GGS:บทที่ 1021 ความเสี่ยงของการสะกดจิต

“เกาะของฉันมีอะไรที่ทำให้เธอสนใจงั้นเหรอ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ปล่อยพลังจิตออกมาและส่งเข้าไปยังสมองของเชิงชิเหยาด้วยเช่นเดียวกัน
“ฉันแค่เหนื่อยจากการทำงานเลยอยากจะหาอะไรทำก็เท่านั้นเอง และสิ่งที่ช่วยฉันได้มากที่สุดก็คือสิ่งแวดล้อมในสภาพที่เป็นธรรมชาติที่สุดเท่านั้น โดยเฉพาะธรรมชาติที่มนุษย์ไม่ได้ข้องเกี่ยวด้วยได้ยิ่งดี

ฉันเองก็เคยได้ยินว่าคุณเคยเช่าเกาะร้างเอาไว้เลยอยากจะไปที่นั่น แต่คุณไม่ต้องยุ่งยากพาฉันไปที่นั่นหรอกนะ เดี๋ยวฉันจะหาทางไปที่นั่นเอง” เชิงชิเหยาพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ได้หรอก ที่นั่นเต็มไปด้วยแมลงป่องและงูพิษ มันอันตรายเกินไปที่จะปล่อยเธอไปคนเดียว” ซูจิ้งพูดออกมา
“เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวฉันชวนคนอื่นไปด้วยได้อยู่แล้ว จำฮวงจิงฮงได้รึเปล่า เขาเองก็เป็นทหารและฝึกการเอาตัวรอดจากป่ามาแล้วนะ ฉันว่าเขาจัดการเรื่องนี้ได้” เชิงชิเหยาพูดออกมาด้วยท่าทีสบายๆ
ซูจิ้งยิ้มออกมา เขานั้นได้จับสัมผัสออร่าของเธอมาตลอดตั้งแต่เธอถามเขาเรื่องที่จะขอขึ้นเกาะแล้ว ตอนนี้เขาพอจะสรุปได้แล้วว่าเธอนั้นน่าจะรู้สึกตะงิดใจอะไรบางอย่างเลยจะพิสูจน์สิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจนั่นเอง เป็นไปได้ว่าเธอเองสมควรจะจำอะไรบางอย่างได้แล้ว

“ถึงจะบอกว่ามันเป็นการสะกดจิตแบบไม่สมูรณ์แต่กับคนธรรมดานี่ก็ควรจะเป็นการสะกดจิตกึ่งสมบูรณ์เลยนี่นา
คำสั่งที่ฉันมอบให้ตอนสะกดจิตว่าอย่าได้คิดย่างกลายเข้าไปที่นั่นอีกนี่ก็สมควรจะหมายถึงไม่คิดถึงเกาะนั่นอีก…
อืมมมม….. ขอดูหน่อยแล้วกันว่าเธอจะฝืนคำสั่งที่ฉันฝังเอาไว้ได้แค่ไหนกัน” ซูจิ้งคิดก่อนที่จะส่งกระแสจิตของเขาเข้าไปในหัวสมองของเชิงชิเหยาอีกครั้ง และนั่นได้ทำให้เขาสะกดจิตเธอได้ในทันที
“เธอจำอะไรได้เกี่ยวกับเกาะร้างของฉันอย่างนั้นเหรอ” ซูจิ้งถามออกมา
“ฉันนึกได้ในตอนที่กำลังนั่งรถกลับ ฉันจำได้ว่าฉันได้พบเจอค้างคาวที่น่าสะพรึงกลัว เถาวัลย์แปลกประหลาดที่เกือบจะลากฉันลงไปใต้ดินเพื่อที่จะกิน และฉันยังได้พบกับเสือแปลกๆตัวหนึ่ง และหลังจากนั้นฉันก็ได้พบนายขี่อินทรีย์ทองลงมาช่วยพวกฉัน” เชิงชิเหยาพูดออกมาด้วยท่าทีเบลอๆ
ซูจิ้งถอนหายใจออกมาในทันที นี่เท่ากับว่าเธอจำมันได้หมดทุกอย่างเลยนี่หว่า เขาเลยถามออกมาต่อว่า “แล้วเธอจำได้ยังไงกัน”
“ฉันมีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งที่เป็นนักจิตวิทยาและนักสะกดจิต ระดับฝีมือด้านนี้ของเขานั้นค่อนข้างสูงตอนนี้เขาเลยมีชื่อเสียงที่ดีทีเดียว

มีอยู่ครั้งหนึ่งเขามาหาฉันที่บ้านเพราะว่าฉันนั้นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จนนอนไม่หลับ ฉันเลยเล่าเรื่องราวที่ติดค้างอยู่ในใจฉันให้ฟัง
เมื่อได้ยินดังนั้นเขาเลยว่าจะช่วยด้วยการสะกดจิตฉันดู ตอนที่เขาได้ฟังเรื่องราวต่างๆที่ฉันจำได้เขาก็บอกว่ามันน่าเหลือเชื่อมากเกินไปจึงน่าจะเป็นเพราะฉันฝันเหมือนจริงมากเลยจดจำไว้ฝังใจ
แต่ฉันจำได้ว่าหลังจากกลับมาถึงบ้านฉันได้พบรอยที่มันเหมือนกับโดนเถาวัลย์ในฝันนั่นรัดไว้ตามร่างกาย แถมฉันเองก็ยังรู้สึกแปลกๆในวันนั้นอีกด้วยราวกับว่ามีความจำบางส่วนของฉันหายไป
ฉันคิดว่ามันแปลกประหลาดและยังคาใจของฉันมาจนถึงตอนนี้จนในที่สุดก็ทนไม่ไหวและต้องการมาที่นี่เพื่อขอให้คุณช่วยยืนยันสิ่งที่ฉันคิด”

“อืมมมม เข้าใจล่ะ” ซูจิ้งเองก็พึ่งจะตระหนักได้ว่าบนโลกนี้เองก็มีการสะกดจิตอยู่เช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าระดับการสะกดจิตนั้นจะห่างไกลจากวิธีการสะกดจิตของห้วงเวลาฯจักรพรรดิ์แห่งดวงดาวมากนัก แต่ก็ยังถือว่าพอใช้การได้อยู่ดี
แน่นอนว่ากับผู้คนที่โดนการสะกดจิตสมบูรณ์ของเขาไปนั้นคนเหล่านี้ย่อมทำอะไรไม่ได้อย่างแน่นอน
แต่กับคนที่ถูกการสะกดจิตแบบธรรมดาไปนั้นแน่นอนว่ายังคงมีเศษเสี้ยวความทรงจำอยู่ และพวกเขาเองก็ยังมีความรู้สึกนึกคิดที่เป็นปกติดี
ต่อให้โดนสะกดจิตด้วยวิธีการธรรมดาก็มีโอกาสที่จะไปกระตุ้นความทรงจำส่วนลึกที่ถูกฝังเอาไว้ในจิตใต้สำนึกได้อยู่ดี

“ฉันล่ะไม่อยากจะทำอะไรแมวน้อยอย่างเธอเลยจริงๆน้า แต่เธอบังคับฉันเอง เฮ้ออออ” ซูจิ้งถอดถอนหายใจออกมาเล็กน้อยในขณะมองไปยังเชิงชิเหยาอย่างช่วยไม่ได้
เขาได้เตรียมส่งคลื่นพลังจิตอย่างหนักหน่วงไปยังสมองของเชิงชิเหยาเพื่อสะกดจิตสมบูรณ์ในทันที และเธอก็จะกลายเป็นบริวารของเขาที่ยอมทำตามที่เขาต้องการทุกอย่างว่าง่าย
แต่ในตอนที่กำลังจะลงมือนั้น เขาเองก็บังเกิดความรู้สึกไม่อยากจะทำการสะกดจิตสมบูรณ์กับเชิงชิเหยาขึ้นมา เขาเลยเลือกที่จะสำกดจิตธรรมดากับเธออีกครั้ง
เขาสร้างความทรงจำขึ้นมาใหม่ว่าเธอนั้นได้ออกไปแล่นเรือแล้วอยากจะผจญภัยเลยเก็บไปฝันเป็นตุเป็นตะว่าได้ผจญภัยยังเกาะของเขาเพราะเคยได้ยินหวังซือหยาเล่าให้ฟังว่าซูจิ้งเคยเช่าเกาะเอาไว้แต่ไม่เคยได้ไปเกาะนั่นจริงๆ

“เห็นแก่เจ๊ซือหยาหรอกนะฉันเลยจะให้โอกาสเธออีกสักครั้ง ฉันได้แต่หวังว่าคราวนี้เธอจะยอมปล่อยมันไปไม่คิดจะรื้อฟื้นมันอีก หากเธอยังจำได้อีกล่ะก็คราวหน้าฉันจะทำให้ตัวตนเธอหายไปจากโลกนี้อย่างสมบูรณ์” ซูจิ้งได้พึมพำออกมาก่อนที่จะดีดนิ้วจนบังเกิดเสียงดังลั่น และนั่นเองทำให้เชิงชิเหยากลับสู่สภาวะปกติ

“เอ๊ะ นี่ฉันเล่าถึงไหนแล้วนะ” เชิงชิเหยาถามออกมาด้วยท่าทีสับสนเล็กน้อย
“ก็ถึงตอนที่ว่าเธอฝันแปลกๆนะ” ซูจิ้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
“โอ้ ใช่ๆ ความฝันของฉันนั้นแปลกประหลาดมากจริงๆ ความฝันนั้นทำให้ฉันสงสัยจริงๆว่าบนโลกนี้จะมีค้างคาวที่น่ากลัวแบบนั้นและเถาวัลย์ที่เลื้อยๆไปไหนมาไหนได้แบบนั้นจริงๆรึเปล่…” ทันทีที่พูดออกมา เชิงชิเหยาได้หยุดคิดจนอายหน้าแดงเลยทีเดียว
เธอพึ่งจะรู้สึกตัวว่าตัวเองนั้นได้เล่าความฝันอันหน้าอายที่ค้างคาในใจจนต้องถ่อมาทีนี่แล้วอีท่าไหนเธอถึงได้เล่าให้ซูจิ้งฟังได้กันล่ะ สาวสวยผู้นี้ไม่มีความรู้สึกตัวเลยว่าเธอถูกซูจิ้งเปลี่ยนแปลงความทรงจำอีกครั้งแล้ว
ตอนนี้เธอลืมแม้กระทั่งความมุ่งมั่นที่จะไปเกาะร้างของซูจิ้งก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง ตอนนี้เธอแค่คิดว่าเธอนั้นมาที่นี่เพียงเพื่อเล่าเรื่องราวความฝันของเธออย่างเป็นตุเป็นตะให้ซูจิ้งเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจเท่านั้น

ด้วยการที่เธอในตอนนี้รู้สึกอับอายในสิ่งที่ตัวเองกระทำเลยไม่คิดจะอยู่คุยกับซูจิ้งนานอีกต่อไป เธอหาจังหวะตีจากซูจิ้งไปแบบดื้อๆราวกับว่าไม่เคยมีเรื่องนี้เกิดขึ้นมาก่อน
ในขณะที่เชิงชิเหยากำลังจะรีบรุดจากไปนั้น ซูจิ้งก็ไม่ได้มีท่าทีรั้งเธอไว้แต่อย่างใด แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกอะไรได้ยางอย่างก่อนที่จะนำขวดเล็กๆออกมาและพูดออกมาว่า “นี่คือน้ำหอมที่ฉันนั้นกำลังทดลองผลิตอยู่ เธอลองเอาไปใช้หน่อยก็แล้วกัน อย่าลืมบอกด้วยล่ะว่าใช้แล้วเป็นยังไงบ้าง”
“ได้ค่า… ขอบคุณนะ” เชิงชิเหยาพูดออกมาด้วยรู้สึกเขินอายไปเล็กน้อย ด้วยการที่ต้องให้ซูจิ้งมานั่งรับฟังเรื่องราวไร้สาระของเธอแล้วยังให้ของติดไม้ติดมือไปอีก
นี่ทำให้เธอรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อยแต่ก็รับมาในที่สุด หลังจากเธอรับขวดน้ำหอมเอาไว้ก็รีบจากไปในทันที
เชิงชิเหยาได้รีบเดินออกจากหมู่บ้านตระกูลซูด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ ระหว่างทางเธอเป็นจุดสังเกตของคนทั้งหมู่บ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชายหนุ่ม
พวกเขานั้นไม่อาจละสายตาไปจากเธอได้โดยเฉพาะเรียวขาอันสวยงามคู่นั้น แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงแค่มองเฉยๆเท่านั้น ไม่ได้คิดจะทำอะไรเกินเลยแม้แต่น้อย

เมื่อเชิงชิเหยาไปถึงรถออดี้ที่จอดอยู่ริมหาด เธอได้รีบขึ้นรถแล้วรีบโทรศัพท์ไปทันที ไม่นานนักก็มีหญิงสาวในชุดสูทกระโปรงสั่งตัดเดินมาที่รถพร้อมกับหิ้วถุงอยู่เต็มสองมือ หลังจากเธอจัดการเก็บพวกมันแล้วก็ได้เข้ามานั่งตรงที่นั่งคนขับในทันที
“ชิเหยา จบแล้วเหรอทำไมเร็วจัง” หญิงสาวในชุดสูทกระโปรงสั่งตัดได้ถามออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“เสร็จแล้วล่ะ” เชิงชิเหยาพยักหน้ารับ
“ตกลงว่าเกาะร้างของซูจิ้งนั่นมีอะไรแปลกๆจริงๆเหรอ” หญิงสาวในชุดสูทถามออกมาอย่างสงสัย
“ไม่หรอก ที่ฉันจำได้ก็เป็นแค่ความฝันเท่านั้นเอง” เชิงชิเหยาส่ายศรีษะออกมา
“ถ้ามันเป็นเพียงความฝันแล้วเธอไปคุยอะไรกับหมอนั่นล่ะนั่น” หญิงสาวในชุดสูทถามออกมาพร้อมทั้งสังเกตท่าทางของเชิงชิเหยาไปด้วย

“ก็แค่ก่อนหน้านี้ฉันไม่แน่ใจเท่านั้นแหล่ะน่า ว่าแต่เธอจะถามฉันทำไมเยอะแยะกันเนี่ย” เชิงชิเหยาในตอนนี้นั้นเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าเธอกำลังโดนหลอกถามความในใจอยยู่ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะโวยวายออกมา
“จ้าๆ ว่าแต่อะไรอยู่ในมืออ่ะ” หญิงสาวในชุดสูทกระโปรงที่ได้กลิ่นบางอย่างจากขวดในมือจึงได้ถามออกมา
“ฉันแค่ซื้อของติดไม้ติดมือมาจากร้านแถวนี้เท่านั้นเองน่า” เชิงชิเหยานั้นทำเป็นไม่ใส่ใจก่อนที่จะหยิบขวดน้ำหอมของซูจิ้งใส่ไว้ในกระเป๋าอย่างบรรจงและหวงแหน
ด้วยการที่เธออายจนรีบหนีออกมาและกลิ่นที่หอมชวนให้เธอสบายใจทำให้เธอนั้นดมน้ำหอมนี้มาตลอดเวลาตั้งแต่ออกจากบ้านของซูจิ้งจนลืมเก็บลงไปในกระเป๋าไปซะอย่างนั้น
“อ่อออออ แค่ของติดไม้ติดมือชิมิ…” หญิงสาวในชุดสูทกระโปรงได้ถามออกมาราวกับจับสังเกตอะไรบางอย่างได้

“ยัง ยัง ยังไม่หยุดอีก ห้ะ รีบๆปักหมุดจีพีเอสแล้วขับรถออกไปได้แล้ว” ด้วยการที่เชิงชิเหยานั้นเป็นคนโกหกแทบจะไม่ได้เลย เธอจึงเลือกตัดบทเปลี่ยนเรื่องคุยไป แค่การที่เธออดลนทนไม่ได้จนต้องมาที่นี่ก็ทำให้เธออายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนีแล้ว

หญิงสาวในชุดสูทที่เห็นท่าทางของเชิงชิเหยาก็ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดอีกต่อไป เธอได้ยิ้มรับและขับรถออกไปอย่างว่าง่ายโดยไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติมอีก
อย่างไรก็ตามเธอเองก็อดที่จะนึกในใจไม่ได้ว่าขวดนั่นเธอหวังว่าจะไม่ใช่เป็นสิ่งที่ซูจิ้งมอบให้ชิเหยาหรอกนะ ตอนแรกเธอเองคิดว่าเชิงชิเหยานั้นไม่ใช่ว่าไม่ชอบซูจิ้งหรอกเหรอ
หากว่าซูจิ้งนั้นโสดอยู่ล่ะก็แน่นอนว่าเธอเองก็จะหนุนหลังสาวน้อยผู้นี้อย่างเต็มที่
นั่นก็เพราะว่าอย่างแรกซูจิ้งนั้นดังมากๆ อย่างที่สองตอนนี้เขารวยแบบสุดๆ อย่างที่สามซูจิ้งนั้นใกล้ชิดกับหวังซือหยา และอย่างที่สี่เขานั้นหล่อลากดินและนิสัยอย่างกับเทพบุตร
หากว่าเชิงชิเหยานั้นได้แต่งงานกับซูจิ้งจริงแน่นอนว่าชิเหยาจะมีอนาคตที่สดใสและไม่สิ้นสุด
แต่ตอนนี้เขาเองก็มีคู่หมั้นอยู่แล้ว การที่สาวน้อยคนนี้ไปชอบคนมีเจ้าของอยู่นี่ไม่ใช่เรื่องดีเลยจริงๆ