ตอนที่ 904 ตะลึง

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 904 ตะลึง

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้สักการะพระพุทธรูปแต่อย่างใด เขาเพียงจ้องมองด้วยสีหน้าเรียบเฉยเท่านั้น

“พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า วางดาบฆ่าฟันสำเร็จเป็นพระอรหันต์… เหตุใดคนร้ายที่วางดาบจึงสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้เล่า ? ช่างมิมีเหตุผลเอาเสียเลย คนดีมักถูกคนชั่วรุมรังแก พวกเขามักจะอ้อนวอนขอความช่วยเหลือต่อพระพุทธเจ้า แต่พวกเขากลับไม่ได้รับความช่วยเหลือแต่อย่างใด กลับกลายเป็นว่าพวกคนชั่วที่ชั่วเข้ากระดูกดำเหล่านั้น เมื่อตัดสินใจวางดาบลงก็สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้แล้ว พระอาจารย์ฮุ่ยเจิน ท่านคิดว่าสิ่งนี้ควรค่าแก่การที่ชาวบ้านจะสักการะบูชาหรือไม่ ? ”

พระอาจารย์ฮุ่ยเจินเหลือบตามองฟู่เสี่ยวกวน เขามิรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้มาจากที่ใด เขารู้เพียงแค่ว่าอีกฝ่ายมิธรรมดา เนื่องจากตนเป็นผู้มีความสามารถระดับสูงขั้นหนึ่ง แต่กลับขยับร่างมิได้เลยสักนิด

ร่างของพระอาจารย์ฮุ่ยเจินถูกอำนาจของปรมาจารย์สองคนข่มเอาไว้ พลังนี้กดทับให้เขาต้องย่อตัวลงและมิอาจยืดตัวตรงได้

ฟู่เสี่ยวกวนค่อย ๆ หันหลังกลับมา สายตาดุจดั่งเหยี่ยว “แท้ที่จริงแล้วประโยคนี้หมายถึงผู้ที่กระทำผิดคิดร้ายด้วยกายวาจาและใจ หลอกล่อฉ้อโกงต่าง ๆ นานา ดังนั้นข้าจึงคิดว่าควรสังหารคนชั่วเหล่านั้นทิ้งเสีย เพื่อเป็นการโปรดสรรพสัตว์ เพราะหากให้พวกเขาเหล่านั้นอยู่ในใต้หล้าต่อไป จะเป็นการทำให้พระพุทธองค์เสื่อมเสียชื่อเสียงอันน่าเคารพนับถือไปเสียเปล่า ๆ ”

“ในฐานะวัดโบราณที่มีประวัติยาวนานมานับพันปี ควรสืบทอดความคิดอันดีงามภายใต้แสงสว่างชี้ทางของพระพุทธเจ้า ผู้ที่เชื่อถือในพระองค์ทั้งหลายต่างก็เป็นเพียงคนที่มีความสงสัย ความเคียดแค้น และอารมณ์มิปล่อยวาง พวกเขาเพียงต้องการร้องหาความสบายใจจากพระพุทธเจ้าให้แก่ตนเองก็เท่านั้น”

“คุณชายพานที่นอนไร้วิญญาณอยู่ด้านนอก ในจิตใจของเขามีพระพุทธเจ้าอยู่จริงหรือ ? ข้าคิดว่าในใจของเขาเต็มไปด้วยปิศาจ ! คนเยี่ยงนี้ข้ามิคิดว่าจะสามารถบรรลุธรรมได้ ! ในฐานะผู้สืบทอดคำสั่งสอนและรับใช้พระพุทธศาสนาเยี่ยงพวกท่านควรทำบางสิ่งให้แก่นิกายมิดีกว่าหรือ ? ”

“พวกท่านมิสังหารเขาก็ได้ แต่พวกท่านสามารถส่งเสียงเรียกร้องความยุติธรรมออกมาได้มิใช่หรือ ? ”

“นิกายฝูเป็นของทุกคนในใต้หล้า พวกท่านทนมองคนชั่วเหล่านี้ทำลายล้างผู้ที่มีความเลื่อมใสได้หรือ ? พวกท่านคิดว่าพระพุทธเจ้าจะคิดเยี่ยงไร ? ”

พระอาจารย์ฮุ่ยเจินเหงื่อไหลเป็นสาย นี่เป็นการทรมานจากส่วนลึกของจิตวิญญาณทำให้เขามิสามารถตอบออกมาได้

“พระองค์จะทรงถามว่า…แล้วจะมีพวกท่านไว้ทำไม ! ”

น้ำเสียงของฟู่เสี่ยวกวนเย็นยะเยือกทำให้พระอาจารย์ฮุ่ยเจินรู้สึกราวกับนั่งอยู่ในน้ำแข็ง

“ข้าไปล่ะ น่าเบื่อ ! ”

ฟู่เสี่ยวกวนและคณะเดินทางออกจากวัดหนานผิง กระทั่งพวกเขาเดินออกไปจากประตูวัดแล้ว พระอาจารย์ฮุ่ยเจินถึงได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขายืนอยู่หน้าพระอุโบสถ จ้องมองไปยังผู้คนที่ร้องเจ็บปวดโอดครวญเหล่านั้น ทั้งยังมีผู้เสียชีวิตอีก 2 คน !

เขารู้จักผู้ที่เสียชีวิตในลานนี้ดี หนึ่งในนั้นเป็นบุตรชายคนเดียวของนายอำเภอ จะทำเยี่ยงไรต่อไปดี ?

……

……

“เจ้าว่าเยี่ยงไรนะ ? ”

ณ สำนักงานเขตหนานผิง ท่านนายอำเภอพานกระโดดขึ้นจากเก้าอี้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ

ขุนนางชั้นผู้น้อยคนหนึ่งกำมือขึ้นคารวะ จากนั้นก็รายงานอย่างตื่นตระหนกว่า “เรียนใต้เท้า คุณชายน้อย เขา… เขาถูกสังหาร ณ วัดหนานผิง และเอ่อ…ยังมีคุณชายเฉิน บุตรชายของท่านเฉินจือโจวก็ถูกสังหารด้วยเช่นกันขอรับ ! มีเพียงคุณหนูที่รอดชีวิตทว่าก็ตกใจกลัวจนสลบอยู่ในวัดหนานผิง จนถึงบัดนี้ก็ยังมิได้สติขอรับ”

สีหน้าของนายอำเภอพานซีดเผือด บุตรชายคนเดียวของตนโดนสังหารในถิ่นของตน !

อีกทั้งยังคร่าชีวิตบุตรชายของท่านเฉินจือโจวอีกด้วย !

บัดซบ ! แล้วข้าจะอธิบายต่อท่านเฉินจือโจวว่าเยี่ยงไร ? !

“เจ้าพวกสวะ” นายอำเภอพานตะคอกออกมาเสียงดัง เขาพลิกโต๊ะทำงานจนล้ม จากนั้นก็ตะโกนเสียงดังว่า “จงปิดประตูเมือง ! จากนั้นให้รวบรวมเจ้าหน้าที่ทุกคนและตามจับตัวคนร้ายมาให้ได้ ! ”

ชั่วพริบตาเดียวเขตหนานผิงก็เกิดความชุลมุลวุ่นวายขึ้นมา ในมิช้าข่าวที่คุณชายพานจอมโหดเหี้ยมและบุตรชายของท่านเฉินจือโจวถูกสังหารก็แพร่ไปทั่วทั้งเขตหนานผิง

ชาวบ้านพากันหวาดผวา คนร้ายช่างกล้าดีเสียจริงที่เข้าไปกระตุกหนวดเสือ !

แต่จะว่าไป… คนร้ายก็ทำได้ดียิ่ง !

หากคนร้ายสังหารนายอำเภอชาติสุนัขผู้นี้ทิ้งด้วยก็คงจะดี

ด้านของนายอำเภอพานที่นั่งอยู่ในสำนักงานเริ่มนั่งมิติด เขารออยู่เนิ่นนานก็ยังมิได้รับข่าวคราวจากเจ้าหน้าที่ พบเพียงนักบวชจากวัดหนานผิงนำตัวบุตรสาวพานเชี่ยนเอ๋อร์มาส่งเท่านั้น

นักบวชเหล่านี้ก็สมควรตาย !

นายอำเภอพานจ้องเหล่านักบวชตาเขม็ง เขานึกในใจว่ารอให้ข้าจัดการเรื่องนี้เสร็จสิ้นเมื่อใด ข้าจะไปตามคิดบัญชีกับพวกเจ้าอย่างแน่นอน

“เชี่ยนเอ๋อร์ เจ้าจำท่าทางของคนร้ายได้หรือไม่ ? ”

พานเชี่ยนเอ๋อร์กัดริมฝีปากแล้วพยักหน้า ดวงตาของนางยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

น่าสงสารแม่นางผู้บอบบางเสียเหลือเกิน นางมิเคยพบเห็นภาพน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน พี่ชายของนาง พี่ชายแท้ ๆ ถูกคนร้ายบั่นคอต่อหน้าต่อตา ส่วนคู่หมั้นของนางก็โดนตัดศีรษะ

ช่างน่ากลัวมากยิ่งนัก !

“ท่านพ่อ ลูกกลัวยิ่งนักเจ้าค่ะ ! ”

“อย่าได้กังวลไปเลย พ่ออยู่นี่แล้ว เจ้าลองเล่าให้พ่อฟังหน่อยสิว่าเรื่องราวเป็นมาเยี่ยงไร”

“…ท่านพี่ส่งองครักษ์จำนวน 40 คนไปเตรียมสถานที่วัดหนานผิง ทว่าเมื่อพวกเราเข้าไปด้านในลานวัดก็พบว่าคนที่ท่านพี่ส่งไปนอนทรมานอยู่บนลานทั้งหมดแล้ว ต่อมาก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏกายขึ้น…”

นายอำเภอพานขมวดคิ้วมุ่น ชายหนุ่มผู้นั้นปลิดชีพทั้งสองทิ้งแต่มิได้จากไปในทันที ทว่ายังเดินเข้าไปในพระอุโบสถอีกครา แล้วพวกเขาทั้งสองคนไปขัดคอผู้ใดเข้าเล่า ?

“ผู้ใดที่อยู่ข้างรีบเข้ามาประเดี๋ยวนี้ ! ไปเชิญพระอาจารย์ฮุ่ยเจินเจ้าอาวาสวัดหนานผิงมาพบข้า ! ”

ทหารผู้น้อยนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา สีหน้าของเขาเป็นกังวลยิ่ง ลืมแม้กระทั่งคาราวะนายอำเภอพาน “ใต้เท้าขอรับ…เจ้าหน้าที่จากกรมขุนนางเดินทางมาขอรับ”

“…” นายอำเภอพานขมวดคิ้วเป็นปมแน่น เวลานี้มิใช่ช่วงการประเมินของกรมขุนนางสักหน่อย แล้วคนจากกรมขุนนางเดินทางมาเพื่ออันใดกัน ?

“เป็นผู้ใดที่เดินทางมา ? ”

“เรียนใต้เท้า เห็นว่าเป็น…จั่วจงถาน ชื่อหลางของกรมขุนนางขอรับ”

นายอำเภอพานชะงักงันไปชั่วครู่ จากนั้นก็กำชับว่า “เรื่องตามตัวฆาตกรอย่าได้วางเฉย ! ”

“ขอรับใต้เท้า ! ”

“เชี่ยนเอ๋อร์ ลูกกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด อย่าคิดมากเพราะยังมีพ่ออยู่ที่นี่ทั้งคน ท้องนภามิอาจถล่มทลายลงมาได้อย่างแน่นอน ! ”

พานเชี่ยนเอ๋อร์มิรู้หรอกว่าท้องนภาจะถล่มลงมาหรือไม่ แต่เมื่อเฉินจือโจวทราบเรื่องนี้เข้าก็เกรงว่าจะน่ากลัวกว่าการที่ท้องนภาถล่มลงมาเสียอีก

นายอำเภอพานจัดแจงอาภรณ์ให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินออกไปต้อนรับ

“ข้าน้อยพานเยว่ คารวะใต้เท้าจั่วขอรับ”

จั่วจงถานเดินทางมาพร้อมกับเสนาบดีอีก 2 คน และทหารองครักษ์อีก 20 นายที่ติดอาวุธดาบเดินเข้ามา เขาส่งยิ้มให้นายอำเภอพาน และยกมือขึ้นคารวะเช่นกัน “ที่เขตหนานผิงนี้…เกิดเรื่องอันใดขึ้นเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“เรียนใต้เท้า วันนี้บุตรชายของข้าเดินทางไปวัดหนานผิงเพื่อสักการะบูชาแทนมารดาของเขา ทว่ากลับโดนคนร้ายสังหาร ข้าน้อยกำลังเร่งค้นหาตัวคนร้ายอยู่จึงดูวุ่นวายไปสักหน่อยขอรับ”

“อ่า…” จั่วจงถานยกมือขึ้นลูบเคราของตนเบา ๆ “เช่นนั้นข้าคงเดินทางมามิถูกจังหวะสักเท่าใดนัก”

“ใต้เท้าจั่วเดินทางมาเช่นนี้คาดว่าคงจะเป็นเรื่องงาน เชิญด้านในก่อนเถิดขอรับ”

“เรื่องจับตัวคนร้ายมีความคืบหน้าบ้างหรือไม่ ? ” จั่วจงถานเดินเข้าไปด้านใน เมื่อนายอำเภอพานได้ยินดังนั้นก็กัดฟันกรอด “จากเวลาที่คาดการณ์แล้ว คนร้ายยังอยู่ในเมือง มันช่างโหดเหี้ยมเสียจริง ถึงกับกล้าลงมือสังหารแม้เป็นยามกลางวัน…”

จั่วจงถานยกมือขึ้นขัดจังหวะนายอำเภอพาน จากนั้นก็ขึ้นไปนั่งในตำแหน่งสูงสุดแล้วเอ่ยออกมาว่า “เรื่องที่บุตรชายของท่านถูกสังหาร ข้ารู้สึกเสียใจมากยิ่งนัก ทว่า…”

คำ ‘ทว่า’ นั้น ทำให้นายอำเภอพานรู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่าง จั่วจงถานหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นก็เอ่ยต่อว่า “ทว่าการที่ข้าเดินทางมาก็เพราะเรื่องงานเช่นกัน…ใต้เท้าพาน” จั่วจงถานเอี้ยวตัวเข้าไปใกล้ ดวงตาทั้งสองข้างหรี่ลงจ้องมองพานเยว่ราวกับหมาป่ากำลังล่าสัตว์จนนายอำเภอพานสะดุ้งโหยงขึ้นมาทันใด

จั่วจงถานถือค้อนไม้ที่อยู่บนโต๊ะ จากนั้นก็ทุบลงกับโต๊ะเสียงดัง ‘ปึง ! ’ เสียงดังจนนายอำเภอพานต้องคุกเข่าลงกับพื้น “ใต้เท้าพาน ท่านรู้หรือไม่ว่าตนมีความผิดอันใด ? ”

“ข้าน้อย… ข้าน้อยมีความผิดอันใดเยี่ยงนั้นหรือขอรับ ? ”

“อ่า…มิยอมรับผิดสินะ” จั่วจงถานยกยิ้มขึ้น ใบหน้าพลันเยือกเย็นขึ้นมา “ทหาร ! จงกุมตัวเอาไว้ จากนั้นให้สืบสวนคดีของพานเยว่เรื่องการกดขี่ราษฎรอย่างละเอียดถี่ถ้วน ! “