ตอนที่ 1849 ความผิดพลาดแสนโง่งม

Unrivaled Medicine God – จอมเทพโอสถ

การเปลี่ยนแปลงอันกะทันหันทำให้จิตใจของเล้งห่าวสั่นสะท้าน

ในวินาทีนี้เขากลับถูกเล้งซู่กดดันเข้าจริงๆ

“ไม่มีทางน่า ข้าไม่มีทางแพ้!”

เสียงนั้นดังก้องอยู่ในใจของเล้งห่าว

เขาเตรียมการมาตั้งนานหลายต่อหลายปี ใช้ชีวิตราวสุนัขเลียแข้งขาผู้คน

เมื่อเรื่องราวมันดำเนินมาจนถึงจุดนี้แล้ว เขาจะแพ้ได้อย่างไร?

“ดาบแสงจ้าฝนทะยาน!”

เล้งห่าวตะโกนร้องพร้อมคลื่นดาบที่รุนแรงจากสี่ทิศ ทำให้พื้นที่บนสังเวียนนั้นสั่นสะเทือนขึ้น

“แข็งแกร่ง! สมชื่อเล้งห่าวจริงๆ ถึงขั้นสามารถฝึกฝนเพลงดาบสุดยอดของตระกูลเล้งและดาบแสงจ้าฝนทะยานได้จนถึงระดับนี้!”

“เล้งห่าวใช้ไม้ตายของตนออกมาแล้ว เท่านี้ผลลัพธ์ก็คงเป็นอันตัดสินกันเสียที!”

เสียงคนร้องบอกกันดังขึ้นที่ด้านนอกสังเวียน

เล้งห่าวใช้เพลงดาบออกมาอย่างดุดันจนครอบงำร่างของเล้งซู่ไว้จนสิ้น

แต่ทว่าภายใต้ฝนเงาดาบนั้นเล้งซู่กลับพูดขึ้น “ดาบแสงจ้าฝนทะยาน? พี่เล้งห่าว ด้วยสิบวันที่ข้าฝึกฝนดาบนี้มา ข้าย่อมพอเข้าใจมันได้บ้าง เช่นนั้นมาตัดสินกันว่าใครจะชนะด้วยดาบแสงจ้าฝนทะยาน!”

พูดจบเล้งซู่ก็สะบัดดาบออกพร้อมเงาดาบนับหมื่นที่พุ่งลงมาอย่างบ้าคลั่งทำลายดาบแสงจ้าฝนทะยานของเล้งห่าวไปจนสิ้น

นั่นทำให้เล้งห่าวหน้าถอดสีซีดเผือด “บ้าน่า! แนวคิดแห่งดาบระดับห้าขั้นกลาง! เจ้าฝึกฝนมันมาตั้งนานแต่ไม่เคยที่จะเข้าใจมันได้ ทำไมจู่ๆ เจ้าถึงสามารถใช้มันได้กัน?!”

ตอนนี้เขาได้พบว่าสิบวันนี้เล้งซู่สร้างความเปลี่ยนแปลงมากจนเกินที่จะทนรับไหว

มิใช่เพียงแค่บรรลุอาณาจักรบ่มเพาะ แต่เขายังบรรลุแนวคิดแห่งดาบด้วย

นี่มันเรื่องบังเอิญหรือ?

เรื่องบังเอิญขนาดนี้มันจะเกินไปไหม?

แต่ว่าตอนนี้มันไม่มีเวลาให้เล้งห่าวคิดมากมายแล้ว

ตอนนี้สิ่งเดียวที่จะเกิดขึ้นได้คือการปะทะแนวคิดแห่งดาบที่แสนรุนแรง

เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!

บนสังเวียนเกิดแสงสว่างไปทั่วพร้อมเงาดาบนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้าปะทะกัน

“อ่อก!”

จนในที่สุดร่างของเล้งห่าวก็ลอยปลิวออกไปพร้อมกระอักเลือดคำโต ร่วงลงยังพื้นสังเวียนอย่างแรง

เขาคิดอยากที่จะลุกกลับขึ้นมาแต่ดาบนั้นกลับมาจ่ออยู่ที่คอของเขาเสียแล้ว อีกแค่ก้าวเดียวเขาก็คงต้องตายลงแน่

“พี่เล้งห่าว ท่านแพ้แล้ว!”

เสียงประกาศของเล้งซู่ทำให้เล้งห่าวต้องสั่นสะท้าน

ความเงียบงัน!

การต่อสู้ที่เดิมทีมีผลอันแน่นอนกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝันขึ้น

เล้งซู่ที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะชนะกลับพลิกกลับมาชนะได้!

หมายความว่าเล้งซู่นั้นยังเป็นนายน้อยต่อไป?

ตอนนี้หัวใจของหลายต่อหลายคนเริ่มสั่นเต้นรัวขึ้น

เวลาที่ผ่านๆ มานี้มีหลายต่อหลายคนที่ไปรุมว่ากล่าวระหว่างที่เขากำลังโศกเศร้า พวกเขานั้นไม่ได้แสดงท่าทางดีๆ แก่เล้งซู่แม้สักนิด

หากเล้งซู่ยังได้เป็นนายน้อยต่อไป พวกเขาทั้งหลายนั้นจะไม่โดนเล่นงานเอาทีหลังหรือ?

คนเหล่านี้เป็นเพียงตัวประกอบฉาก แท้จริงแล้วมันไม่มีใครคิดสนใจพวกเขาทั้งหลายเลย

ตอนนี้คนที่รู้สึกอึดอัดที่สุดย่อมเป็นเล้งหงซิ่วและเหล่าผู้อาวุโส

พวกเขานั้นจัดการประลองนี้ขึ้นเพื่อให้เล้งห่าวได้ตำแหน่งนายน้อยอย่างชอบธรรม ใครจะไปคิดว่าเล้งห่าวจะแพ้ลงเช่นนี้

แน่นอนว่าเรื่องนี้จะไปโทษเล้งห่าวก็คงไม่ได้

เพราะการพัฒนาของเล้งซู่นี้ ทุกคนต่างเห็นมันอย่างชัดเจน

เวลาแค่สิบวันเล้งซู่ราวกับได้เกิดใหม่!

แต่ผลลัพธ์เช่นนี้พวกเขาจะจบเรื่องราวอย่างไรดี?

ไม่มีใครพูด ตอนนี้ความเงียบและความอึดอัดเข้าปกคลุมในทุกหย่อมหญ้า

เล้งห่าวนั้นหน้าซีดเผือดด้วยดวงใจที่แตกสลาย

เวลาหลายปีที่เขาทนลำบากมา ความอัดอั้นนั้นมันย่อมพุ่งสูงเหนือฟ้า

“ฮ่าๆ น่าขันจริงๆ! ตระกูลเล้งมันช่างสร้างความผิดพลาดได้แสนโง่งมจริงๆ! ฮ่าๆ…”

เวลานี้เองที่มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา

ตอนนี้มีเหล่ายอดฝีมือกำลังมุ่งหน้าตรงมายังบ้านตระกูลเล้ง

นั่นทำให้เล้งหงซิ่วแสดงสีหน้าดำคร่ำเครียดออกมาทันที “หานดงจุน เจ้ากล้าที่จะบุกเข้ามาในตระกูลเล้งข้า เจ้าเบื่อชีวิตแล้วหรือ?”

แต่หานดงจุนกลับตอบมาด้วยสีหน้าดุดัน “เล้งหงซิ่ว ลูกชายข้าถูกสังหาร แต่ตระกูลเล้งกลับคิดปกปิดตัวคนร้าย มีหรือที่ข้าจะยังไม่บุกเข้ามาได้?”

เล้งหงซิ่วกล่าวขึ้น “ไร้สาระ ทำไมตระกูลเล้งข้าต้องไปซ่อนตัวคนร้ายฆ่าสังหารลูกชายเจ้าด้วย?”

หานดงจุนหัวเราะบอก “เรื่องนี้เจ้าคงต้องถามนายน้อยคนใหม่ ไม่สิ นายน้อยคนเก่าของเจ้าแล้ว!”

เล้งหงซิ่วขมวดคิ้วแน่นก่อนจะหันหน้าไปหาเล้งซู่

เล้งห่าวที่เดิมทีหมดสิ้นความหวังใดๆ แล้วเมื่อได้เห็นการมาถึงของหานดงจุนเขาก็รู้สึกได้ถึงความหวังเส้นสุดท้าย!

“เล้งซู่ เจ้าคิดร้ายกับคนนอกจนทำให้ตระกูลเล้งเราต้องเสียหน้า! น้องซู่ของข้า ข้ารู้ดีว่าเจ้าไม่ชอบพี่ชายคนนี้ แต่นี่คือเรื่องในตระกูลเล้ง เจ้าทำเช่นนี้มันไม่ให้เกียรติผู้คนเกินไปแล้ว!” เล้งห่าวลุกขึ้นกล่าวว่า

เล้งซู่เองก็ไม่คิดไม่ฝันว่าหานดงจุนจะถึงขั้นบุกเข้ามาในบ้านตระกูลเล้งตรงๆ เช่นนี้

“ซู่เอ๋อ เจ้าไม่คิดจะอธิบายหน่อยหรือ?” เล้งหงซิ่วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก

อย่าเอาชั้นในไปล้างในที่สาธารณะ

ไม่ว่าครอบครัวหนึ่งจะมีปัญหามากแค่ไหน คนภายในก็ไม่ควรเอาเรื่องไปเปิดเผยต่อภายนอก

แม้ว่าความขัดแย้งในตระกูลเล้งจะไม่ได้เป็นเรื่องที่ถูกปิดลับสักเท่าไหร่ก็ตาม

แต่หานดงจุนนั้นก็มาได้อย่างเหมาะเจาะ เป็นช่วงงานเลือกนายน้อยกันเสียพอดี เรื่องนี้มันย่อมทำให้ผู้คนเกิดความสับสนไม่น้อย

เล้งซู่นั้นเงียบไปพักใหญ่ก่อนจะบอกขึ้น “หานเซี่ยวถูกข้าสังหารเอง หากเจ้าอยากได้คนร้ายก็มาเอาตัวข้าไปสิ”

แต่เมื่อหานดงจุนได้ยินเช่นนั้นเขาก็หัวเราะลั่น ไม่นานนักสีหน้าของเขาก็ดำมืดลงพร้อมกล่าว “เด็กน้อย เจ้าเองก็หนีความผิดไม่ได้แน่! แต่คนที่สังหารลูกชายข้านั้นข้าได้สืบสวนมาอย่างดีแล้วว่ามันคือเด็กน้อยนามเย่หยวน!”

เมื่อได้ยินชื่อนั้นนางราชินีน้ำแข็งผู้งดงามก็สั่นสะท้านขึ้น เป็นครั้งแรกของวันที่เล้งชิวหลิงเปลี่ยนสีหน้าไป

เล้งหงซิ่วนั้นจึงรู้สึกตกใจไม่น้อยก่อนจะหันมาถาม “เจ้ารู้จักคนผู้นี้?”

เล้งชิวหลิงกลับมาตั้งสติได้อย่างรวดเร็วก่อนจะส่ายหัวออกมา “ไม่น่าจะใช่คนเดียวกัน”

บนยอดเขาแห่งถงเทียนนั้นชายผู้นี้ได้สร้างความแตกตื่นให้แก่จิตใจของนางอย่างมาก เรื่องนั้นจนวันนี้มันก็ยังฝังอยู่ในความทรงจำอย่างชัดเจนไม่อาจที่จะลืมเลือนมันไปได้

เว้นเสียแต่ว่าเย่หยวนที่หานดงจุนว่ามานี้มันคงไม่ใช่เย่หยวนคนเดียวกันกับที่นางรู้จักแน่

ด้วยความเร็วการบ่มเพาะของเย่หยวน มันย่อมไม่มีทางที่จะขึ้นมาถึงอาณาจักรนภาสวรรค์ได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ไม่ว่าเขาจะสร้างเรื่องราวสุดน่าประหลาดไว้ที่ยอดเขาแห่งถงเทียนแค่ไหน

เพราะนักยุทธที่ใช้เวลากว่าห้าร้อยปีกลับยังไม่อาจขึ้นอาณาจักรราชันพระเจ้าได้ มีหรือที่จะใช้เวลาแค่สี่ห้าร้อยปีในการขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์ได้?

เพราะอย่างไรเสียการจะขึ้นอาณาจักรนภาสวรรค์นั้นมันก็ยากเย็นกว่าการขึ้นอาณาจักรราชันพระเจ้านับร้อยๆ เท่า

เล้งซู่ได้แต่ทำหน้าเหยเก เขารู้ดีว่าตอนนี้เย่หยวนเองก็คงอยู่ในฝูงชนที่มองดู ตอนนี้เขาจึงคิดอยากจะให้เย่หยวนรีบแฝงตัวหนีหายไปกับฝูงชน

แต่แน่นอนว่าเย่หยวนย่อมไม่คิดจะหนี

ฟุบ!

ระหว่างที่เล้งซู่กำลังมึนงงไม่รู้ต้องทำอย่างไรต่อนั้นเล้งห่าวก็ลอบโจมตีเขาออกมาด้วยฝ่ามือที่แสนรุนแรงซัดเข้าใส่ร่างเล้งซู่

“เจ้าคนทรยศตระกูลเล้ง! ทำไมเจ้ายังไม่พอคนผู้นั้นออกมาอีก? คุกเข่าลงเดี๋ยวนี้!”

ฝ่ามือนี้มันกะทันหันจนเล้งซู่ไม่อาจตั้งรับได้เลย ตอนที่เขาคิดยกมือขึ้นมากันมันก็สายเกินไปแล้ว

แต่เวลานั้นเองที่มีเงาร่างหนึ่งปรากฏออกมาจากความว่างเปล่าพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

ปัง!

ฝ่ามือหนักๆ นี้ส่งร่างของเล้งห่าวไปไกลลิบ

“เพราะความเห็นแก่ตัวของตนเจ้ากลับคิดถึงขั้นจะฆ่าสังหารน้องชาย คนนอกคิดเข้ามาบุกรุกบ้านเจ้าแต่เจ้ากลับไม่ลังเลที่จะขายน้องเจ้าทิ้ง ให้คนนอกได้เห็นเรื่องราวสุดน่าขัน คนเช่นเจ้าน่ะหรือเหมาะที่จะสืบทอดตระกูล? เช่นนั้นตระกูลเล้งคงเป็นได้แค่ตัวตลกแล้ว!”

คำพูดของเย่หยวนมันเปี่ยมไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม

เมื่อเห็นเงาร่างนั้นยืนบนสังเวียน เล้งชิวหลิงก็ถึงกับต้องเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึง

…………………………