บทที่ 2773 ผู้สร้างโลก
เด็กคนนั้นผงะไปแวบหนึ่ง เชิดหน้าขึ้นทันที “ข้าไม่มีทางกราบผู้ใดเป็นอาจารย์ง่ายๆ!”
ท่าทางนั้นค่อนข้างหยิ่งผยอง ราวกับการที่ผู้อื่นจะรับเขาเป็นศิษย์เป็นการได้กำไรอย่างมหาศาล
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วนิดๆ เธอไม่ชอบบังคับผู้อื่น ยิ่งไปกว่านั้นคือตัวเธอก็ไม่ได้ชอบรับศิษย์ด้วย
ที่ครั้งนี้คิดจะรับไว้ก็เป็นเพราะพรสวรรค์ของเด็กคนนี้สูงส่งเลิศล้ำ ทำให้เธอเห็นแล้วสนใจขึ้นมา ถึงได้เอ่ยวาจาเช่นนี้ออกไปอย่างอดใจไว้ไม่อยู่
ในเมื่อเด็กคนนี้ไม่ยินดี เธอก็คร้านจะบังคับ พยักหน้ารับ ตอบอืมคราหนึ่ง “มีความเด็ดเดี่ยวดี เช่นนั้นก็ไม่ต้องกราบแล้ว”
พลันหันหลังจากไปเลย
เธอยังต้องไปสอบถามข่าวคราวสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่?
เทพ เซียน มาร อสูร มนุษย์ ภูตผี อยู่ปะปนกัน กลายเป็นกลุ่มก้อน ทำให้โลกนี้โกลาหลวุ่นวาย…
สวรรค์เท่านั้นที่ทราบ เธอแค่งีบหลับไปตื่นหนึ่งเท่านั้น!
เพียงแต่การงีบหนึ่งตื่นนี้ของเธอค่อนข้างยาวนาน ทำให้สมองเธอมึนงงอยู่บ้าง วรยุทธ์ก็ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงลดไปมากโขเลย พลังยุทธ์สิบส่วนเหลืออยู่ไม่ถึงสองส่วน
เดิมทีเป็นเทพ แต่พลังยุทธ์ในตอนนี้มากสุดก็แค่เซียนตนหนึ่ง
เด็กคนนั้นคล้ายคาดไม่ถึงว่าเธอจะหันหลังจากไปเช่นนี้ ตะลึงงันไปชั่วขณะเช่นกัน ในช่วงที่เหม่อลอยอยู่ กู้ซีจิ่วได้จากไปแล้ว
เด็กคนนั้นเม้มปาก ไม่ได้ตามไปเช่นกัน
ไอพิฆาตบนโลกนี้หนาแน่นอย่างเหนือธรรมดา แทบจะมีการต่อสู้นองโลหิตอยู่แทบทุกที่ที่คนมองเห็น
เทพเซียนเห็นภูตมารขัดนัยน์ตา ภูตมารก็อยากโค่นเทพเซียน มนุษย์หมิ่นแคลนภูตผี ภูตผีก็มักจะก่อเภทภัยให้มนุษย์เสมอ
ส่วนเผ่าอสูร นั่นเป็นพวกที่แล่นเรือตามทิศทางลม ผู้ใดเก่งกาจก็ติดตามผู้นั้น ผู้ใดเก่งกาจก็ขายชีวิตให้ผู้นั้น พวกมันมีร่างกายที่ปานหนังทองแดงกระดูกเหล็ก ซ้ำยังมีพละกำลังมหาศาล ทรงพลังจนย้ายขุนเขาเคลื่อนทะเลได้ และเป็นเป้าหมายที่แต่ละเผ่าพันธ์แย่งชิงกันเพื่อดึงมาเข้าพวก
เผ่าพันธุ์เหล่านี้ต่อสู้ห้ำหั่นกันเพื่อแย่งชิงพื้นที่ดินแดน ต่างฝ่ายต่างเคียดแค้นชิงชังกัน พอเห็นหน้าก็จะพร้อมปะทะ ต่อสู้กันอย่างมืดฟ้ามัวดิน
ตลอดการเดินทางของกู้ซีจิ่ว ได้ต่อสู้ไปแล้วกว่าสิบครั้ง เธอค่อนข้างเหนื่อยใจอยู่บ้าง
ไม่ค่อยเข้าใจว่าเหตุใดโลกนี้ถึงเปลี่ยนไปจนทำให้เธอมองไม่ออกเช่นนี้ได้
ก่อนเธอจะงีบไปทุกอย่างยังดีอยู่เลยชัดๆ แต่ละเผ่าพันธุ์ล้วนอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
เพียงแต่ก่อนเธองีบหลับไปถึงแม้บนโลกนี้จะมีสัตว์ร้ายอยู่มากมายนัก แต่ก็ยังไม่ได้ก่อตัวกลายเป็นเผ่าพันธุ์ ตอนนี้พวกมันไม่เพียงแต่ฝึกฝนจนมีร่างมนุษย์เท่านั้น ยังรวมตัวเป็นชนเผ่าหนึ่งแล้วด้วย
ด้านหน้าค่อนข้างวุ่นวายอีกแล้ว อากาศแปรปรวน กลุ่มเมฆลอยวุ่นวาย
มีเงาร่างมนุษย์หลายสายปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเธอ
คล้ายว่าพวกเขากำลังเดินทางกันอยู่ แต่ทันทีที่เห็นกู้ซีจิ่วซึ่งนั่งอยู่ข้างทางอย่างเอื่อยเฉื่อย พวกเขาก็หยุดฝีเท้า สายตาละโมบนับไม่ถ้วนร่อนลงบนร่างเธอ
กู้ซีจิ่วนิ่วหน้านิดๆ คนเหล่านี้แต่ละคนสูงใหญ่กำยำ บางคนมีเขาอยู่บนหัว บางคนมีเกล็ดอยู่บนร่าง ถึงจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นมนุษย์ แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นเผ่าสัตว์อสูร
และในกลุ่มของพวกเขา ไม่น่าเชื่อว่ามีเด็กชาวมนุษย์คนหนึ่งปะปนอยู่ด้วย
เด็กคนนั้นก็คือเจ้าหนูจอมหยิ่งที่เธอเคยพบมาก่อนหน้านี้
ยามนี้เขาถูกชายฉกรรจ์หน้าเสือตนหนึ่งหิ้วเอาไว้เหมือนหิ้วลูกไก่ เห็นได้ชัดว่าเป็นเชลยของผู้อื่น
เมื่อเด็กคนนั้นเห็นกู้ซีจิ่ว ดวงตาพลันส่องประกายวาบ ปากอ้าเผยอ คล้ายอยากร้องขอให้ช่วย ทว่าอดทนเอาไว้อีกครั้ง
ศึกหลายระลอกที่กู้ซีจิ่วได้ประสบมาอย่างต่อเนื่อง ล้วนเกี่ยวข้องกับเผ่าสัตว์อสูร ดังนั้นพอเห็นพวกมันก็ค่อนข้างปวดหัวแล้ว ไม่มีความรู้สึกดีอันใดต่อพวกมันเลย
เพียงแต่ เรื่องต่อจากนั้นทำให้เธอปวดหัวยิ่งกว่าเดิม มนุษย์ครึ่งสัตว์เหล่านี้นุ่งห่มหนังสัตว์เพียงผืนเดียว ยามที่พวกมันมองเห็นเธอ สิ่งที่อยู่ด้านล่างไม่น่าเชื่อว่าตั้งผงาดขึ้นมา!
คนหน้าเสือผู้นั้นที่เป็นหัวหน้ากลุ่มโยนเด็กน้อยในมือให้คนอื่น จากนั้นก็น้ำลายไหลเยิ้มโผเข้าหาเธอ “ช่างเป็นเซียนน้อยที่งดงามเหลือเกิน มามะ มาบำเพ็ญร่วมคู่กับพวกข้าเถิด!”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
เธอชักกระบี่ออกจากฝัก…
————————————————————————————-
บทที่ 2774 ผู้สร้างโลก 2
ถึงแม้พลังวิญญาณของเธอจะมีไม่เท่าในอดีต แต่เพลงกระบี่กลับเลิศล้ำจนน่าตะลึง ทันทีที่ออกท่ากระบี่ ก็ไร้เทียมทานเสมอ
หลังจากต่อสู้วุ่นวายไปยกหนึ่ง มนุษย์ครึ่งสัตว์ทั้งแปดตนก็ถูกเธอสังหารไปห้าตนแล้ว
เธอมีจิตใจเมตตาปราณี เดิมทีไม่ได้คิดจะเอาชีวิตพวกมัน แต่พวกมันหยาบช้าเกินไปจริงๆ ระหว่างที่ต่อสู้อยู่ก็ใช้คำพูดกักขฬะแทะโลมอยู่เนืองๆ ถึงขั้นที่กระบวนท่าที่สำแดงออกมาก็ค่อนข้างต่ำทราม โจมตีหน้าอก เล็งไปที่หว่างขา…ไม่เลือกวิธีการเลย
ตัวเช่นนี้ปล่อยไว้บนโลกจะเป็นภัยเสียเปล่าๆ!
ดังนั้นช่วงหลังแววตาของกู้ซีจิ่วจึงลุ่มลึกลง ฉายแววสังหาร ลงมืออย่างไร้ปรานี
มนุษย์ครึ่งสัตว์สามตัวที่เหลือเห็นท่าไม่ดี พลันเกิดความคิดบรรเจิด นำชีวิตของเด็กคนนั้นมาเป็นตัวประกัน คิดจะให้กู้ซีจิ่วยอมจำนน
กู้ซีจิ่วมองเด็กคนนั้นแวบหนึ่ง เอ่ยอย่างเรียบเฉย “เขาเป็นผู้ใด? เหตุใดผู้ทรงสิทธิ์อย่างข้าต้องยอมจำนนเพราะเขาด้วย?”
ชายหน้าเสือดาวที่จับเด็กคนนั้นไว้คล้ายจะประหลาดใจอยู่บ้าง “เจ้าไม่รู้จักเขาหรือ? นี่เป็นคนที่ทั้งหกภพภูมิต่างหมายปองอยากช่วงชิง แม้แต่ภพเซียนของพวกเจ้าก็กำลังพยายามตามหาเขาอย่างสุดชีวิตอยู่…หนนี้พวกเราจับเขาได้ ก็คิดจะนำไปส่งให้ภพเซียนของพวกเจ้านั่นแหละ”
“แย่งชิงเขาไปเพื่ออะไร?” สายตาของกู้ซีจิ่วกวาดผ่านดวงหน้าของเด็กคนนั้นแวบหนึ่ง
“เขาเป็นอัจฉริยะผู้กุมชะตาของโลกใบนี้! ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ไหนถ้าได้ตัวเขาไป รับเขาไว้เป็นศิษย์ ล้วนมีโชคอย่างมหาศาล ไม่แน่ว่าวันหน้าอาจจะรวมหกภพภูมิให้เป็นหนึ่งได้…” เล็บแหลมของของชายหน้าเสือดาวผู้นั้นจ่อทาบลำคอของเด็กน้อย “จักรพรรดิเซียนแห่งภพเซียนของพวกเจ้ามีคำสั่งอย่างชัดเจนว่าต้องการตัวเด็กคนนี้ ใครกล้าทำร้ายเขาก็เท่ากับเป็นศัตรูกับภพเซียน เซียนน้อยคนหนึ่งอย่างเจ้ากล้าขัดขืนบัญชาของจักรพรรดิเซียนงั้นหรือ?”
กู้ซีจิ่วกอดอก “ในเมื่อทำร้ายเขาก็เท่ากับเป็นศัตรูกับภพเซียน เช่นนั้นที่เจ้าทำอยู่คืออะไร? คิดจะจั๊กจี้เขาหรือไง?”
ชายเสือดาวคนนั้นร้องเฮอะคราหนึ่ง “พวกเราเผ่าสัตว์อสูรย่อมไม่จำเป็นต้องเคารพบัญชาจากจักรพรรดิเซียนของพวกเจ้า ต่อให้พวกเราฆ่าไอ้เด็กนี่ทิ้งซะ จักรพรรดิเซียนก็ไม่สร้างความลำบากให้พวกเรา”
กู้ซีจิ่วก็ดูไม่อนาทรร้อนใจเลย “เช่นนั้นพวกเจ้าต้องการอะไรล่ะ?”
มนุษย์ครึ่งสัตว์สามตนนั้นนึกว่าในที่สุดเธอก็ตอบสนองต่อคำข่มขู่แล้ว ล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอก เดิมทีพวกมันเพียงคิดจะหาทางรอดเท่านั้น แต่ตอนนั้นกลับคิดกำแหงไปอีกขั้น
ให้กู้ซีจิ่วตัดแขนตัวเองข้างหนึ่ง แล้วโขกศีรษะให้พวกมันสามครั้ง เรียกพวกมันว่าท่านปู่สามครั้ง
กู้ซีจิ่วหัวเราะเบาๆ “เดิมทีเห็นแก่ที่เด็กคนนี้ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง คิดจะละเว้นพวกเจ้า ผลคือพวกเจ้าทำให้ตนพลาดโอกาสไปแล้ว น่าเสียดาย”
เรือนกายเธอวูบไหว
สามคนนั้นยังทันเห็นท่าร่างของเธอชัดๆ เบื้องหน้าพลันเกิดแสงเยียบเย็นขึ้นปานดอกหลี่ผลิบาน…
มนุษย์ครึ่งสัตว์ทั้งสามล้มลงไป
ชายหน้าเสือดาวตนนั้นยังมีความสามารถอยู่บ้าง ก่อนจะตายก็ไม่ยอมถอดใจ เล็บที่แหลมคมกรีดเด็กคนนั้นจนเป็นแผล
เห็นได้ชัดว่าเล็บนี้มีพิษ ดวงหน้าเล็กๆ ของเด็กคนนั้นขึ้นสีเขียวทันที
หลังจากกู้ซีจิ่วจัดการมนุษย์ครึ่งสัตว์เหล่านั้นเสร็จ ก็ดึงเด็กคนนั้นขึ้นมา จัดการบาดแผลให้เขา
เธอสลายพิษได้ตั้งแต่กำเนิด นิ้วมือลูบไล้ลงบนบาดแผลของเด็กคนนั้น พิษนั้นก็สลายไปเองทันที
เด็กคนนั้นคล้ายจะโกรธเคืองที่เธอเห็นคนจะตายอยู่ทนโท่แต่ไม่รีบช่วยเหลือ เม้มปากนิดๆ เอ่ยอย่างผยอง “ตอนนี้เจ้าคงรู้แล้วสินะว่าข้าเป็นใคร เฮอะ ต่อให้เจ้ารักษาให้ข้า ข้าก็ไม่กราบเจ้าเป็นอาจารย์หรอกนะ เว้นแต่…”
กู้ซีจิ่วไม่เก็บมาใส่ใจ และไม่ได้ถามเขาว่าเว้นแต่อะไร ตอบกลับไปอย่างผ่าเผยมีหลักการ “ผู้ทรงสิทธิ์เช่นข้าก็ไม่คิดจะรับเจ้าเป็นศิษย์เหมือนกัน”
เด็กคนนั้นถูกตอกกลับจนหน้าหงาย เผยอปากนิดๆ เอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ “โกหก! เฮอะ นี่เจ้าคิดจะถอยเผื่อรุกกระมัง? อย่าฝันเลยว่าข้าจะติดกับ!”
เด็กคนนี้เป็นโรคหลงผิดว่าจะถูกนับเป็นศิษย์อยู่ตลอดหรือไง?
อย่างไรก็ตาม คนของหกภพภูมิล้วนแย่งชิงเขา มิน่าเล่าเขาถึงได้หยิ่งผยองขนาดนี้…