“อาจารย์!!”
ศิษย์อารามจิ้งซินเห็นอาจารย์ของตนถูกหลิงหยุนสังหารตายต่อหน้าต่อตาเช่นนั้นจึงได้แต่กรีดร้องออกมา แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้!
นอกเหนือจากความโกรธแค้นแล้วเหล่าแม่ชีต่างก็รู้สึกหวาดกลัว!
ไกลออกไปนั้นเหล่ายอดฝีมือที่พากันซ่อนตัวอยู่ตามต้นไม้ ต่างก็จ้องมองภาพที่สยดสยองนี้ด้วยดวงตาเบิกโพลง สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและเจ็บปวด ราวกับว่าเป็นผู้ที่ถูกหมัดของหลิงหยุนกระแทกเข้าใส่เสียเอง
หลังจากที่ประลองกับหลวงจีนจื้อเหนิงตัวต่อตัวอย่างยุติธรรมและได้ลงมือสังหารเขาตายไปนั้น หลิงหยุนก็ยังไม่ได้ลงมือฆ่าใครอีกเลย และไม่ได้มีท่าทีต้องการจะสังหารผู้ใดด้วย มิหนำซ้ำยังยินยอมปล่อยคนของสำนักดาบสวรรค์กลับไปด้วย
แต่จู่ๆหลิงหยุนกลับลงมือสังหารแม่ชีมี่เจียวเพียงแค่อึดใจเดียว!
หลิงหยุนสังหารผู้คนโดยไม่มีการพล่ามแม้แต่คำเดียวเช่นนี้ทำให้ผู้คนภายในหุบเขาหลงเฟิงต่างพากันเย็นวาบไปถึงแผ่นหลัง!
หลังจากที่หลิงหยุนลงมือสังหารคนไปแล้วสีหน้าและแววตาของเขาก็เปล่งประกายอำมหิต เขาปรายตามองไปทางเหล่าแม่ชีของอารามจิ้งซินพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ยังมีผู้ใดต้องการเปิดอารามจิ้งซินต่อไปอีกหรือไม่หรือมีผู้ใดต้องการแก้แค้นแทนอาจารย์ของพวกเจ้า ก็เดินเข้ามาได้เลย ข้าจะได้ส่งไปอยู่กับนางพร้อมๆกัน!”
หลิงหยุนไม่สนใจเหล่าศิษย์ของอารามจิ้งซินที่กำลังกรีดร้องออกมาด้วยความโกรธแค้นและหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย หากหลิงหยุนตัดสินใจที่จะทำสิ่งใดแล้ว เขาไม่เคยที่จะสนใจเลยว่าผู้อื่นจะคิดเห็นต่อตนเองเช่นใด หลิงหยุนรู้ว่าหนทางเดียวที่จะปิดอารามจิ้งซินได้โดยที่แม่ชีคนอื่นๆไม่ขัดขวางนั้นจะต้องสังหารแม่ชีมี่เจียวทิ้งเสีย และหลังจากนั้นการเจรจาก็จะเป็นไปได้ง่ายดายขึ้น นอกจากหลิงหยุนจะประหยัดเวลาได้มากแล้ว ยังสามารถรักษาชีวิตของแม่ชีคนอื่นๆได้อีกด้วย..
หลิงหยุนไม่ต้องการเสียเวลาสังหารเหล่าแม่ชีคนอื่นๆเพราะการต่อสู้ที่แท้จริงยังคงรอเขาอยู่..
คำพูดของหลิงหยุนนั้นเป็นการประกาศต่อเหล่าแม่ชีที่เหลือว่าให้เลือกระหว่างความตายกับการเชื่อฟังคำสั่งของเขา!
เพราะหากยังดื้อดึงไม่เชื่อฟังย่อมหมายถึงความตาย!
หลิงหยุนจ้องมองเหล่าแม่ชีด้วยแววตาเย็นชาสายตาทุกคู่ที่จ้องมองมาทางหลิงหยุนนั้น ล้วนเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว แต่หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง แววตาที่ขุ่มเคืองนั้นก็ค่อยๆจางคลายลงจนกระทั่งหายไปในที่สุด ผ่านไปราวหนึ่งนาที่ก็ยังไม่มีแม่ชีคนใดลุกขึ้นคัดค้านหลิงหยุนเพราะความจริงแล้วแม่ชีหลายคนก็ไม่ได้เห็นด้วยกับอารามจิ้งซิน อีกทั้งแม่ชีมี่เจียวเจ้าสำนักก็ตายไปแล้ว ต่อให้พวกนางอยากจะรักษาสำนักต่อไป ก็คงจะไม่มีความสามารถทำได้..
แม่ชีของอารามจิ้งซินนั้นทุกคนล้วนถูกบังคับให้กลืนโอสถไร้ใจ และฝึกวิชาไร้ใจ เพื่อให้ลืมเลือนชายที่รัก ไม่มีโอกาสแม้แต่จะเลือกชะตาชีวิตของตนเอง
หลังจากได้เห็นเฉิงเม่ยเฟิงที่กลับมาสดใสเปล่งปลั่ง และมีเสน่ห์เช่นนี้ เหล่าแม่ชีของอารามจิ้งซินหลายคนต่างก็ถึงกับใจสั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่ชีสาวๆที่ไม่เคยอยู่ในโลกยุทธภพมาก่อน
เมื่อโอกาสเช่นนี้มาถึงมีผู้ใดบ้างไม่ต้องการมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่าเดิม และสะดวกสบายกว่าเดิม เวลานี้แม่ชีหลายคนต่างรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
เมื่อเห็นแววตาของเหล่าแม่ชีที่เหลือหลิงหยุนก็รู้ได้ทันทีว่าแผนการของตนเองนั้นสำเร็จแล้ว จึงได้พูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“เอาล่ะ..ในเมื่อไม่มีผู้ใดคัดค้าน ก็เท่ากับว่าทุกคนเห็นด้วยที่จะให้ข้าปิดอารามจิ้งซินไปซะ!”
จากนั้นหลิงหยุนก็ย้ำด้วยน้ำเสียงที่นึกขันไม่น้อย“ใช่หรือไม่”
“เอาล่ะ..ในเมื่อไม่มีผู้ใดคัดค้าน ข้าก็จะเริ่มทำลายวรยุทธของพวกเจ้าทุกคน!”
หลิงหยุนสรุปง่ายๆและไม่จำเป็นต้องชักแม่น้ำทั้งห้าให้เสียเวลา..
“แต่..พี่ชาย.. หากท่านทำลายวรุยทธของพวกเราแล้ว วันข้างหน้าหากพวกเราพบเจอชายโฉด หรือพบเจอศัตรูเข้าล่ะ พวกเราจะทำเช่นใด”
และแน่นอนว่าผู้ที่เอ่ยถามหลิงหยุนก็คือหลี่สุ่ย..
หลิงหยุนเข้าใจได้ทันทีว่าที่เหล่าแม่ชีต่างพากันนิ่งเงียบนั้น คงจะเป็นเพราะใคร่ครวญ และกังวลใจในเรื่องเหล่านี้อยู่เป็นแน่!
“น้องหลี่สุ่ย..เป็นคำถามที่ดียิ่งนัก!”
หลิงหยุนเอ่ยชมพร้อมตอบกลับไปทันที“ตราบใดที่ศิษย์อารามจิ้งซินยินยอมทำลายวรยุทธของตนและปิดสำนักไป ความปลอดภัยของพวกเจ้าในวันข้างหน้า ข้า – หลิงหยุนจะเป็นผู้คุ้มครองปกป้องเอง หากผู้ใดกล้าข่มเหงรังแกพวกเจ้า มันผู้นั้นจะต้องตายโดยไร้ดินกลบหน้า!”
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปประกาศต่อหน้าชาวยุทธทุกคนว่า“พวกเจ้าทุกคนได้ยินที่ข้าพูดแล้วใช่หรือไม่”
“พวกเราได้ยินชัดเจน!”
ทุกคนต่างก็ร้องตะโกนตอบกลับมาอย่างพร้อมเพรียงกันมีผู้ใดบ้างเล่าที่จะกล้านิ่งเฉยไม่ตอบกลับ
“พวกเจ้าต้องไม่เพียงแค่ได้ยินเท่านั้นแต่หลังจากที่ออกจากหุบเขาแห่งนี้ไป พวกเจ้าทุกคนต้องไปป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ชาวยุทธภพได้รู้ทั่วกันด้วย!”
“หลิงหยุน..ท่านอย่าได้กังวลใจไป ตราบใดที่พวกเราออกจากที่นี่ไปได้ จะต้องนำวาจาของท่านไปบอกกับเหล่าชาวยุทธที่พบเจอเป็นแน่!”
เหล่ายอดฝีมือในที่นี้ต่างพากันรับปากหลิงหยุนเพราะเกรงว่าหากไม่รับปากออกไป จะทำให้หลิงหยุนขุ่นเคืองใจขึ้นมาได้!
“ดีมาก!”
หลิงหยุนตอบกลับไปด้วยสีหน้าพึงพอใจจากนั้นจึงหันไปบอกกับเหล่าแม่ชีว่า “ไม่เพียงความปลอดภัยของพวกเจ้า แต่ในวันข้างหน้าหากพวกเจ้ามีปัญหาอันใด แม้กระทั่งปัญหาเรื่องการฝึกฝนวิชา ก็สามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อ!”
หลิงหยุนเข้าใจปัญหาและความกังวลใจของเหล่าแม่ชีแล้วเขาจึงได้ประกาศที่จะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ให้ “อะไรนะ!”
ไม่เพียงเหล่าศิษย์รุ่นเล็กของอารามจิ้งซินที่ตกใจแม้แต่แม่ชีรุ่นพี่ต่างก็ร้องอุทานออกมาอย่างตกใจเช่นกัน
“เมื่อครู่..หมายความว่า.. พวกเราสามารถฝึกวรยุทธได้ใหม่หลังจากนั้นรึ”
เหล่าแม่ชีต่างพากันตื่นเต้นและไม่สามารถสงบนิ่งได้อีกต่อไป ทุกคนจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาเป็นประกาย ไม่เพียงหลิงหยุนรับปากคุ้มครองความปลอดภัยให้พวกนาง แต่ยังให้พวกนางสามารถฝึกวรยุทธใหม่ได้ นี่จึงนับเป็นโอกาสที่ดีและหาได้ยากยิ่งของพวกนาง!
หลิงหยุนตอบกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม“ในเมื่อภรรยาของข้ายังสามารถฝึกวรยุทธใหม่ได้ พวกเจ้าก็ควรจะสามารถฝึกใหม่ได้ด้วยเช่นกัน แม้จะมีปัญหาบ้าง แต่ก็คงใช้เวลาไม่นานนัก!”
ระหว่างที่พูด..หลิงหยุนก็ได้ยกมือขึ้นชี้ไปทางเฉิงเม่ยเฟิง เพราะคร้านที่จะอธิบายให้มากไปกว่านี้ ในเมื่อเฉิงเม่ยเฟิงคือตัวอย่างที่ดีกว่าคำพูดเป็นไหนๆ
“ตกลง!”
เสียงตอบตกลงดังขึ้นพร้อมๆกันแม่ชีของเหล่าอารามจิ้งซินต่างยินยอมพร้อมใจให้หลิงหยุนทำลายวรยุทธและปิดอารามจิ้งซิน เว้นเพียงหลี่ซู่ที่ไม่ได้อยู่ตรงนั้น..
หลังจากจัดการทำลายวรยุทธของเหล่าแม่ชีแล้วหลิงหยุนก็ได้เผาเสินหยวนอีกหนึ่งร้อยหยด และได้ทำการถ่ายเทพลังปราณลงไปในร่างของแม่ชีเหล่านั้นเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ ไม่ให้พวกนางต้องทนทุกข์กับความเจ็บปวดมากนัก และเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียว แม่ชีทั้งหมดก็ไม่ต่างจากหญิงธรรมดาที่ไร้วรยุทธ
“พี่ชาย..จากนี้จะให้พวกเราไปที่ไหนดีเล่า”
หลี่สุ่ยนั้นยังเป็นเพียงเด็กสาวและยังไม่ได้กลืนโอสถไร้ใจเข้าไป หลังจากที่ถูกทำลายวรยุทธ แววตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสดในทันทีพร้อมกับร้องถามหลิงหยุนด้วยความสงสัย
“น้องหลี่สุ่ยเรื่องนี้รอให้ข้าสะสางภารกิจในคืนนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน แล้วพวกเราค่อยคุยกัน ข้าไม่ปล่อยให้เจ้านอนตามท้องถนนแน่!
หลิงหยุนถึงกับปวดหัวเพราะไม่ทันได้คิดถึงปัญหาข้อนี้มาก่อน!
จากนั้นหลิงหยุนก็หันได้บอกจินเหยียวกับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาผ่านทางกระแสจิตให้ทั้งสองคนช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับเหล่าแม่ชีชั่วคราวก่อน
เวลานี้..หลังจากจัดการกำจัดอารามจิ้งซินได้แล้ว เรื่องเล็กๆน้อยๆอื่นๆที่จะตามมา หลิงหยุนจะจัดการทีหลัง
“ภรรยา..ข้าจัดการกับอารามจิ้งซินเช่นนี้ เจ้าพอใจหรือไม่” หลิงหยุนหันไปถามเฉิงเม่ยเฟิงด้วยสีหน้าภูมิอกภูมิใจ
“ต้องพอใจอยู่แล้ว!เจ้าช่างเป็นคนมีเมตตานัก ในวันข้างหน้าหากพวกนางได้ฝึกฝนใหม่ พวกนางจะต้องนึกขอบคุณเจ้าเป็นแน่ ไม่แน่ว่าพวกนางอาจจะสวดมนต์ให้เจ้าทั้งวันวันทั้งคืนเลยก็เป็นได้!”
เฉิงเม่ยเฟิงหัวเราะคิกคักและหลังจากพูดจบก็หันไปยิ้มหวานให้กับหลิงหยุน ในใจนั้นเปี่ยมไปด้วยความสุขยิ่งนัก เพราะเฉิงเม่ยเฟิงรู้ดีว่าที่หลิงหยุนทำไปทั้งหมดนั้นก็เพื่อนาง!
“ประสกหลิงหยุนนับว่าเป็นการการทำที่งดงามเปี่ยมไปด้วยเมตตายิ่งนัก!”
นักพรตชงซวีร้องบอกหลิงหยุนด้วยเสียงที่ดังฟังชัดไปทั่วทั้งหุบเขาหลงเฟิง
“อามิตาพุทธ..ประสกหลิงหยุนช่างเปี่ยมด้วยเมตตาดั่งสวรรค์เมตตาต่อมวลมนุษย์ ข้าขอเป็นตัวแทนเส้าหลินชื่นชมเจ้า!” หลวงจีนเจี๋ยวหยวนเองก็กล่าวชื่นชมหลิงหยุนเช่นกัน
หลวงจีนเจี๋วยหยวนนั้นนับเป็นหลวงจีนที่เปี่ยมด้วยเมตตาโดยแท้ เมื่อครั้งที่อยู่บนยอดเขาหลงเหมินนั้น หลังจากการต่อสู้สิ้นสุดลงเขายังได้ช่วยฝังศพของเหล่ายอดฝีมือที่เสียชีวิต
“ข้าเองก็เห็นด้วย!วันข้างหน้าหากผู้ใดยังกล่าวหาเขาเป็นมารเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ไม่เลือกหน้าแล้วล่ะก็ ข้าจะไม่ไว้ชีวิตมันแน่!”
“ใช่แล้ว!หลิงหยุนเปี่ยมไปด้วยเมตตาเช่นนี้ กลับถูกกล่าวหาว่าเป็นมาร!”
“นักบวชเขาหลงหู่ต่างหาก..อ้างตัวเป็นฝ่ายธรรมะ แต่ผู้คนมากมายที่ถูกพวกเขาฆ่าตาย!”
หลิงหยุนให้ความเป็นธรรมกับสำนักดาบสวรรค์มิหนำซ้ำยังช่วยเหล่าแม่ชีให้พ้นจากทะเลแห่งความขื่นขมอีกด้วย!
หลังจากที่เหล่าชาวยุทธได้เห็นการกระทำของหลิงหยุนทั้งสองครั้งนี้ต่างก็เริ่มเปลี่ยนทัศนคติ และเริ่มมองอีกฝ่ายไม่ดีทันที..
ทางฝ่ายศัตรูของหลิงหยุนไม่ว่าจะเป็นสำนักเขาหลงหู่ สำนักกระบี่คุนหลุน หรือคนอื่นๆ หลังจากที่ได้เห็นการกระทำของหลิงหยุน ทุกคนต่างก็เริ่มมีใบหน้าแดงก่ำ เพราะกำลังโมโหที่ถูกเหล่าชาวยุทธพากันรุมประนาม
“สำนักเขาหลงหู่..ถึงคราวของเจ้าแล้ว!”
หลิงหยุนปล่อยให้เฉิงเม่ยเฟิงเดินกลับไปในกลุ่มส่วนตัวเขาก็หันไปเผชิญหน้ากับนักบวชจากเขาหลงหู่ พร้อมกับจ้องหน้าและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก!