หานลี่ในตอนนี้ ไม่เพียงกระตุ้นปีกวายุอัสนีออกมา ฝ่ามือข้างหนึ่งยังพยุงกระถางจิ๋วสูงไม่กี่นิ้วใบหนึ่งไว้

ฝ่ามือเดี๋ยวเล็กเดี๋ยวใหญ่ กะพริบแสงสีม่วงพร่างพราว!

“กระถางถ้อยคำม่วง! นี่มันสมบัติของเจ้าเด็กเซวี่ยกวงนั่นมิใช่รึ ทำไมถึงมาอยู่ในมือเจ้าได้ ช่างเหอะ ต่อให้เป็นเช่นนี้ เจ้านึกว่าอาศัยของเลียนแบบสมบัติทมิฬกิ๊กก๊อกชิ้นนี้ ก็สามารถต้านทานการฟันของกริชมนต์ดำได้สินะ ฝันไปเถอะ!”

พอเห็นกระถางจิ๋วสีม่วงในมือหานลี่ เด็กหนุ่มชุดดำก็อึ้งก่อน แล้วรีบพูดเสียงเย็นชาอย่างไม่ยี่หระ

สิ้นเสียง ที่ว่างใกล้ๆ กับหานลี่พลันส่งเสียงดัง *‘ปุๆ’*เส้นสีดำที่อยู่กันอย่างหนาแน่นปรากฏขึ้นอีกครั้ง และพุ่งใส่หานลี่ในทุกทิศทุกทางอีก ดุจกาฝากที่ยากกำจัด

หานลี่เห็นดังนี้ ใบหน้าก็เคร่งขรึมลง พลันขว้างกระถางจิ๋วสีม่วงในมือขึ้นฟ้า รีบร่ายมนตร์มือเดียว ปากพลางเปล่งคำว่า “ห้าม” ออกมา

ลำแสงสีเขียวขมุกขมัวสายหนึ่งพุ่งออกจากปลายนิ้ว กลายเป็นกระแสพลังวิญญาณบริสุทธิ์เข้าไปในกระถางจิ๋ว มันเปล่งแสงสว่างจ้าทันที อักษรโบราณคำว่า “ห้าม” ลอยออกมาหนึ่งตัว สั่นไหว แล้วขยายใหญ่กว่าร้อยเท่า กลายเป็นเงาร่างสีม่วงขมุกขมัวแผ่นหนึ่ง ห่อหุ้มร่างทั้งหมดของหานลี่ไว้

และในตอนนี้เอง เส้นสีดำเหล่านั้นพลันวาบหาย ก่อนฟันแรงๆ ลงไปบนเงาร่างรูปสี่เหลี่ยม

‘ตูม’ เสียงดังกึกก้อง!

เส้นแสงสีดำกับแสงสีม่วงสอดประสานและกะพริบพร้อมกัน ก่อนปล่อยลูกบอลแสงขนาดเท่าศีรษะออกมาเป็นกลุ่มๆ

เส้นแสงสีดำเหล่านั้นแม้คมกริบ และถึงแม้กระถางถ้อยคำม่วงเป็นของเลียนแบบสมบัติสวรรค์ทมิฬ แต่ก็ถือว่าเป็นสุดยอดสมบัติที่มีชื่ออยู่ในอันดับต้นๆ บวกกับถูกหานลี่แปรธาตุตามวัตถุประสงค์แต่แรก พอถูกพลังยุทธ์กระตุ้นอย่างเต็มที่ จึงสำแดงพลังออกมาสิบสองส่วน กลายเป็นเงาร่างอักขระยันต์สีม่วงส่งเสียงดังหึ่งๆ สำแดงการเปลี่ยนรูปเป็นผลึกออกมาตรงๆ

เส้นแสงสีดำเหล่านี้ แม้เป็นการจู่โจมจากสมบัติสวรรค์ทมิฬของแท้ แต่อย่างไรพลังก็มาจากการจู่โจมง่ายๆ ของเด็กหนุ่มชุดดำเท่านั้น พอเข้าไปในเงาร่างสีม่วงได้ลึกราวหนึ่งศอก ก็เข้าไปไม่ได้อีก พลันถูกต้านจะจะให้อยู่ด้านนอก

พอเด็กหนุ่มชุดดำเห็นดังนี้ สีหน้าก็ไม่ได้แปลกใจอะไร แต่ในม่านตากลับมีแสงเย็นวาบผ่าน

ขณะเดียวกัน มือที่จับกระบี่ยักษ์สีดำ ก็กะพริบแสงสีดำน้อยๆ

จากนั้น ก็ได้ยินเสียงแหลมร้องดัง ในเงาร่างอักขระยันต์สีม่วงขนาดใหญ่!

พอเส้นสีดำเหล่านั้นสั่น พลังก็เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว จนเงาร่างสีม่วงที่ดูเหมือนไม่มีทางถูกทำลายได้ ค่อยๆ

แตกออกในที่สุด

เส้นสีดำในแสงสีม่วงจึงพุ่งเข้าใส่หานลี่ที่อยู่ตรงกลางจากทุกทิศทุกทาง

หานลี่หน้าเปลี่ยนสีอย่างอดไม่ได้ พลันเปลี่ยนท่าร่ายมนตร์ในมือ กะกระตุ้นกระถางถ้อยคำม่วงอีกครั้งให้สำแดงการเปลี่ยนแปลงอันลึกล้ำอื่นๆ ออกมา

แต่สายเสียแล้ว!

พอกระถางจิ๋วที่กำลังปล่อยแสงสีม่วงส่งเสียงครวญดัง ‘แคร้ง’ พื้นผิวก็แสดงรอยสีขาวให้เห็นนับไม่ถ้วน พอวาบอีกครั้ง ก็กลายเป็นเปลวแสงกลุ่มหนึ่งสลายหายไป

เงาร่างอักขระยันต์สีม่วงจึงพร่ามัว และแตกสลายไปในพริบตา

ส่วนเส้นสีดำอันหนาแน่น พอวาบ ก็กลิ้งสู่ตรงกลางแบบไม่มีสิ่งกีดขวางทันที

ดูเหมือนกำลังจะสับหานลี่ออกเป็นหมื่นๆ ชิ้น

ม่านตาหานลี่พลันหด เขาประกบฝ่ามือสองข้างเข้าหากันอย่างไม่ลังเลใจแม้แต่น้อย ปากก็ระเบิดเสียงตะโกนดังสะท้านฟ้าสะเทือนดินออกมา

พริบตานั้น ไอดำบนร่างก็คุกรุ่น อักขระยันต์สีดำนับไม่ถ้วนปะทุออกจากภายใน แล้วควบแน่น กลายเป็นเกราะรบสีดำทมิฬดุจน้ำหมึกชุดหนึ่ง

ขณะด้านหลังก็ปล่อยแสงสีทองออกมา รูปมารเที่ยงแท้พราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์สามเศียรหกกรสีทองปรากฏขึ้นสูงเสียดฟ้า พอโบกแขนทั้งหก เปลวแสงสีทองขมุกขมัวก็พุ่งออกจากใจกลางของแต่ละฝ่ามือ มารวมตัวอยู่ตรงหน้า กลายเป็นกระแสน้ำวนสีทองขนาดใหญ่

ด้านในมีเสียงคำรามดังมา!

กระแสน้ำวนหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง อักษรสีทองนับไม่ถ้วนพลุ่งพล่านออก กลายเป็นขุมพลังมหาศาล ม้วนเส้นสีดำส่วนหนึ่งเข้าไปด้านในตรงๆ

ส่วนเทวรูปสามเศียรหกกร ขณะแสงสีทองบนผิวกายไหลเวียน ก็ควบแน่นเป็นร่างจริงสีทองอร่าม บนร่างคลับคล้ายมีชุดเกราะสีทองขมุกขมัว ซึ่งพอวาบ ก็กั้นขวางอยู่ตรงหน้าหานลี่

เมื่อดวงตาสีทองที่ไร้ซึ่งความรู้สึกทั้งหกของร่างทองลืมขึ้น แขนก็กวัดแกว่งดุจเงาวูบวาบทันที

ชั่วขณะนั้น เงาหมัดสีทองนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศในที่ว่างใกล้เคียง พอวาบ ก็ชกรัวๆ ใส่ทุกทิศทุกทางดุจพายุหมัด

โดยร่างเดิมของหานลี่ในตอนนี้ กลับใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบอยู่บนที่ว่าง ร่างพุ่งไปด้านหลังทันที

ด้านหลังของเขาปีกคู่อัสนีส่งเสียงดังพรึ่บ ประกายไฟสีทองนับไม่ถ้วนสาดกระเซ็นออกจากปีก ควบแน่น กลายเป็นลูกบอลอัสนีสีทองเป็นกลุ่มๆ พุ่งใส่เส้นสีดำที่อยู่ด้านหลังเสียงดังหวีดหวิว

ไม่เพียงเท่านี้ พริบตาที่ปล่อยอัสนีสีทองออก แสงสีเขียวที่ด้านหลังของหานลี่ก็วาบ พ่นกระบี่ยาวราวหนึ่งนิ้วออกมาอีกเจ็ดสิบสองเล่ม

กระบี่จิ๋วเหล่านี้ พอสั่นไหว ก็กลายเป็นแสงกระบี่สีเขียวขมุกขมัวเจ็ดสิบสองสาย ขณะฟันลงไปแรงๆ แสง

กระบี่ยาวราวหนึ่งจั้งจำนวนมากพลันปะทุออก และพร่ามัว กลายเป็นเงาร่างภูเขากระบี่สีเขียวขมุกขมัวลูกหนึ่ง ส่งเสียงฟ้าร้องฟ้าแลบ ฟันลงไปที่ตาข่ายสีดำที่อยู่ด้านหลังก่อน

หลังเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แสงทรงกลดสีเขียวเจิดจ้ากลุ่มหนึ่งก็ผุดขึ้นจากเส้นสีดำ และส่งคลื่นความผันผวนอย่างรุนแรงอันน่าทึ่งออกมา

ในเสียงคำรามดัง ลูกบอลอัสนีสีทองเหล่านั้นก็วาบ แล้วทยอยกันหายเข้าไปในแสงทรงกลดสีเขียว

ชั่วขณะนั้น เสียงอสุนีบาต เสียงไอกระบี่ และเสียงหึ่งๆ ดังกระหึ่มขึ้นพร้อมกัน เกิดกลุ่มแสงแพรวพราวหลายกลุ่ม ระเบิดติดต่อกันในที่ว่างใกล้เคียงอย่างเหลือเชื่อ เมื่อมองจากระยะไกล ราวกับท้องฟ้าเหนือสระน้ำกว่าครึ่งถูกส่องสว่างด้วยแสงระยิบระยับจากหลอดไฟก็มิปาน

เด็กหนุ่มชุดดำเห็นดังนี้ ก็สะอึก แสดงสีหน้าตกใจวาบเป็นครั้งแรก

“ไป”

ดวงตาบรรพชนตระกูลหล่งทอประกาย พลันถ่ายทอดเสียงบอกสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกกับไป๋ชีอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วจึงขยับร่าง กลายเป็นสายรุ้งสีทองหนึ่งสาย พุ่งหนีไปด้านหลัง

การที่เขายังมีใจหันไปบอกคนทั้งสอง ขณะอยู่ในภาวะคับขันเช่นนี้ ย่อมมิใช่เพราะมีน้ำใจอะไร แต่เพราะคิดฉวยโอกาสในจังหวะที่เด็กหนุ่มชุดดำเสียสมาธิ ถ้ามีคนหลายคนหนีไปด้วยกัน ความเป็นไปได้ที่จะหนีสำเร็จย่อมเพิ่มมากขึ้น

ซึ่งพอสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกได้ยินเสียงถ่ายทอด ปีกเปลวแสงห้าสีที่อยู่ด้านหลังก็กระพือโดยไม่พูดไม่จา กลายเป็นเงาร่างห้าสีกลุ่มหนึ่ง พุ่งแหวกอากาศออกไปอีกทาง

แต่ไป๋ชีนั่น ยังคงยืนไม่ขยับอยู่กับที่ เหมือนมองไม่เห็นความเคลื่อนไหวของทั้งสองอย่างไรอย่างนั้น

พอบรรพชนตระกูลหล่งเห็นพฤติกรรมเช่นนี้ของไป๋ชี ก็ยิ่งนึกแปลกใจขึ้นมา แต่กลับเพิ่มความเร็วของร่างแปลงสายรุ้งสีทองขึ้น เพียงกะพริบสองครั้ง ก็ไปถึงที่ที่ห่างออกไปพันกว่าจั้ง และไม่ลังเลใจที่จะพุ่งไปยังม่านแสงสีเขียวขมุกขมัวบนท้องฟ้า กำลังจะหลุดพ้นจากหุบเขา

ส่วนสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกที่ไปอีกทาง ก็ไปถึงขอบหุบเขาแล้วเช่นกัน พอกางปีกคู่ออก ร่างก็หายวับไปในที่ว่างทันที

ดูไปแล้วคิดใช้อิทธิฤทธิ์เคลื่อนย้ายฉับพลันออกไปนอกม่านแสงโดยตรง

ในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งสองได้แต่ไปให้ถึงนอกหุบเขา โดยหลบหนีไปคนละทาง ขอเพียงมิได้เคราะห์ร้ายจนเกินไป ก็ไม่แน่ว่าจะมีคนสามารถรอดชีวิตไปได้จริงๆ

ที่แปลกก็คือ เด็กหนุ่มชุดดำเห็นการล่องหนของทั้งสองมาแต่ไกล แต่กลับมิได้ทำการกั้นขวางแต่อย่างใด มุมปากคลับคล้ายปรากฏเพียงรอยยิ้มเย้ยหยัน

‘ตุบ’ เสียงทึบตันดัง

พริบตาที่แสงล่องหนของบรรพชนตระกูลหล่งสัมผัสกับม่านแสงสีเขียวขมุกขมัว แสงสีทองก็สั่นไหว กระเด็นตุปัดตุเป๋กลับ และปรากฏตัวออกมา

ก่อนหน้านี้สามารถเข้ามาในม่านแสงสีเขียวได้อย่างง่ายดาย ตอนนี้กลับกลายเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กไปเสีย พอแสงล่องหนชนถูกด้านบน ไม่เพียงถูกดีดกลับ ยังมีพลังมหาศาลที่ยากต้านทานขุมหนึ่งปะทุออกจากม่านแสง ทำให้เขาไม่สามารถทะลุผ่านไปได้ง่ายๆ

บรรพชนตระกูลหล่งรีบยืนให้มั่น แต่สีหน้าเขียวคล้ำ ในใจจมดิ่งลง

หากเปลี่ยนเป็นครั้งอื่นๆ แนวป้องกันชั้นนี้ทำให้ลำบากอยู่บ้างก็จริง แต่เขามั่นใจว่า ขอเพียงขยับเล็กน้อย ใช้วิธีไม่กี่แบบ ก็ทำลายแนวป้องกันตรงหน้าได้แน่

แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพชนมารศักดิ์สิทธิ์ท่านหนึ่ง แล้วคิดทำเช่นนี้ กลับเป็นเรื่องฝันกลางวันแล้ว

หัวหน้าตัวร้ายแดนมารตนนี้ จะให้เวลาเขาทำลายแนวป้องกันจริงๆ ได้อย่างไรกัน

ไม่เพียงแต่เขา สาวน้อยเสื้อคลุมขนนกที่หายตัวไป ก็วาบ ปรากฏร่างอีกครั้งอยู่หน้าม่านแสงเช่นเดียวกัน

ขณะตกใจและโกรธ นางได้ใช้วิชาลับในที่ว่างหลายชนิดแปลงร่างติดต่อกัน ก็ไม่สามารถทะลุผ่านม่านแสงไปได้เหมือนกัน

สาวน้อยหันกลับไปมองทางสระน้ำ สีหน้าภายใต้หน้ากากไร้ซึ่งโลหิตทั้งหมด

ทันใด เสียงครวญของวานรดังขึ้นเหนือสระน้ำ

จากนั้น เส้นแสงระยิบระยับที่อยู่ใกล้ๆ ถูกเก็บ เสียงแผดร้องดังขึ้นสองครั้ง แล้วพายุหมุนสองลูกกับเงาดำขนาดใหญ่สายหนึ่ง ก็พุ่งออกจากกึ่งกลาง หนึ่งนำหน้า หนึ่งตามหลัง พอวาบ ก็ปรากฏอยู่บนท้องฟ้าอีกด้าน ห่างออกไปหลายสิบจั้ง ค่อยเผยโฉมหน้าที่แท้จริงให้เห็น

เป็นวานรยักษ์ขนทองสูงสิบจั้ง สวมชุดเกราะมารสีดำสนิท มือแต่ละข้างพยุงภูเขาลูกเล็กสูงไม่กี่จั้ง สีเขียวลูกหนึ่ง สีดำลูกหนึ่ง

หานลี่กลับแปลงร่างเป็นวานรยักษ์ขนทองในช่วงเวลาคับขัน แล้วใช้พลังอันน่าเกรงขามตลอดทั้งร่าง บวกกับหยิบยืมพลังจากภูเขาสองลูก ขับเคลื่อนอิทธิฤทธิ์ป้องกันมากมายเช่น วิชาอัสนีเทพกำราบวิญญาณร้ายกับร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น แล้วพุ่งออกจากเส้นสีดำตรงๆ หนีออกมาได้หวุดหวิด

แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ เนื้อเกราะมารบนร่างของเขาก็ยังมีรอยบางๆ นับไม่ถ้วนเพิ่มขึ้นมา และกำลังค่อยๆ สมานกลับคืนดังเดิม

นี่ยังคงเป็นผลพวงจากการที่หานลี่เคยใช้สมบัติสวรรค์ทมิฬของแท้ด้วยตัวเองมาแล้วสองครั้ง คลับคล้ายทำให้เขาสามารถคว้าโอกาสในการเอาชีวิตรอดได้

ถ้าเปลี่ยนเป็นบรรพชนตระกูลหล่งกับสาวน้อยเสื้อคลุมขนนกสองคน แม้มีอิทธิฤทธิ์แบบเดียวกับหานลี่ ภายใต้ความตื่นตระหนก คงได้แต่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุแล้ว

อย่างไรเส้นสีดำเหล่านั้นก็น่ากลัวเกินไปจริงๆ ไม่เพียงคมกริบสุดจะเปรียบ ยังแทบจะทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ ชนิดเจาะเข้าไปในที่ว่าง ทำลายศัตรูเองได้อย่างไร้ร่องรอย

“น่าสนุก! น่าสนุกจริงๆ เห็นทีครั้งนี้ ข้าไม่ได้มาเสียเที่ยวแล้วจริงๆ ไม่เพียงเจอหุ่นเซียนปลอม ยังเจอมนุษย์บำเพ็ญเพียรที่สามารถใช้สายเลือดวิญญาณแท้สำแดงฤทธิ์เดชจนถึงระดับนี้ได้ เจ้าหนุ่ม ในร่างเจ้ามิได้มีแต่สายเลือดวิญญาณแท้อย่างเดียวนี่ ยังมีอิทธิฤทธิ์อะไรอีก สามารถสำแดงออกมาให้ข้าเห็นทั้งหมด หาไม่แล้วการจู่โจมต่อจากนี้ ข้าจะใช้พลังเกือบครึ่งของกริชมนต์ดำ เจ้าก็ยากที่จะรอดพ้นจากจุดจบชนิดวิญญาณแตกสลายแล้ว! ส่วนพวกเจ้าทั้งสอง ก็ไม่ต้องเสียแรงคิดหลบหนีอีก เกาะนี้ชื่อว่าเกาะวิญญาณรันทด ส่วนหุบเขานี้ก็ชื่อว่าหุบเขากักวิญญาณ คนจากแดนวิญญาณที่มาที่นี่อย่างพวกเจ้า มีทางไปอยู่ทางเดียว สลายกลายเป็นเถ้าธุลีเท่านั้น”

เด็กหนุ่มชุดดำเห็นดังนี้ ก็ขยับกระบี่ยักษ์สีดำในมือเล็กน้อย ไม่โกรธ กลับหัวเราะเสียงดังอย่างปรีดาขึ้นมา

“พี่หล่ง เซียนเยี่ย พวกท่านไม่ต้องคิดถึงแผนการอื่นแล้ว ถ้าพวกเราไม่กี่คนร่วมกันต่อสู้ อาจยังมีโอกาสรอด แต่ถ้าไม่คิดสู้ ก็ต้องตกตายอยู่ที่นี่แล้วจริงๆ สหายไป๋ ข้าไม่รู้ว่าเจ้าวางแผนอะไรในใจ แต่อย่าได้คิดว่าตนเองฉลาด นึกจริงๆ หรือว่าสามารถใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียวได้ตลอดไป”

วานรยักษ์ขนทองใบหน้าดุดัน อ้าปากกว้าง ถ่ายทอดเสียงของหานลี่ดังก้องหู