า และผู้คนไม่น้อยต่างรู้ว่า คุณประโยชน์ของทองคำในตำราฮวงจุ้ยภูมิลักษณ์ศาสตร์ก็มีหลากหลาย พวกสถาปัตยกรรมที่เห็นว่าตกแต่งด้วยทองคำและหยกอันเฉิ่มเชยหาใครเปรียบนั้น ความจริงแล้วมีเหตุผลบาสงอย่างอยู่ภายใน
ความมั่นคง ล้ำค่าหายากของทองคำเป็นสัญลักษณ์ของสถานะและความมั่งคั่ง สถาปัตยกรรมและฮวงจุ้ยที่ถูกสร้างขึ้นด้วยทองคำจะก่อเกิดพลังงานอันเป็นเอกลักษณ์ ช่วยส่งเสริมความร่ำรวยให้ผู้เป็นเจ้าของอย่างมากมายมหาศาล
เพียงแต่จำนวนทองคำในประเทศจีนมีน้อย นับแต่โบราณมา มีเพียงฮ่องเต้ที่สามารถนำทองคำมาใช้ประกอบฮวงจุ้ย มหาเศรษฐีผู้ตกแต่งห้องหับด้วยทองคำทั้งหลัง กระทั่งส้วมล้วนยังทำจากทองคำ แท้จริงแล้วก็ได้รับคำแนะนำจากเหล่าผู้เชี่ยวชาญ
คฤหาสน์ของเยี่ยเทียนหลังนั้นในฮ่องกง ตั้งอยู่ตรงไหล่เขา ว่ากันด้วยที่ตั้งตำแหน่งฮวงจุ้ยนับว่าดีเลิศ สาเหตุที่เยี่ยนเทียนอยากเหลือทองคำเหล่านี้ไว้ ก็เพื่อสร้างเขตฮวงจุ้ยทองคำ ทำให้สถานที่นั้นเป็นไข่มุกรวมวิญญาณ ทั้งยังดึงดูดโชคลาภเงินทอง
แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้เยี่ยเทียนไม่อาจอธิบายแก่ซ่งเฮ่าเทียน ความแค้นนับศตวรรษของสองตระกูลเยี่ยและซ่งถือว่ายังมีข้อดีอยู่บ้าง นั่นก็คือเยี่ยเทียนสามารถทำตัวไร้เหตุผลต่อซ่งเฮ่าเทียน และไม่จำเป็นต้องอธิบายสาเหตุที่แอบซ่อนอยู่ภายใน
“ได้ ถือว่าฉันติดหนี้เธอ เงื่อนไขนี้ฉันตกลง!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเยี่ยเทียนแล้ว ซ่งเฮ่าเทียนก็ส่ายหน้าแค่นหัวเราะออกมา ชีวิตนี้เขาไต่เต้ามาถึงจุดสูงสุดของอาชีพข้าราชการได้ในวัยเกษียณ แต่กลับไม่คิดว่าเมื่อมาถึงบั้นปลายแล้วกลับมาพบกับศัตรูที่ไม่อ่านโค่นล้มได้เช่นนี้
เพียงเพราะข้อเรียกร้องนี้ของเยี่ยเทียนเขายังพอทำได้ คนอย่างซ่งเฮ่าเทียน เวลาเจรจาย่อมเหลือทางออกไว้สามส่วน ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาสื่อสารกับคนพวกนั้น ไม่ได้บอกถึงจำนวนทองคำอย่างชัดเจน เยี่ยเทียนหักออกไปห้าตัน เขาจึงยังพอควบคุมได้
“จริงสิ ที่เธอพูดเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องจริงหรือหลอก? แย่งชิงทองคำพวกนี้มาจากคนอื่นจริงหรือ?” หลังจากตกปากรับคำข้อเรียกร้องของเยี่ยเทียนแล้ว ซ่งเฮ่าเทียนก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย เขารู้สึกว่าอาการโกรธเกรี้ยวเมื่อครู่ของเยี่ยเทียน ดูไม่เหมือนเสแสร้ง
“ผมโม้น่ะ คุณอย่าทำเป็นจริงจังเลย ทองคำพวกนี้ศิษย์พี่ผมแอบซ่อนเอาไว้ ในฐานะศิษย์น้องไปนำออกมาก็เป็นเรื่องถูกต้องแล้ว ผมจำเป็นต้องแย่งมาจากมือคนอื่นหรือ…”
เยี่ยเทียนไม่หาเหาใส่หัวโดยยอมรับที่ทำน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อครู่แน่นอน หลังจากอธิบายอย่างขอไปทีแล้วก็พูดว่า “เอาล่ะ ไม่คุยกับคุณแล้ว ผมวางสายล่ะนะ!”
“ไอ้เด็กบ้า วางสายใส่ฉันอีกแล้วเรอะ?”
ได้ยินเสียงสายตัดดังมาจากลำโพง คราวนี้ผู้เฒ่าอดกลั้นไม่อยู่อีกต่อไป แล้วจึงเขวี้ยงโทรศัพท์ออกไป นั่งลงบนโซฟาอย่างขุ่นเคือง ทำเอาคุณหมอและเลขาประจำตัวต่างมองหน้ากันเลิกลัก ไม่รู้ว่าใครทำให้หัวหน้าโกรธจัดถึงขนาดนี้?
เพียงแต่พอเขวี้ยงโทรศัพท์ลงแล้ว ซ่งเฮ่าเทียนกลับหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง เขาตกต่ำและเฟื่องฟูอยู่ในวงการข้าราชการมาตลอดทั้งชีวิต เชี่ยวชาญทักษะเก็บงำความโกรธอย่างสมบูรณ์แบบมานาน ถึงตอนนี้ถูกเยี่ยเทียนยั่วยุจนควันออกหู นับว่าเจ้าหนูนั่นมีความสามารถ
“ไม่เป็นไร พวกเธอออกไปเถอะ”
พอโบกมือไล่ผู้คนออกไปนอกห้องแล้ว ซ่งเฮ่าเทียนก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้ง กดโทรหาโทรศัพท์สายในที่ค่อนข้างลึกลับ บอกกล่าวเรื่องบางอย่าง
สำหรับคนคนหนึ่ง ไม่ว่าจะรักหรือเกลียด ล้วนต้องอยากรู้เรื่องราวของคนคนนั้นบ้าง สาเหตุที่ซ่งเฮ่าเทียนโทรหาสายเหล่านี้ ก็เพราะยังติดใจกับคำพูดที่เยี่ยเทียนบอกเมื่อครู่ เขาจึงโทรบอกบางหน่วยงานให้ไปตรวจสอบ ด้วยอยากรู้ว่าช่วงที่ผ่านมามีชาวญี่ปุ่นกลุ่มใหญ่เข้าไปยังประเทศพม่าบ้างหรือเปล่า?
ห้าวันหลังจากนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ส่งข้อมูลกลับมาหาซ่งเฮ่าเทียนจำนวนหนึ่ง ทำเอาซ่งเฮ่าเทียนตกใจจนเผลอปล่อยกาน้ำชาแสนรักในมือหล่นลงตกแตก
ข้อมูลชี้ให้เห็นว่า เมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา มีชาวญี่ปุ่นหนึ่งร้อยเจ็ดสิบแปดคนโดยใช้ในนามกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าไปในเขตแดนพม่า แต่ว่าเมื่อห้าวันก่อนกลับหายตัวไปในพม่าอย่างประหลาด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางญี่ปุ่นกำลังทำการเจรจาอยู่กับรัฐบาลพม่าอยู่
อีกทั้งตำแหน่งที่อยู่สุดท้ายของชาวญี่ปุ่นเหล่านั้น อยู่ห่างจากจุดที่ตั้งซึ่งเยี่ยเทียนส่งให้เขาไม่ไกลนัก ห่างกันเพียงร้อยสองร้อยกิโลเมตร นั่นทำให้ซ่งเฮ่าเทียนตกใจจนเหงื่อซึมเย็นไปทั้งร่าง เห็นได้ชัดว่าถ้อยคำของเจ้าหนูนั่นไม่ได้คุยโวโอ้อวด แต่กลับปิดบังความจริงบางอย่างไว้ต่างหาก
ซ่งเฮ่าเทียนที่กำลังร้อนรนรีบเร่งติดต่อเยี่ยเทียน จึงรับรู้ว่าตัวเขาอยู่ที่ฮ่องกงแล้ว จึงทำให้เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ล้วนผ่านไปหมดแล้ว
…….
“ทำไมล่ะ ยังคิดจะเอาทองคำพวกนี้ของผมยึดเป็นของหลวง?”
หลังจากวางสายแล้ว เยี่ยเทียนก็มองยังพันโทซ่งเฟยคนนั้นอย่างเย้ยหยัน ให้สนับสนุนการพัฒนาของรัฐบาลย่อมไม่มีปัญหา แต่จะทำให้ประชาชนตาดำๆ ลำบากไม่ได้ จะว่าไปตอนนี้เยี่ยเทียนเองก็จนกรอบแทบไม่มีกิน แล้วทำไมจะต้องยกทองคำให้รัฐบาลเปล่าๆ ด้วย?
ว่ากันที่จุดนี้ ลำดับขั้นและขอบเขตของรองประธานซ่งยังสูงกว่านายร้อยหรือพันโทคนนี้มากนัก ข้อเสนอที่ต่างฝ่ายต่างชนะและได้ผลประโยชน์กันทั้งคู่ ถึงจะเป็นการชนะใจด้วยคุณธรรม ไม่อย่างนั้นเยี่ยเทียนก็ไม่รังเกียจจะทำตัวเป็นปัญหาอีกครั้ง
“ไม่…ไม่กล้าหรอกครับ คุณ…ว่าทำยังไง ก็ทำอย่างนั้นเถอะครับ?”
ซ่งเฟยซึ่งทีแรกกำลังจ้องมองเยี่ยเทียนตาค้าง ถูกเขาพูดขู่จนตกใจสั่นไปทั้งตัว เขาเติบโตมาจนป่านนี้ เคยได้พบซ่งเฮ่าเทียนไม่เกินสิบกว่าครั้ง ซึ่งสำหรับในตระกูลถือว่าได้รับความเอ็นดูมากกว่าใครแล้ว
แต่ว่าการพบหน้าสิบกว่าครั้งนั้น คำพูดที่ซ่งเฮ่าเทียนพูดคุยกับเขา รวมกันแล้วยังไม่มากเท่ากับที่ตำหนิเขาทางโทรศัพท์เมื่อครู่ ด้วยเหตุนั้นสภาพจิตใจของซ่งเฟยที่ถูกด่าก่อนหน้านี้จึงลอยหลุดไป แน่นอนว่า เกิดความตกอกตกใจเป็นอย่างมาก
อีกทั้งบทสนทนาของเยี่ยเทียนกับท่านผู้เฒ่า ยังทำให้ซ่งเฟยได้ยินแล้วสับสนมึนงงอยู่ภายในใจ เขาไม่ค่อยเข้าใจ สองคนนี้ที่จริงแล้วใครเป็นปู่ใครเป็นหลานกันแน่? หรือว่าเด็กหนุ่มข้างหน้านี้จะเป็นลูกนอกสมรสของท่านผู้เฒ่า?
“ขนของกลับไป เบื้องบนจะจัดการเองว่านายต้องทำยังไง แต่ว่าถ้าหากฉันรู้ว่านายเล่นตุกติก ระวังเหอะฉันจะตามไปเล่นงานนายถึงบ้าน!”
ด้วยสาเหตุจากซ่งเสี่ยวหลง เยี่ยเทียนจึงไม่รู้สึกดีกับคนตระกูลซ่งเท่าไรนัก แต่ว่าถ้าหากเขารู้ความคิดสกปรกของเจ้าหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ ไม่แน่อาจจะบีบคอเขาให้ตายตอนนี้เลยก็เป็นได้
“ครับ คุณวางใจเถอะ ผมจะทำภารกิจให้สำเร็จ!”
เวลานี้ซ่งเฟยไม่กล้ามองเยี่ยเทียนเป็นเหมือนญาติสนิทธรรมดาในตระกูลซ่งแล้ว ที่สำคัญคือ ต่อให้เป็นผู้สืบทอดมรดกรุ่นที่สองของตระกูลซ่งคนนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านผู้เฒ่าอาจไม่ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้
เยี่ยเทียนโบกมือกล่าวว่า “เอาล่ะ เลิกยืนทื่อเป็นเสาไฟฟ้าอยู่ตรงนั้นได้แล้ว ช่วยกันทำงานสิ!”
ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เกิดขึ้นที่เขตชายแดนพม่า เยี่ยเทียนกลัวว่ายิ่งรั้งอยู่นานจะเกิดปัญหา จึงออกตัวร่วมลงมือด้วย ซ่งเฟยจึงไม่กล้าทำวางก้ามต่อ ตามหลังเยี่ยเทียนอย่างเชื่อฟังไปช่วยขนย้ายทองคำแท่ง และเงินทองเครื่องประดับหยกเหล่านั้นมา
เวลาผ่านไปสองชั่วโมงกว่า นอกจากทองคำไข่มุกอัญมณีล้ำค่าที่กระจัดกระจายหายไปบางส่วนระหว่างทาง ของทั้งหมดล้วนถูกขนย้ายเข้าไปข้างในเฮลิคอปเตอร์หลายลำแล้ว
“เหล่าหู คุณกับเซี่ยวเทียนตามกลับไปประเทศด้วยกันเถอะ”
เยี่ยเทียนโบกมือ เกณฑ์คนเข้ามารวมกันแล้วกล่าวว่า “แล้วก็อู่เฉินพวกนายก็กลับไปด้วยกัน ใช่ รอหลอมทองคำแล้วทุกคนมารับไปคนละก้อนเป็นรางวัล ที่เหลืออีกหนึ่งล้าน รอฉันกลับไปเมืองหลวงแล้วจะจ่ายสดให้พวกนาย
“ขอบคุณครับท่านเยี่ย…”
“ท่านเยี่ยเกรงใจเกินไปแล้ว พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลย!”
“นั่นสิ ครั้งหน้าหากท่านเยี่ยมีปัญหา ขอเพียงสั่งการมาก็พอ!”
คนเหล่านี้คาดไม่ถึงว่านอกจากเงินค่าจ้างหนึ่งล้านแล้ว กลับยังได้ทองคำแท่งเป็นรางวัลอีก จึงสีหน้าเผยให้เห็นความดีอกดีใจในทันที ที่สำคัญ หากคำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนทองคำหนึ่งกรัมเป็นมูลค่าร้อยแปดสิบหยวนแล้ว ทองคำแท่งสองกิโลกรัมจะมีมูลค่าถึงหนึ่งหรือสองแสนหยวน
“ข้าวของและเงินทอง พวกนายสามารถนำไปได้อย่างสบายใจ แต่มีเรื่องหนึ่ง ประสบการณ์ที่มายังพม่าครั้งนี้ นอกจากชิวเหวินตงแล้ว ห้ามไปบอกใครทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษว่าฉันตัดความสัมพันธ์ไม่รู้จักพวกนาย!”
น้ำเสียงของเยี่ยเทียนแปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา เจรจาด้วยบุ๋นก่อนค่อยบู๊ เยี่ยเทียนจึงนับว่าเป็นผู้ใช้คุณธรรมชนะใจคน อีกทั้งที่กลับไปหลอมทองแล้วจึงค่อยให้แก่พวกเขา ก็เพราะไม่อยากให้เรื่องราวนี้เล็ดรอดออกไป ไม่อย่างนั้นพวกวายร้ายที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในตระกูลคิตะมิยะ จะต้องมาตามล่าเอาชีวิตเขาถึงเมืองหลวงแน่
แต่ว่าเยี่ยเทียนกลับไม่คิดปิดบังชิวเหวินตง อย่างแรกคือหมอนั่นต้องถามถึงแน่นอน และลูกศิษย์พวกนี้ก็คงไม่กล้าเงียบไว้ อย่างที่สองชิวเหวินตงเองก็เป็นคนที่สายตามองทะลุปรุโปร่ง เขาจะต้องไม่นำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่มีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขมาจนถึงวันนี้
“ท่านเยี่ย วางใจได้เลย หากใครในนี้กล้าโพนทะนาแม้เพียงคำเดียว เสี่ยวอู่อย่างผมจะตัดลิ้นมันออกมาให้คุณแกล้มเหล้า!”
เมื่อมองกองทัพเฮลิคอปเตอร์เบื้องหน้า แล้วพาลนึกถึงร่างนับสิบที่แผดเผาอยู่ภายในหุบเขาปีศาจ กับคนกว่าร้อยคนที่หายตัวไปอย่างปริศนา อู่เฉินก็รีบตบหน้าอกแทนทุกๆ คน
………………