ตอนที่ 1935 เดิมพันอีกครั้ง

อัจฉริยะสมองเพชร

อัจฉริยะสมองเพชร 天道图书馆

ตอนที่ 1935 เดิมพันอีกครั้ง

“ใช่” เจ้าหน้าที่อธิบายยิ้มๆ “ประสิทธิภาพการต่อสู้ของนักรบนั้นอาจแตกต่างกันได้มากมายด้วยช่องว่างของระดับวรยุทธที่มีอยู่ และไม่มีใครอยากท้าทายคนที่พวกเขารู้ดีว่าไม่มีโอกาสเอาชนะ วัตถุประสงค์หลักของสังเวียนประลองคือการบ่มเพาะเทคนิคการต่อสู้ และนั่นจะเป็นผลก็ต่อเมื่อได้เจอคู่ดวลที่เหมาะสมเท่านั้น ดังนั้น เพื่อให้การจับคู่เป็นไปอย่างเหมาะเจาะ สังเวียนประลองจึงแบ่งออกเป็นหลายระดับขั้น”

จางเซวียนพยักหน้า

อย่างตัวเขา การแข่งขันในระดับนี้ไม่อาจสร้างความตื่นเต้นอีกแล้ว อย่าว่าแต่จะพัฒนาทักษะของเขาเลย

“สังเวียนประลองแบ่งออกเป็นการดวลระดับล่าง ระดับกลาง และระดับสูง ถ้าคุณเอาชนะได้ 10 รอบติดต่อกันในระดับขั้นหนึ่งๆ คุณก็จะได้รับอนุญาตให้ก้าวเข้าสู่ขั้นต่อไป” เจ้าหน้าที่อธิบาย

“ตอนนี้คุณมีสถิติอยู่ที่ 8 รอบ ซึ่งทำให้เข้าใกล้การดวลระดับกลาง แต่ด้วยความเก่งกาจที่คุณสำแดงออกไป มีความเป็นไปได้ว่านักรบส่วนใหญ่คงไม่กล้าท้าทายคุณแล้ว ถ้าคุณอยากเดินหน้า ก็ต้องเพิ่มเงินรางวัลตอบแทนให้สูงขึ้น ขอแค่มีคนยอมรับคำท้าและคุณเอาชนะพวกเขาได้ 2 รอบติดต่อกัน คุณก็จะมีคุณสมบัติเพียงพอได้เข้าสู่การดวลระดับกลาง และได้พบกับผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งกว่าเดิม!”

จางเซวียนพยักหน้าอีกรอบ

รูปแบบนี้ถือว่าสมเหตุสมผลดี

“ถ้าอย่างนั้น ผมขอยื่นคำท้า!”

“ได้สิ คุณจะวางเดิมพันเท่าไหร่?” เจ้าหน้าที่ตั้งคำถาม

“5,500 เหรียญนิรันดร์” จางเซวียนตอบพร้อมยื่นบัตรนิรันดร์ออกไป

ก่อนหน้านี้ เขาใช้เงินซื้อยาเม็ดให้น้ำเต้าตงฉู่เกือบหมด จึงเหลือติดตัวเพียงเล็กน้อย

“5,500 เหรียญนิรันดร์?” เจ้าหน้าที่ส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเจื่อนๆ “เป็นจำนวนที่ต่ำเกินไป คงไม่มีใครรับคำท้าของคุณหรอก…”

ถ้าไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันจากการดวล จะมีใครเต็มใจรับคำท้า?

โดยทั่วไป เงินรางวัลควรจะอยู่ที่ 50,000 เหรียญนิรันดร์เป็นอย่างน้อย ถึงจะดึงดูดความสนใจของใครต่อใครได้ เงินที่มากพอเท่านั้นที่จะทำให้บรรดานักรบเต็มใจเสี่ยงดวงแม้จะรู้ดีว่าโอกาสชนะมีไม่มาก

5,500 เหรียญนิรันดร์…มันน้อยเกินไป!

ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังรู้สึกว่าจางเซวียนออกจะขี้เหนียวไปสักหน่อย ชายหนุ่มคนหนึ่งก็ก้าวยาวๆเข้ามาและพูดว่า “ผมรับคำท้าของเขา!”

ชายหนุ่มมีอายุราว 20 กลางๆ เขาถือดาบไว้ในมือ บ่งบอกว่าเป็นผู้ฝึกฝนศิลปะเพลงดาบคนหนึ่ง ข้างกายเขาคือสาวน้อยที่มีอายุราววัยรุ่นตอนปลาย

ทั้งคู่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหัวเจียงเหอกับเฉว่ชิง

แต่เพราะพวกเขาปรับเปลี่ยนรูปร่างหน้าตา จางเซวียนจึงจำทั้งคู่ไม่ได้

“คุณเต็มใจรับคำท้าของผม?”

นึกไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้จะปรากฏตัวรวดเร็วขนาดนี้ จางเซวียนถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาตั้งคำถามขณะส่งรอยยิ้มไม่มีพิษภัยให้อีกฝ่าย “ถ้าอย่างนั้น คุณจะเต็มใจยอมรับเดิมพันของผมด้วยไหม?”

เมื่อได้ยินว่ามีเดิมพันเข้ามาเกี่ยวข้องอีกรอบ หัวเจียงเหอหน้าตึงขึ้นมาทันทีขณะหวนนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เขาเพิ่งเจอ “คุณจะเดิมพันแบบไหนล่ะ?”

“ง่ายนิดเดียว ถ้าผมแพ้ ผมจะมอบเงินให้คุณ 100,000 เหรียญนิรันดร์ แต่ถ้าคุณแพ้ คุณก็ต้องมอบให้ผม 100,000 เหรียญนิรันดร์เหมือนกัน!”

เดิมที จางเซวียนคิดจะเพิ่มเงินรางวัลให้สูงขึ้นไปถึง 500,000 เหรียญนิรันดร์ แต่ก็เกรงว่าจะทำให้เหยื่อหวาดกลัวและหลุดมือไป ลงท้ายจึงเลือกลดจำนวนลง เขาดูออกว่าอีกฝ่ายจงใจเข้ามาท้าทายเขา โดยเฉพาะการที่หมอนี่ตอบรับคำท้าของเขาอย่างรวดเร็วทั้งๆที่ได้ค่าตอบแทนต่ำมาก ถึงตอนนี้จางเซวียนจะกำลังอยากได้คู่ดวล แต่เป้าหมายหลักก็คือหาเงินมาใช้ ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือการยื่นเดิมพัน!

“100,000 เหรียญนิรันดร์ คุณหาเงินขนาดนั้นได้ด้วยหรือ?” หัวเจียงเหอคำราม

ในฐานะผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งของสำนักดาบเมฆเหิน 100,000 เหรียญนิรันดร์ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขา แต่เขาก็ไม่คิดจะปล่อยให้ใครเอาเปรียบ

“ผมคิดว่าปัญหาตอนนี้ก็คือคุณเต็มใจจะเดิมพันกับผมหรือเปล่า ถ้าคุณยอมรับเดิมพันล่ะก็ ผมพร้อมจะดวลกับคุณ แต่ถ้าไม่…ผมก็ไม่อยากเสียเวลาสู้กับคุณเหมือนกัน” จางเซวียนโบกมืออย่างรำคาญ

ดูจากเจตจำนงเพลงดาบที่ชายหนุ่มตรงหน้าเขาแสดงออกมา จางเซวียนรู้ว่าอีกฝ่ายก็เหมือนกับเมฆผงาดและคนอื่นๆที่เขาเพิ่งสังหารไป คือเป็นศิษย์สายตรงคนหนึ่งของสำนักดาบเมฆเหิน

ในสายตาของตั้นเฉี่ยวเทียน บรรดาศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหินมีเกียรติสูงส่งในมิติเบื้องบน ดังนั้น การที่อีกฝ่ายจงใจมาที่นี่เพื่อรับคำท้าก็หมายความว่าตั้งใจมาแก้แค้นให้พรรคพวกที่ถูกจางเซวียนใช้ศิลปะเพลงดาบสังหารไป ซึ่งในเมื่อเป็นอย่างนั้น เขาก็น่าจะพอกดดันอีกฝ่ายได้

อีกอย่าง การที่จางเซวียนต้องกดข่มวรยุทธลงให้เหลือเพียง 1 ใน 20 ไม่ใช่เรื่องง่าย เขาแทบสำแดงเทคนิคการต่อสู้อะไรไม่ได้เลย ซึ่งนั่นทำให้อึดอัดใจมาก เป็นธรรมดาที่เขาควรจะได้รางวัลตอบแทนอย่างงามสำหรับความเหนื่อยยากครั้งนี้!

ถ้าเขาไม่กดข่มพละกำลังไว้ คู่ต่อสู้คงกลัวจนขาดใจตาย

“บังอาจ! เป็นเกียรติของคุณแล้วนะที่ศิษย์พี่หัวเต็มใจรับคำท้า กล้าดีอย่างไรถึงพูดกับเขาแบบนั้น!”เฉว่ชิงตวาดก้อง แสนจะหงุดหงิดกับทีท่าไม่แยแสของเจ้าโลก

มีความเป็นไปได้ว่าหัวเจียงเหอน่าจะได้เป็นศิษย์สายตรงฝ่ายในภายในปีหน้า ซึ่งอีกฝ่ายควรรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ดวลกับผู้เชี่ยวชาญผู้ทรงพลังระดับนี้ แต่หมอนั่นกลับแสดงทีท่าไม่เต็มใจ ถึงกับยื่นเดิมพันด้วย…

เจียมกะลาหัวเสียบ้าง*!*

“เอาล่ะ พอที” หัวเจียงเหอยกมือขึ้นยับยั้งเฉว่ชิง เขามองเจ้าโลกอีกครั้งและพูดต่อ “ผมไม่รังเกียจจะเดิมพันกับคุณหรอก แต่ถ้าคุณแพ้ ผมไม่ต้องการ 100,000 เหรียญนิรันดร์ของคุณ…ที่ผมต้องการก็คือคุณต้องยอมรับว่าศิลปะเพลงดาบของคุณอ่อนด้อยกว่าศิลปะเพลงดาบของสำนักดาบเมฆเหิน และติดตามผมกลับไปที่สำนักดาบเมฆเหินเพื่อเป็นศิษย์สายตรงฝ่ายนอกของเรา!”

เงิน 100,000 เหรียญนิรันดร์เป็นเงินจำนวนที่เขาพอหาได้ แต่ชื่อเสียงของสำนักดาบเมฆเหินถือเป็นสิ่งแรกที่ต้องปกป้องไว้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม

ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วว่าอวิ๋นเฟยหยางกับพรรคพวกพ่ายแพ้ เรื่องนี้เป็นที่โจษขานกันทั่วทั้งเมือง ซึ่งถ้าตัวเขาในฐานะศิษย์พี่หมายเลข 1 ยังคงนิ่งเฉย ในไม่ช้า ใครต่อใครก็คงพากันพูดว่าศิษย์สายตรงของสำนักดาบเมฆเหินนั้นอ่อนแอเสียยิ่งกว่านักรบพเนจร เขาไม่อาจปล่อยให้เรื่องหยุมหยิมแบบนี้มาทำให้ชื่อเสียงของสำนักต้องด่างพร้อย!

อีกอย่าง หากเขาพาอัจฉริยะหน้าใหม่ผู้ปราดเปรื่องเข้าสู่สำนักได้ ก็จะได้ค่าตอบแทนอย่างงาม ถือเป็นความดีความชอบครั้งใหญ่

“ได้สิ” จางเซวียนพยักหน้า

เงื่อนไขพวกนั้นไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับเขาเลย อีกอย่าง…

แพ้*?จะเป็นไปได้อย่างไร?*

คำนั้นเป็นคำที่ผมไม่เคยเขียนเลยในช่วงชีวิตของผม*!*

“ไปที่สังเวียนประลองกันเถอะ”

เมื่อตกลงกันได้ ทั้งคู่รีบเดินเข้าสู่สังเวียนประลอง

“ดูนั่น! เจ้าโลกกลับมาแล้ว…คราวนี้เขาจะสู้กับใคร?”

“เยี่ยมเลย! ผมจะได้เห็นทักษะเหนือชั้นของเขาอีกที อธิบายไม่ถูกเลยว่าประทับใจเทคนิคของเขามากแค่ไหน…”

“เร็วเข้าเถอะ รีบไปเรียกเจ้างั่งพวกนั้นมา ถ้าพลาดการดวลของเจ้าโลกล่ะก็ พวกนั้นคงเกลียดเราไปจนตายแน่!”

“เขาจะสู้กับใครน่ะ?”

“นัยน์ตาวารี? ผมไม่รู้จักหมอนั่น แต่…สาวน้อยที่อยู่ข้างเขา, พิณเหมันต์น่ะ ผมรู้สึกเหมือนเคยได้ยินชื่อเธอมาก่อน…”

“เธอเป็นใคร?”

“ขอคิดก่อนนะ ใช่แล้ว…เธอคือนายหญิงน้อยที่ 2 ของเมืองชวนเจียง ดูเหมือนจะชื่อเฉว่ชิงหรืออะไรประมาณนี้นี่แหละ เธองดงามไม่เบา และศิลปะเพลงดาบของเธอก็น่าทึ่ง…”

…..

เสียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอื้ออึงไปทั่ว

ฉายาของหัวเจียงเหอ, นัยน์ตาวารี เป็นฉายาเดียวกับที่เขาใช้ในทุกที่ เพียงแต่เขาไม่เคยเข้าสู่หอนิรันดร์ของเมืองแสงดาวมาก่อน จึงไม่มีใครเคยได้ยินชื่อนี้

แต่สำหรับเฉว่ชิงนั้นแตกต่างออกไป ในฐานะลูกสาวท่านเจ้าเมือง เธอเป็นแขกประจำของหอนิรันดร์และสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองได้ระดับหนึ่ง ผู้คนมากมายจึงจดจำเธอได้อย่างรวดเร็ว

เรื่องนี้เป็นทำนองเดียวกันกับการที่นักเล่นกีฬาอีสปอร์ตชั้นนำเป็นที่รู้จักกันดีทั้งในอินเทอร์เน็ต และในชีวิตจริง เหมือนใบไม้ร่วง, เย่ชิว

“เฉว่ชิง?”

บทสนทนาเหล่านั้นไม่เบานัก จางเซวียนจึงได้ยินชัดเจนทุกคำ เขาอดชะงักฝีเท้าไม่ได้

แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เรื่องบังเอิญ?

เขามาที่นี่เพียงเพื่อจะหาซื้อแหวนเก็บสมบัติสักวง แต่กลับต้องมาเจอแม่สาวคู่หมั้นคนนี้

จะว่าไป ถ้าพิณเหมันต์คือเธอจริงๆ นั่นก็หมายความว่านัยน์ตาวารีคือชายหนุ่มจากสำนักดาบเมฆเหินที่เดินทางมาที่นี่เพื่อเปิดรับศิษย์สายตรง ใช่ไหม? เมื่อครู่นี้หมอนั่นพูดอะไรบางอย่างทำนองว่าอยากนำตัวเขาเข้าสู่สำนักดาบเมฆเหินในฐานะศิษย์สายตรงสายนอก…

ขณะที่ใกล้ถึงสังเวียนประลอง จางเซวียนก็หันขวับไปคว้าตัวเฉว่ชิง

การเคลื่อนไหวของเขาว่องไวเสียจนสาวน้อยไม่ทันระวัง เธอเงื้อดาบขึ้นโดยอัตโนมัติเพื่อป้องกันตัว แต่ทันทีที่ดาบของเธอชูขึ้นสูง อีกฝ่ายก็ถอนฝ่ามือออก เขายิ้มให้อย่างสุภาพ

“คุณจะทำอะไรน่ะ?” เฉว่ชิงถามอย่างหงุดหงิด

เธอคิดว่าผู้เชี่ยวชาญที่เข้าตาศิษย์พี่หัวควรจะวางตัวเหมาะสมกว่านี้ ใครจะไปคิดว่าอีกฝ่ายจะพยายามเล่นงานเธอ

“ไม่มีอะไรหรอก ผมเห็นยุงตัวหนึ่งบนศีรษะของคุณ ก็เลยไล่มันไป” จางเซวียนตอบ

“คุณ…” เฉว่ชิงหายใจถี่กระชั้นด้วยความโกรธ

ยุง*?ยุงบ้านคุณสิ!*

เราอยู่ในหอนิรันดร์นะเป็นสิ่งที่ปรากฏในจิตใต้สำนึกเท่านั้นจะมียุงได้อย่างไร*?*

อย่างน้อยก็ควรโกหกให้มันดีกว่านี้หน่อยไหม*?*

จางเซวียนไม่ใส่ใจอาการฟึดฟัดของเฉว่ชิง เขาเพ่งสมาธิเข้าสู่หอสมุดเทียบฟ้า และก็เป็นอย่างที่คาดไว้ หนังสือเล่มหนึ่งถูกประมวลออกมา เต็มไปด้วยข้อบกพร่องในวรยุทธของพิณเหมันต์ รวมทั้งคำอธิบายสั้นๆเกี่ยวกับตัวเธอ

“เฉว่ชิง, ลูกสาวคนที่ 2 ของเจ้าเมืองชวนเจียง…”

จางเซวียนเหยียดริมฝีปาก

ถึงทุกคนจะปกปิดรูปร่างหน้าตาและตัวตนได้เมื่ออยู่ในหอนิรันดร์ แต่ก็ไม่อาจปิดบังสายตาของหอสมุดเทียบฟ้า

พูดอีกอย่างก็คือ ขอแค่อีกฝ่ายสำแดงเทคนิคการต่อสู้ออกมา หอสมุดเทียบฟ้าก็สามารถประมวลหนังสือ อีกทั้งมองทะลุความลับและข้อบกพร่องของผู้นั้นได้ทันที

“ในเมื่อเป็นเธอ ทุกอย่างก็เริ่มจะตื่นเต้นแล้วสิ…” จางเซวียนคิด

เขาหันไปมองหัวเจียงเหอ จากนั้นก็ชี้นิ้วไปที่เฉว่ชิง “แม่สาวคนนี้น่ะแสดงทีท่าไม่สุภาพกับผม ทำไมเราไม่ทำแบบนี้แทนล่ะ? ถ้าคุณแพ้ ไม่เพียงแต่คุณจะต้องชดใช้ให้ผมเป็นเงินจำนวน 100,000 เหรียญนิรันดร์ แต่ยังต้องส่งตัวเธอมาเป็นคนรับใช้ของผมด้วย!”