ตอนที่ 1153

Alchemy Emperor of the Divine Dao

“ศิษย์น้องฮัน เจ้ากล้ารับคำท้าของข้าหรือไม่?” จางหลงกล่าวถาม

หลิงฮันยืนขึ้นและพูดว่า “ในเมื่อเจ้ารอขอความพ่ายแพ้ ข้าก็เต็มใจที่จะมอบให้!”

ชายคนนี้ช่างเป็นคนพูดจาใหญ่โตยิ่งนัก!

เขาพูดจาแบบนั้นไม่กลัวว่าจะเสียหน้าทีหลังเลยหรือ?

จางหลงชักสีหน้าและพูดว่า “ข้าเข้าร่วมนิกายก่อนเจ้าเก้าร้อยปี เจ้าควรเรียกข้าว่าศิษย์พี่!”

“ใครจะเป็นศิษย์พี่หรือศิษย์น้องนั้น ไม่ใช่ว่ามันตัดสินด้วยความแข็งแกร่งหรอกรึ?” หลิงฮันกล่าว

เขาทำตัวอวดดีเช่นนี้ นี่เขาไม่กลัวตกม้าตายทีหลังหรอกหรือ?

ทุกคนต่างพากันส่ายหัว ถึงแม้ว่าหลิงฮันจะเป็นคนที่แข็งแกร่งมากและสามารถเอาชนะกังสือหยุนได้ก่อนที่จะเข้าร่วมนิกาย แต่กังสือหยุนนั้นเข้าร่วมนิกายมาก่อนเขาแค่ปีกว่าเท่านั้น

ดังนั้น จางหลงจึงแตกต่างจากกังสือหยุนอย่างสิ้นเชิง เขาเข้าร่วมนิกายเมื่อเก้าร้อยปีก่อน ช่วงเวลาที่เขาฝึกฝนอยู่ในนิกาย มันทำให้เขาพัฒนาขึ้นมาก แม้จะยังสร้างภูผาวารีสายที่ห้าไม่ได้ก็ตาม

หากสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้สำเร็จ เขาสมควรที่จะไร้พ่าย

“ฮ่าฮ่าฮ่า!” จางหลงแสยะยิ้ม “เจ้าเป็นคนที่บ้าบิ่นมาก ถึงอย่างนั้นข้าก็ชอบศัตรูแบบเจ้า และข้าจะเป็นคนเหยียบย่ำใบหน้าของเจ้าให้จมดิน”

“ไม่ต้องกังวล มันจะเป็นเจ้าต่างหากที่จะถูกเหยียบย่ำอยู่บนพื้น” หลิงฮันส่ายหัว

“เรื่องตลกของเจ้ามันไม่ตลกเลยสักนิด” จางหลงกล่าว

“ข้าไม่ได้พูดเล่น” หลิงฮันกล่าวและยักไหล่

ใบหน้าของจางหลงกลายเป็นหนาวเย็น จากนั้นเขาก็พูดด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “เข้ามาได้แล้ว!”

“เพื่อเป็นการต่อให้ ข้าจะให้เจ้าโจมตีใส่ข้าก่อนสามกระบวนท่า” หลิงฮันวางมือไว้ด้านหลัง

“เจ้าคนอวดดี!” จางหลงเกรี้ยวกราดและโจมตีใส่หลิงฮันทันที

ปัง!

หลิงฮันเพียงแค่เบี่ยงตัวหลบและไม่ตอบโต้

ปัง! ปัง!

หลังจากผ่านไปสามกระบวนท่า หลิงฮันยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย

ฟ่อ!

ทุกคนดูตกตะลึง พวกเขายอมรับในความแข็งแกร่งของจางหลง นอกจากหกราชันแล้ว ใครยังกล้าพูดต่อให้จางหลงสามกระบวนท่าได้อีก?

แต่หลิงฮันไม่ได้ดีแค่พูดเท่านั้น เขาทำจริง

ความแข็งแกร่งของเขา…หยั่งไม่ถึง!

แม้แต่อู๋เจ๋อกับเหอเต๋าเองก็รู้สึกตกตะลึง พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าหลิงฮันจะแข็งแกร่งขนาดนี้

“ข้าต่อให้เจ้าสามกระบวนท่าไปแล้ว และต่อไปข้าจะต่อให้เจ้าอีกโดยการต่อสู้ด้วยมือข้างเดียว” หลิงฮันเก็บมือขวาไว้ด้านหลังและยกมือซ้ายขึ้นมา

นี่มัน!

ถึงแม้เจ้าจะทำตัวอวดดี แต่อีกฝ่ายคือจางหลง!

กังสือหยุนรู้สึกตกตะลึงและมีความสุข จางหลงจะต้องโกรธเกรี้ยวมากแน่ๆ แล้วนั่นก็จะทำให้เขาอยากกำจัดหลิงฮัน

ดี! ดี!

นางไม่เชื่อว่าด้วยความแข็งแกร่งของจางหลงจะไม่สามารถกำจัดหลิงฮันได้

จางหลงเริ่มโกรธจริงจัง และโจมตีใส่หลิงฮันด้วยความโกรธ

เจ้าต่อให้ข้าสามกระบวนท่าและยังจะต่อสู้กับข้าด้วยมือข้างเดียวอีก การที่เขาถูกอีกฝ่ายดูถูกเหยียดหยามขนาดนี้ ทำให้เขารู้สึกละอายใจเป็นอย่างยิ่ง

“ศิษย์น้อง เจ้าเป็นคนขอให้ข้าทำแบบนี้เองนะ!” ดวงตาของเขาส่องแสงเย็นชา ทันใดนั้นก็มีแสงสีแดงแผ่ออกมาและทำให้ผิวของเขากลายเป็นสีแดงทันที จากนั้นร่างกายของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้นและผ้าพันแผลสีขาวที่พันอยู่ก็ฉีกขาดแล้วมือของเขาก็กลายเป็นกรงเล็บเสือ

ใช่แล้ว มันไม่ใช่มือ แต่เป็นกรงเล็บ!

ตอนนี้มือทั้งสองข้างของเขากลายเป็นกรงเล็บและมีอักขระศักดิ์สิทธิ์เกือบเจ็ดสิบแถวส่องประกายอยู่

“หืม นี่มันพลังอะไรกัน ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าพลังของศิษย์พี่จางเหนือกว่าระดับภูผาวารีไปแล้ว?” ใครบางคนอุทาน ซึ่งเขาเองก็เป็นศิษย์เมล็ดพันธุ์เหมือนกัน แต่ถูกข่มด้วยพลังของจางหลง

“ไม่ใช่ พลังของเขาไม่ได้เหนือกว่าระดับภูผาวารี ที่เจ้ารู้สึกแบบนั้นนั่นเป็นเพราะระดับพลังของเจ้ายังต่ำเกินไป”

“นี่คือทักษะที่ยอดเยี่ยมของศิษย์พี่จาง มันเรียกว่าทักษะโลหิตพยัคฆ์คลั่ง เมื่อใดที่เขาใช้ทักษะนี้ มันจะทำให้ความแข็งแกร่งและความเร็วเพิ่มขึ้นมาก”

“พลังของศิษย์พี่จางนั้นได้อยู่บนจุดสูงสุดของระดับภูผาวารีเรียบร้อยแล้ว และน่าจะมีพลังต่อสู้ถึงหกดาว บวกกับพลังของทักษะโลหิตพยัคฆ์คลั่งมันเป็นไปได้มากที่เขาจะมีพลังต่อสู้เจ็ดดาว”

“นี่คือพลังสูงสุด!”

ศิษย์พี่คนหนึ่งที่อยู่นิกายมานานอธิบายสถานะของจางหลงในขณะนี้

อีกฝ่ายสร้างภูผาวารีสายที่ห้าไม่สำเร็จ แต่เขาก็บรรลุระดับสูงสุดของภูผาวารีทั้งสี่สาย

อย่างไรก็ตาม พลังดังกล่าวไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดเวลา ซึ่งแต่ไม่เหมือนกับจอมยุทธที่สร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้ที่เป็นพลังถาวร

จางหลงคำรามและโจมตีใส่หลิงฮันด้วยกรงเล็

พรึบ!

การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็วเกินไป จึงทำให้เขาเหมือนกลายเป็นลำแสงสีแดงที่จอมยุทธระดับภูผาวารีส่วนใหญ่นั้นจับตามองไม่ทัน

ปัง!

หลิงฮันสะบัดมือซ้ายและโจมตีออกไปด้วยปราณดาบ

ตู้ม!

การโจมตีทั้งสองปะทะกัน ทำให้เกิดแสงสว่างจ้าไปทั่วพื้นที่ ซึ่งทำให้หลายคนมองไม่เห็นและไม่สามารถมองการต่อสู้ของพวกเขาได้

แต่แสงนั่นก็ดับลงไปในไม่ช้า พวกเขาเห็นหลิงฮันยังคงยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมและเห็นนิ้วชี้กับนิ้วกลางชิดกันกลายเป็นดาบ ในขณะนี่จางหลงลงไปนอนหงายอยู่ใต้เท้าของหลิงฮันและมีโลหิตพุ่งออกมาจากอก

เกิดอะไรขึ้น!

คนที่แข็งแกร่งอย่างจางหลงกลับพ่ายแพ้ด้วยการโจมตีเดียว?

ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างและหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

เรื่องแบบนี้มันเป็นไปได้ยังไง! มันไม่มีทางเป็นไปได้!

ใครบางคนอุทานด้วยความตกตะลึง และคิดว่าพวกเขาฝันไป ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นจางหลงพยายามโจมตีใส่หลิงฮันอย่างดุเดือดเพื่อเอาชนะ แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขากลับเห็นจางหลงนอนกองอยู่บนพื้น

จางหลงนอนกองอยู่บนพื้นและหมดสติไปเรียบร้อยแล้ว

พ่ายแพ้ พ่ายแพ้อย่างราบคาบ!

หลิงฮันเตะร่างของจางหลงกลับไปยังก้อนหินที่กระโจนออกมา ทำให้ร่างของจางหลงห้อยอยู่ที่ก้อนหิน โดยที่สะโพกของเขาขึ้นไปอยู่บนหินและห้อยแขนลงมาและก้นของเขากำลังกำลังกระดกชี้ฟ้า ฉากดังกล่าวจะยังคงอยู่ในใจของทุกคนที่นี่ตลอดไป

กังสือหยุนรู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นที่ก่อตัวเพิ่มขึ้นในหัวใจ ความแข็งแกร่งของหลิงฮันนั้นเหนือกว่าที่นางจินตนการเอาไว้มาก แม้แต่จางหลงยังพ่ายแพ้อย่างง่ายดาย นี่หรือเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายสร้างภูผาวารีสายที่ห้าสำเร็จแล้ว?

นิกายสวรรค์เยือกแข็งนั้นได้รวบรวมอัจฉริยะจากหลายร้อยดาวมาไว้ที่นี่ แต่ตอนนี้มีจอมยุทธระดับภูผาวารีที่สามารถสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้แค่หกคนเท่านั้น

อัจฉริยะอย่างพวกเขาถูกมองว่าเป็นสมบัติของนิกาย แล้วนางจะยังมีความหวังที่จะแก้แค้นหลิงฮันสำเร็จได้อย่างไร?

หลิงฮันหันไปจ้องมองนางอย่างเย็นชา ที่จางหลงท้าทายเขาเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับกังสือหยุน

กังสือหยุนรู้สึกว่าดวงวิญญาณของตัวเองกำลังสั่นคลอน นางรีบก้มหน้าลงทันทีและไม่กล้ามองหลิงฮัน

“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่คิดเลยว่าศิษย์น้องฮันจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!” อู๋เจ๋อปรบมือและกล่าวด้วยรอยยิ้ม และแอบหวาดกลัวหลิงฮันอยู่ในใจ

แม้แต่เขาเองก็ยังไม่กล้าดูถูกจางหลง เพราะมันมีความเป็นไปได้มากที่อีกฝ่ายจะสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้สำเร็จและไล่ตามเขาทันอีกครั้ง ดังนั้นคนที่สามารถเอาชนะจางหลงได้ไม่น่ากลัวกว่าหรอกหรือ?

หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “พี่ชายอู๋ ท่านสามารถให้คำแนะนำข้าสักหนึ่งหรือสองกระบวนท่าได้หรือไม่?”