บทที่ 691 มีข่าวร้ายอย่างหนึ่ง

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

“รอสักครู่ คุณพ่อ เขามีเรื่องจะถามเขา!”ในเวลาสำคัญแบบนี้ ไชกุพุ่งเขามากดพ่อของเขาเอาไว้ หลังจากนั้นส่งแววตาสีหน้าเตือนชายหนุ่มคนนี้ออกไป

ไชยันต์:“……”

“คุณฆ่าผมทิ้งตั้งแต่ตอนนี้เสียดีกว่า ไม่งั้น วุฒิพลผมต้องฆ่า คุณไชยันต์ ผมก็จะฆ่า”

ในมือของชายหนุ่มเต็มไปด้วยสีแดงสด ปรากฏว่ายังไม่มีทางเปลี่ยนใจไป เขาพูดคำพูดเหล่านี้ออกมาราวกับว่าเป็นเครื่องจักรกล หลังจากนั้น เขาก้มหน้าลงไปมองปืนที่อยู่ไม่ไกลจากเขา

สัมผัสได้ถึง แววตาที่เย็นชาเหมือนกับว่ามีเปลวไฟปะทุขึ้นมา

นั่นเป็นแรงอาฆาต!

เหมือนกับหมาป่าที่โหดเหี้ยม ทันใดที่เห็นเหยื่อ ก็เหมือนกับการเสพติด ทันใดนั้นก็เหมือนกับว่าไปอยู่ในโลกของสารเสพติด หลังจากที่คนคนนี้กำลังมองไปที่ปืนกระบอกนั้น ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตัวและความกระหายเลือดที่ปะทุออกมา

ไชยันต์ตกใจขึ้นมาอย่างขีดสุดแล้ว

เพราะว่าในไม่ช้า เขายังค้นพบอีกอย่างหนึ่ง ที่คนคนนั้นยืนอยู่นั้น ทั้งทั้งที่บนร่างกายของเขาก็มีบาดแผล อีกทั้งข้างๆเท้าของเขาก็มีเลือดสีแดงๆไหลออกมาจนเป็นแอ่งแล้ว

แต่ว่า เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย

เขายืนที่อยู่ที่นั่น มองไปรอบด้านอย่างเย็นชา ไม่ได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดบนร่างกายแม้แต่น้อย

“คุณพ่อ……”

“……”

ไชยันต์หลับตาลง ผ่านไปสักพัก ในที่สุดเขาก็วางปืนในมือลง:“หาวิธีทำให้เขาสลบไป”

ไชกุพยักหน้าทันที:“ครับ งั้น……ส่งไปที่ไหน”

“……ส่งไปที่โรงพยาบาลใหญ่ก่อน เรียกให้ไพบูลย์พวกเขามาตรวจดูให้ละเอียด”เขาหยุดลงสักพัก แล้วก็สั่งการออกมา หลังจากนั้นใบหน้าอันแก่ชราที่ยังตึงเครียดก็เดินออกไปแล้ว

ไพบูลย์ เป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลทหาร

สุดท้ายแสนรักก็ถูกหามออกไปแล้ว

หลังจากนั้นสองชั่วโมงผ่านไป แสงดาวที่ถูกกักขังเอาไว้ที่อพาร์ทเมนท์เฮย์เดนตึก13 ม็อกโกที่ถูกเรียกกลับมาให้รับหน้าที่ตามเดิมจึงเข้ามาช่วยชีวิตพาออกไป

“ม็อกโก……”

วินาทีนั้นที่เธอได้เห็นเขา แสงดาวที่ถูกซ้อมหน้าบวมจมูกช้ำในที่สุดก็กลั้นไม่ไหวจนร้องไห้ออกมา

ม็อกโกก็ได้ปลอบใจเธอไปสองสามประโยค แล้วก็พาเธอไปที่โรงพยาบาลรักษาบาดแผล-

หลังจากนั้นสามวัน โรงพยาบาลใหญ่ในเขตทหาร

ไชยันต์ที่พึ่งจะเข้ามา มองเห็นผู้อำนวยการไพบูลย์ได้พาศาสตราจารย์ด้านประสาทวิทยาที่อาวุโสที่สุดในโรงพยาบาลสองสามคนมารออยู่ที่นั่นแล้ว

“ท่านจอมพล ผลตรวจออกมาแล้ว เป็นไปได้ว่า มีข่าวที่ไม่ค่อยดีที่ต้องบอกกับคุณ”

ผู้อำนวยการบอกคุณท่านออกไปอย่างไม่อ้อมค้อม หลังจากที่หลายคนนี้นั่งลงแล้ว เขาก็เอาความจริงพูดออกมาอย่างตรงประเด็น

สีหน้าของไชยันต์เปลี่ยนไป

แต่ว่า นิ้วมือของเขาที่บีบไม้เท้าเอาไว้ ไม่ทันไรนิ้วหลายนิ้วก็จับแน่นขึ้น

“ข่าวไม่ดีอะไรเหรอ”

“ในขั้นแรกพวกเราสงสัยว่าหลานชายของคุณนั้นมีความผิดปกติทางพันธุกรรมในแบบที่หาได้ยาก ที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือในส่วนของความผิดปกติทางจิต หรือที่พวกเราเรียกกันว่าโรคทางจิต”

ผู้อำนวยการพูดผลการตรวจออกมาอย่างระมัดระวัง

โรคทางจิต ถือได้ว่าเป็นโรคที่ไม่ได้น่าพิสมัยนัก ยิ่งไปกว่านั้น คนที่อยู่บื้องหน้านี้ ยังถือว่าเป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดในตระกูลของทหารที่สูงศักดิ์

“คุณพูดว่าอะไรนะ โรคทางจิต คุณพูดว่าเขาเป็นโรคจิตงั้นเหรอ!”ปรากฏว่า ได้ฟังคำพูดนี้แล้ว ไชยันต์จึงกระวนกระวายขึ้นมา สีหน้าของเขาขุ่นเคืองขึ้นมา

ผู้อำนวยการยื่นมือออกมาบอกให้เขาใจเย็นลงก่อน

“คุณท่าน อย่าพึ่งร้อนใจไป โรคของเขานี้ ความจริงแล้วแอบซ่อนอยู่ภายใน ก็พูดได้ว่า ถ้าไม่ถูกเปิดเผยออกมา เขาก็เป็นคนปกติคนหนึ่งอาการแบบนี้ ความจริงก็มีหลายคนที่เป็นอยู่”

“จริงเหรอ”

“แน่นอนว่าเป็นความจริง เพียงแต่ว่า ตอนนี้เขาถูกกระตุ้นจนแสดงอาการออกมาแล้ว ถ้าพวกเราทายไม่ผิดละก็ ตอนนี้เขา น่าจะมีอาการแบ่งแยกตัวตนขึ้นมา”

ผู้อำนวยการเอาผลการตรวจอันสุดท้ายพูดออกมาอย่างจริงจัง

คำพูดนี้พูดออกมา ในออฟฟิศก็เข้าสู่โหมดของความเงียบสงัดเหมือนกับตายไปแล้ว

การแบ่งแยก?

การแบ่งแยกตัวตน?

ไชยันต์รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องแปลกประหลาด เสมือนจริง

แต่ว่าเมื่อเขามีคิดให้ละเอียดรอบคอบอีกที นึกถึงตอนนั้นครั้งแรกที่เขาเห็นคนคนนี้อยู่ที่ปากเหวบนทางด่วนเส้นนั้น แล้วมาคิดถึงเรื่องสามวันก่อนที่เขาทำได้กระทำที่สวนแมกโนเลียวันนั้นแล้วมีปฏิกิริยาตอบกลับมาแบบนั้น

สีหน้าของเขายิ่งไม่สู้ดีขึ้นมา

“……ผมฟังไม่เข้าใจ อะไรนะการแบ่งแยกอะไรนะ เขาที่อยู่ดีๆ จะแบ่งแยกได้ยังไง ถึงแม้ว่าจะถูกกระตุ้นก็เถอะ ยังจะสามารถเปลี่ยนไปเป็นอีกคนได้เลยเหรอ”

“ใช่แล้ว โรคที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ก็เป็นแบบนี้แหละ มีอาการแบ่งแยกตัวตนเป็นอีกบุคลิกหนึ่ง แต่ผู้ป่วยหลายคนก็จะมีเพียงอาการสับสน ทำให้เกิดภาพหลอนหรือหูแว่ว ถ้าตัวตนที่แท้จริงแบ่งแยกตัวตนออกมา ถือว่าอาการค่อนข้างหนัก หลังจากที่ผู้ป่วยได้รับการกระทบจิตใจอย่างรุนแรง ถึงได้เปลี่ยนเป็นแบบนี้”

“……”

ไชยันต์อ้าปากค้าง

ครั้งนี้ เขาพูดอะไรไม่ออกจริงๆ เพราะว่า เขาชัดเจนดี ที่พวกเขาพูดว่าการกระทบจิตใจอย่างรุนแรงนั้น เป็นการกระทบจิตใจแบบไหน?

“งั้นเขาตอนนี้กับเมื่อก่อนมีอะไรที่ต่างออกไป”

“มีครับ บุคลิกนี้ของเขาความทรงจำทั้งหมดกับเรื่องที่ต้องการจะทำ ต่างมาจากเขาคนเดิมที่เก็บเอาไว้ เหมือนกับเป็นเครื่องจักรกลอีกตัวหนึ่ง มีประโยชน์ เขาก็จะเก็บไว้ ไม่มีประโยชน์ ตัวเขาเองก็จะลบออกไป”

“ยกตัวอย่างเช่น”

“ยกตัวอย่างเช่นก่อนที่คุณจะส่งเขามาบอกกับพวกเราว่าเขาชอบฆ่า น่าจะเป็นเขาคนเดิมที่เป็นคนออกคำสั่งนี้มา เขาจะเก็บเพียงภาพบุคคลและความทรงจำเกี่ยวกับคำสั่งนี้เอาไว้ อย่างอื่นที่ไม่มีประโยชน์ เขาในบุคลิกนี้ก็จะไม่มีอยู่แล้ว”

ผู้อำนวยการเกรงว่าคุณท่านที่ชรามากแล้วจะฟังไม่ค่อยเข้าใจ จึงนำเอาอาการของโรคและสาเหตุอธิบายออกมาอีกอย่างชัดเจน

ปรากฏว่า ไชยันต์ได้ฟังแล้ว สีหน้ายิ่งไม่สู้ดีกว่าเดิม

คำสั่ง?

ดังนั้น ในสมองของเขาในตอนนี้เก็บคำสั่งอะไรเอาไว้?

ฆ่าคนเหรอ?

ฆ่าวุฒิพล? หรือว่าไชยันต์? หรือว่าทั้งตระกูลเทวเทพ?!

ไชยันต์ไม่เคยโกรธจนขึ้นสมองแบบนี้มาก่อน

แต่ว่า ในที่สุดมาถึงตอนท้าย เขาก็พูดออกไปเพียงว่า:“หาวิธีรักษาเขาให้หาย!”

หลังจากนั้น เขาก็เดินออกไป

รักษาไม่หายแล้วยังไงล่ะ?

หรือว่าจะทำลายพวกเขาทิ้งไปซะ?